Share

บทที่ 7

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เหลยเจิ้นมิตอบทันที แต่ชี้ไปที่หัวของตน

ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงอะไร?”

“ทูลฝ่าบาท ปีนี้ดาวแห่งจักรพรรดิจะเข้าสู่วังชีวิต ทำลายอิทธิพลชั่วร้าย ดาวดวงอื่น ๆ หลับใหล นี่เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวไท่เวยอยู่ข้าง ๆ วังชีวิต เคราะห์ร้ายก็คลายกังวล หลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ครั้นดาวทุกดวงกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไทเว่ยก็จะถูกขับออกจากตำแหน่ง"

“เจ้ากำลังบอกว่า องค์รัชทายาทคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าจากเคราะห์ร้ายรึ?”

เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ดวงดาวจะกลับสู่ตำแหน่ง ต้องมิรบกวนไท่เวย มิเช่นนั้นโชคร้ายร่วงหล่นจากสวรรค์ ทั่วหล้าโกลาหลวุ่นวาย แคว้นจะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”

การแสดงออกของฉินอู๋ต้าวเริ่มจริงจัง

หากมีใครพูดเช่นนี้เขาคงจะสั่งให้ลากคนผู้นั้นออกไปตัดศีรษะแล้ว

ทว่ายามนี้คำพูดที่มาจากปากของหัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง เขาก็มิกล้าที่จะนิ่งนอนใจ

ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเขาในการขึ้นสู่บัลลังก์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการทำนายที่ลึกลับยากจะคาดเดาของเหลยเจิ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำทำนายทั้งหมดของเหลยเจิ้นนั้นเป็นจริง

ดังนั้น เขาจึงให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเหลยเจิ้นมาโดยตลอด

ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “แม้ว่าการกระทำขององค์รัชทายาทในวันนี้จะดูมิคาดคิดเล็กน้อย ทว่าภูมิแคว้นนั้นยังเปลี่ยนแปลงได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์นั้นยากแท้ที่จะเปลี่ยน หากเขาทำอะไรมากเกินไป เกรงว่าเขาจะอยู่มิถึงวันชุนเฟินปีหน้า"

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าน้อยมีความคิดพ่ะย่ะค่ะ”

“หืม? บอกข้ามาสิ!”

“องค์รัชทายาททรงเสน่ห์และเจ้าเล่ห์ มิยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ทั้งในและนอกพระราชวังนอกจากฝ่าบาทแล้วหาได้มีผู้ใดควบคุมองค์รัชทายาทได้ไม่ โชคดีที่ชายแดนทางใต้สงบมาหลายวันแล้ว เหตุใดมิเรียกแม่ทัพฉงให้กลับมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็สว่างขึ้นเล็กน้อย!

“ให้นางอยู่ตำหนักบูรพาดีหรือไม่? ดีเหมือนกัน อารมณ์รุนแรงของนางอาจช่วยให้องค์รัชทายาทควบคุมตัวเองได้”

“ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงต้องการให้แม่ทัพฉงควบคุมองค์รัชทายาทได้ เกรงว่าจะต้องให้สิทธิพิเศษบางอย่างแก่นางพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่ามิใช่ปัญหา เช่นนั้น เจ้าไปทำเรื่องของเจ้าเถอะ”

เหลยเจิ้นโค้งคำนับและถอยกลับ

ฉินอู๋ต้าวหันไปสั่งขันทีอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เฉาฉุน รีบร่างคำสั่งแล้วส่งไปยังชายแดนใต้แปดร้อยลี้โดยด่วน!”

……

ในเวลาเดียวกัน

รถม้าหรูหราคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าตำหนักอ๋องฉี

นี่ต้องเป็นรถม้าของอ๋องฉี ฉินหง มิผิดแน่

ผู้ที่มากับเขาคือหลินซีเสนาบดีกรมพระคลัง

ทันทีที่ฉินหงลงจากรถม้า เขาก็รีบถามคนรับใช้ “ชิงเหยาเล่า?”

“ทูลท่านอ๋อง วันนี้คุณหนูหลินมิได้มาเพคะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฉินหงก็จมลง สีหน้าเคร่งขรึมในทันใด และหมัดของเขาก็กำแน่นโดยมิรู้ตัว

หลินซีรีบปลอบ “ท่านอ๋องฉี ชิงเหยาคงมิคิดว่าเราจะกลับจากพระราชวังเร็วเพียงนี้ นางจึงมิได้มา กระหม่อมจะส่งคนไปเรียกนางพ่ะย่ะค่ะ. ”

“มิจำเป็น ตัวข้าจะไปจวนเจ้าเอง”

หลังจากที่ฉินหงพูดจบก็หันกลับไปขึ้นรถม้า

หลินซีรีบกลับไปที่รถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนของตน

ครึ่งชั่วยามต่อมา

พวกเขามาที่จวนตระกูลหลิน

ทันทีที่ฉินหงเข้าผ่านประตูไป คนรับใช้ของจวนตระกูลหลินก็รีบคุกเข่าลงและทำความเคารพ

หลินซีตะโกนใส่พวกเขา “จะยังอยู่ตรงนั้นหาปะไร? รีบไปเรียกคุณหนูมาต้อนรับท่านอ๋องฉีเร็วเข้าสิ!"

“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

บ่าวรับใช้ลุกขึ้นยืนอย่างประหม่าและรีบวิ่งเข้าไปในเรือน

ในเวลานี้ หลินชิงเหยาอยู่ในศาลาหลังบ้าน มองดูดอกบัวบานในสระน้ำอย่างเหม่อลอย

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ถามอย่างกังวลใจว่า “คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? ไฉนไปข้างนอกกลับมาแล้วจึงดูแย่เช่นนี้เล่าเจ้าคะ?”

หลินชิงเหยาส่ายหัวเล็กน้อยและมิพูดอะไร

“คุณหนู ท่านอ๋องฉีเสด็จมาขอรับ นายท่านเรียกให้คุณหนูไปต้อนรับขอรับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของบ่าวรับใช้ ใบหน้าอันงามของหลินชิงเหยาก็ฉายการแสดงออกที่ซับซ้อน

นางเหลือบมองสาวใช้แล้วเตือน “เสี่ยวหลี เรื่องวันนี้ห้ามบอกใคร รวมถึงท่านพ่อข้าด้วย”

หลังจากพูดแล้วนางก็หันหลังเดินออกจากสวนหลังบ้านไป

สาวใช้เสี่ยวหลีดูสับสนและพึมพำกับตัวเอง "วันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เจ้าคะ คุณหนู เกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือเจ้าคะ?"

หลินชิงเหยามาที่ลานด้านหน้า เมื่อเห็นฉินหงนางก็ระงับความกังวลในใจอย่างรวดเร็วและแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าอันงดงามของนาง

“ถวายบังคมเพคะ ท่านอ๋องฉี”

นางพยักหน้าเล็กน้อยและโค้งคำนับอย่างสง่างาม

ฉินหงถามอย่างเคร่งขรึม "วันนี้เจ้าได้พบฉินซูหรือไม่?"

หลินชิงเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “มิได้พบเพคะ มิใช่ว่าท่านส่งคนมาบอกหม่อมฉันหรือเพคะว่าแผนถูกยกเลิกแล้ว? หม่อมฉันจึงออกมาได้ทันเวลา”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว ข้าคิดว่าไอ้สารเลวฉินซูนั่น…”

เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เขาก็รีบกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกมาจากปาก

หลินชิงเหยาขมวดคิ้วและถามว่า “ท่านอ๋อง มีอะไรหรือเพคะ?”

“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก ชิงเหยา เจ้าจำไว้ว่า เจ้าเป็นสตรีของตัวข้าผู้เป็นอ๋อง ข้าจะเข้าไปที่พระราชวังและหาโอกาสบอกเสด็จพ่อให้ข้ากับเจ้าแต่งงานกัน”

หลินชิงเหยายืนนิ่งเงียบ ไม่มีความคิดเห็นใด

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินหงก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ชิงเหยา เจ้ามิอยากแต่งงานกับข้าหรือ?”

ปากของหลินชิงเหยาขยับแต่มิรู้ว่าจะตอบอย่างไรไปสักครู่

หลินซีรีบอธิบาย “ท่านอ๋องทรงคิดมากแล้ว ชิงเหยามีความสุขมากจนมิรู้จะพูดสิ่งใดน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ"

เขาหันไปหาหลินชิงเหยาและตักเตือนอย่างเข้มงวด "ชิงเหยา ท่านอ๋องฉีทรงโปรดปรานเจ้ามาก ยังมิรีบขอบพระทัยท่านอ๋องอีกเล่า"

ฉินหงโบกมือแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก มิจำเป็นต้องเป็นทางการนัก ว่าแต่ใต้เท้าหลิน ในพระราชวังก่อนหน้านี้ เจ้าบอกข้าว่าจะเติมเชื้อไฟใส่ฉินซู รีบบอกแผนของเจ้าให้ข้ารู้เร็วเข้าสิ”

หลินซีหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างมีความหมาย "วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดในการจัดการกับคนขี้สุราเคล้านารีอย่างฉินซู แน่นอนว่าต้องเป็นกลยุทธ์สาวงาม!"

“เจ้าคงมิอยากให้ชิงเหยาไปใช่หรือไม่?”

ฉินหงรู้สึกมิสบายใจอย่างอธิบายมิถูก เขามิอยากเสี่ยงให้คนรักของเขาเกี่ยวข้องกับแผนการเช่นนี้จริง ๆ

การแสดงออกของหลินชิงเหยาเปลี่ยนไป นางรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยในใจ

โดยมิคาดคิดหลินซีส่ายหัวและพูดว่า “ไม่พ่ะย่ะค่ะ ชิงเหยาเป็นลูกสาวของกระหม่อม และยังเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง กระหม่อมจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?"

“แล้วกลยุทธ์สาวงามที่เจ้าเพิ่งพูดถึงคือ...”

“ท่านอ๋อง บุตรีของชิ่งกั๋วกง(1)นั้นงดงามยิ่ง มีทั้งทักษะร่ายรำขับร้องที่ดี หากเราตัดสินใจใช้กลยุทธ์สาวงามนางก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

“คนที่มีนามว่าเซี่ยหลานใช่หรือไม่?”

“มิผิด เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ ชิ่งกั๋วกงก็เห็นด้วยแล้ว ตราบใดที่ท่านอ๋องตกลง แผนนี้ก็สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น!”

ฉินหงพยักหน้าโดยมิลังเล “แน่นอนว่าข้าเห็นด้วย ตราบใดที่ฉินซูกล้าทำสิ่งที่มิเหมาะสมกับเซี่ยหลาน ชิ่งกั๋วกงจะรายงานต่อหน้าเสด็จพ่อ ก่อนวันชุนเฟิน ฉินซูได้ถูกปลดก่อนเป็นแน่

“เรื่องนั้นมิควรล่าช้า กระหม่อมจะไปที่จวนของชิ่งกั๋วกงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่หลินซีพูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป

ฉินหงหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการของตน ดูเหมือนเขาจะนึกภาพฉากที่ฉินซูถูกปลด

เขามิได้สังเกตเลยว่าหลินชิงเหยามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและความรังเกียจ

หลินชิงเหยาอดมิได้ที่จะถาม “ท่านอ๋องเพคะ หากพวกท่านทำเช่นนี้ มิกลัวหรือว่าเซี่ยหลานจะถูกองค์รัชทายาทใช้กำลัง?

ฉินหงยิ้มอย่างมิใส่ใจและเอ่ยว่า “กลัวอะไรเล่า? ตัวข้าหวังว่าฉินซูจะทำจริง ๆ หากเขาทำ เขาจะได้ประสบปัญหาเป็นแน่"

“เมื่อเช้านี้ที่ท่านขอให้หม่อมฉันไปที่ตำหนักบูรพา นั่นคือสิ่งที่ท่านคิดใช่หรือไม่? แม้ว่าหม่อมฉันจะถูกองค์รัชทายาทกระทำก็มิได้สำคัญ ใช่หรือไม่?”

หลินชิงเหยารู้สึกหนาวสั่นอย่างท่วมท้นในใจ

กั๋วกง เทียบได้กับตำแหน่งเจ้าพระยา เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางได้จักรพรรดิ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 865

    จวนอ๋องฉู่องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่เบื้องหน้าฉินอวี่"ทูลท่านอ๋องฉู่ ฝ่าบาทมิทรงเห็นด้วยที่จะส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน อีกทั้งยังทรงส่งแม่ทัพฉงไปประจำการที่ชายแดนเหนือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อปฏิเสธชัดเจน?" ฉินอวี่ถามย้ำ"พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง การที่ฝ่าบาททรงส่งแม่ทัพฉงไปชายแดนเหนือ น่าจะประสงค์ฉวยโอกาสโจมตี""ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อต้องการฉวยโอกาสโจมตีตลบหลังเป่ยเยี่ยน ขณะที่พวกเขากำลังสู้กับแคว้นฉี"พูดถึงตรงนี้ ฉินอวี่ขมวดคิ้วแล้วกล่าว "แล้วแคว้นฉีจะรับมืออย่างไร? เสด็จพ่อทรงส่งหัวหน้าโหรหลวงไปเกลี้ยกล่อมหรือไม่?"องครักษ์พยักหน้า "ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ และตามรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ หัวหน้าโหรหลวงเดินทางขึ้นเหนือไปแล้ว น่าจะไปเจรจากับอ๋องเซียงหยางพ่ะย่ะค่ะ""ดี! ดีมาก! การกระทำของเสด็จพ่อเช่นนี้ มิต่างกระไรกับการประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าต้าเหยียนของเราละทิ้งฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้ไปแล้ว!""ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทถูกละทิ้ง เขาก็ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอ๋องอีกแล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 864

    ฉงชูโม่ชะงักไป แล้วถามย้ำ “เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโหรหลวงขึ้นเหนือไปเพื่อช่วยองค์รัชทายาท?”“อืม อาจารย์พูดเองว่าจะมิทอดทิ้งองค์รัชทายาท”“แต่เขาไปเพียงลำพัง จะมีประโยชน์กระไรมากมาย?”กู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริงอาจารย์ก็ลำบากใจเช่นกัน หากเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ทรงออกทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน สุดท้ายต้าเหยียนของเราก็คงหนีมิพ้นเคราะห์กรรม ราษฎรในแผ่นดินก็จะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะอาจารย์คำนึงถึงจุดนี้ เขาจึงมิได้เตือนฝ่าบาทอย่างตรงไปตรงมา”ได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วเงียบไปเพราะระหว่างทางที่กลับมา นางได้ลองประมาณกำลังพลทั้งสามฝ่ายดูแล้วกำลังพลของเป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนรวมกันอย่างมากก็มีประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านนาย ส่วนแคว้นฉีลำพังแค่กองทัพทหารม้าหุ้มเกราะก็มีจำนวนคนถึงหนึ่งล้านนายแล้ว นี่ยังมิรวมทัพอื่น ๆ อีกอีกทั้งแคว้นฉียังมีรากฐานที่มั่นคง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหล่าทหารใช้ก็เป็นของชั้นเลิศหากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ แม้เป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนจะร่วมมือกัน ก็ยากที่จะเอาชนะได้ที่นางมาหาหัวหน้าโหรหลวง ก็เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 863

    เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาท หากหัวหน้าโหรหลวงสามารถเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยางได้ เมื่อเขากลับมาแล้ว ค่อยให้เขาคิดหาทางแก้ไขก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หึ! เดิมทีตัวข้ายังปวดหัวอยู่ว่าจะลดทอนความดีความชอบขององค์รัชทายาทลงอย่างไร เจ้านั่นก็เหลือเกิน ใจกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยาง นี่ถือว่าเขาก่อเรื่องเอง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เบาแรงข้าลงไปได้มากโขเลยทีเดียว”เฉาฉุนหัวเราะแห้ง ๆ มิได้ตอบกระไรฉินอู๋ต้าวยืดเส้นยืดสาย แล้วหันกลับไปยังห้องบรรทมภายในสำนักหอดูดาวหลวงทันทีที่เหลยเจิ้นกลับมา กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถามอย่างใจร้อน “อาจารย์ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ จะส่งทัพไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยนเมื่อใด?”“ฝ่าบาทจะมิส่งทัพไป” เหลยเจิ้นตอบสั้น ๆ“ว่ากระไรนะ?! มิส่งทัพไปช่วยหรือ หากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย กองทัพแคว้นฉีก็จะหันคมดาบมายังต้าเหยียนของเรามิใช่หรือ หลักการง่าย ๆ แค่นี้ฝ่าบาทมิได้ทรงคำนึงถึงหรือเจ้าคะ?”“ใช่ว่าฝ่าบาทมิได้คำนึงถึง เพียงแต่หากส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน ก็เท่ากับการประกาศสงครามกับแคว้นฉี ด้วยกำลังของแคว้นฉี แม้ต้าเหยียนกับเป่ยเยี่ยนจะร่วมมือกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 862

    เว่ยเจิงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขามิคาดคิดว่าฉินอู๋ต้าวตั้งใจจะสละองค์รัชทายาทจริง ๆเหลยเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฉินอู๋ต้าวอย่างลึกซึ้งผาดหนึ่งแล้วส่ายหน้าช้า ๆ“เกรงว่ามิง่ายนัก เมื่ออ๋องเซียงหยางทำลายเป่ยเยี่ยนลงแล้ว เก้าในสิบส่วนย่อมต้องบุกเข้ามา และฉวยโอกาสยึดต้าเหยียนของเราไปด้วย”เว่ยเจิงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่มากมายในช่วงหลังมานี้ หนานเยวี่ยก็เป็นองค์รัชทายาทที่ยึดครองมาได้ หากสละองค์รัชทายาทไป เกรงว่าจะถูกคนทั่วหล้าวิพากษ์วิจารณ์เอาได้พ่ะย่ะค่ะ”“คนทั่วหล้าจะวิพากษ์วิจารณ์ข้าอย่างไร ข้ามิสน! สิ่งที่ข้าใส่ใจคือชีวิตของราษฎรนับล้านในแผ่นดินต้าเหยียนของข้า!”ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวต่อ “ท้ายที่สุดแล้วหายนะครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่รัชทายาทก่อขึ้น ในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเหยียน ข้าย่อมมิอาจปล่อยราษฎรในแผ่นดินต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย ดังนั้น ขุนนางเหลย ข้าอยากจะขอให้เจ้าเดินทางขึ้นเหนือด้วยตนเอง ไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยาง ตราบใดที่เขามิระบายโทสะกับต้าเหยียนของเรา องค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรก็ให้เขาจัดการ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 861

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่ก้าวออกมากล่าวว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเห็นว่าการที่องค์รัชทายาทสังหารบุตรชายของอ๋องเซียงหยางเป็นการกระทำที่บีบบังคับยิ่ง มิอาจตำหนิพระองค์ได้ หากมิส่งกำลังไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน เกรงว่าในภายภาคหน้าภัยจะมาถึงตัว ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ตาเฒ่าเนี่ยหงสนับสนุน "ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนกับต้าเหยียนของเราจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ยามนี้หากมิร่วมมือกันต่อต้านแคว้นฉี หลังจากที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ ต้าเหยียนของเราก็จะไม่มีกำลังต่อต้านอีกต่อไป ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"หลินซีเสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ก้าวออกมา "ฝ่าบาท ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การร่วมมือกับเป่ยเยี่ยนยังพอเห็นโอกาสเอาชนะได้บ้าง หากปฏิเสธที่จะส่งกำลังไปช่วยเหลือ หลังจากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย พวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับคมดาบของกองทัพทหารม้าหุ้มเกราะนับล้านของแคว้นฉีโดยตรง""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท การช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน จะทำให้ภายในต้าเหยียนของเรามิได้รับผลกระทบจากไฟสงคราม มิฉะนั้นหากวันใดทัพใหญ่ของแคว้นฉีบุกเข้ามา ต้าเหยียนของเราย่อมต้องประสบกับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 860

    ฉินซูกำชับ "แม่ทัพใหญ่ ท่านควรส่งคนกลับไปเสริมกำลังป้องกันเมืองเจียหยางก่อน หากอ๋องเซียงหยางบุกโต้กลับ เมืองเจียหยางก็คือแนวป้องกันสุดท้ายของเรา""ก่อนมา ข้าได้สั่งให้คนเสริมกำลังป้องกันเมืองไว้แล้ว เรื่องนี้บุตรแห่งนักปราชญ์วางใจได้เลย!""เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม"ฉินซูพูดจบ ก็จ้องมองแผนที่ทรายตามิกะพริบ ความคิดในสมองแล่นอย่างรวดเร็วเห็นดังนั้น ลู่อวี้และมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ฉลาดพอที่จะมิส่งเสียงรบกวน......แคว้นต้าเหยียนท้องพระโรงของพระราชวังเมืองหลงเฉิงเมื่อฉงชูโม่เห็นฉินอู๋ต้าวก็รีบเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังทันทีฉินอู๋ต้าวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เจ้าว่ากระไรนะ? รัชทายาทกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีเชียวหรือ?!"ขุนนางทั้งราชสำนักต่างก็ตกใจหน้าซีดเซียว และต่างมองไปที่ฉงชูโม่เป็นตาเดียว!แม้แต่เหลยเจิ้นยังมีสีหน้าประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ "เพคะฝ่าบาท หยวนหัวคิดจะทำเรื่องต่ำช้ากับกู้เสวี่ยเจี้ยน หลังจากองค์รัชทายาทเสด็จไปถึง ก็ได้สังหารเขาทันที"ได้ยินดังนั้น บรรดาขุนนางระดับสูงที่ต้องการตำหนิฉินซูเกิดความกระดากทันทีด้วยกู้เสวี่ยเจี้ยนเป็นศิษย์ของหัวหน้

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status