“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ เห็นองครักษ์ของเขาบอกว่า เจ้าบ้านั่นกระโจนเข้าใส่เสือ หลังจากที่ยิงมันไปครั้งหนึ่ง แล้วลูกธนูหลุดออกมา”“เช่นนั้นก็แสดงว่า ที่เขาบาดเจ็บ มิใช่หนีเสือ แต่เป็นเพราะสู้กับมัน แล้วยัง…”“เขาใช้มีดสั้น แทงไปที่คอของเจ้าเสือโคร่งนั่น ดูเหมือนว่ามีดจะมียาพิษชนิดพิเศษอยู่ ถึงได้ล้มมันได้ มิเช่นนั้นอวี้หยางก็คงไม่รอดเช่นกัน ตอนนี้ร่างของเจ้าเสือโคร่งนั่น ก็กำลังถูกนำออกมา เสด็จพ่อดีใจมากที่ล่าเสือโคร่งได้ แม้ว่าหรงอวี้หยางจะเป็นผู้ชนะก็ตาม เจ้าคงรู้นะ ว่าเสด็จพ่อหมายถึงอะไร”อันหลินหน้าแดง นางรู้ดีเพราะก่อนหน้านี้ เสด็จพ่อก็มีเปรยมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมิได้ตอบรับ อีกทั้งชื่อเสียงของนางก่อนหน้านี้ ก็ทำให้กังวลเล็กน้อย ว่าคนของชิงโจวจะรับได้หรือไม่“เจ้ามาหาพี่เพราะเรื่องนี้หรือ”“ข้าแค่อยากทราบเรื่อง ที่เกิดขึ้นในป่าเท่านั้นเพคะ เช่นนั้นตอนนี้ใต้เท้าหวงเองก็…”“ถูกพากลับจวนไปแล้ว บาดแผลของเขาถือว่าสาหัสกว่าอวี้หยางมากนัก เพราะเขาถูกเจ้าเสือโคร่งนั่น โจมตีตอนอยู่บนหลังม้า เห็นหมอหลวงบอกว่า กระดูกซี่โครงร้าวเพราะตกจากม้า และยังมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกเล็บของเสือข่วน โชคดีที่ได้ยาของเ
ในที่สุดหรงอวี้หยางก็เงียบลงไป อันหลินทำแผลให้เขาจนเสร็จ ไท่จื่อสั่งให้คนนำของที่นางต้องการมาให้ และออกไปจากกระโจมทันที ซานหูและเจาอิน ก็ถูกสั่งให้ออกมาอยู่ข้างนอกด้วยเช่นกัน จิ่นหลงนำชุดใหม่ของท่านอ๋องมาให้ ก็ถูกซานหูขวางเอาไว้“เดี๋ยวก่อน ๆ ท่านองครักษ์อย่าพึ่งเข้าไป”“แต่ว่าองค์หญิงสั่งให้ข้า นำชุดมาให้ท่านอ๋องเปลี่ยน”“เอาวางไว้ก่อน แล้วเดินออกมา”"แต่ว่า…”“คำสั่งไท่จื่อ องค์หญิงต้องใช้สมาธิในการรักษา เอาชุดมานี่ ข้าจะนำไปวางให้ท่านอ๋องเอง พวกเจ้ารีบออกไป”“แต่ว่าอาการของท่านอ๋อง”“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า องค์หญิงของข้าก็เก่งไม่แพ้หมอหลวง อีกอย่างท่านอ๋องก็มิได้บาดเจ็บหนักขนาดนั้น”จิ่นหลงยอมให้ซานหู นำชุดไปให้ท่านอ๋องด้านใน และเดินกลับออกมาพร้อมกับทั้งสอง ด้านในกระโจมตอนนี้ เหลือเพียงองค์หญิงกับท่านอ๋องเพียงสองคน “ข้าจะพันแผลให้ ท่านอยู่เฉย ๆ นะ ลุกไหวหรือไม่”“ไหวสิ”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นโดยมีนางพยุงขึ้นมา อันหลินเตรียมอุปกรณ์ทำแผลอย่างคล่องแคล่ว จนหรงอวี้หยางนึกแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้อันหลินปิดบังเรื่องทักษะวิชาการแพทย์ของนางเอาไว้ได้อย่างมิดชิด แม้แต่เขาเองที่มองคนเก่ง ยังมองนางไม่ออ
ทุกอย่างหยุดนิ่งไป จิ่นหลงที่หมอบอยู่ตามคำสั่ง รีบลุกขึ้นและมองไปยังกลุ่มหมอกที่เริ่มจาง“ท่านอ๋อง!!!”จิ่นหลงรีบดึงนกหวีดขึ้นมาเป่า ส่งสัญญาณเรียกองครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ให้วิ่งเข้ามาทันที ส่วนตัวเขาวิ่งเข้าไปที่เกิดเหตุ ท่านอ๋องที่เสียบมีดคาเอาไว้ยังร่างที่นิ่งสนิท ของเสือโคร่งตัวใหญ่เท่าคนสองคน ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดของสัตว์ร้าย และยังมีบาดแผลที่ไหล่ซ้าย"ท่านอ๋อง พระองค์บาดเจ็บ"“ข้าไม่เป็นไร ข้าคิดถูกแล้ว เจ้าเสือตัวนี้ มิได้น่ากลัวเท่าจ้าวอันหลิน”“พระองค์ยังทรงมีอารมณ์ขันอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ บาดเจ็บถึงเพียงนี้แล้ว ว่าแต่เหตุใดเจ้าเสือดุร้ายนี้ถึงได้นิ่งเช่นนี้”อวี้หยางดึงมีดสั้นของเขา ที่เสียบคอของเสือโคร่งตัวเต็มวัยออกมา และหันไปมองจิ่นหลง“โชคดีทีที่เคลือบยาพิษของอันหลินเอาไว้ มิเช่นนั้นคนที่นอนนิ่งอยู่ คงมิใช่มันแต่เป็นข้า”“ท่านอ๋อง!!”“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”“อวี้หยาง! เจ้าปลอดภัยหรือไม่”“หานเซียว ท่านมาด้วยหรือ”องค์ไท่จื่อรีบลงจากม้าและวิ่งเข้ามาทันที เขามองไปที่เสือโคร่งที่ตายสนิท และลิ้นจุกปากอยู่ก็ตกใจ และหันไปเห็นบาดแผลที่ไหล่ของอวี้หยาง“เจ้าบาดเจ็บ ข้าจะรีบพาเจ้าออกจากป่า”“
“เสด็จพ่อ ยิ้มอะไรหรือเพคะ”ฝ่าบาทหันมามองหน้าองค์หญิง ที่เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังจนจบ พระองค์คิดว่า ทั้งสองไม่ได้แตกต่างกันเท่าใด อีกทั้งนิสัยตรงไปตรงมาของท่านอ๋อง ทำให้พระองค์ไว้วางพระทัยได้ว่า หรงอวี้หยางจะไม่ทำให้อันหลินเสียใจ“เปล่าหรอก เจ้าเล่าจบแล้วหรือ”“จบแล้วเพคะ”“เจ้าบอกว่าเขาถึงกับ สั่งฆ่ารองแม่ทัพของตัวเอง เขาโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวหรือ”“เสด็จพ่อเพคะ เขามิได้สั่งฆ่านางเสียหน่อย ที่จริงโทษของนางไม่ถึงตาย แค่ถอดยศและสั่งเนรเทศ แต่นางทำใจไม่ได้ก็เลยฆ่าตัวตายต่อหน้าเขา เพื่อให้เขารู้สึกผิดไปชั่วชีวิตต่างหาก”“นี่เจ้าเข้าข้างหรงอวี้หยาง ถึงเพียงนี้เชียวหรือ”“ลูกเปล่านะเพคะ! ก็แค่เล่าไปตามความจริง ที่เขาเล่าให้ฟัง”“โอ้ เช่นนั้นเจ้าก็เชื่อในสิ่งที่เขาเล่าทุกคำสินะ”“ลูก….”“ฮ่า ๆ ข้าหยอกเจ้าหรอกน่า เอาเถิด เรื่องทั้งหมดก็คลี่คลายแล้ว อีกอย่างหากไม่มีท่านอ๋อง คอยช่วยสืบเรื่องในราชสำนัก พ่อเองก็คงไม่สามารถลากเจ้าคนชั่วที่คบคิดกบฏต่างแคว้นผู้นั้น ออกมาลงโทษได้เร็วเช่นนี้หรอก”“เสด็จพ่อจะยอมรับว่า หลอกใช้งานอวี้หยาง เพื่อจัดการคนของตัวเองหรือเพคะ”“ฮ่า ๆ กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน
อันหลินตกใจเล็กน้อยเมื่อฝ่าบาทตรัสจบ “ลูก…”“มาเถอะ ใกล้จะได้เวลาส่งพวกเขาเข้าป่าแล้ว หลังเสียงกลองครั้งสุดท้าย เจ้าค่อยเล่าให้พ่อฟัง”“เพคะเสด็จพ่อ”อันหลินราวกับต้องจำนนต่อหลักฐาน ไม่นานเมื่อทุกคนเข้าประจำที่ เสียงกลองสุดท้ายเพื่อปล่อยตัวก็ดังขึ้น ก่อนที่หรงอวี้หยางจะควบอาชาออกไป เขายังหันกลับมามองนางอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้ม ทำเอาฝ่าบาทแย้มสรวลอย่างพึงพอพระทัย เมื่อวานนี้“ท่านอ๋อง มีเรื่องด่วนอันใดถึงได้มาเยือนข้ากะทันหันเช่นนี้หรือ ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด”“กระหม่อมมิอาจทำได้พ่ะย่ะค่ะ”“เพราะเหตุใดกัน ข้าไม่เข้าใจ”“กระหม่อมทำผิดต่อความไว้วางพระทัยของฝ่าบาท ก่อนหน้านี้กระหม่อม...”“เจ้าหมายถึงเรื่องใด เรื่องที่เจ้าลักลอบเข้าวังหลวง เพื่อสืบเรื่องขุนนางชั่วในเสิ่นตู หรือว่าเรื่องที่เจ้าหลอกใช้องค์หญิงอันหลินเพื่อเข้าวัง”หรงอวี้หยางก้มหน้ารับผิด เรื่องนี้เขาค่อนข้างแปลกใจ ที่ฝ่าบาททรงทราบมาก่อน“เจ้าคงสงสัยสินะ ว่าข้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”“มิบังอาจ สายพระเนตรของพระองค์มีอยู่รอบวังหลวง เรื่องนี้กระหม่อมควรทราบนานแล้ว”“เหตุใดเจ้าจึงไม่สงสัยว่า ทำไมข้าถึงไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องในตำหน
สองวันถัดมา / งานล่าสัตว์สนามล่าสัตว์ของราชวงศ์คึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะวันนี้มิได้มีเพียงแค่เหล่าราชวงศ์ และขุนนางในเสิ่นตูเท่านั้น ยังมีแขกจากต่างแคว้นอย่างท่านอ๋องหรงอวี้หยาง และขุนพลผู้กล้าของชิงโจวเข้าร่วมด้วย“วันนี้ข้ามีความยินดียิ่งนัก หวังว่าพวกท่านจะไม่ผิดหวังกับการล่าสัตว์ สำหรับรายละเอียดของคะแนน ทุกท่านก็คงทราบกันอยู่แล้ว เอาล่ะอย่าเสียเวลาเลย ข้าขอเปิดงานล่าสัตว์ ณ บัดนี้”เมื่อฝ่าบาทตรัสจบ เสียงกลองก็ดังขึ้น เหล่านกป่าเริ่มแตกตื่นบนขึ้นบนท้องฟ้า นักล่าสัตว์ทั้งหลายเริ่มกลับไปเตรียมตัว เพื่อรอสัญญาณเข้าไปในป่า วันนี้จ้าวอันหลิน ก็มาร่วมในพิธีด้วย เมื่อทำพิธีบวงสรวงเปิดป่าเสร็จแล้ว นางก็มานั่งรอที่พลับพลา ซึ่งมีสตรีอีกหลายคนนั่งอยู่ในนั้นด้วย“องค์หญิง”“ใต้เท้าหวง”“คือข้า มีเรื่องอยากจะคุยกับท่านก่อน”“ท่านมีอะไรจะพูดงั้นหรือ เชิญกล่าวมาเถอะ”อันหลินรู้สึกอึดอัดมากขึ้น หลังจากที่นางสั่งห้าม มิให้หวงเทียนฟงไปที่ตำหนักเต๋อหยวนโดยพลการอีก ซึ่งนับจากวันนั้น นางก็พึ่งจะมีโอกาสพบเขาวันนี้เอง“หากวันนี้ข้าล่าสัตว์ชนะ องค์หญิงจะพอ….”“ใต้เท้าหวง ท่านเองก็มาถึงแล้วหรือ”หรงอวี้ห