ยิ่งนานวัน ทั้งคู่ก็เริ่มหวั่นไหว แม้แต่อันหลินเอง ก็รู้สึกหวงอวี้หยางเช่นกัน ดูได้จากการที่นางพาเขาออกไปนอกวัง และมีสตรีอื่นมองหน้าเขา นางก็มักจะชักสีหน้าไม่พอใจ
ตอนนี้ในวังหลวง เริ่มซุบซิบเรื่องของที่ปรึกษาอวี้ขององค์หญิง แม้ว่าบางคน จะไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยก็ตาม แต่เพราะเขาอยู่ในตำหนัก นานกว่าหนึ่งเดือน เรื่องนี้จึงเป็นที่สนใจขึ้นมา
“พวกปากยื่นปากยาว สนใจแต่เรื่องของตัวเองไปเถอะ ระวังว่าวันไหนข้าโมโหขึ้นมา แม้แต่สนมขั้นต้าอิ้ง พวกเจ้าก็จะมิได้เป็น”
“องค์หญิง หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”
“รู้ก็ดีแล้ว เช่นนั้นก็ตบปากตัวเองกันเสียเถอะ แล้วสายตาของเจ้า มองให้มันถูกที่ ก่อนที่ข้าจะสั่งควักลูกตาของเจ้าออกมา”
“พะ เพคะองค์หญิง หม่อมฉันมิกล้าแล้วเพคะ”
เหล่าพระสนม พากันตบปากตัวเองจนเสียงดังลั่น ไปทั่วอุทยานหลวง อวี้หยางลอบยิ้มออกมา นาน ๆ ครั้งที่เขาจะเห็นว่า อันหลินแสดงอำนาจและลงโทษคน
หลังจากเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้น อิ่นซานถงก็ไม่กล้ามายุ่งกับนางอีกเลย ครั้งนี้ฝ่าบาทสั่งลดขั้นของนา งลงไปถึงสองขั้นในคราวเดียว เพียงเพราะนางกล้าล่วงเกินองค์หญิงอันหลิน นั่นก็แสดงว่า ฝ่าบาทให้ความสำคัญกับองค์หญิงอันหลินมากเพียงใด
“องค์หญิง เหตุใดจึงได้ทำร้ายคนเช่นนั้น ท่านจะถูกเกลียดมากขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เจ้าไม่พอใจ ที่ข้าลงโทษพวกนางงั้นหรือ”
“มิใช่ ข้าน้อยเพียงแค่...”
“เจ้าเห็นพวกนางดีกว่าข้างั้นหรืออวี้หยาง”
“เอ่อ องค์หญิงอย่าเข้าใจผิด ข้าก็แค่…”
“ไม่ต้องพูดมาก กลับ!”
อวี้หยางแอบขำ แต่ก็เดินตามนางกลับตำหนักแต่โดยดี คิดไม่ถึงว่าความโมโหของนาง จะล่วงเลยมาจนถึงช่วงเย็น
“องค์หญิงนี่ก็เย็นแล้ว”
“ซานหู”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เอาสุราที่เสด็จพ่อประทานให้ข้าตอนปีใหม่ ไปอุ่นให้ข้าที”
“ตอนนี้อากาศเริ่มชื้น หากดื่มสุรา จะไม่ดีต่อสุขภาพนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ คุณชายอวี้กล่าวได้ถูกต้อง องค์หญิง เอ่อ…”
“เจ้ามิได้ยินข้าสั่งหรือ ตอนนี้พวกเจ้าไม่ฟังคำสั่งข้าแล้วงั้นหรือ”
นางหันไปจงใจที่จะหาเรื่องอวี้หยาง ซึ่งบัดนี้คนเกือบทั้งตำหนักฟังคำสั่งจากเขา หลังจากที่อยู่ช่วยองค์หญิง ให้พ้นจากคำครหาว่า นางเหลวไหลและไม่เอาความ
ตั้งแต่ที่เขาเข้ามา ชีวิตของนางก็เป็นระเบียบมากขึ้น อีกทั้งยามว่าง อวี้หยางก็สอนการดีดพิณ และสอนนางวาดภาพด้วย ฝ่าบาทเมื่อทรงทราบจึงพอพระทัยมาก และไม่ต่อว่านางอีก
“เช่นนั้นท่านก็ไปทำตามคำสั่งเถอะ ที่เหลือข้าจัดการเอง”
“ขอรับคุณชายอวี้”
“หึ ช่างดีเหลือเกิน ตอนนี้ทั้งตำหนักฟังแต่คำสั่งเจ้า ไม่ฟังข้าแล้ว”
“องค์หญิงอย่าได้เข้าใจผิด ข้าน้อยและทุกคน เพียงแค่เป็นห่วงสุขภาพของท่านเท่านั้น”
“งั้นหรือ ข้าคิดว่าเจ้ามัวแต่ห่วงเหล่าสนมของเสด็จพ่อ ที่ถูกข้าสั่งลงโทษที่อุทยานหลวงนั่นเสียอีก”
“นั่น… ข้าขออภัยที่ทำให้ท่านไม่พอใจ เพียงแต่ว่าหากท่านลงโทษพวกนาง ชื่อเสียงที่อุตส่าห์ดีขึ้นมาแล้ว จะทำให้ท่านมีปัญหากับฝ่าบาทอีก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับท่านเลย”
“เจ้าก็สรรหาเหตุผล มาหักล้างข้าได้เสมอ กลับไปเถอะ คืนนี้ข้าจะดื่มคนเดียว”
“แต่ว่า ลมเริ่มพัดแรงแล้ว คืนนี้ฝนน่าจะตกหนัก อย่างไรก็….”
“หากว่าข้าดื่มจนเมาและหลับไป ก็ไม่ต้องการให้เจ้านอนด้วยแล้ว ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ขอบใจเจ้ามาก แต่ต่อไปคงไม่รบกวนแล้ว กลับไปเถอะ”
“ว่าอย่างไรนะ ไม่ต้องการข้าแล้วงั้นหรือ”
“ใช่ ต้องให้ข้าพูดซ้ำหรือไม่”
เป็นครั้งแรกที่อวี้หยางรู้สึกน้อยใจองค์หญิง ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรจะเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะว่า เขากับนางมักจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ความผูกพันที่มิควรนี้ จึงก่อตัวขึ้นมา
ไม่สิเขารู้ดีว่ามันมิใช่ เพราะทุกค่ำคืน เขามักจะแอบจูบนาง เพื่อทดสอบตัวเองอยู่ทุกค่ำคืน แม้ว่านางจะหลับสนิทจนไม่รู้ตัวเลยก็ตาม
“องค์หญิง หากว่าท่านโกรธข้า จะลงโทษข้าเช่นไรก็ได้ แต่อาการกลัวฟ้าร้องของท่าน มันอันตรายมาก ข้าไม่ไว้ใจ”
“เช่นนั้นคืนนี้ ข้าก็แค่เรียกที่ปรึกษาจากคณะสังคีต มาอยู่เป็นเพื่อนอีกสักคนสองคน ซานหู!”
“องค์หญิง! นี่ท่านโกรธข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ เพียงแค่ข้าปรามมิให้ท่านทำสิ่งที่ไม่ควร”
“กลับไปเถอะ คืนนี้ข้าจะให้ซานหูเรียกคนอื่นมาอยู่ด้วย เจ้าเองก็จะได้พักผ่อนด้วย ครึ่งเดือนมานี้ข้ารบกวนเจ้ามากแล้ว”
เขาโกรธจนหน้าร้อนผ่าว แต่นางก็ทำสีหน้าเมินเฉยและเย็นชา ดุจแผ่นน้ำแข็งที่ไร้หัวใจ อวี้หยางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาจะถูกสตรีเมินเช่นนี้ ปกติแล้วพวกนาง แทบจะคลานเข่าเข้ามาขอความรักจากเขา แม้เพียงชั่วครั้งคราวก็ตาม
“เช่นนั้นข้าน้อย ขอตัวก่อน”
เขาเดินออกไปทันที อันหลินมองตามเขาออกไป นางยอมรับว่าโกรธและหึงหวงเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอาการเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน
“ใครจะยอมให้เจ้าแอบจูบข้าทุกคืนกัน ข้าเองก็กลัวว่าเจ้าจะรู้ ว่าข้าก็แกล้งหลับเช่นกัน คนบ้า!”
นางสั่งให้ซานหู เรียกที่ปรึกษาชายคนอื่น ๆ มาอีกสามสี่คน อวี้หยางมักจะเดินมาลอบมองอยู่ไกล ๆ แต่ไม่เข้ามา เขาเห็นว่าหลายคน เริ่มฟุบลงกับโต๊ะเพราะดื่มไม่ไหว ยังเหลืออีกแค่สองคน ที่ยังอยู่เป็นเพื่อนนาง แต่ก็แทบจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“อาอีกสิเสี่ยวเหอ เจ้าดื่มน้อยไปหน่อยนะ”
“กระหม่อมไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง… ไปนอนเถิด”
เมื่อเขามองไปที่ท้องฟ้า ลมเริ่มแรงมากขึ้น คาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งชั่วยาม คงเกิดฝนฟ้าคะนองอีกเป็นแน่ เขารู้เพราะว่าก่อนหน้านี้ ได้ไปสืบเกี่ยวกับลมฟ้าอากาศ จากโหรหลวงมาแล้ว พวกเขาดูแลเรื่องเหล่านี้ เพราะมีผลกับการเกษตรกรรม
“องค์หญิง…. คร่อก!”
“อะไรกัน พวกเจ้าไม่เอาไหนเลย ข้า….”
นางเอนตัวลงเพราะดื่มไม่ไหว และกอดไหล่ของใครบางคนเอาไว้
“อุ่นมากเลย ดีจริง ๆ”
“ดื่มมากเกินไปแล้ว เช่นนี้จะหลับได้อย่างไรกัน”
“อื้อ… หลับได้สิ ว้าย!”
อวี้หยางรวบตัวนางขึ้นมาอุ้ม และพานางออกจากห้องนั้นทันที เขาเดินเขี่ยผู้ที่ขวางทางอยู่อย่างนึกรังเกียจ ถึงพวกเขาจะมิได้ทำสิ่งใดผิด หรือไม่ได้แตะต้องนางก็ตาม แต่ก็ยากที่เขาจะให้อภัย
“ดื่มอีก ดื่ม ๆ จะได้หลับสนิท ไม่ต้อง...”
“ท่านจะพูดอะไร ดื่มมากขนาดนี้ ต่อให้นอนได้ก็ต้องปวดท้องอยู่ดี”
“ทุกคืนข้าก็ปั่นป่วนที่ท้องอยู่แล้ว… เจ้าไม่รู้หรือว่าคนผู้นั้น… เจ้าบ้านั่น ข้าพูดแค่ไม่กี่คำก็โกรธเดินออกไป ไม่สนใจข้าเลย เจ้ายักษ์ขี้งอน”
“ข้ามิใช่ยักษ์นะ!”
“ฮ่า ๆ เจ้าโกรธเหมือนเขาเลย… ไม่สิ ข้ายังมีอีกอย่างที่จะบอกให้รู้ไว้ เจ้าคนบ้านั่น…”
เขาวางนางลงที่เตียง และหันไปถอดรองเท้าให้นางด้วยตัวเอง แน่นอนว่าองค์ชายอย่างเขา ไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้ให้กับสตรีคนใดมาก่อน แต่กับจ้าวอันหลิน ถือเป็นข้อยกเว้นทุกอย่าง กฎเกณฑ์เข้มงวดใด ๆ ที่เขาเคยมี ถูกนางพังทลายลงจนหมดสิ้น
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ข้าจะไปเรียกเจาอินมาเช็ดตัวให้”
“อย่าพึ่งไปเลยนะ ข้ามีเรื่องจะฟ้อง เรื่องนี้ข้าเก็บมานานแล้ว”
เขาหันไปมองคนขี้เมา ที่เอาแต่พูดเรื่อยเปื่อย แต่ตอนนี้นางเกาะเขาแน่นจนขยับไม่ได้
“ยังมีเรื่องใดอีก ค่ำคืนนี้ท่านคงมีความสุขมากสินะ มีผู้ชายรายล้อมคอยปรนนิบัติให้ไม่ซ้ำหน้า เหตุใดไม่เรียกมานอนกับท่านด้วยเล่า”
นางหันมายิ้มหวานให้เขา ตาของนางยิ้มอย่างเลื่อนลอย ใบหน้าแดงก่ำไม่รู้ว่าเพราะเมา หรือเพราะเรื่องที่จะพูดกันแน่ แต่อวี้หยางที่โกรธจัด ก็ยังยอมให้นางกอดและอ้อนอยู่ที่เดิม แม้แต่ตัวเขาเองก็นึกแปลกใจไม่น้อย ว่าเหตุใดจึงอดทนกับนางได้ถึงเพียงนี้
“เจ้าไม่รู้หรอก ข้าหาเรื่องไม่นอนกับคนบ้าอวี้หยางคนนั้น ก็เพราะข้า… อายที่ถูกเขาแอบจูบทุกคืน ข้ากลัวใจตัวเองว่าจะอดใจไม่ไหว จูบตอบเขาขึ้นมา เขาก็รู้น่ะสิว่าข้าชอบเขา”
ศพของเซินลี่หง ถูกส่งกลับไปที่สกุลเซิน พร้อมกับหนังสือแจ้งเรื่องความผิดวินัยกองทัพ ซึ่งทางสกุลเซินเองก็มิได้มีข้อโต้แย้งอันใด พวกเขาเหมือนจะทราบชะตากรรมของนาง ก่อนที่จะกลับมาถึงชิงโจวเสียด้วยซ้ำไป เพราะท่านอ๋องไม่เคยปล่อยให้ผู้ใด ละเมิดกฎกองทัพทลายเมฆามาก่อน“ท่านอ๋อง ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ดี สั่งให้ออกเดินทางในอีกสองวัน ข้าจะต้องไปถึงเสิ่นตูภายในเจ็ดวัดนี้”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”จิ่นหลงเดินออกไปแล้ว หลังจากรายงานทุกอย่างให้ท่านอ๋องทราบ ก่อนหน้านี้เขานึกรำคาญเซินลี่หงนักหนา เพราะระหว่างเดินทาง นางทำเหมือนกับว่า ตัวเองเป็นชายาท่านอ๋องเสียเองคอยสั่งการผู้อื่นจนทุกคนเอือมระอา แต่เมื่อเห็นนางตายต่อหน้า เขาก็นึกเสียดายฝีมือของนาง แต่ก็คิดว่าท่านอ๋องมิได้ทำเกินกว่าเหตุ เป็นนางเองที่ทำให้ตัวเอง เดินมาถึงจุดนี้“พวกเจ้ารีบเตรียมของ ท่านอ๋องสั่งให้ออกเดินทาง ในอีกสองวันข้างหน้า”""ขอรับ""หรงอวี้หยางนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาลูบไปที่หน้าท้องซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกอาวุธลับ ของพวกกบฏชั่ว จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอาวุธนั้นมีพิษ ตอนนี้แม้ว่าแผลจะหายสนิทแล้ว แต่เขาก็มักจะเผลอไปจ
“เอาเถอะเสี่ยวจิ่น ตอนนี้อาการท่านอ๋องก็มิได้หนักหนามาก รองแม่ทัพเซินมีใจให้ท่านอ๋องมานาน แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่า นางจะกล้าขัดคำสั่งกองทัพ ลอบมาหาท่านอ๋องถึงที่นี่ ทำให้ศัตรูไหวตัวทัน จนทำร้ายท่านอ๋องเข้า”“โชคดีที่มีกองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตูช่วยเอาไว้ จึงจับคนที่เหลือของอ้ายต้านเฟิงได้”“ท่านอ๋องบาดเจ็บคราวนี้ หากอาการดีขึ้น คงต้องรีบส่งกลับชิงโจว เพื่อรักษา อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว”“ว่าอย่างไรนะ แต่ว่าท่านอ๋องกับองค์หญิง”“เรื่องชีวิตของท่านอ๋องสำคัญกว่า แม้ว่าข้าจะรักษาแผลให้ท่านอ๋องได้ แต่ก็ต้องหมั่นดูอาการ ที่นี่ไม่สะดวกเจ้าก็เห็น หากเกิดเหตุการณ์เช่นเมื่อครู่อีก ครั้งนี้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อีกอย่างในอาวุธนั่นมีพิษ ยาที่รักษาพิษได้อยู่ที่เมืองชิงโจว อย่างไรก็ต้องกลับไปรักษาที่นั่น" “เช่นนั้นข้าจะรีบส่งรายงาน ไปที่กองทัพขององค์ไท่จื่อของเสิ่นตู จะให้ผู้อื่นรู้ไม่ได้ว่า ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส”“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ”“ท่านหมอ แล้วจะต้องพาท่านอ๋องกลับไปเมื่อใด” บัดนี้กบฏถูกท่านอ๋องสังหารแล้ว เรื่องชายแดนก็นับว่าพระองค์จัดการได้อย่างยอดเยี่ยม ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ ส่งจดหมายเพื่อขอบคุ
“องค์หญิง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะไม่ดื่มนี่เพคะ”“ตอนนี้ข้าอยากจะดื่มแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยานี้ไม่ได้มีผลอะไรกับการตั้งครรภ์ในวันข้างหน้าหรอก เจ้าไม่มั่นใจวิชาแพทย์ของข้าหรอกหรือ”“มิใช่เช่นนั้นนะเพคะ เพียงแต่ข้าคิดว่าองค์หญิง กับคุณชายอวี้”“ข้ากับเขาทำไมหรือ นี่เจ้าคงจะไม่คิดว่า ข้าจะเลือกเขาเป็นราชบุตรเขย ให้กับเสด็จพ่อหรอกนะ แม้ว่าเขาจะหน้าตาดี มีความรู้มาก อีกอย่างก็เป็นบุรุษที่ข้าพาเข้าวังมา และทำให้ทะเลาะกับเสด็จพ่อไปครั้งหนึ่ง แต่ก็น่าแปลกที่หลังจากนั้น เสด็จพ่อก็ไม่ต่อว่าข้าอีกเลย คงเป็นเพราะรู้สึกผิดที่ตบข้ากระมัง”“องค์หญิง”“เอาล่ะข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าก็ดับไฟเสียเถอะ”“เพคะ”สองวันถัดมา / หอหรูเยว่ “องค์หญิงเพคะ คนของหอหรูเยว่มาแล้วเพคะ”“ให้เข้ามาเถอะ”“เพคะ”ซานหูนำคนของหอหรูเยว่เข้ามาเข้าเฝ้า จิ้งมาม่าและผู้ติดตามอีกคนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวในหอหรูเยว่ ด้วยสีหน้ามิใคร่สู้ดีเท่าใดนัก“ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”“จิ้งมาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่า ข้ามาที่นี่เพราะเหตุใด”“เอ่อ คือว่าหม่อมฉันก็พอทราบเพคะ เพียงแต่ว่า”“เจ้าทราบงั้นหรือ ไหนลองว่ามาสิ ว่าที่เจ้าทราบนั่นคือสิ่งใด”จิ
“โอ๊ย! ท่านออกไม่ได้นะ”“ปล่อยข้านะ!”เขาสะบัดแขนนางออก และรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที พร้อมกับกุมหน้าท้อง ที่เริ่มมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด“หยุดเขาไว้เร็วเข้า รีบเรียกหมอมา”“ขอรับ”อวี้หยางรีบวิ่งไป แต่ผู้คนมากมายในคืนนี้ล้วนสวมหน้ากาก ซึ่งเป็นประเพณีของงานเทศกาลที่นี่ เขามองหานางท่ามกลางผู้คน แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา ตอนนี้จมูกเขาเริ่มไม่ได้กลิ่น สายตาก็เริ่มพร่ามัวแต่เมื่อวิ่งลงไปด้านล่าง ตรงโต๊ะก่อนถึงทางออก เขาก็เห็นหน้ากากที่ถูกถอดเอาไว้ ในนั้นเปียกไปด้วยน้ำตา เมื่อเขาหยิบขึ้นมาก็พบว่ามันเป็นของนางอย่างแน่นอน น้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา คงจะเจ็บปวดมาก เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับสตรีอื่น“อันหลิน…”“อวี้หยาง! เร็วเข้ารีบพยุงเขาขึ้นไป!”“ขอรับ”อวี้หยางยังกอดหน้ากากของนางเอาไว้แน่น ก่อนที่สติทั้งหมดของเขาจะดับวูบลงไป พร้อมกับบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้อะไรอีกเลย….“องค์หญิง! ท่านอยู่ที่นี่จริงด้วย ท่านร้องไห้หรือเพคะ”“เปล่า ข้าก็แค่หลงทาง พอดีเจอหอหรูเยว่ก็เลยจำทางได้ เจอพวกเจ้าก็ดีแล้ว กลับกันเถอะข้าเหนื่อยแล้ว”“เอ่อ เช่นนั้นกระหม่อม จะเรียกรถม้ามารับที่นี่”“ไม่ต้อง ไ
“ก็ได้ ข้ารับปากท่าน”อวี้หยางกอดนางแนบแน่น ยากเหลือเกินที่จะทำใจคลายอ้อมกอดนี้ออกไป แต่ภารกิจที่เหลือ ยังต้องการเขาไปดำเนินการให้จบ ในเมื่อตอนนี้ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่ขั้นสุดท้ายเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็จะรีบจัดการเรื่องของแคว้นและ…จ้าวอันหลิน“ข้าไปนะ”“เดี๋ยวก่อน”อันหลินเดินไปที่โต๊ะ และหยิบบางอย่างออกมา มันเป็นถุงหอมที่นางแอบทำเอาไว้นานแล้ว เดิมทีก็คิดว่าจะเก็บเอาไว้เอง แต่นับตั้งแต่อวี้หยางเข้ามาในตำหนัก นางก็เริ่มหัดเย็บปักสิ่งนี้ขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยชอบงานเหล่านี้เลย“นี่เป็นถุงหอมที่ข้าเย็บเอง ท่านเอาไปสิ”อวี้หยางมองถุงหอมที่ผูกพู่สีแดงอยู่ ในนั้นมีกลิ่นที่คุ้นจมูกของเขา ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางมักจะใช้อยู่เป็นประจำ เขารับและดึงมาสูดกลิ่นทันที“สิ่งนี้จะเป็นตัวแทนเจ้า จะได้เหมือนมีเจ้าอยู่ข้างกายข้าตลอดเวลา ขอบใจมากนะอันหลิน”“ท่านชอบก็ดีแล้ว ข้าไม่ถนัดงานปักเย็บ ก็เลยทำได้เพียงแค่นี้ มิได้ปักอะไรเอาไว้”“ขอเพียงเป็นสิ่งที่เจ้าให้ อย่างไรก็มีค่าสำหรับข้าเสมอ”นางกอดเขาอีกครั้ง ไม่คิดมาก่อนเลยว่า เพียงแค่เขาบอกว่าจะกลับหอหรูเยว่เพียงไม่กี่วัน กลับทำให้นางรู้สึ
“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันให้รู้เรื่องก่อน ท่านไปที่ไหนมากันแน่ แล้วจู่ ๆ ทำไมจึงมีเรื่องด่วนเข้ามาเล่า”“ข้าก็อยากจะบอกนะ แต่ว่าตอนนี้อย่าพึ่งพูดจะได้ไหม ซานหูกับเจาอินออกไปข้างนอก เรามีเวลาไม่นานเท่าใด หากอยากรู้ข้าจะบอก แต่คงต้องหลังจากนี้ก่อน”“อ๊ะ อวี้หยางคนผีทะเล…อื้อ เบาหน่อยสิมันยังช้ำอยู่เลย”“ข้าจะอ่อนโยน”“อื้อ…อ๊าา”เมื่อปลดชุดนางออกได้ เขาก็ไม่รอที่จะให้นางขัดขืน และเริ่มดึงชุดของตัวเองออกด้วยเช่นกัน เมื่อตอนเข้ามาเขาลงกลอนแน่นหนา แต่คิดว่าช่วงเวลานี้ คงไม่มีใครกล้ามายุ่งกับทั้งสองเป็นแน่“อ๊าา เบาหน่อยสิ ดูดเสียงดังไปแล้ว ท่านอดอยากมาจากไหน อ๊าา”นางต่อว่าเขา แต่ก็กอดศีรษะของเขาแน่น เมื่ออวี้หยางดูดดึงหน้าอกของนาง พร้อมกับใช้นิ้วสอดเข้ามากลางร่องศึก ที่พึ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วยาม“อ๊าา อวี้หยาง ช่วยด้วย!”เขารู้ว่านางอ่อนไหวมากขนาดไหน เพียงแค่ถูกเล้าโลมนิดหน่อยนางก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว แน่นอนว่าเขาเองก็เช่นกัน ช่วงเวลากลางวันที่เห็นเรือนร่างนางชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาแทบคลั่งตาย“ฮึก! อึ๊ยย!!”"เจ็บอยู่หรือไม่"นางส่ายศีรษะเป็นคำตอบ เมื่อเช้านางแช่น้ำอุ่นเพื่อคลายกล้ามเนื้อไปแล้ว