“ท่านอ๋อง ไม่มีใครสั่งหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันรักท่านคือเรื่องจริง อยากให้นางตายก็คือเรื่องจริง พิษนี้ พิษนี้ หม่อมฉัน ได้มาจากตลาดมืดเพคะ”
“ยิ่งตลาดมืด เจ้ายิ่งไม่มีทางไปเอามาได้ นอกจากจะมีคนไปซื้อมาให้เจ้า ข้าไปสืบเรื่องตลาดมืดที่นี่มาแล้ว ต้องเป็นสมาชิกของตลาดมืดเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ซื้อของในนั้นได้ และค่าเข้านั้น สูงลิ่วเลยล่ะ เจ้ายอมรับมาเถอะ เรื่องนี้ เจ้ารับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
ฉู่อันเหมยบอกนาง เว่ยอี และ ชินอ๋องหันมองหน้ากัน ไม่น่าเชื่อว่าพวกนางมาอยู่ที่นี่ถึงครึ่งปี แต่รู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองนี้ ทั้งยังรู้เรื่องตลาดมืดอีกด้วย
สาวใช้นั่งตัวสั่น นางไม่มีทางเลือก จึงเลือกจะฆ่าตัวตาย นางถลาเข้าไปใส่ดาบที่ชินอ๋องถือเอาไว้เพื่อจะฆ่าตัวตาย ชินอ๋องตกใจแต่เขาก็ดึงดาบกลับไม่ทัน
“ฉึบ”
“โอ๊ย ท่าน….”
จ้าวซีเฟยดีดเข็มเงินเล่มหนึ่งสกัดจุดนางเอาไว้ก่อนที่จะถึงดาบ ทำให้นางขยับตัวไม่ได้ ชินอ๋องตกใจ รีบเก็บดาบคืนเว่ยอี ทั้งคู่ยืนตกใจกับความว่องไวของเข็มที่พระชายาปล่อยออกมาจัดการกับนาง แต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“เจ้าอย่าได้คิดจะกัดลิ้นตัวเองด้วย เพราะข้าสกัดจุดให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ให้พูดได้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ฆ่าตัวตาย”
“ฟิ้วว ฉึก”
ลูกดอกอาบยาพิษพุ่งเข้าใส่หน้าผากของสาวใช้อย่างแม่นยำ นางยังอยู่ในท่าตกใจ ก่อนที่จะล้มลงต่อหน้าทุกคน
“อยู่ข้างนอก เร็วเข้า”
ชินอ๋องสั่งเว่ยอี รีบออกไปไล่ดู พักใหญ่ๆ จึงกลับมา
“ลูกดอกพิษ ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ อาศัยช่วงจังหวะที่เผลอแล้วโจมตี”
ถังมู่เหรินหันไปหาจ้าวซีเฟย ที่ยืนตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาเข้ามาพยุงนาง
“ซีเฟย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไรเพคะ เพียงแต่ เพียงแต่ว่า ….”
ซีเฟยมองภาพสยดสยองตรงหน้า ตัวแข็งทื่อ นางไม่เคยเห็นคนโดนฆ่าต่อหน้าต่อตาอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้มาก่อน ตอนนี้คงต้องทำใจให้เข้มแข็งมากกว่านี้ นับจากนี้ไป คงมีเรื่องแบบนี้อีกมาก เพียงแต่กะทันหันแบบนี้ นางเลยรับไม่ทัน
“ทหาร เอาตัวนางออกไปก่อน”
“ซีเฟย เจ้าไม่เป็นอะไรนะ มานั่งนี่ก่อน”
มู่เหรินพยุงนางมานั่งที่เก้าอี้
“ถึงนางไม่บอก ข้าก็พอจะเดาได้ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“แต่พระองค์ไม่มีหลักฐาน เรื่องนี้ต้องตรวจสอบโดยละเอียดนะเพคะ”
“ท่านหมอ อาการของพระชายา ท่านพอจะมีทางช่วยหรือไม่”
“ทูลท่านอ๋อง พิษในพระวรกายนั้นมีหลายชนิด การที่จะรักษาในคราวเดียวย่อมเป็นไปได้ยาก แต่บางพิษ เราค่อยๆ ถอนได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านหมอ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ทูลท่านอ๋อง บางชนิดขับออกได้โดยการฝังเข็มรักษา บางชนิด ถอนได้ด้วยการดื่มยาสม่ำเสมอ เอ่อ บางชนิดก็เอ่อ ….คือว่า”
“ท่านหมอ ไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าทราบดี วันนี้เชิญท่านกลับไปก่อน แล้วเรื่องนี้ ข้ารบกวนท่าน…”
“พระชายาไม่ต้องกังวล ข้าดูแลท่านอ๋องมานาน ข้ารู้สิ่งใดควรพูด ไม่ควรพูด กระหม่อมจะกลับไปจัดยาบางส่วนมาให้พระชายา มีทั้งยาดื่ม และยาสำหรับแช่น้ำอาบ ส่วนเรื่องฝังเข็ม ท่านน่าจะมีผู้ที่เชี่ยวชาญทำให้แล้ว”
“ขอบคุณท่านหมอ อันเหมย เจ้าไปส่งท่านหมอ และรับยามาให้ข้าที”
“เพคะ พระชายา”
ถังมู่เหรินงุนงงกับที่ซีเฟยคุยกับท่านหมอ นี่มันเรื่องอะไรกัน
“ซีเฟย ที่ท่านหมอพูดไม่จบ คือเรื่องใดกัน วิธีถอนพิษให้เจ้า หากไม่ถอนออก เจ้าจะต้อง……”
“พระองค์อยากทราบหรือเพคะ”
“ความปลอดภัยของเจ้า คือเรื่องที่ข้าต้องรับผิดชอบในฐานะพระสวามี เจ้าบอกมาเถอะ ต่อให้ยากแค่ไหน ข้าก็จะต้องช่วยเจ้า”
ซีเฟยรู้สึกอบอุ่นใจกับคำพูดของเขา นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุการณ์นี้หรือไม่ ที่ทำให้เขาดูห่วงใยนาง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตลอดครึ่งปีที่นางอยู่ที่นี่
"มันก็ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเพคะ เพียงแต่ บางพิษ ต้องถอนด้วยการ..
จู่ๆ นางก็หน้าแดงขึ้นมา
“ด้วยอะไร ยา หรือสมุนไพรหายาก”
“ไม่ใช่เพคะ คือว่า ต้อง… แก้พิษด้วยการร่วมรักกันเพคะ”
ซีเฟยยกมือขึ้นมาทำท่ากระแอม ถังมู่เหรินทำมือค้างเอาไว้ อย่างไรนะ เมื่อกี้นางบอกว่า ร่วมรักกัน เช่นนั้นหรือ
“นั่น นั่นมันก็ไม่เห็นยากเลยนี่ คือ เรื่องแบบนี้ ข้าว่า เราก็แต่งงานกันแล้ว เจ้า ว่ามั้ยล่ะ คือ แบบว่า มันก็เป็นเรื่องปกติ ข้า ช่วยเจ้าได้ หากเจ้า ไม่ว่าอะไรก็ ข้าจะช่วยเจ้าเอง”
“เอ่อ พระองค์ไม่ต้องลำบากหรอกเพคะ พิษตัวนี้ แค่ฝังเข็ม ก็สามารถยับยั้งเอาไว้ได้เพคะ”
“ฝังเข็มน่ะ มันช่วยได้แค่ชั่วคราว จะเหมือนกับการช่วยเหลือโดยตรงได้เช่นไรกัน”
“เอาเป็นว่า ไว้วันไหนหม่อมฉันต้องการความช่วยเหลือ จะปรึกษาพระองค์นะเพคะ”
“ทำไมล่ะ เจ้ารออะไรงั้นหรือ”
ถังมู่เหรินถามนาง เพราะเขากับนางเอง แต่งงานกันมาได้เกือบหกเดือนแล้ว และตอนนี้หมอหลวงก็ตรวจเจอว่านางยังเป็นสาวพรหมจรรย์อยู่ หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเขาต้องหาทางรับมือ
“หม่อมฉัน ต้องแก้พิษตัวอื่นก่อนเพคะ ค่อยๆ แก้ไปทีละนิด พิษตัวนี้ เอาไว้แก้ทีหลังได้เพคะ เพราะว่า…..”
“เพราะว่า……..”
“มันต้องแก้พิษ มากกว่าห้าครั้ง พิษถึงจะสลายหมดเพคะ”
ถังมู่เหรินเดินเข้ามาหานางช้าๆ และก้มหน้าลงมาเกือบจะติดหน้านาง
“แล้วอย่างไรล่ะ พระชายา ข้าช่วยเจ้าได้ มากกว่าห้าครั้ง ได้อยู่แล้ว”
ใกล้เกินไปแล้ว ซีเฟยคิด ถึงแม้นางจะทำใจไว้แล้วว่าตัวนางอภิเษกมาเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ เรื่องแบบนี้ ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่ก่อนที่จะมา นางหวังว่าสักวัน จะได้เป็นอิสระ นางไม่อยากผูกชีวิตของนางไว้กับวังหลวง
นางอยากออกเดินทางช่วยเหลือผู้คนด้วยวิชาแพทย์ที่นางศึกษามา เพียงแต่ตอนนี้ นางเหมือนจะเริ่มหวั่นไหวให้กับท่านอ๋องรูปงามที่อยู่ข้างหน้านางเสียแล้ว เพียงแต่ เขาช่างเย็นชา และอารมณ์ร้อน นางไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับนางกันแน่
“ท่านอ๋อง พระองค์ อย่าทรงล้อหม่อมฉันเล่นสิเพคะ เรื่องนี้ มันสำคัญนะเพคะ”
ถังมู่เหรินอดใจไม่ไหวจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้นาง ยิ่งยากที่จะควบคุมจิตใจให้สงบนิ่งได้ เขาประกบปากเข้ากับริมฝีปากบางนั้นอย่างอ่อนโยน เขาต้องการขอโทษเรื่องที่เขาโมโหใส่นางเมื่อตอนบ่าย เขาค่อยๆ บดขยี้ปากเข้าไป ซีเฟยที่กำลังตกใจอยู่ทำอะไรไม่ถูก จู่ ๆ เขาก็จูบอย่างรวดเร็ว นางจับไหล่เขาไว้ เขาขยับเอวนางเข้ามาชิดตัวเขา
“ข้าพังประตูห้องเจ้าไปแล้ว ถ้าอย่างไร คืนนี้ เจ้าต้องย้ายห้องนอนแล้วล่ะ พระชายา”
เขาช้อนตัวซีเฟยขึ้นมา และพาเดินกลับไปที่ห้องบรรทม ที่เคยใช้เป็นห้องหอของเขาและนาง………
“ท่านอ๋องเพคะ อย่าพึ่งสิเพคะ หม่อมฉันยังไม่พร้อม”
“พระชายา ข้าก็ไม่ได้จะทำอะไรเจ้าเสียหน่อย เพียงแต่บอกว่าต้องย้ายห้องนอนชั่วคราว ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าพังประตูห้องเจ้าไปแล้ว”
“แต่หม่อมฉันนอนห้องรับรองก็ได้นะเพคะ ในตำหนักมีห้องเหลือตั้งหลายห้อง”
“เจ้าอยากจะให้บ่าวไพร่เอาไปนินทาหรือ ว่าเราแยกห้องนอนกัน ในเวลาที่มีคนร้ายบุกเข้าตำหนักแบบนี้”
ซีเฟยเงียบเสียงลง ปล่อยให้เขาอุ้มไปที่ห้องนอนเงียบๆ
หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องต้องห้ามนั่นแล้ว องค์รัชทายาทจึงได้คิดเปลี่ยนแผนทันที เขารู้อยู่แล้วว่าพวกเซี่ยหนานมากเล่ห์กล แต่ไม่คิดว่าจะกล้าทำกับเขา ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นราชบุตรเขย เขากลับเข้าห้อง และให้องครักษ์ส่วนตัวเข้ามาพบและปิดประตูอย่างแน่นหนาก่อนจะหารือกันในนั้นเกือบครึ่งชั่วยาม“พวกเจ้าแยกกันทำงาน อย่าให้ใครจับได้ล่ะ”“พ่ะย่ะค่ะ”“พวกเจ้าคิดไม่ซื่อก่อน จะหาว่าข้าโหดเหี้ยมไม่ได้นะ”พยัคฆ์น้อยอย่างเขาก็ใช่ว่าจะน้อยเล่ห์เสียเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะกลศึกหรือกลยุทธ์ในการจัดการคน เขาก็มิได้ด้อยไปกว่าชินอ๋อง หรือพี่น้องคนใดในชิงโจว เพียงแต่เขา ชอบวางแผนและให้ผู้อื่น ออกไปรบแทนเขาก็เท่านั้นเอง เขาไม่ได้ชอบจับดาบสู้รบเหมือนชินอ๋อง ที่ขึ้นชื่อว่าปิศาจสงคราม เพราะหน้าที่ของเขาคือกุนซือ แต่หากจำเป็น ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีฝีมือ สายตาเหี้ยมเกรียม มองไปยังพระตำหนักหรูหราสีขาวตรงหน้า ยอดพระตำหนักยังมีธงชัยของเซี่ยหนานโบกสะบัดอย่างท้าทายในความรู้สึกเขา“อีกไม่นาน ข้าจะเปลี่ยนธงนั่น เป็นธงของชิงโจวของข้า”3 วันถัดมาราชบุตรเขยถูกเชิญให้ร่วมประชุมเช้าของเซี่ยหนานด้วย เนื้อหาสาระในที่ประชุมก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป
“ข้าต้องรอการยืนยันก่อน ตราบใดคนของเรายังไปไม่ถึงชายแดน พวกเขาจะยังปลอดภัย กองกำลังที่มีอยู่ตรงนั้นเพียงพอแค่ต้านทัพเล็กของเซี่ยหนานเท่านั้น หากเขายกทัพใหญ่เข้าชายแดนมา เราอาจจะต้านไม่ไหว”“หากเป็นเช่นนั้นจริง เท่ากับว่าเซี่ยหนานหลอกให้พี่ใหญ่เข้าไปติดกับ และให้เขาเป็นตัวประกันเพื่อจะยึดอำนาจชิงโจว”“ข้าจึงเร่งมารือกับท่านอ๋องเรื่องนี้ ต้องเร่งป้องกัน ไม่ให้เขานำทัพข้ามฝั่ง และเข้ามาถึงเมืองหลวงได้ ไม่เช่นนั้น ความสูญเสีย อาจจะมากจนคาดไม่ถึง”“หากจะปะทะ ต้องป้องกันไม่ให้เขาข้ามที่ชายแดนมาได้ ต้องกันไม่ให้เขายกทัพมาถึงเมืองหลวง”การวางแผนตั้งทัพก่อนกำหนดจึงเริ่มขึ้น แต่ด้วยความเชี่ยวชาญการวางกลยุทธการศึกของชินอ๋อง เรื่องนี้ทำให้อาจารย์อารู้สึกเลื่อมใสในตัวชินอ๋องมากขึ้น พวกเขาปรึกษาการศึกนี้อยู่นานกว่าสามชั่วยาม เมื่อซีเฟยยกน้ำชาและอาหารรอบดึกมาให้พวกเขา “เฟยเฟย เจ้ามาพอดี มานั่งนี่สิ ข้ากับท่านอา มีเรื่องจะหารือกับเจ้าด้วย”“เพคะ พวกเจ้าเอาของไปเก็บเถิด ข้าจะกลับพร้อมท่านอ๋อง”“เพคะ”อันเหมยและอาเหยาเก็บชุดอาหารชุดเดิมออกไป ก่อนที่พวกนางจะกลับไปพักผ่อน ตามคำสั่งของพระชายา พวกเขาอยู่ใ
เขาจูบนางอย่างหนักหน่วงราวกับเป็นการลงโทษ ซีเฟยเองก็รู้ตัวว่ามีความผิด นางยอมรับโทษแต่โดยดี หากขัดขืน เกรงว่าคืนนี้อาจจะไม่มีชีวิตรอดออกไปจากรังหมาป่านี้แน่นอน“อ๊าา ท่านพี่ ท่าน เบาลงหน่อย อ๊าา”เขาเลื่อนลงมาโลมเลียหน้าอกทั้งสองของนาง สลับกับเคล้าคลึงเล่นอย่างหิวกระหาย รุนแรงกว่าทุกครั้ง นางทำได้เพียงกอดเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะผลักนางเบาๆ ให้ลงไปนอนแผ่บนเตียง“เฟยเฟย เจ้าทำให้ข้าโกรธ”ซีเฟยมองหน้าเขาอย่างสำนึกผิดเล็กน้อย นางเอื้อมสองมือไปจับแก้มเขาเบาๆ“ไหนพระองค์บอกว่าจะไม่หึงพี่เยว่เทียนแล้วอย่างไรเล่าเพคะ เหตุใดถึงยัง อ๊ะ..”เขาดึงนิ้วนางไปกัดเล่นและดูดเป็นจังหวะจนนางรู้สึกเสียววาบแปลกๆ“ข้าไม่หึงเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ควรมาทดสอบความอดทนของข้า เข้าใจหรือไม่”กระต่ายน้อยทำหน้าสำนึกผิดต่อหมาป่าผู้หิวโหย มีหรือว่าเขาจะฟังเหตุผล ในเมื่อเขาหาเรื่องจะกินกระต่ายตัวนี้อยู่แล้ว..“หม่อมฉันรู้ผิดแล้วเพคะ พระองค์อย่ารุนแรงนักเลยเพคะ ชุดผ้าต่วนนั่นราคาสูงนักนะเพคะ หม่อมฉันอุตส่าห์ อ๊าาา มู่เหริน อ๊าา อึ๊ยยยย”นางไม่อาจจะต้านทานอารมณ์หึงหวงของเขาได้เลย สามีของนางไม่เคยยอมให้นางพูดถึงบุรุษใดนานเกินไป เ
เมื่อผ่านงานอภิเษกมาแล้ว องค์รัชทายาททูลขอฝ่าบาทเดินทางไปยังแคว้นเซี่ยหนาน เพื่อแสดงความเคารพต่อ เหมยต้าจื่อหลง ฮ่องเต้ของแคว้นเซี่ยหนานในฐานะราชบุตรเขย ครั้งนี้เป็นหน้าที่ของจวิ้นอ๋อง หรือองค์ชายสี่นำส่งเสด็จพร้อมกับแม่ทัพซู่อีอี ซึ่งก่อนออกเดินทางพระสนมหลินมาแจ้งข่าวดีกับทั้งคู่ว่า ฝ่าบาทจะออกราชโองการเรื่องงานสมรสของพวกเขา หลังจากที่ไปส่งองค์รัชทายาทกลับมา สร้างความดีใจให้กับองค์ชายสี่ยิ่งนัก“อีอี เจ้าได้ยินหรือไม่ เสด็จแม่บอกว่าเสด็จพ่อจะออกราชโองการสมรสให้เราแล้ว ลูกขอบพระทัยเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะที่ทรงช่วยเรื่องนี้”“ขอบพระทัยพระสนมเพคะ”“อีอี เจ้าเรียกผิดแล้วล่ะ เจ้าต้องเรียกว่า เสด็จแม่ถึงจะถูก”“แต่ข้ายัง……”“อีอี เจ้าฝึกเรียกไว้ก็ไม่เสียหลายหรอกนะ เข้ามานี่สิ”พระสนมหลินเรียกนางเข้าไปหาอย่างรู้สึกเอ็นดู อีอีเป็นเด็กสาวที่นางเห็นมาตั้งแต่เด็ก วันนี้นางโตพอที่จะออกเรือนแล้ว และยังแต่งให้ลูกชายของนางอีกด้วย เท่ากับว่านางไม่ได้เสียใครไป พระสนมหลินยื่นกำไรหยกสีเขียวอ่อนในกล่องไม้หรูหราส่งให้นาง“พระสนมเพคะ นี่คือ..”“ของหมั้น ข้าให้เจ้า รับเอาไว้นะเด็กดี ของหมั้นอื่นๆ ข้าจะจัดการตาม
“องค์หญิง นี่เจ้า….”“หากท่านยอมตกลง ตราแม่ทัพสองอันนี้ จะเป็นของท่าน”องค์รัชทายาทมองป้ายทองในมือของนาง นั่นคือป้ายสั่งการกองทัพของเซี่ยหนาน มีอันเล็กกับอันใหญ่“หรือว่าท่าน ยังอาลัยอาวรณ์น้องชายต่างมารดาอยู่อย่างนั้นหรือ องค์ชาย คิดการใหญ่อย่าได้มีสัมพันธ์กับผู้ใดให้มากนัก แม้แต่พี่น้อง ท่านก็ต้องยอมเสียสละ เพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ว่าอย่างไร”องค์รัชทายาทมีสีหน้าลังเลอยู่เล็กน้อย นี่เขายังมีจิตใจห้วงหนึ่งที่ยังห่วงพี่น้องอยู่ เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายพี่น้อง หากไม่จำเป็น เขาคิดเพียงแค่ข่มขู่ให้เสด็จพ่อสละราชบัลลังก์ และยึดอำนาจทางการทหารของชินอ๋องเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะฆ่าเขา ถึงจะส่งคนไปฆ่าชินอ๋อง แต่ก็ไม่ได้อยากลงมือเอง“เหตุใดต้องฆ่าเขา เจ้าต้องการแค่ชีวิตของพระชายามิใช่หรือ เจ้าไม่ได้รักเขาหรอกหรือ”“รัก หึ ข้าน่ะหรือ ถึงข้าจะรัก แล้วเช่นไรล่ะ ตอนนี้ข้าเป็นพระชายาของท่าน เป็นว่าที่ฮองเฮาในอนาคตอันใกล้ แล้วข้าจะเก็บเขาไว้ทำไม ในเมื่อเขาไม่เคยคิดมีใจให้กับข้าเลย ท่านอย่าลืมสิ ว่าใครเป็นผู้ที่ทำให้ท่านอับอาย อย่าลืมว่าใคร เป็นคนบีบให้ท่าน แต่งงานกับสตรีเช่นข้า ทั้งๆ ที่เขารู้อยู่แล้ว ว่าข้
วันนี้ในวังหลวงคึกคักมากเป็นพิเศษ ตั้งแต่ประตูเข้าวังหลวง ยาวมาถึงลานพระราชพิธี ทั่วทั้งพระตำหนักบูรพา และท้องพระโรง ต่างประดับและตกแต่งด้วยดอกไม้และโคมมงคลสีแดง ทั่วทั้งวังหลวง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวันพิธีมงคลสมรสขององค์รัชทายาทและองค์หญิงแคว้นเซี่ยหนานรถม้าของชินอ๋องค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่วังหลวง แม้แต่รถม้าของเหล่าบรรดาแขกทั้งเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนาง ต่างก็ประดับประดาด้วยผ้ามงคลสีแดงทุกๆ คัน ซีเฟยเห็นลานพระราชพิธีที่ปูผ้าแดงนี้ แล้วนึกย้อนไปถึงวันที่นางมาถึงที่นี่เป็นวันแรก วันนั้นทั้งรู้สึกตื่นเต้น หวาดกลัว เหงาและโดดเดี่ยว และไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองแต่วันนี้ ที่นางได้เข้ามาที่นี่อีกครั้ง พร้อมกับมือคู่นี้ ที่จับนางและเดินเข้าท้องพระโรงไปพร้อมกัน กลับอบอุ่นยิ่งนัก เขาคือคนรักของนาง เป็นทั้งพระสวามี ครอบครัว และชีวิตที่เหลือของนาง วันนี้นางไม่โดดเดี่ยวอีกและ เมื่อหันไปมองหน้าเขา และเขาก็ส่งยิ้มบางๆ มาให้นาง“เฟยเฟย เจ้าคิดอะไรอยู่งั้นหรือ กำลังคิดเรื่องเดียวกันกับข้าหรือไม่”“พระองค์คิดเรื่องใดเล่าเพคะ”“ข้าคิดถึงวันที่มารับตัวเจ้าที่นี่ วันแรกที่เราได้พบกัน นึกแล้ว เวลาช่างเ