Masuk"ท่านอ๋องเพคะ ปล่อยหม่อมฉันลงก่อนเพคะ"
“ทำไมล่ะ เจ้าจะเปลี่ยนใจอีกแล้วหรือ”
“พระองค์ปล่อยหม่อมฉันก่อนสิเพคะ”
ถังมู่เหรินปล่อยนางอย่างจำใจ นางเปิดห้องนอน และหันมาบอกเขา
“พระองค์ถอยออกไปก่อน เร็วเข้าสิเพคะ”
มู่เหรินถอยออกไปตามที่นางสั่ง เขาเริ่มไม่เข้าใจที่นางทำ
“เจ้าทำอะไรน่ะ หรือเจ้าคิดว่า ในห้องนี้ ก็ถูกวางยาพิษด้วยเหมือนกัน”
ซีเฟยแง้มประตูและสอดมือเข้าไปในห้อง นางเอามืออุดจมูกไว้ สักครู่เดียว นางก็ดึงมือกลับมา เข็มเงินในมือนาง เปลี่ยนเป็นสีดำ
“มีพิษ ห้องนี้ก็มีกำยานพิษ ท่านอ๋อง คืนนี้เราเข้าไปพักห้องนี้ไม่ได้เพคะ”
“ช่างโหดเหี้ยมนัก กะจะฆ่าคนทั้งจวนเลยหรืออย่างไรกัน”
ซีเฟยนึกขึ้นได้ ตามคำพูดของเขา นางรีบวิ่งออกไป
“ซีเฟย พระชายา เจ้าจะวิ่งไปไหนน่ะ รอก่อน ซีเฟย”
เขาวิ่งตามนางออกไป นางวิ่งออกไปที่ลานปลุกสมุนไพร และส่งเสียงเรียก
“เว่ยอี อันเหมย เสี่ยวหลง พวกเจ้าออกมานี่ให้หมด”
พวกบ่าวไพร่ต่างวิ่งกรูกันออกมาที่ลานกว้างกัน ไม่ใช่แค่พวกที่มีชื่อที่พระชายาเรียก ทุกคนต่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“พระชายา กระหม่อมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มู่เหรินหันไปมองเว่ยอี นี่องครักษ์เขา เชื่อฟังพระชายาของเขาขนาดนี้เลยหรือ
“พระชายา พบอะไรผิดปกติหรือเพคะ”
“เว่ยอี เสี่ยวหลง พวกเจ้ารีบให้บ่าวไพร่ สาวใช้ ออกมารวมกันที่ลานนี้ให้หมด ห้องไหนมีกระถางกำยาน หรือเตาน้ำมันหอม ให้เอาออกมาให้หมด เร็วเข้า เดี๋ยวนี้เลย รีบไปสิ”
""พ่ะย่ะค่ะ / เพคะ""
เว่ยอี และ เสี่ยวหลงรับคำสั่ง และรีบวิ่งไปเรียกบ่าวไพร่และสาวใช้ทุกคนออกมาที่ลานกว้างของตำหนัก ซึ่งปกติชินอ๋องเอาไว้ฝึกเพลงดาบและวิชายุทธ
“อันเหมย เจ้าไปกับข้า ตรวจดูทุกห้องในตำหนัก ว่ามียาพิษอยู่หรือไม่”
“พระชายา เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าบอกว่า จะค้นทุกห้องเลยหรือ นี่มัน หนักเกินไป”
“เป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่ต้องห่วงเพคะ หากมีพิษอยู่ทุกที่จริง เราจะได้แก้ไข แต่จริงๆ ตอนนี้ เราต้องย้ายทุกคนออกจากจวนก่อน เพื่อไม่ให้ถูกพิษนี้ แม้สูดดมเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ร่างกายรับพิษได้”
“พระองค์ก็ต้องกินยาแก้พิษนี้ไว้ด้วย เมื่อกี้ เราเกือบจะเข้าห้องไป”
ซีเฟยเอายาพิษและป้อนยาให้ชินอ๋องถึงปาก เขาอ้าปากกินโดยง่าย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขายอมกินยาแก้พิษที่นางเอาให้ เขาจึงเชื่อใจนางได้
“ซีเฟย นี่คือยาอะไรงั้นหรือ”
“ยาห้าอสูรเพคะ ต้านพิษได้”
“มันทำมาจากอะไรงั้นหรือ ขมจัง”
“พิษของสัตว์ห้าอย่างเพคะ แมงป่อง แมงมุม ดีงูเห่า ตะขาบ กบ เอาพิษของสัตว์ห้าอย่างนี้ มาผสมกับน้ำผึ้งเดือนห้า และปั้นเป็นยา พิษจะต้านพิษเพคะ สูตรลับของอาจารย์ พวกหม่อมฉันต้องเก็บไว้กับตัวเสมอ”
“เจ้า ทำเองหรือ”
“เพคะ สัตว์มีพิษพวกนี้ ที่นี่หาได้ง่ายกว่า ในตลาดมืดมีเยอะ อันเหมยไปซื้อมาให้เพคะ”
“มิน่า เจ้าดูรู้เรื่องตลาดมืดของเมืองหลวงชิงโจวดีจัง”
“ข้าเพียงหาวัตถุดิบปรุงยาเพื่อรักษาคนเท่านั้นเพคะ เรื่องอื่น หม่อมฉันไม่ใคร่ที่จะสอดรู้เพคะ”
มู่เหรินหันไปมองซีเฟย นี่นางทำยาเอง ด้วยการรีดพิษของอสรพิษพวกนี้ด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ ไม่ทันที่มู่เหรินจะพูดต่อ เว่ยอี และเสี่ยวหลงก็วิ่งมา พร้อมกับพวกบ่าวไพร่ทั้งหมดในตำหนัก ที่หน้าตาแตกตื่นตกใจว่าถูกเรียกออกมาช่วงกลางดึกเพราะเหตุใดกัน
“ทุกคนเอากระถางกำยานวางไว้ที่ลาน เร็วเข้า แล้วออกให้ห่างจากตรงนั้น”
ซีเฟยสั่ง เหล่าสาวใช้ต่างรีบนำเอากระถางกำยานมาวางตามที่พระชายาสั่ง อันเหมยเดินไปตรงไปที่กระถางกำยานนั่น และเริ่มตรวจสอบทีละอัน นางใช้ผ้าปิดจมูก ก่อนที่จะไปตรวจกระถาง ซีเฟยดึงผ้าออกมาปิดจมูกตัวเอง ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยอันเหมย มู่เหรินเดินมากันไว้
“พระชายา เจ้าไม่จำเป็นต้อง..”
“ท่านอ๋อง ทุกชีวิตในตำหนักนี้ เป็นความรับผิดชอบของเราสองคน หม่อมฉันไม่อาจปล่อยให้ใครแม้แต่คนเดียวเกิดอันตรายจากแผนชั่วๆ นี่ พระองค์หลีกไปก่อนเพคะ”
“ให้ข้าช่วยเจ้าด้วย จะได้เสร็จเร็วๆ บอกวิธีข้ามา ข้าจะช่วยเอง”
ซีเฟยหันมามองหน้าเขา นางยื่นเข็มเงินแถวหนึ่งให้เขา บอกวิธีใช้งาน และพวกเขาก็เริ่มตรวจสอบ
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันพบอันนี้ ที่มีพิษ”
“ซีเฟย เจ้ามาดูนี่สิ อันนี้เหมือนจะมีปัญหา”
พวกเขาจับกระถางที่มีปัญหา มาวางแยกเอาไว้ มีทั้งหมด 4 กระถาง จากทั้งหมด ซีเฟยหันมาถามสาวใช้
“พวกเจ้า จำได้หรือไม่ว่า กระถางกำยานนี่ มาจากห้องใดบ้าง”
สาวใช้คนหนึ่งเดินออกมา และชี้บอกซีเฟย
“ทูลพระชายา กระถางอันนี้ เป็นของห้องหนังสือท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเป็นคนไปยกมาเองเพคะ”
ซีเฟยเงยหน้ามองมาที่ชินอ๋อง
“อันนี้ เป็นของห้องเสวยเพคะ ข้าพึ่งเอาไปวางไว้ตอนเย็น”
“พระชายา อันนี้ของห้องกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ พระชายา อันสุดท้ายของห้องหม่อมฉันเพคะ อันอื่นๆ ไม่มีปัญหา”
“ใครเป็นคนถือกระถางกำยานสี่อันนี้ ให้ทุกคนเดินออกมา”
แต่ละคนเดินออกมา หนึ่งในนั้นคือเว่ยหลง และอันเหมย
“อันเหมย เอายาถอนพิษให้พวกเขากิน”
อันเหมยเดินแจกยาถอนพิษให้ทุกคน นางมองมาที่ท่านอ๋อง นางเดินมากระซิบให้ได้ยินเพียงสองคน
“คืนนี้เราต้องจัดหาที่ปลอดภัยพักก่อนเพคะ ส่วนบ่าวไพร่ สาวใช้ ไม่มีปัญหา สั่งปิดห้องที่ถูกพิษไว้ก่อน เว่ยอี กับ อันเหมย จัดหาห้องใหม่นอนไปก่อน แล้วเราค่อยปรึกษากันอีกทีเพคะ”
ชินอ๋องพยักหน้า และสั่งให้เว่ยอีแจ้งทุกคนให้กลับไปพักผ่อน และจัดห้องให้เขากับพระชายาไว้อีกหนึ่งห้อง เมื่อถึงห้องที่จัดไว้แล้ว ซีเฟยปิดประตู และรีบเดินมาหามู่เหริน
“เป็นอันชัดเจนว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พุ่งเป้ามาที่ท่านกับข้า และกำจัดแขนขาพวกเราด้วย”
“คงไม่คิดว่าเราจะหาพิษเจอ และสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
“มีคนคิดจะฆ่าหม่อมฉัน พระองค์คิดว่าหม่อมฉันจะอยู่เฉยๆ ได้หรือเพคะ กระถางที่มีพิษคือที่อยู่ในห้องนอนท่าน กับข้า ห้องของเว่ยอี อันเหมย ห้องอาหาร และห้องหนังสือของท่าน นี่มันชัดเจนมาก ตั้งใจเล่นงานพวกเรา และป้องกันไม่ให้มีใครมาช่วย เลยเก็บเว่ยอี และ อันเหมยด้วย ผู้บงการ ต้องเตรียมการเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี พระองค์ สงสัยใครบ้างหรือไม่เพคะท่านอ๋อง”
“คนที่คิดอย่างรอบคอบ ลงมืออย่างรวดเร็ว ลงโทษคนที่ทำพลาดได้เด็ดขาดขนาดนี้ ในวังหลวง คงมีแค่คนเดี
เช้านี้ บ่าวไพร่และนางกำนัลวังบูรพา ต่างก็พากันวิ่งจนวุ่นวาย เหตุด้วยพระชายามีพระอาการอาเจียนไม่หยุดและหมดแรงจนเป็นลมไป องค์รัชทายาทที่พึ่งทราบข่าว หลังจากออกว่าราชการที่ท้องพระโรง ถึงกับต้องสั่งเลิกประชุมก่อนกำหนด และรีบวิ่งกลับมาดูอาการพระชายาอย่างเร่งด่วน พร้อมคณะหมอหลวงก่อนที่เขาจะมาถึง ก็พบกับท่านอาจารย์ทั้งสาม ที่เข้าวังมาเพื่อเยี่ยมนางอยู่ก่อนแล้ว และตอนนี้ก็เป็นอาจารย์ปู่ ที่ดูอาการให้นางอยู่“อาจารย์อา อาจารย์ลุง ขออภัยที่ข้าไม่ได้มาต้อนรับพวกท่าน ข้า…”“องค์รัชทายาทอย่าได้เกรงใจ พวกข้าแค่แวะมา ไม่คิดว่าจะเจอลูกกวางน้อยป่วย ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ตาเฒ่าพิษดูอาการให้นางอยู่ นางไม่เป็นไรหรอก”“อาจารย์ทั้งสอง เชิญนั่งพักก่อนขอรับ”พวกเขานั่งรออยู่พักใหญ่ ก่อนที่อาจารย์ปู่จะเดินออกมา ด้วยท่าทีที่พวกเขามิอาจจคาดเดาได้ เมื่อเห็นเขา องค์รัชทายาทรีบปรี่เข้าไปหาอาจารย์ปู่ทันที และถามเขาอย่างร้อนรน“อาจารย์ปู่ขอรับ เฟยเฟยเป็นอย่างไรบ้างขอรับ มีอะไรร้ายแรงหรือไม่ นางถูกพิษอีกหรือไม่ หรือว่านาง หรือว่า….”“เจ้าจะสงบสติอารมณ์ก่อนได้หรือไม่ วิ่งตาตื่นตาแหก แล้วยกขบวนกันมาขนาดนี้เพื่ออะไร ใคร
จวนสกุลซู่ผ้าประดับสีแดง พร้อมกับโคมมงคล เสียงบรรเลงเพลงจากวงดนตรีที่ถูกจัดสรรมาเพื่องานมงคลในวันนี้โดยเฉพาะ เจ้าสาวในชุดสีแดง กำลังสวมชุดมงคลสีแดงปักด้วยดิ้นสีทอง ก่อนที่จะนั่งลงเพื่อจัดแต่งเครื่องประดับบนศีรษะ ก่อนที่พระชายาองค์รัชทายาทจะเสด็จเข้ามาพร้อมกับพระสนมแฝดอีกสองพระองค์“พระชายาและพระสนมหยินทั้งสองเสด็จ”ซู่อีอีซึ่งกำลังแต้มชาดสีแดงที่ปาก หันกลับมาด้วยความดีใจ ในที่สุดพี่ซีเฟยก็มาแล้ว นานหลายวันเลยที่นางไม่ได้พบกับผู้ใด เพราะต้องเก็บตัวตามธรรมเนียมโบราณก่อนออกเรือน “พี่เฟยเฟย ท่านมาแล้ว”“อีอี เรียบร้อยดีหรือไม่”“คารวะพระชายา พระสนมทั้งสอง”“ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”ซีเฟยเดินเข้ามาจับมืออีอีและพาไปนั่ง ก่อนจะแนะนำให้รู้จักผู้มาใหม่ ซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอ่อน อีอีมองหน้าพระสนมสองคนด้วยความสนใจ“นี่พระสนมหยินซวง และหยินเซียน ทั้งคู่เป็นพระสนมของฝ่าบาทถังมู่เจินแห่งเซี่ยหนาน”“คารวะพระสนมทั้งสองเพคะ อีอีไม่ทันได้กล่าวทักทาย โปรดประทานอภัย”“ไม่ต้องๆ พวกข้าไม่ค่อยวุ่นวายกับกฏระเบียบพวกนี้เท่าไหร่เจ้าค่ะ แม่ทัพซู่ตามสบายเถิด”“อีอี ไหนดูสิ วันนี้เจ้างดงามมากๆ อีกเดี๋ยวจวิ้นอ๋องก็จะ
ตำหนักบูรพาพวกเขาใช้เวลาฉลองและสังสรรค์กันตั้งแต่ช่วงค่ำจนดึก ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับไปที่ห้องบรรทมของตนเอง องค์รัชทายาทนั้นเดินเข้ามา เขาหน้าแดงเล็กน้อยเพราะร่วมดื่มกับฝ่าบาทมา“พระองค์เมาหรือเพคะ หม่อมฉันไปเตรียมน้ำมาล้างหน้าให้นะเพคะ”“ไม่หรอก ข้าก็เป็นแบบนี้แหละ ดื่มเพียงไม่กี่จอกก็หน้าแดง เจ้าไม่ต้องลำบากหรอก”“เฟยเฟย วันนี้ข้าเห็นพี่ใหญ่มาพร้อมกับพระสนมตั้งสองคน พวกนางมีความคิดแปลกๆ ข้าเองฟังดูแล้ว ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก”“อย่างไรเพคะ”“พี่ใหญ่บอกว่า เขามีพระสนมในวังหลังประมาณยี่สิบสองคนได้ ทุกคนเข้าวังมาพร้อมๆกัน รักใคร่กลมเกลียวกันดี และพระสนมแฝด ก็มักจะพาพวกนางสลับมารับใช้พี่ใหญ่ ร่วมกับพวกนาง ข้าเพียงนึกสงสัยว่า ทำแบบนั้น มันจะไม่…”“มันก็เป็นเพียงวิธีการแบบหนึ่งเพคะ หม่อมฉันไม่ได้นึกแปลกใจอันใด เพราะในอดีต พวกอดีตฮ่องเต้ก็มีพระสนมหลายคน และก็มีบางพระองค์ที่ชอบให้พระสนมหลายๆคนมาปรนิบัติพร้อมๆกัน”“งั้นหรือ”“มู่เหริน ท่านอยากได้แบบนั้นหรือเพคะ ออ ที่มาถามข้าเพียงเพราะเหตุนี้เองสินะ เข้าใจแล้ว พระองค์เพียงแค่อยากลองแบบนั้นบ้าง รับพระสนมเพิ่ม หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ”ซีเฟ
วังหลวง แคว้นชิงโจว“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ”ฝ่าบาท ฮองเฮารวมไปถึงองค์รัชทายาทและพระชายา พร้อมกับจวิ้นอ๋อง ยิ้มอย่างยินดีกับการมาเยือนของฮ่องเต้แคว้นเซี่ยหนานในครั้งนี้ ก่อนที่ฝ่าบาทจะพูดขึ้น“ฝ่าบาท พระองค์เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย มานั่งพักก่อนเถิด พระสนมทั้งสอง เชิญๆ”ถังมู่เจินลุกขึ้นได้ ก็เดินเข้าไปหาฮองเฮาพร้อมกับสวมกอดนางอย่างคิดถึง ทุกคนยิ้มให้กับภาพที่น่าปราบปลื้มนี้ ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งกับพระสนมทั้งสอง“ลูกพ่อ นี่คือ ลูกสะใภ้คนใหม่ของข้างั้นหรือ”“ทูลเสด็จพ่อ ทั้งสองเป็นพระสนมของลูกเองพ่ะย่ะค่ะ หยินซวง และหยินเซียน ทั้งคู่ เป็นฝาแฝดกันพ่ะย่ะค่ะ”“โอโหพี่ใหญ่ ท่านยอดเยี่ยมไปเลย มาช้า แต่มาทีละสอง ยอดบุรุษแห่งเซี่ยหนานน ฮ่าๆๆ”“น้องสี่ เจ้าจะเข้าพิธีสมรสอยู่แล้ว เหตุใดไม่สำรวมกิริยาเลยสักนิด อยากไปคัดบทสำนึกตนอีกร้อยแปดจบที่ศาลบรรพชนก่อนเข้าพิธีหรือไม่”“องค์รัชทายาทโปรดอภัย กระหม่อมไม่กล้าแล้ว ขอโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”“ฝ่าบาท ระหว่างทาง เรียบร้อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ถังมู่เหรินถามพี่ชายอย่างเป็นห่วง เขาไม่ได้เจอพี่ใหญ่ ตั้งแต่หลังเหตุการกบฏซิ
แคว้นเซี่ยหนาน โดยการปกครองของถังมู่เจิน นับว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดตั้งแต่มีการก่อตั้งแคว้น ไม่ว่าจะด้านการค้าขายกับต่างแคว้น การเมืองการปกครอง และการศึก ถือว่าแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าแคว้นใหญ่ ๆ อย่างชิงโจวเมื่อมู่ถังเจินได้ขึ้นครองราชย์ผ่านไปเกือบสามเดือน เหล่าบรรดาขุนนางต่างๆ ล้วนมีพระราชฎีกาเสนอส่งให้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ แต่งตั้งพระสนม และฮองเฮา ซึ่งก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทสนใจแต่พระราชกรณียกิจเกี่ยวกับบ้านเมืองทั้งสิ้น แต่เมื่อบัดนี้ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย หลังจากเหตุการณ์กบฏซิวยี่ แคว้นเซี่ยหนานก็คืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง“กราบทูลฝ่าบาท ฎีกาสำคัญในวันนี้ มีแต่ เอ่อ....”“ไม่พ้นเร่งให้เราแต่งตั้งพระสนมเข้ามาในวังหลังเพิ่มใช่หรือไม่ท่านราชครู”“พ่ะย่ะค่ะ”“ที่มีอยู่แล้วเกือบยี่สิบคนนั่นยังไม่พออีกหรือไงนะ ข้าพึ่งรู้ว่าพวกท่าน ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากกว่าการปกครองบ้านเมืองและประชาชนให้มีความสุข เฮ้อ แต่ก็นั่นแหละนะ ข้าก็พอเข้าใจความหวังดีของพวกท่านได้ ตกลง อีกเจ็ดวัน ท่านก็ประกาศออกไปว่าเราจะรับสมัครพระสนม สตรีที่อยู่ในวัยที่เหมาะสม และชาติตระกูลที่เหมาะสม สามารถเข้ามารับการคัดเลือกพระส
ชิงโจวเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ที่นี่ ความหนาวเบาบางมากกว่าที่แคว้นเยี่ยนมากนัก หลังจากข่าวชินอ๋องกลับสู่ชิงโจว ก็มีการประชุมราชสำนักครั้งใหญ่ เพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทแห่งชิงโจวคนใหม่ ซึ่งขุนนางทุกหมู่เหล่ารวมถึงสมาชิกในราชวงศ์ต่างลงความเห็นว่า ถังมู่เหริน ชินอ๋องแห่งชิงโจว มีคุณสมบัติที่เหมาะสมทุกประการที่จะขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เมื่อมติในที่ประชุมเป็นเอกฉันท์ จึงได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งองค์รัชทายาทขึ้นมา“ด้วยองค์การแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีรับสั่ง แต่งตั้งถังมู่เหริน องค์ชายรอง ชินอ๋องแห่งราชวงศ์ชิงโจว ขึ้นดำรงตำแหน่ง องค์รัชทายาทแห่งชิงโจว ณ บัดนี้เป็นต้นไป รับราชโองการ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”ด้วยเหตุการณ์กบฏสองแคว้น ทั้งที่เซี่ยหนานและแคว้นเยี่ยน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในราชสำนักของชิงโจว นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและมีการมอบบำเหน็จรางวัลกับเหล่าบรรดาขุนนางที่ทำความดีความชอบเอาไว้พร้อมกันอีกด้วยเมื่อรับตำแหน่งองค์รัชทายาทแล้ว ซีเฟยและองค์รัชทายาท ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในวังหลวง ซึ่งมีตำหนักขององค์รัชทายาทอยู่แล







