Share

บทที่ 10 เข้าร่วมกองทัพ

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-07-05 17:56:51

บทที่ 10 เข้าร่วมกองทัพ

ภายในห้องโถงส่วนตัว ขณะที่กำลังดื่มกินกันอย่างมีความสุขอยู่นั้น ฮองเฮาจึงได้ตรัสถามเจ้าของจวนขึ้นมา ทำให้อีกสามคนชะงักไปเล็กน้อย

“เยวียนสือ เจ้ามีความคิดที่จะแต่งกับสตรีใดหรือไม่”

“ยังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยขอรับ ข้ายังอยากใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลใด ๆ เช่นนี้ต่อไป ข้ายังไม่พร้อมที่จะมีสตรีนางใดมาข้างกาย”  เสวี่ยเยวียนสือตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

เมื่อได้ยินคำถามนั้น ฮ่องเต้จึงถามฮองเฮาด้วยความสงสัยและขบขัน “นี่เจ้าคิดจะหาภรรยาให้ศิษย์น้องข้าหรือ”

“ข้าคงไม่บังอาจขนาดนั้นหรอก เพียงอยากรู้เท่านั้นว่าเขาคิดจะมีคู่ชีวิตหรือไม่ อายุอานามก็ล่วงเลยเลขสามมาแล้ว หากเป็นคนอื่น ป่านนี้คงแต่งงาน หรือไม่คงมีอนุเป็นสิบแล้วอย่างเช่นท่านอย่างไรล่ะ” ฮองเฮาตอบกลับ ทำว่าคำกล่าวของนางเหมือนจะเหน็บแนมสามีอย่างไรไม่รู้ 

“เจ้าก็รู้ว่าข้าจำใจรับพวกนางไว้ ข้าไม่ได้ชอบพวกนางสักนิด” ได้ยินเช่นนั้น ฮ่องเต้จึงได้ตรัสออกมาด้วยความร้อนรน

“ไม่ได้ชอบพอ แต่ก็อยู่ด้วยกันจนมีลูก เช่นนี้ยังจะให้เชื่ออยู่อีกหรือ”

ฮ่องเต้และฮองเฮาหยอกล้อกันอย่างมีความสุข โดยที่มีสายตาของบุตรสาวคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา

โดยตัวนางก็ได้จินตนาการ แล้วใฝ่ฝันไปว่าตนกับท่านอาจะได้มีโอกาสได้หยอกล้อกันเช่นนี้สักครั้ง คิดถึงตรงนี้ หญิงสาวก็หันไปมองบุรุษข้างกายด้วยสายตาหวานชื่น และในครั้งนี้ก็ไม่รอดพ้นสายตาของผู้เป็นมารดาไปอีกเช่นเคย

เมื่อฮองเฮาได้เห็นเช่นนั้น ก็รู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที เนื่องจากฐานะของบุตรสาวนั้นสูงส่งอย่างมาก ส่วนชายผู้นี้แม้ฐานะของเขาจะไม่ต่ำต้อย แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าเหมาะสมกับบุตรสาวของนางอยู่ไม่น้อย

ความลังเลนี้จึงวนเวียนอยู่ในใจของฮองเฮาอย่างไม่จบไม่สิ้น ว่านางควรจะหาทางออกอย่างไรดี

ทางด้านแม่ทัพหนุ่มที่ถูกจับจ้องก็เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น ชายหนุ่มรู้ดีว่าองค์หญิงกำลังมองมาที่ตนด้วยสายตาเช่นไร แต่เขาก็ทำเสมือนว่ามองไม่เห็นสายตาคู่นั้นของนาง เพื่อจะไม่ได้เผลอมอบความหวังให้อีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ

หลังจากงานเลี้ยงในจวนแม่ทัพใหญ่ผ่านไปได้ไม่นานนัก ก็มีจดหมายจากชายแดน เพื่อแจ้งข่าวทางวังหลวงในเช้าวันหนึ่งว่า ยามนี้ชนกลุ่มน้อยจากหลายเผ่า รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่เพื่อที่จะโจมตีแคว้นอยู่ที่ชายแดน

กองกำลังรักษาเมืองทำได้เพียงแค่ต้านทานไว้ชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากกำลังทหารไม่เพียงพอ จึงรีบส่งม้าเร็วมาแจ้งข่าว เพื่อขอทัพเสริมไปช่วยรับศึก

เมื่อฮ่องเต้ได้อ่านจดหมาย ใบหน้าของพระองค์ก็มืดครึ้มขึ้นมาอย่างกังวลใจ

“ถ้าหากครั้งนี้ไม่จัดการให้เด็ดขาด ก็อย่ามาเรียกข้าว่า หลินเทียนตี้” ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะหันไปทางชายหนุ่มแล้วสั่งออกไป

“แม่ทัพใหญ่เสวี่ยรับคำสั่ง!”

“กระหม่อมเสวี่ยเยวียนสือ พร้อมรอรับพระบัญชา” ชายหนุ่มก้มศีรษะลงเพื่อรอรับคำสั่ง

“เจ้าจงนำทัพไปปราบพวกคนป่าเหล่านั้นให้หมดสิ้นเดี๋ยวนี้ ข้าให้เจ้าใช้กองกำลังทหารที่มีได้เต็มที่ และให้เจ้าสั่งการได้เพียงผู้เดียว” ฮ่องเต้ตรัสขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจ

“น้อมรับพระบัญชา พ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่ได้รับคำสั่ง แม่ทัพหนุ่มก็รีบก้าวเข้ามารับคำบัญชา ก่อนจะผละจากที่ประชุมไป เพื่อจัดเตรียมกองทัพให้พร้อมสำหรับการทำศึกครั้งนี้

“อะไรนะ! ท่านอาจะออกรบเพื่อไปปราบชนกลุ่มน้อยอย่างนั้นหรือ” เมื่อองค์หญิงหลินซูมี่ได้รับรู้ข่าวนี้ ก็เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

“ใช่แล้ว นี่ท่านแม่ทัพใหญ่ก็กลับไปเตรียมเดินทัพแล้ว” รัชทายาทที่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยก็เอ่ยขึ้น เขามาเพื่อส่งข่าวให้น้องสาว

เมื่อได้รับรู้เช่นนั้น หญิงสาวก็รีบตรงไปยังตำหนักของบิดาและเพื่อขอติดตามแม่ทัพใหญ่ไปร่วมทำศึกครั้งนี้ด้วย

“ท่านพ่อ ลูกอยากจะขอติดตามท่านอาไปปราบปรามชนกลุ่มน้อยด้วยเจ้าค่ะ” เมื่อมาถึงนางก็รีบแจ้งความต้องการของตนออกไปทันที

“ไม่ได้! มันอันตรายเกินไป เจ้าเป็นเพียงสตรีจะออกไปรบเช่นนั้นได้อย่างไรกัน” ฮ่องเต้ได้ยินก็ตอบสวนกลับมาทันทีเช่นกัน

“ท่านพ่อเจ้าคะ ถึงแม้ลูกจะเป็นสตรี แต่ท่านพ่อก็ได้ส่งลูกไปร่ำเรียนวิชาการศึกกับท่านอามาก็ไม่ใช่น้อย ถ้าหากร่ำเรียนมาแล้วไม่เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แล้วจะให้ลูกจะร่ำเรียนไปเพื่ออะไรเจ้าคะ อีกอย่าง การเดินทัพในครั้งนี้ก็มีทั้งแม่ทัพใหญ่และแม่ทัพคนอื่น ๆ ไปด้วย ลูกเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ปล่อยให้ลูกไปพบเจอกับเรื่องอันตรายหรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่อให้ลูกไปเถอะนะเจ้าคะ”

องค์หญิงหลินซูมี่ยังคงดื้อดึงจะไปให้ได้ นางยกเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลขึ้นมาอ้าง จนทำให้ฮ่องเต้อึ้งไป ทว่านางยังไม่ยอมหยุดเพียงแค่นั้น นางยังคงกล่าวถึงเหตุผลอื่นขึ้นมาอีก

“และแม้ภายในค่ายจะเต็มไปด้วยบุรุษ แต่ลูกก็มีความเข้มแข็งและห้าวหาญไม่แพ้ชายใด ลูกเชื่อว่าตนเองจะสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ เมื่ออยู่ในกองทัพเจ้าค่ะ”

หลินซูมี่กล่าวออกมารวดเดียวโดยไม่เว้นจังหวะ ราวกับหวั่นเกรงว่าหากปล่อยให้บิดาได้เปิดปากแม้เพียงนิด คำค้านจะพรั่งพรูออกมาจนยากที่นางจะโต้กลับได้

“ปล่อยให้นางไปเถอะเจ้าค่ะท่านพี่ นางจะได้รู้ว่าความยากลำบากของบรรพบุรุษ กว่าจะรวบรวมดินแดนมาได้เป็นอย่างไร”

เมื่อฮองเฮาที่นั่งอยู่ด้วย ได้เห็นแววตาอันมุ่งมั่นของบุตรสาวก็เอ่ยสนับสนุนทันที เนื่องจากในใจของนางมีแผนการบางอย่างเก็บซ่อนไว้อยู่

เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้น ภายในใจของเขารู้สึกหนักหน่วงขึ้นมา เพราะในยามนี้สายตาของคนทั้งสอง ต่างก็จ้องมายังเขาด้วยแววตาที่กดดัน

เมื่อถูกแรงกดดันจากภรรยาและบุตรสาวสุดที่รัก ในที่สุดพระองค์ก็จำต้องอนุญาต

“เช่นนั้นก็ได้...แต่เจ้าอย่าได้ปล่อยให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นอันขาด หากได้รับบาดเจ็บกลับมาเพียงนิดเดียว ข้าจะลงโทษแม่ทัพใหญ่ที่เป็นอาจารย์ของเจ้าอย่างหนัก”

ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างเด็ดขาด เพราะพระองค์รู้ว่าบุตรสาวจะไม่ทำให้ผู้ใดเดือดร้อนเพราะนาง โดยเฉพาะเสวี่ยเยวียนสือ

“เจ้าค่ะ ลูกจะระวังไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ”

ได้ยินอย่างนั้นก็ทำให้องค์หญิงใหญ่ตอบรับทันที พร้อมกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบกลับไปที่ตำหนักของตนเอง เพื่อเก็บของใช้ที่จำเป็นและหยิบกระบี่ที่ท่านแม่ทัพใหญ่เคยมอบให้ออกมาถือไว้อย่างมุ่งมั่น

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว นางก็ก้าวเท้าออกจากตำหนัก ในขณะนั้นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาก็ตรงเข้ามาหา พร้อมกับยื่นชุดเกราะอ่อนจันทราคาม ชุดเกราะประจำพระองค์ของฮองเฮามาให้

“นี่มันชุดเกราะของท่านแม่มิใช่หรือ” องค์หญิงรับมาพร้อมกับถามออกไปอย่างสงสัย

“ใช่เพคะ นี่คือชุดเกราะอ่อนจันทราคาม ฮองเฮาทรงให้หม่อมฉันนำเสื้อเกราะของพระองค์ มามอบให้องค์หญิงใหญ่เพื่อใส่ออกไปทำศึกเพคะ” นางกำนัลกล่าวออกมาอย่างนอบน้อม

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลินซูมี่ก็ถึงกับนิ่งงันไป ดวงตาไหวระริกด้วยความซาบซึ้งใจ เนื่องจากชุดเกราะนี้ในอดีตคือสิ่งที่มารดาเคยสวมใส่ในยามออกศึกเคียงข้างองค์ฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาของนาง

หลังจากได้รับชุดเกราะมาแล้ว นางก็ไม่รอช้ารีบสวมมันไว้ทันที ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังลานรวมพลในค่ายทหาร ที่แม่ทัพใหญ่ได้จัดเตรียมกองทัพนับแสนไว้แล้ว

และเมื่อได้ก้าวเข้าสู่กองทัพขนาดใหญ่ ทุกสายตาต่างก็จับจ้องมาที่นางด้วยความแปลกใจที่เห็นนางมาปรากฏตัวที่นี่

ยามนี้ใบหน้าของหลินซูมี่ ซึ่งแต่เดิมอ่อนหวานงดงามตามแบบสตรีในห้องหอ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความสง่างามที่เปี่ยมด้วยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว

และเมื่อเรือนร่างนั้นถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีเงินบริสุทธิ์ ภาพของนางในเวลานี้ จึงงดงามราวกับเทพธิดาแห่งสงคราม ที่ก้าวย่างลงจากฟากฟ้า เพื่อกวาดล้างเหล่ามนุษย์ผู้ก่อบาปอันใหญ่หลวง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ 2นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานฐานันดรศักดิ์อ๋อง ทั้งสองก็ได้กลับไปยังหมู่บ้านที่เคยพำนักอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไป เพราะพวกเขากลับมาพร้อมอำนาจเต็มมือหลินซูมี่ได้จัดสร้างจวนอ๋องขึ้นในหมู่บ้าน และยกให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางในการว่าราชการของเขตปกครอง ทำให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองหลวงของเขตปกครองเจียงซานและตงตู่นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้ประกาศยกย่องสุสานของราชวงศ์เป่ยโจวให้เป็นสุสานหลวง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อราชวงศ์เก่าแก่ในอดีตเขตปกครองแห่งใหม่นั้น มีการละเว้นการเก็บภาษีในหลายด้าน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งโรงทานและสร้างที่อยู่ที่กิน ให้แก่เหล่าผู้สูงวัยที่ไร้ผู้คนดูแล เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และได้รับการรักษาในยามเจ็บป่วยอย่างทั่วถึงอีกทั้งยังมีการสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และให้การศึกษาที่ดีต่อเด็ก ๆ เพื่อให้เติบโตไปทำคุณต่อบ้านเมืองทางด้านการขยายอาณาเขต ก็มีการออกปราบปรามชนเผ่าต่าง ๆ โดยรอบเมืองทางเหนืออยู่เนือง ๆทำให้ยามนี้ชนเผ่าเร่ร่อนอีกกว่าสี่สิบแปดชนเผ่า ได้เข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับแคว้นหลิน โดยอยู่ภายใต้การปกครองของเขตปกครองตนเองเจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่ 1นับตั้งแต่ที่ฮ่องเต้ได้ปลดองค์หญิงใหญ่ออกจากตำแหน่งให้เป็นเพียงสามัญชน ตัวของนางและเสวี่ยเยวียนสือ ก็ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านที่หลินซูมี่เคยหลบหนีมาอยู่อีกครั้ง โดยในครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เพราะนางไม่ต้องหลบซ่อนจากผู้ใดทั้งสิ้น อีกทั้งยังกำลังตั้งครรภ์“คารวะท่านผู้อาวุโส”เมื่อนั่งเรือข้ามฟากมาแล้ว หญิงสาวก็ทำความเคารพชายสูงวัยทันที เพราะนางไม่คิดมาก่อนเลยว่า ผู้อาวุโสจะมารับนางด้วยตนเอง“เจ้ากลับมาจนได้ ที่ผ่านมาข้าได้ให้คนคอยดูแลบ้านของเจ้าไว้อย่างดี รีบไปพักผ่อนเถิด” ชายชรากล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสั่งให้คนของเขามาช่วยทั้งสองขนข้าวของ“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” หลินซูมี่กล่างอย่างนอบน้อม“แล้วเป็นเช่นไรบ้าง ไปอยู่เมืองหลวงเสียพักใหญ่ สบายดีใช่หรือไม่ กลับมาคราวนี้ท้องก็ใหญ่ขึ้นแล้วสินะ” ผู้อาวุโสอินหยอกล้อด้วยรอยยิ้มที่เอ็นดู“ก็สบายดีเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ติดตามท่านพี่ไปชายแดนด้วย กว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ก็กินเวลาไปเสียนาน” หลินซูมี่กล่าวกับชายชราอย่างสนิทสนม“เช่นนั้นก็พักผ่อนเถิด เดินทางกันมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย เอาไว้พอตกเย็นค่อยมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรั

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่

    บทส่งท้าย คืนตำแหน่งให้องค์หญิงใหญ่“ครั้งหนึ่งเขาปรารถนาจะยึดเมืองหมิงตี้ เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเขาทำเช่นไร เขาจับบุตรีของเจ้าเมืองมาข่มเหงจนย่อยยับ จากนั้นก็ประกาศว่านางเป็นภรรยา แล้วใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างรวบรวมเมืองเข้ามาอยู่ในอาณัติของตน เมื่อเจ้าเมืองไม่ยินยอม เขาก็ยกทัพไปโจมตีจนแตกพ่าย และไม่ใช่แค่เพียงเมืองหมิงตี้ เมืองอื่นก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกันบุรุษผู้นั้นเอาแต่ใช้อำนาจที่มีทำลายชีวิตผู้คน เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตนเอง ทำให้มีสตรีมากมายต้องจบชีวิตลงด้วยความอัปยศเพราะเขา!” นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวอย่างเหี้ยมเกรียม “ในวันนี้ที่เขาต้องนอนป่วยไร้เรี่ยวแรง ข้าว่ามันก็เป็นผลกรรมที่คนเช่นนั้นสมควรได้รับแล้วมิใช่หรือ ฮ่าๆ”กล่าวจบหนิงอี้เสียนหวงกุ้ยเฟยก็หัวเราะอย่างสะใจ รอยยิ้มของนางเต็มไปด้วยความคั่งแค้น ที่ระบายออกมาราวกับเขื่อนแตก เสียงหัวเราะนั้นดังก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการให้ทุกผู้คนได้รับรู้ถึงความเจ็บลึกในใจของนางถ้อยคำของนางนั้นไม่เพียงกระทบใจผู้ที่อยู่ตรงหน้า แต่ยังแทรกซึมเข้าสู่จิตใจของเหล่าขุนนางอาวุโสที่ยืนรายล้อมอยู่ไม่ไกลเมื่อคำกล่าวเหล่านั้นจบลง ความเ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 56 ปราบกบฎ

    บทที่ 56 ปราบกบฎทางด้านกองทัพนอกเมืองหลวง เมื่อเสวี่ยเยวียนสือได้เห็นการจัดขบวนทัพที่อยู่บนกำแพงเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าทหารเหล่านั้นไม่ปรารถนาที่จะต่อสู้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นล้วนแล้วแต่แอบแสดงท่าทียอมจำนน “ท่านแม่ทัพใหญ่...ข้าว่าเวลาแห่งการชำระล้างความชั่วได้มาถึงแล้ว!” เสียงของแม่ทัพอุดรเหออี้ดังขึ้นด้วยความเคียดแค้น เขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้า แววตาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งโทสะที่ลุกโชนไม่สิ้นสุดเสวี่ยเยวียนสือก้าวขึ้นมายืนตรงหน้ากองทัพของตน ก่อนจะออกคำสั่งอย่างหนักแน่น “ทหารเตรียมพร้อม!” จากนั้นเพียงครู่เดียว เขาก็เปล่งเสียงสั่งการดังกึกก้อง “บุกได้!”เหล่าทหารที่รอคอยเพียงแค่คำนี้ ต่างตะโกนก้องพร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดันและพร้อมรบ ทว่าก่อนที่แม่ทัพอุดรเหออี้จะสั่งให้กระแทกประตูบานใหญ่เบื้องหน้า เสียงของการปลดกลอนประตูก็ดังขึ้นแทน จากนั้นประตูเมืองก็ค่อย ๆ แง้มเปิดออกจากด้านใน จนทำให้ทุกคนประหลาดใจ“ขอเชิญทุกท่านผ่านเข้ามาเถิดขอรับ พวกข้าต่างเฝ้ารอการมาถึงของท่านด้วยใจจดใจจ่อ!” เสียงของนายทหารที่เปิดประตูดังขึ้นด้วยความเคารพ แววตาสะท้อนทั้งความดีใจและความภักดีอย่างเหลือล้น“ขอบใจ

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้

    บทที่ 55 ช่วยฮ่องเต้จากนั้นองค์รัชทายาทรีบเขียนจดหมายฉบับหนึ่งส่งไปยังสถานที่ที่น้องหญิงของตนพำนักอยู่ ก่อนที่วังหลวงจะถูกทหารของปิงตี้เข้าควบคุมอย่างแน่นหนา ภายในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ทางออกทุกเส้นทางถูกปิดตาย สิ้นไร้การเชื่อมโยงกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง“ปิงตี้ นี่เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรอยู่ เจ้าจะทำก่อกบฏอย่างนั้นหรือ” หลินเฟยหลงเอ่ยขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือเช่นนี้“หึ! หลินเฟยหลง ตัวของเจ้าถ้าหากขาดน้องสาวที่เป็นมันสมองและแม่ทัพใหญ่ผู้ควบคุมกำลังทหาร เจ้าก็จะนับว่าทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง” ปิงตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย“หลินเฟยหลง หลินเฟยหมิง หลินต้าเหนิง ข้ายังไม่คิดลงมือกับพวกเจ้าตอนนี้หรอก เอาไว้ให้พวกเจ้ารวมตัวกันครบก่อน แล้วข้าค่อยพิจารณาอีกทีว่า จะจัดการเช่นไร ยามนี้ก็อยู่กับพ่อแม่ของพวกเจ้า และเป็นเด็กดีไปก่อนก็แล้วกัน”ปิงตี้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ก่อนจะสั่งให้นำทั้งสามไปคุมขังรวมกับผู้เป็นมารดาและฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ซึ่งในยามนี้อาการทรุดหนักจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้อีกแล้ว“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง ข้าขอโทษที่ไม่อาจร

  • องค์หญิงใหญ่ดวงใจท่านแม่ทัพทมิฬ   บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏ

    บทที่ 54 หวงกุ้ยเฟยก่อกบฏเมื่อผู้เป็นบิดาได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่บุตรสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก“เสวี่ยเยวียนสือ อย่างไรเสียข้าก็ขอฝากบุตรสาวของข้าให้เจ้าดูแลด้วย มี่เอ๋อร์นับว่าถูกข้าตามใจมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ถูกเจ้าอบรมสั่งสอนมาแต่เด็กเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่านางมีอะไรที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม เจ้าก็ค่อย ๆ สั่งสอนนางต่อไปก็แล้วกัน”ฮ่องเต้ได้หันไปตรัสกับศิษย์น้องของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าขอสาบานด้วยชีวิตของข้า ข้าจะดูแลมี่เอ๋อร์ให้ดีที่สุด ชีวิตของนางหลังจากนี้ จะต้องมีแต่ความสุขไร้ซึ่งความทุกข์ใด ๆ ทั้งสิ้น หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้ข้าไม่ตายดีในสามวันเจ็ดวัน” เสวี่ยเยวียนสือยกมือขึ้นแล้วเอ่ยคำสาบานออกไปด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและห้าวหาญ เมื่อฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก“เอาล่ะ แม้ว่าข้าอยากจะรั้งพวกเจ้าเอาไว้ให้นานกว่านี้ แต่ข้าคิดว่าเหล่าขุนนางทั้งหลายก็คงจะกดดันข้าไม่เลิก ในวันพรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเจ้าออกนอกเมืองหลวง และส่งเจ้าไปในที่ที่เจ้าอยากจะไป” พระองค์ตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหันไปทางขันทีข้างกาย “อู่กงกง เจ้าจง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status