ตอนที่สี่ อนุคนหนึ่ง
เมื่อลู่ไป๋เยว่เติบโตขึ้นกลายเป็นหญิงสาวซึ่งฉายแววความงดงามทั้งเย้ายวนยิ่งกว่ามารดา นางกลับไม่ได้อยากแต่งงานเป็นภรรยาของชายหนุ่มที่พากันวนเวียนมาเกี้ยวพาสักคน
“ข้าอยากเป็นอนุของคหบดีผู้ร่ำรวย มิใช่ภรรยาของชายยากไร้เหล่านี้”
เพียงได้ยินความคิดของบุตรสาว ลู่ไป๋อิงย่อมไม่เห็นด้วยที่จะเจริญรอยตามตนเอง
“แม้จะมีฐานะเมียเช่นกัน แต่การแต่งเป็นอนุของชายผู้มั่งคั่งสักคน ย่อมมีฐานะเหนือกว่าสาวใช้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
อาเยว่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าอนุส่วนใหญ่ต้องพักอาศัยอยู่ในเรือนหลังเล็กซึ่งหลบซ่อนสายตาผู้อื่น ไม่อาจได้รับการยกย่องเชิดชูหรือออกงานใดราวไร้ตัวตน
หากสามีสิ้นชีวิตลง อนุสาวย่อมไร้ค่าไร้ความหมายจำต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างเช่นแม่ในอดีตที่ผ่านมา
ที่สำคัญคือพวกเราอาจถูกทำร้ายโดยจับมือใครดมไม่ได้และอาจตายได้ทุกเมื่อ”
ใช่ว่าลู่ไป๋เยว่จะไม่เชื่อฟังถ้อยคำของมารดาหรือไม่เห็นด้วยในความเลวร้ายที่อาจพบเจอ
แต่หญิงสาวกลับมีความคิดที่แตกต่าง
ในเมื่อมารดา
ตอนที่สอง ค่อยๆกลืนกิน “หนาวหรือ? อีกเดี๋ยวก็ร้อนแล้ว” ถ้อยคำราวห่วงใยถูกแทนที่ด้วยฝ่ามืออุ่นที่ลูบผ่านเนินโหนกนูนและเส้นขนอ่อนบางไปยังร่องดอกไม้อวบอูม“งามเหลือเกิน มิน่านายหญิงของเจ้าจึงเรียกสินสอดมากทีเดียว” สายตาหื่นกระหายจับจ้องสองกลีบสีหวานที่ปิดมิดชิดพลางไล้นิ้วแตะส่วนกลางรอยแยกอันนุ่มนวลรู้สึกได้ถึงน้ำชุ่มฉ่ำที่เปียกปลายนิ้ว“แฉะแล้ว”เมื่อสัมผัสความชื้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจึงเงยขึ้นหยอกล้อก่อนจะซุกซอกคอดอมดมสูดกลิ่นหอมหวานอย่างชื่นใจแล้ววนขึ้นไปจุมพิตดูดดื่มพร้อมกับนิ้วที่ถูวนโลมไล้ไปทั่วสองกลีบซ้ายขวา“อ้า...”ริมฝีปากบางอ้าเอ่ยได้เพียงคำนี้ก่อนความวาววับ เย้ายวน หอมกรุ่น จะถูกชิมลิ้มรสอย่างแนบแน่นหญิงสาวเผลอเด้งร่างขึ้นพลางหันหน้าหนีไปหอบหายใจถี่อ้าปากครางกระเส่าส่งเสียงจากลำคอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อโดนนิ้วอุ่นเริ่มเปิดฉากโจมตีร่างสูงหัวเราะหึหึพลางผละใบหน้าออกใช้สายตาที่ไม่ใช่แค่อยากชิมแต่อยากกลืนกินทั้งตัวเพื่อก้มลงมองร่องดอกไม้นุ่มที่กำล
แนะนำตัวละคร*ลู่เยว่เล่อ หญิงสาวซึ่งเติบโตในเรือน ‘อิงเยว่’*หลี่อี้เจ๋อ บุตรชายคนรองของสกุลหลี่*หลี่อี้โยว บุตรชายคนโตของสกุลหลี่*ลู่ไป๋เยว่ ผู้ครอบครองเรือน ‘อิงเยว่’ ฉากหน้าคืออนุของคุณชายใหญ่สกุลฉู่อนุของน้องชายช่างน่าอร่อยนัก โดยมาวิญญานางได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็นอนุที่ดี ไม่ว่าท่วงท่าลีลาใดล้วนฝึกฝนเพื่อนำมาบำเรอให้สามีติดใจผู้ใดจะคิดว่ากระทั่งพี่ชายของสามีก็ยังหลงใหลและลักลอบกินของอร่อยอยู่บ่อยคราตอนที่หนึ่งค่ำคืนหอมหวาน“อ่า...อาเล่อ เจ้าช่างหอมเหลือเกิน กลิ่นกายของเจ้าหอมรัญจวนจนข้าแทบอดใจไม่ไหวแล้ว” เสียงแหบพร่าดังมาจากริมฝีปากหนาที
ตอนที่ยี่สิบสอง สุขสันต์หรรษา หนทางชีวิตข้างหน้ายังอีกยาวไกล นางไม่มีวันให้ภรรยาเอกของผู้ใดมากลั่นแกล้งรังแกหรือขับไล่ออกจากเรือนแน่ดังนั้นจึงมีแต่ต้องรวมพลังของพวกเขาเอาไว้เท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งเลิกโปรดปรานนาง ก็ยังมีอีกคนที่ยังอยู่คุณชายทั้งสามต่างแวะเวียนกันมายังเรือนอิงเยว่พร้อมกับบิดาจนภรรยาเอกและเหล่าอนุของพวกเขาต่างไม่พอใจแต่พวกนางจะทำอันใดได้เล่า ในเมื่อไม่ปรับปรุงลีลาและท่วงท่าเร้าสวาทย่อมต้องนอนเหี่ยวแห้งไปจนวันตายยามเผชิญหน้ากับนายหญิงใหญ่ที่พากำลังคนมาหวังสั่งสอนอนุผู้ปีกกล้าขาแข็ง ลู่ไป๋เยว่ซึ่งรายล้อมด้วยคนคุ้มกันที่มีฝีมือใช้สายตาแห่งผู้ชนะยิ้มเยาะอย่างสาสม“คิดจะทำร้ายข้าหรือ นายหญิงใหญ่ คงต้องดูทิศทางลมให้ดีก่อนกระมังยามนี้ทั้งสามีและบุตรชายทั้งสามคนของเจ้าล้วนอยู่ในความดูแลของข้าอย่างสุขสบาย นายหญิงใหญ่ไม่ต้องกังวลใจไปรีบกลับจวนสกุลฉู่แล้วลำบากดูแลผู้คนและรับใช้คนแก่เรื่องมากกับจัดการเรื่องยิบย่อยมากภาระไปเถอะส่วนเรื่องที่สบายกายสบายใจมอบให้เป็นห
ตอนที่ยี่สิบสอง สุขสันต์หรรษาทั้งหลิวซื่อและฉู่ฮูหยินผู้เฒ่าต่างเงยหน้าขึ้นมองสายตาคาดคั้นของนายท่านใหญ่อย่างตื่นตระหนกเขา...เขารู้แล้วหรือ!คหบดีฉู่ตั้งใจเอ่ยประโยคนั้นเพื่อเป็นการข่มขู่ทั้งแม่และเมียด้วยรู้ดีว่าถึงป่านนี้ย่อมไม่อาจเอาผิดพวกเขาแล้วจับกุมไปรับโทษได้ แต่อย่างไรก็ต้องสะกดพวกเขาไม่ให้กระทำการที่ไม่เกรงกลัวบ้านเมืองอีก“ไม่ว่าคนๆหนึ่งจะมีความผิดมากมายเพียงใดก็ลงโทษได้เพียงกักบริเวณหรืออดข้าวไม่กี่มื้อ ไม่ใช่ทำร้ายร่างกายทุบตีจนบาดเจ็บเกือบตายเพียงนี้ ท่านแม่เองก็ควรรู้ไม่ใช่หรือ”เจอบุตรชายข่มขู่หนักแน่นทั้งส่งสายตาดุดันจดจ้อง ฉู่ฮูหยินผู้เฒ่าจึงขบปากไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาตีแค่นี้จะถึงตายได้อย่างไร อาไห่ก็พูดเกินไปแม้จะรู้ว่าบุตรชายเอ่ยคำร้ายแรงเกินกว่าเหตุ แต่ผู้เฒ่าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปีย่อมรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่ควรโต้เถียงในเมื่อผู้อาวุโสไม่โต้แย้ง บรรดาเมียคนอื่นย่อมไม่กล้าพูดมากเช่นกันแม้จะคิดอย่างคับข้องว่าแค่ตบ
ตอนที่ยี่สิบเอ็ด เรื่องน่าอายกว่าจะถึงกลางดึก ทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยไฟราคะที่เผาไหม้โชติช่วงและเพิ่งจะดับลงยามนี้ลู่ไป๋เยว่นอนหายใจรวยริน สภาพยับเยินอิดโรย ร่องทั้งหน้าหลังบวมแดงแหกกว้าง ทั้งเจ็บทั้งขาสั่นไม่อาจยืนหรือนอนในสภาพธรรมดาหญิงสาวที่ถูกนอนบดเบียดอยู่ตรงกลางทั้งจุกทั้งเสียดเสียวเพียงคิดว่าเมื่อครู่โดนสองลำเอ็นเด้งเข้าใส่พร้อมกันอย่างคึกคักเพียงใดพวกเขาพี่น้องฝ่ายหนึ่งร้อนอีกฝ่ายแรงกระแทกรัวเร็วไม่มีออมแรงสร้างความเคลิบเคลิ้มมึนเมา เสียวซ่านลึกถึงจิตวิญญาณแต่นางยังไม่อยากใช้ร่องสีหวานอย่างพร่ำเพรื่อจนหลวมกว้างไม่น่าชิดเชยจึงต้องหลีกเลี่ยงการรุมรังแกพร้อมกันเช่นนี้อีกยามเช้า ลู่ไป๋เยว่จึงเอ่ยลามารดาว่าคงต้องกลับจวนสกุลฉู่เสียทีแล้วค่อยให้คหบดีฉู่หาโอกาสมาพบมารดาทีหลังเนื่องจากสองพี่น้องที่ติดตามมาได้รู้ความลับของพวกเขาแล้วคุณชายสามซึ่งเอาแต่ใจกว่าพี่ชายย่อมมีท่าทีไม่เต็มใจด้วยเพิ่งได้สัมผัสรสสวาทอันอิ่มเอมไปเพียงไม่กี่ครา“หากกลับไปแล้วไม่ได้กินอาหารเลิศรสเช่นนี้อี
ตอนที่ยี่สิบ ไม่ไหวแล้ว ลู่ไป๋เยว่ร้องโวยวายจนเสียงแหบแห้งแต่กลับถูกจับปิดปากได้แต่ส่งเสียงอืออาพยายามดิ้นหนีเมื่อดุ้นลำหนาถูกกดพรวดเข้าในรูเล็กจนจมหายไปทั้งลำพวกเขาบ้าไปแล้ว หญิงสาวยังคงส่ายหัวไม่ยินยอม คุณชายรองสกุลฉู่จึงรีบเล้าโลมล้วงมือเข้าไปบดขยี้ติ่งเกสรที่ยืดยื่นขณะคุณชายสามขยำขยี้บดเน้นยังเม็ดบัวสีหวานที่ด้านบนพร้อมขยับแท่งเนื้อในร่องสวาทขึ้นลงไม่หยุดไม่นานฉู่จิ้นหรงที่ด้านหลังจึงเริ่มขยับเคลื่อนไหวเพื่อนำพาแท่งทวนแกว่งไกวทิ่มแทงสวนเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกันกับน้องชายใบหน้างามบิดเบี้ยวด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทั้งทรมานทั้งสุขสันต์ไปกับสองลำเอ็นที่อัดแน่นทั้งร่องดอกไม้ด้านหน้าและรูหยักด้านหลังปากอวบอิ่มอ้าค้างส่งเสียงร้องครางที่ฟังแทบไม่เป็นภาษาทั้งขาดหายเป็นช่วงๆเมื่อโดนทะลวงทั้งสองร่องสีหวานพร้อมกันจนจุกแน่น“โอ๊ย!...หยุดก่อน อื้อ...พอ...อ่า...พอแล้ว” ลู่ไป๋เยว่หรือจะคิดว่าจะมีวันนี้ด้วยยิ่งบอกให้หยุด สองพี่น้องยิ่งตอกกระหน่ำเข้าหากันอย่างสุดกำล