Share

15

Author: 橙花
last update Last Updated: 2025-06-01 07:00:30

ศิษย์ทั้ง 13 กลุ่มที่เดินทางไปถึงลานกลางเมืองในยามเซิน พวกเขาเข้าแถวเป็นกลุ่มอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนที่จะนำป้ายคะแนนออกมาให้อาจารย์จากสำนักซิวหยางนับคะแนน

การนับคะแนนเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลุ่มของเจิ้งหลินยังคงคะแนนนำโด่งมากกว่ากลุ่มอื่นอย่างขาดลอย เนื่องจากป้ายคะแนนของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นสัตว์อสูรระดับนภาขึ้นไป ทำให้มีคะแนนมากกว่ากลุ่มที่ได้รับป้ายจากสัตว์อสูรระดับต่ำกว่ามากเช่นนี้

สองเค่อต่อมา การจัดลำดับ 1-3 ก็แสดงบนจอภาพขนาดใหญ่ให้ผู้เข้าชมได้มองเห็นโดยทั่วกัน แน่นอนว่าอันดับหนึ่งเป็นกลุ่มของเจิ้งหลินจากสำนักพรตหนานหนิง อันดับสองเป็นกลุ่มขององค์ชายน้อยจากสำนักซิวหยาง และอันดับสามเป็นกลุ่มของเฟินเสี่ยวหยางที่มีคะแนนห่างจากอันดับสี่เพียง 2 คะแนนเท่านั้น

พิธีกรบนเวทีขานลำดับเสร็จก็แจ้งกำหนดการแข่งขันในวันถัดไปอย่างไม่รีรอเช่นกัน ตอนนี้มีศิษย์จากสองสำนักผ่านเข้ารอบมา 15 คน การจับคู่แข่งขันจะแข่งแบบพบกันหมด จนกว่าจะมีศิษย์ที่ชนะในลำดับ 1-10 จึงจะได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันระหว่างแคว้นในอีกสองเดือนถัดไป

ช่วงเย็นหลังจากทุกคนจับสลากจนทราบว่าจะต้องแข่งกับใครแล้ว เจิ้งหลินก็เดินทางกลับจวนเจิ้งกั๋วกงพร้อมท่านตาและอาจารย์ทั้งสี่ ส่วนเฟินเสี่ยวหยางก็กลับไปยังตระกูลเฟินพร้อมท่านพ่อท่านแม่เช่นเดียวกัน ตอนนี้น้องสาวของเขากำลังเดินทางกลับจากสำนักพรตหนานหนิงหลังปิดเทอมฤดูหนาว คาดว่าวันพรุ่งนี้น่าจะมาถึงเมืองหลวง ยิ่งเฟินเสี่ยวหยางได้ผ่านเข้ารอบ เฟินหลางก็ยืดอกอย่างภูมิใจที่บุตรชายของเขาได้เข้ารอบเช่นนี้

เจิ้งกั๋วกงสั่งพ่อบ้านให้จัดงานฉลองการผ่านเข้ารอบให้เด็ก ๆ ก่อนจะปล่อยพวกเขาไปพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ทุกคนยังต้องขึ้นประลองบนเวทีเพื่อเป็นตัวแทนของแคว้นอีก อาจารย์ทั้งสี่ที่ทราบแล้วว่ามีศิษย์บางคนจะต้องแข่งกันเองในวันแรกก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะพวกเขาเคยต่อสู้กันมาก่อนที่จะเข้าร่วมเป็นตัวแทนสำนักแล้ว เหล่าอาจารย์ไม่คิดจะเข้าข้างศิษย์คนใด จึงปล่อยให้พวกเขาพักผ่อน

หลังอาหารเช้าวันต่อมา ทุกคนออกจากจวนเจิ้งกั๋วกงพร้อมพลังปราณเต็มเปี่ยม ทุกคนรู้ดีว่าการแข่งขันแบบพบกันหมดนี้สำคัญมากเพียงใด พวกเขาจึงตั้งใจจะต่อสู้ให้ดีที่สุดเพื่อสะสมคะแนน

ข้าว่านะ คราวนี้เจิ้งหลินต้องได้ที่หนึ่งอีกแน่เลยอ่ะ” หานชิงเอ่ยระหว่างทาง

นั่นสิ ๆ ใครใช้ให้เจิ้งหลินมีเสี่ยวจู้เป็นสัตว์อสูรเล่า” เซียวเหมยเอ่ยขึ้นบ้าง

พวกเจ้าก็คิดมากเกินไป คนจากสำนักซิวหยางท่าทางเก่งกาจไม่น้อย ข้าไม่มีความมั่นใจมากขนาดนั้นหรอกน่าว่าจะเอาชนะพวกเขาได้” เจิ้งหลินถ่อมตัว

อืม… นั่นก็น่าคิด ไม่รู้พวกเขามีวิชาอันใดกันบ้าง พวกเจ้าระวังตัวกันด้วย” อู๋อิงเอ่ย

เพียงแค่พวกเจ้าต่อสู้อย่างดีที่สุดนั่นก็เพียงพอแล้วล่ะ อย่าคิดมากกันไปก่อนเลยนะ ข้าเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนักหนา วันนี้ยังต้องเจอกับขุยอันอีก” กวงจื้อจิ่งเอ่ย

เด็ก ๆ ทั้งห้าพร้อมสัตว์อสูรคุยกันไปจนกระทั่งถึงเวทีประลอง อาจารย์ทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไปนั่งดูไม่ไกลจากสนามประลองนัก ส่วนเจิ้งกั๋วกงยังคงไปนั่งข้างพระที่นั่งของฮ่องเต้เช่นเคย ตระกูลเฟินที่วันนี้เฟินเสี่ยวเซี่ยกลับมาถึงเช้าตรู่ที่ผ่านมาก็มาร่วมชมการแข่งขันด้วยเช่นเดียวกัน นางตั้งใจมาเชียร์พี่ชายของนางในวันนี้

พิธีกรกล่าวต้อนรับเหล่าผู้ชมในวันนี้ด้วยเสียงจากพลังปราณจนดังก้องไปทั่วบริเวณ ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันคู่แรกของวันโดยเป็นองค์ชายน้อยกับเหยียนหลงที่จับคู่เจอกันเป็นคู่เปิดสนาม

นี่ เจ้าว่าคู่นี้ใครจะชนะน่ะ” ชาวเมืองที่มานั่งดูเอ่ยถามคนข้าง ๆ

ข้าคิดว่าองค์ชายน้อยน่าจะชนะนะ ได้ข่าวว่าพระองค์มีพลังระดับนภาขั้นสูงเชียว”

จริงหรือ เช่นนั้นคู่นี้คงจบลงในเวลาไม่นานสินะ” ชาวบ้านอีกคนเอ่ย

เริ่มการแข่งขัน!!!” เสียงพิธีกรบนเวทีดังกังวานขึ้นอีกครั้ง

องค์ชายน้อยไม่รอช้า พระองค์รีบนำกระบี่ออกมาจากแหวนเก็บของก่อนจะใช้วิชากระบี่ของสำนักอย่างช่ำชองเข้าต่อสู้กับเหยียนหลง ส่วนเหยียนหลงเองก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ถึงแม้พลังปราณของเขาจะต่ำกว่าหนึ่งขั้นก็ตามที ส่วนสัตว์อสูรขององค์ชายน้อยที่เป็นสิงโตน้ำเงินระดับฟ้ากระจ่างก็ต่อสู้กับสัตว์อสูรวิหกไฟของเหยียนหลงอย่างสูสีเช่นกัน ถึงแม้วิหกไฟจะระดับต่ำกว่าแต่ด้วยความสามารถในการต่อสู้บนที่สูง จึงทำให้สิงโตน้ำเงินไม่อาจสร้างบาดแผลให้กับวิหกไฟได้โดยง่ายนัก องค์ชายน้อยที่ประมือกับเหยียนหลงแอบนับถือเขาอยู่ในใจ แต่ด้วยพลังที่ต่างกันหนึ่งขั้น ทำให้องค์ชายน้อยจี้กระบี่ไปยังคอของเหยียนหลงในอีก 20 กระบวนท่าต่อมา ส่วนสัตว์อสูรนั้นพระองค์ก็เข้าร่วมการต่อสู้จนวิหกไฟร่วงตกลงมาบาดเจ็บไม่น้อย

องค์ชายน้อยชนะ!!!” พิธีกรบนเวทีที่เป็นผู้ตัดสินด้วยเอ่ยเสียงดัง

เย้ เห็นไหม ข้าบอกแล้วว่าองค์ชายน้อยต้องชนะ” ชาวเมืองคนหนึ่งเอ่ยเสียงดัง

มันก็ไม่แปลกหรอกที่พระองค์จะชนะน่ะ ในเมื่อระดับพลังและสัตว์อสูรต่างกันมากถึงขนาดนั้น คู่ต่อสู้ของพระองค์ก็ไม่ธรรมดาที่สามารถต่อสู้ได้นานขนาดนี้”

อาจารย์ซ่งเจิ้งหยวนรีบมอบยาให้กับเหยียนหลงและวิหกไฟเพื่อฟื้นกำลัง ก่อนจะพาพวกเขามานั่งใกล้ ๆ กลุ่มของสำนักพรตหนานหนิง

เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่เหยียนหลง” ต้วนหยงรีบถามเพื่อนอย่างเป็นห่วง

ข้าไม่เป็นอะไร ฝีมือขององค์ชายน้อยสูงส่งจริง ๆ ข้าทำเต็มที่แล้วด้วย”

พวกเจ้าอย่าได้ประมาทคนของสำนักซิวหยางเล่า พวกเขาน่าจะมีไม้ตายไม่น้อย”

อาจารย์หลินเหวินป๋อเอ่ยตักเตือนศิษย์ทั้งหมดที่นั่งร่วมกลุ่มกันอยู่ มีเพียงเฟินเสี่ยวหยางที่ไม่ยอมมานั่งกับพวกเขา แต่กลับไปนั่งข้างเฟินหลางอีกด้านหนึ่งแทน ซึ่งพวกอาจารย์เองก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพราะรู้นิสัยของเฟินเสี่ยวหยางดี

คู่ต่อไปเป็นต้วนหยงพบกับศิษย์สำนักซิวหยางเช่นกัน การประมือของทั้งคู่สูสีกันมาก กว่าจะจบการประลองก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วยาม ผลการแข่งขันปรากฏว่าต้วนหยงเอาชนะไปได้อย่างฉิวเฉียด ทำให้เสียงเฮดังมาจากกลุ่มสำนักพรตหนานหนิงพร้อมเสียงปรบมือดังก้องไปทั่ว

ต้วนหยงกับสัตว์อสูรของเขาลากร่างที่เหนื่อยล้ากลับมายังกลุ่มของตนเองก่อนจะรับยาฟื้นพลังจากอาจารย์เย่ซูหุยและนั่งปรับลมปราณอยู่พักใหญ่

เฮ้อ ยังดีที่ต้วนหยงเอาชนะมาได้ สำนักซิวหยางแข็งแกร่งจริง ๆ” กวงจื้อจิ่งเอ่ย

เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป ยังเหลือคู่ต่อสู้อีกหลายคนของสำนักซิวหยาง ไม่รู้ว่าพวกเราจะเอาชนะพวกเขาได้อีกสักรอบหรือไม่น่ะสิ” คังหมิงเอ่ยเตือน

ก็จริงอย่างที่คังหมิงว่าล่ะนะ แต่โชคดีที่คนสำนักเรามีมากกว่า คนที่ลำบากวันนี้คงจะเป็นคนที่ต้องสู้กับศิษย์สำนักซิวหยางเท่านั้น” เซียวเหมยกล่าวขึ้นบ้าง

ต่อไปก็ตาเจ้าแล้วหานชิง ระวังตัวด้วยเล่า” เจิ้งหลินเอ่ยเตือนเพื่อน

ข้าจะระวัง ขอบใจนะเจิ้งหลิน” หานชิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนจะลุกเดินไปยังเวทีพร้อมกับสัตว์อสูรสิงโตทองของนาง

คู่ต่อสู้ของหานชิงยังเป็นศิษย์อีกคนของสำนักซิวหยางเช่นกัน นางต่อสู้อย่างระมัดระวังจึงไม่ถูกไม้ตายของเขาทำร้ายเอาได้ โชคดีที่หานชิงฝึกฝนวิชาฝ่ามือกับอาจารย์อย่างหนักและยังประสานการต่อสู้กับเสี่ยวเหวินได้เป็นอย่างดี ทำให้นางใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อก็สามารถเอาชนะไปได้โดยทำให้คู่แข่งตกจากเวทีไป

เย้ หานชิงชนะแล้ว” เสียงอู๋อิงที่ยืนขึ้นปรบมือให้เพื่อนสนิทดังขึ้นทันที

แน่นอนสิ หานชิงไม่ได้อ่อนแอสักหน่อย ไหนจะเสี่ยวเหวินอีก” เซียวเหมยกล่าว

อาจารย์ทั้งสี่ต่างหันมองเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มที่พวกเขาต่อสู้ได้เป็นอย่างดี นับว่าไม่เสียแรงที่พวกเขาสั่งสอนมา

ต่อไปก็เจ้ากับขุยอันแล้วนะ กวงจื้อจิ่ง” เจิ้งหลินกล่าว

อื้อ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะไม่ทำร้ายกันจนบาดเจ็บแน่” กวงจื้อจิ่งเอ่ย

ขุยอันกับกวงจื้อจิ่งขึ้นไปบนเวทีหลังได้ยินเสียงประกาศเรียกจากพิธีกร พวกเขาถึงแม้จะอยู่สำนักเดียวกัน แต่สิทธิ์การเป็นตัวแทนนั้นมีเพียง 10 คน อย่างไรพวกเขาก็อยากออกไปหาประสบการณ์ในการแข่งขันระดับแคว้นเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ที่น่าจะคิดไม่ต่างกัน

การต่อสู้เริ่มขึ้นหลังสิ้นเสียงเริ่มการแข่งขัน ขุยอันกับกวงจื้อจิ่งมีพลังปราณไม่ต่างกันมากนักก่อนหน้าที่จะแข่งรอบแรก แต่ด้วยยาของเจิ้งหลินที่มอบให้เขาทุกวันระหว่างการแข่งขันรอบแรก ทำให้กวงจื้อจิ่งเป็นต่อมากกว่า และเอาชนะขุยอันได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เขาทำเพียงให้ขุยอันและสัตว์อสูรตกจากเวทีเท่านั้น

ขุยอันถึงแม้จะเจ็บใจ แต่เขาก็ยอมรับผลการตัดสินอย่างลูกผู้ชาย ทั้งสองคนยิ้มรับคำชมจากรอบบริเวณที่ได้ชมการแข่งขันของพวกเขา ก่อนที่จะไปนั่งยังที่นั่งของตนเองเพื่อรอชมคู่ต่อไปซึ่งเป็นคู่ของเฟินเสี่ยวหยางกับคนจากสำนักซิวหยางที่น่าจะเก่งกาจอยู่ไม่น้อย

เจ้าคิดว่าเฟินเสี่ยวหยางจะชนะได้หรือไม่” อู๋อิงเอ่ย

ข้าว่าท่าจะยาก ดูสิว่าชายคนนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนน่ะ” หานชิงกล่าว

ต่ข้าว่าไม่แน่นะ ดูเหมือนเฟินเสี่ยวหยางจะมีพลังปราณเพิ่มขึ้นไม่น้อย” เจิ้งหลินเอ่

หืม? จริงเหรอเจิ้งหลิน” เหยียนหลงกล่าวอย่างสงสัยใจ

จริงสิ ไม่รู้ว่าเขาได้รับยาเพิ่มปราณชั้นดีมาหรือเปล่า ทำให้พลังปราณของเขาเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับฟ้ากระจ่างแล้ว” เจิ้งหลินตอบ

เจ้าเองก็เก่งไม่น้อยนะเจิ้งหลินที่มองออก อาจารย์คิดว่าเฟินเสี่ยวหยางน่าจะเอาชนะได้ไม่ยากหากเขาใช้วิชากระบี่ที่เรียนมาอย่างเต็มที่” หลินเหวินป๋อเอ่ย

เช่นนั้นเราก็มาตั้งใจดูกันเถอะว่าผลจะเป็นอย่างไร” อาจารย์เหอจิ้งอีกล่าวขึ้น

ละผลการแข่งขันก็เป็นไปอย่างที่ทุกคนคาดเดา เฟินเสี่ยวหยางสามารถชนะได้ในเวลาเพียงไม่ถึงสามเค่อ แต่นิสัยเลวร้ายของเขายังคงไม่เปลี่ยนไป เขากลับทำร้ายคู่แข่งจนบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งสัตว์อสูรของคู่ต่อสู้เขายังเกือบตกตายไปหากกรรมการไม่เข้ามาหยุดการแข่งขันเอาไว้ก่อน

เฟินเสี่ยวหยางแทนที่จะได้รับคำชมจากผู้คนสำหรับชัยชนะของเขา แต่เขากลับได้รับคำก่นด่ามากมายแทน นั่นเพราะทุกคนเห็นแล้วว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่สามารถสู้ไหวแล้วแต่ก็ยังไม่หยุดมือ จนเกือบทำให้ศิษย์จากสำนักซิวหยางตายคาเวทีพร้อมกับสัตว์อสูร

พวกเจ้าที่เหลืออย่ากระทำเช่นเฟินเสี่ยวหยางเชียวนะ หากต้องสู้กับเขาก็อย่ายั้งมือไว้ไมตรี พวกเจ้าสามารถจัดการเขาให้เต็มที่ได้ อาจารย์อนุญาต ไม่เช่นนั้นเฟินเสี่ยวหยางคงทำให้สำนักเราขายหน้าอีกแน่” ซ่งเจิ้งหยวนกล่าวอย่างโมโห

ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” เด็ก ๆ ขานรับพร้อมกันทันที

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   55

    สองปีต่อมา ด้วยความขยันหมั่นเพียรของชินอ๋องและเจิ้งหลิน ตอนนี้พวกเขาต่างมีระดับพลังปราณสูงถึงระดับผ่าสวรรค์ขั้นปลายแล้ว ส่วนการหลอมอาวุธและชุดเกราะของเสี่ยวจู้ก็เป็นไปด้วยดีมาตลอด ยิ่งเสี่ยวจู้ได้รับเงินจำนวนมากจากฮ่องเต้เพื่อให้มันช่วยหลอมอาวุธระดับสวรรค์ให้ด้วยแล้ว เสี่ยวจู้กับกิเลนไฟก็ช่วยกันหลอมอาวุธแทบจะทุกวัน ยกเว้นเวลาที่ชินอ๋องมีราชกิจ กิเลนไฟจะไม่ได้ช่วยเสี่ยวจู้หลอมอาวุธเพราะต้องติดตามชินอ๋องไป

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   54

    กว่าที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนก็เกือบรุ่งสาง กิเลนไฟยังไม่ได้คุยกับเสี่ยวจู้เรื่องทำชุดเกราะให้มัน แต่มันคิดว่าเสี่ยวจู้น่าจะช่วยมันสร้างขึ้นมาได้ อีกอย่างพลังไฟสวรรค์ของมันก็ใช้หลอมอาวุธได้ดีกว่าพลังจิตวิญญาณที่เสี่ยวจู้ใช้อยู่ หากมันร่วมมือกันกับเสี่ยวจู้ กิเลนไฟคาดว่าความเร็วและคุณภาพของการหลอมน่าจะดีขึ้นยิ่งกว่าที่เสี่ยวจู้หลอมด้วยตัวเอง ขุนนางและชาวเมืองเห็นประกาศจากราชสำนักถึงปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเมื่อคืนนี้ก็ได้แต่ชื่นชมบุญวาสนาของชินอ๋อง พวกเขาไม่คิดว่าการสร้างอ

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   53

    เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง เสี่ยวจู้ขอแยกตัวออกไปหลอมอาวุธที่เรือนของเจิ้งหลิน ชินอ๋องกับเจิ้งหลินนั้นอยู่ฝึกฝนพลังปราณที่เรือนหลักด้วยกัน เพราะทั้งสองไม่อยากรบกวนเสี่ยวจู้หลอมอาวุธ ส่วนอาหารนั้นบ่าวในจวนจะนำไปให้เสี่ยวจู้ตามเวลาอาหารของจวนตามปกติ เจิ้งหลินมอบยาเพิ่มปราณระดับสวรรค์ให้ชินอ๋องสามเม็ด นางเองก็กินลงไปสามเม็ดเช่นเดียวกัน ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะหลับตาเข้าสู่สมาธิเพื่อดูดซับฤทธิ์ยาให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยพรสวรรค์ของทั้งคู่ เรื่องการกินยาหลายเม็ดพร้อมกันไม่น

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   52

    ผู้คนภายในงานต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของเจิ้งหลินอย่างสนุกปาก เพียงแต่เรื่องนี้พวกนางไม่อาจทำสิ่งใดได้ หากเรื่องไปถึงหูของฝ่าบาทและฮองเฮา พวกนางก็กลัวว่าจะถูกตำหนิแทน อย่างไรพระชายาของชินอ๋องก็มีอำนาจมากกว่าพวกนางที่เป็นเพียงฮูหยินขุนนางเท่านั้น เรื่องในครั้งนี้จึงทำให้หลังจากนั้น เจิ้งหลินไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงใด ๆ ที่ได้รับเทียบเชิญอีกเลย กระทั่งชินอ๋องกลับมาจากภารกิจในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจิ้งหลินจึงชวนชินอ๋องไปหาซื้อเตาหลอมอาวุธตามที่เสี่ยวจู้อยากได้&

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   51

    หนึ่งเดือนต่อมา เจิ้งกั๋วกงที่อยู่เป็นเพื่อนหลานสาวและเสี่ยวจู้มานานก็ได้เวลาต้องกลับไปยังแคว้นหนานแล้ว เจิ้งหลินน้ำตาคลอเบ้าเมื่อต้องลาท่านตาของนาง เสี่ยวจู้ยังมอบยาเพิ่มปราณระดับเซียนให้ท่านตาอีกเม็ดหนึ่ง มันหวังว่าท่านตาจะเข้าใกล้สู่การเป็นเซียนอีกสักเล็กน้อยก็ยังดี

  • อภินิหารหมูน้อยตกสวรรค์   50

    พรึ่บ!!! พระสนมทั้งหมดรีบลงไปคุกเข่าเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษทันที พวกนางรู้ดีว่าเวลาที่ฮ่องเต้กริ้วนั้นเป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พวกนางจะถือดี เพราะตระกูลพวกนางยังไม่มีความสามารถพอเทียบเท่าตระกูลขอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status