LOGINบทที่เก้า
สามหนุ่มสามมุม
ชายหนุ่มใหญ่จากไปอย่างลึกลับไม่ต่างกับตอนลอบเข้ามา
เพียงไม่กี่วัน ฉันได้รับรู้ว่าร่างนี้พัวพันกับชายหนุ่มถึงสี่คน แต่ละคนมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาและมีความซับซ้อนชวนเข้าใจยาก ฉันคงต้องค่อยๆคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าจะเชื่อหรือจะฝากชีวิตไว้ที่ใครได้บ้าง
เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียเพราะการรบกวนของยมทูตหน้าอ่อนกับหนุ่มใหญ่หล่อล่ำเมื่อคืน ทำให้ฉันนอนหลับได้ไม่เต็มที่
“เสี่ยวหนิงงงง” เสียงสดใสดังมาแต่ไกล
“ข้านำอาหารที่เจ้าชอบมาอีกแล้ว ข้าต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ามืดเพื่อไปรอแป้งทอดร้านนี้มาเชียวนะ เจ้ารีบออกมากินตั้งแต่ยังร้อนๆเร็วเข้า” เสียงชายหนุ่มตะโกนเร่งให้ฉันออกไปกินอาหารเช้า
ฉันค่อยๆเดินเยื้องย่างด้วยยังไม่หายง่วง แต่เมื่อได้กลิ่นแป้งทอดที่เขานำมา ก็ลืมตาโตมองหาทันที
“อืม...กลิ่นหอมมาก” ฉันเดินตรงเข้าหาแป้งทอดที่ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาหลอกล่อ
“แป้งทอดอันใด อาหารไร้ประโยชน์ ข้านำอาหารเลิศรสจากพ่อครัวในวังหลวงมาให้ เจ้าชิมอาหารของข้าดีกว่า” เสียงชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา พร้อมขบวนนางกำนัลนำอาหารหลายจานมาวางจนล้นโต๊ะกลาง เดือดร้อนอันอันกับผิงอันต้องเข้ามาช่วยจัดระเบียบ
“คารวะองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ” ไปฮั่วจิงจำใจต้องทำความเคารพด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“คารวะองค์ชายสี่เพคะ” ฉันก็จำเป็นต้องทำความเคารพหลังจากที่รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
“เจ้าเรียกข้าว่า ‘หลางเอ๋อ’ เถอะนะ ‘หนิงเอ๋อ’” องค์ชายสี่ใช้คำพูดเหมือนจะทวนความจำให้ฉัน
“หม่อมฉันมิบังอาจเพคะ หากไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่เมื่อรู้แล้วหม่อมฉันคงทำเช่นเดิมไม่ได้” ฉันไม่กล้าเรียกอย่างที่เขาบอกมาหรอกนะ เพราะยังไม่แน่ใจว่านั่นคือความจริงไหม
องค์ชายสี่แสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าบังคับฉันจึงเลี่ยงไปเชิญชวนให้กินอาหารแทน
“อาหารเหล่านี้เจ้าชื่นชอบมาก พวกเราแอบนำมากินด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง”
เอ๊ะ! ฉันมีความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันทีที่เขาพูดจบ หรือว่านี่จะคือความรู้สึกที่ยมทูตเบนบอกเมื่อคืนว่าหากมีผู้โกหกฉันจะรู้สึกได้เอง ถ้างั้นประโยคนี้ของเขาน่าจะโกหก
ฉันกวาดสายตาไปทางอาหารหน้าตาน่ากิน ยิ่งมองยิ่งไม่คุ้น จึงเลือกหยิบแป้งทอดส่งเข้าปาก
“หม่อมฉันไม่ทานอาหารเช้ามากมายเพียงนี้เพคะ หม่อมฉันให้นางกำนัลเก็บไว้อุ่นกินยามสายนะเพคะ” ยังไม่กล้าปฏิเสธตรงๆจึงหาทางเลี่ยง
องค์ชายสี่มองแป้งทอดอย่างไม่พอใจหนักขึ้น ก่อนจะหันไปมองไป่ฮั่วถิงด้วยสีหน้าดุดัน
“วันนี้พวกเราจะไปทบทวนความจำที่ใดดี” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะกลายเป็นศึกอาหารเช้า
“ไปสวนดอกเหมย” เสียงองค์ชายสี่
“ไปตลาดในเมือง”เสียงไป่ฮั่วถิง
ชายหนุ่มทั้งสองตอบออกมาพร้อมกัน และหันไปมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับดีหรือไม่” เสียงชายหนุ่มใหญ่เดินเข้ามาเป็นคนที่สาม
ทุกคนหันไปมองหน้าเขาโดยพร้อมเพียงกันด้วยสีหน้าสงสัยว่านี่คือใคร?
ฉันลอบสังเกตสีหน้าของทุกคนแม้กระทั่งอันอันและผิงอัน
อืม...น่าจะไม่มีใครรู้จักหนุ่มใหญ่คนนี้อย่างที่เขาบอกไว้
“อ้อ...ข้าขอแนะนำตัว ข้าชื่อ’ซูเทียนเป่า’ เป็นญาติฝ่ายแม่ของหรูหนิง พวกเจ้าคงไม่เคยพบข้าแต่ข้าเคยพบหรูหนิงหลายครั้งแล้ว วันนี้ข้าผ่านทางมาจึงอยากมาทำหน้าที่ญาติผู้ใหญ่พาหรูหนิงไปหาซื้อข้าวของเผื่อจะได้ผ่อนคลายและฟื้นความทรงจำอันใดได้บ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยยาวขณะขยิบตาให้ฉันก่อนจะนั่งลงคีบอาหารที่องค์ชายสี่นำมากินหน้าตาเฉย
ฉันมีความรู้สึกแปลกๆขึ้นมาเหมือนตอนที่องค์ชายสี่พูดเรื่องอาหาร ถ้าเช่นนั้นคำพูดเมื่อครู่ของซูเทียนเป่าก็คือการโกหก
ชายหนุ่มสองคนแรกหันมามองหน้าฉันเหมือนนัดกัน รวมทั้งอันอันและผิงอันซึ่งคงสงสัยว่าพวกเราไปพบเจอกันตอนไหนทำไมพวกนางไม่เคยเห็น
“ท่านน้าเทียนเป่า ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมข้า” ฉันมอบตำแหน่งน้าให้เสียเลยอยากเป็นญาติผู้ใหญ่ของฉันดีนัก
ชายหนุ่มใหญ่ถึงกับสำลักอาหารที่กินเข้าไปต้องกวาดมือมาคว้าน้ำชาตรงหน้าฉันไปเทใส่ลำคออย่างเร็วก่อนที่มองมาด้วยสายตาคาดโทษ
ฮ่าฮ่าฮ่า สนุกจริงได้แกล้งชายสูงวัย ความจริงถ้าอยู่ในร่างที่ฉันจากมาพวกเราก็คงอายุพอๆกัน แต่สำหรับร่างนี้ ถือว่าชายหนุ่มหล่อเข้มคนนี้มีอายุมากกว่าเป็นสิบปีทีเดียว
สุดท้ายฉันก็เป็นคนตัดสินใจไปหาซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับตามข้อเสนอของซูเทียนเป่า ซึ่งน่าสนใจว่าการไปชมสวนหรือเดินตลาดมากมายนัก
บทที่ยี่สิบเจ็ด บอกความจริงมาหลังจากนอนครุ่นคิดรวบรวมข้อมูลต่างๆที่ได้มา ฉันก็ยังมีเรื่องน่าสงสัยอีกหลายเรื่อง อ๋องชิงหนานบอกว่ามีชายหนุ่มหลงใหลในตัวฟางหรูหนิงมากมาย ข้อนี้ฉันเชื่อเพราะร่างนี้งดงามจนบอกได้ว่าล่มเมืองของแท้ แต่ที่ฉันไม่แน่ใจก็คือเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นก็คือเขา นอกเหนือจากยามที่เขาเข้ามาคลอเคลียฉวยโอกาสกับเรือนร่างอันงดงามยามค่ำคืนแล้ว เขาก็แทบจะไม่มาให้เห็นหน้าหรือพูดคุยคำหวานให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ในขณะที่ชายหนุ่มคนอื่นๆ ยังมีคำมั่นสัญญาที่จริงใจชัดเจน ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาในร่างนี้ ฉันตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจเรื่องในอดีตของร่างนี้แต่อย่างใด
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้าวันนี้เขาเร่งร้อนมาก เพียงไม่นานฉันก็ถึงฝั่งฝันไปหนึ่งรอบ เขายังไม่ยอมหยุดมือ ขยับมือและลิ้นโดยฉันไม่สามารถหยุดเสียงครางกระเส่าได้ ฉันสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งแกร่งถูไปมาที่เรียวขา ฉับพลันฉันก็ตัดสินใจโดยไม่หยุดคิด ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสแก่นกายที่แข็งตึงของเขา ขยับมือขึ้นลงช้าๆก่อนที่จะเพิ่มความเร็วจนเขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วร้องครวญครางจนสุดกลั้น “ให้หม่อมฉันช่วยนะเพคะ” ฉันพูดขณะที่มือยังเร่งความเร็วไม่หยุด “เจ้าทำเช่นนี้ ข้า...ข้า....” เขาร้องออกมาจนฟังแทบไม่ออก ก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะไหลล้นจนเลอะเต็มมือ&nbs
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้า“แล้วท่านมาลอบทำร้ายเขาทำไม” ฉันถามขึ้นบ้าง “เพราะเจ้า” เขาตอบด้วยคำที่ทำให้ฉันถึงกับตะลึง “เพราะข้า หมายความว่าอย่างไร” “เจ้าเกลียดเขา ยามข้าลอบเข้ามาดู เจ้ามีสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าดูไม่มีความสุข ข้าจึงคิดว่าฆ่าเขาทิ้งเสีย เจ้าก็จะเป็นอิสระ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร” ฉันสบตามองหาความจริงหรือคำโกหกแต่ไม่มีสัญญาณว่าคำพูดนี้ของเขาโกหก 
บทที่ยี่สิบห้าลอบฆ่าทำไม ถัดจากวันนั้นฉันก็ไม่พบหน้าอ๋องหนุ่มอีกเลย เขาหลบลี้หนีหน้าโดยให้ไป่ฮั่วถิงมาดูแลฉันทั้งวัน ฉันไม่คิดจะสนใจเขา แต่ก็มีแอบคิดถึงค่ำคืนสุขสมของฉันคนเดียวไม่ได้ ไป่ฮั่วถิงสมกับเป็นเพื่อนรักวัยเด็กที่แสนดี เขาสรรหาเรื่องมาเล่า สรรหาขนมอร่อย และกิจกรรมยามว่างมาให้ฉันแก้เหงาได้ทุกวัน ฉันไม่มีความรู้สึกเตือนมาว่าเขาโกหกใดใด จึงวางใจและเชื่อใจในทุกสิ่งที่เขาเล่าจนได้รับรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ทหารและองครักษ์ที่ส่งออกไปตามไล่ล่าคนร้ายกลับมาโดยไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว&
บทที่ยี่สิบสี่ฝันหรือจริง เช้านี้ฉันตื่นสายมาก เมื่อคืนรู้สึกว่าฝันอีกแล้ว เป็นฝันที่ยาวนานกว่าคืนก่อนๆ ชายหนุ่มคนเดิมมาเริงรักกับฉันอย่างอ้อยอิ่ง ฉันสัมผัสได้ถึงความเหมือนจริงมากจนไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตื่นขึ้นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนออกกำลังกายมาทั้งคืน อันอันเข้ามาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันขอผ้ามาเช็ดเนื้อตัวด้วยตนเองเพราะเริ่มสงสัยบางอย่างจนสายตาสะดุดกับรอยมือบนทรวงอกทั้งสองข้าง เมื่อคืนฉันจำได้ว่าชายหนุ่มขยำขยี้นมของฉันอยู่เนิ่นนานจนฉันแทบขาดใจ คราวนี้ฉันไล่สายตาอย่างละเอียด ส่วนสงวนของฉันยังมีน้ำฉ่ำค้างอยู่ และอาการบวมที่น่าจะเกิดจากการลูบไล้หนักมือ ฉันแน่
บทที่ยี่สิบสาม ฝันอีกแล้ว“ข้ากินยาทีไรรู้สึกง่วงนอนมาก นอนหลับจนฝันแปลกประหลาดทุกคืน” ฉันบ่นเบาๆ “ยาบรรเทาปวดมีตัวยาที่ทำให้เจ้าหลับได้ดี น่าจะเป็นผลดีกับเจ้านะ แต่เจ้าฝันประหลาดอันใดหรือ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ไป่ฮั่วถิงถามขึ้นมา ฉันสะดุ้งในใจ ไม่น่าหลุดปากออกไปเลย “ฝันอันใดข้าก็จำไม่ใคร่ได้ สับสนปะปนไปหมด แต่ก็ถือเป็นฝันดี” ฉันตอบเฉไฉไป “หากเป็นฝันดี เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากไป”&nbs







