ログインบทที่แปด
สุริยันจันทรา
“โอ๋... อย่าเพิ่งงอนสิ อุตส่าห์แวะมา” ฉันรีบง้อ
“อยู่มาหลายวัน ดูแล้วเจ้าก็แข็งแรงดี สีหน้าสดใสคงอยู่ได้อย่างสุขสบายแล้วใช่หรือไม่” ยมทูตหนุ่มมองฉันขึ้นลงแล้วสรุปแบบเข้าข้างตัวเอง
“สบายอะไรกัน” ฉันแว้ดใส่อีกครั้ง
“ถ้าเรื่องอาหารการกินก็สุขสบายดี แต่ชีวิตวุ่นวายเหลือเกิน ฉันไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร ทุกคนมาเล่าเรื่องของตัวเองแต่ฉันไม่รู้เลยว่าจะเชื่อใครได้ เรื่องมันชักเริ่มซับซ้อนจนฉันไม่เข้าใจ” ฉันบ่นไม่หยุด
“ท่านให้พรฉันหน่อยสิ ให้ฉันรู้ว่าใครโกหก ใครพูดจริง” ฉันออดอ้อนร้องขอ
“ไม่ได้ ข้าทำไม่ได้”ยมทูตหนุ่มปฏิเสธทันที
“ช่วยฉันหน่อยสิ เอาแค่สัญญาณบอกก็ได้ว่าโกหก นะ...ท่านยมทูตสุดหล่อ นะ... ท่านต้องรับผิดชอบฉันสิ ถ้าฉันโดนหลอกจนต้องฆ่าตัวตายอีกครั้งทั้งๆที่ฉันยังไม่หมดอายุขัย ท่านก็จะเดือดร้อนอีกนะ นะ...ท่านยมทูต”ฉันเปิดโหมดออดอ้อนด้วยฝีมือการแสดงชั้นนางเอก ขยับเข้าไปใกล้ยมทูตหนุ่มที่เริ่มมีสีหน้าปั้นยาก
ขณะที่ฉันกำลังจะเอียงหัวเพื่อซบอ้อน ยมทูตหนุ่มรีบก้าวถอยหนี
“ข้าให้ได้เพียงแค่ หากมีผู้โกหก เจ้าจะรู้สึกได้เอง ข้าไปล่ะ” จบคำ ร่างยมทูตหนุ่มก็แวบหายไป
ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลย ฉันคิดอย่างหัวเราะไม่ออกบอกไม่ถูก
ถ้ามีใครโกหก จะรู้สึกได้เอง แหม กำกวมจัง
จู่ๆก็มีเสียงดังกุกกักข้างหน้าต่าง ฉันคิดว่าเป็นยมทูตหนุ่มแอบหนีไปซ่อน จึงค่อยๆย่องเดินไปช้าๆ
“ข้าเอง” ชายหนุ่มร่างใหญ่โผล่ออกมาจนฉันตกใจ ก่อนที่จะเดินเหมือนคุ้นเคยมานั่งรินน้ำชาที่โต๊ะกลางห้อง
ฉันมองสำรวจด้วยความระแวง ใครอีกล่ะนี่
ชายหนุ่มคนนี้มีเรือนร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแดดกล้ามเป็นมัด หน้าตาคมเข้ม อายุน่าจะประมาณ30ได้แล้ว จัดว่าเป็นพระเอกหนังบู๊ยอดนิยมได้เลย
ชายหนุ่มหันมามองฉันที่ยังยืนแสดงสีหน้าไม่รู้จักอยู่ที่ข้างหน้าต่าง
“เจ้าจำข้าไม่ได้?”
“ข้าได้ยินข่าวมาว่าเจ้าสูญสิ้นความจำจึงแวะมาดูว่าจริงหรือไม่” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนช้าๆค่อยๆก้าวเดินมาสำรวจฉันอย่างตั้งใจผสมจับผิด
“เจ้าจำข้าไม่ได้จริงหรือ” คำพูดนี้ฉันได้ยินมาหลายครั้งแล้ว
“ข้าจำไม่ได้จริงๆ ท่านเป็นใคร เรารู้จักกันด้วยหรือ” ฉันรีบตอบเพราะนึกไม่ออกว่าสาวงามอย่างร่างนี้จะไปรู้จักกับหนุ่มใหญ่คนนี้ได้อย่างไร
ชายหนุ่มเหล่ตามองมาที่ฉันสักครู่อย่างพิจารณา
“ข้าชื่อ’ซูเทียนเป่า’ เรารู้จักกันเมื่อปีที่แล้ว”
“ท่านคงต้องเล่าให้มากกว่านี้ เพราะข้าจำอันใดไม่ได้เลย” ฉันบอกขณะเดินไปนั่งรอฟังอย่างตั้งใจ
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่กว่าจะตัดสินใจเล่าออกมา
“พวกเราพบกันในตำหนักฮองเฮา ข้าลอบเข้าไปขโมยของแล้วโดนจับได้จึงวิ่งหนีและโดยทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เจ้ามาพบข้าที่กองไม้ท้ายตำหนักระหว่างที่องครักษ์กำลังค้นหา ข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรจึงได้ช่วยข้าให้หลบซ่อนอยู่ในห้องข้างของเจ้าแล้วยังช่วยหายามารักษาจนข้าดีขึ้น ข้าเป็นหนี้ชีวิตเจ้า ก่อนจากกันข้าจึงให้สัญญาไว้ว่าจะช่วยเหลือสามเรื่องตามที่เจ้าร้องขอ”
“แล้วข้าเคยร้องขอไปแล้วหรือไม่” ฉันรีบถาม
“ไม่ หลังจากที่ข้าหลบหนีออกจากวัง พวกเราได้พบกันเพียงไม่กี่ครั้ง”
ฉันถอนหายใจ เฮ้อ...อย่างน้อยก็ยังมีคำร้องขออยู่สามเรื่องที่สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
“ข้าแวะมาดูว่าเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใดหรือไม่”
“ตอนนี้ยังไม่มี หากมีข้าจะติดต่อท่านได้อย่างไร” ฉันเริ่มมองหาหนทางในอนาคต
“ข้าเคยให้ป้ายหยกเจ้าไว้ เจ้าทำหายไปแล้วหรือ”
“ข้าจำไม่ได้” ฉันใช้คำตอบเดิมๆด้วยสีหน้าเดิมๆ
“ถ้าเช่นนั้น เจ้ารับนี่ไว้” ชายหนุ่มใหญ่ส่งป้ายหยกขนาดกะทัดรัดมาให้
ฉันรับป้ายหยกลื่นมือมาอ่าน “ซู สำนักสุริยันจันทรา”
“ใช่แล้ว ข้าคือหัวหน้าสำนักสุริยันจันทรา”
“เจ้าสังเกตดูสัญลักษณ์รูปอาทิตย์และจันทราในป้ายนี้ หากเจ้าเห็นสัญลักษณ์นี้ที่ใดไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงเตี้ยม โรงน้ำชา หรือร้านรับแลกเงิน เจ้าเพียงแสดงป้ายนี้ พวกเขาจะช่วยเหลือเจ้าทุกอย่างเท่าที่ทำได้ และเจ้าสามารถส่งจดหมายหรือฝากข้อความมาถึงข้าได้”
ฟังดูยิ่งใหญ่เชียว
“สำนักของข้าไม่ขึ้นกับแคว้นใดหรือราชสำนักใด เจ้าไม่ต้องกังวลสิ่งใดทั้งสิ้น” ชายหนุ่มโอ้อวดความยิ่งใหญ่เมื่อเห็นฉันแสดงสีหน้าตื่นตะลึง
“ข้าช่วยเหลือเจ้าได้ทุกเรื่องแม้แต่การหนีออกไปจากแคว้นนี้”
“เรื่องของเรา มีผู้อื่นรับรู้หรือไม่” ฉันถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“ไม่มี” ชายหนุ่มตอบอย่างเร็ว
ฉันพยายามจับความรู้สึก แต่ไม่มีสัญญาณใดใด เอ...คำพูดของเขาจะเชื่อได้ไหมนะ เขาเป็นคนเดียวที่ดูน่าเชื่อน้อยที่สุด ไม่มีพยานหลักฐานรับรอง แต่ช่างเถอะ อย่างน้อยเขาก็มาพร้อมความช่วยเหลือ
โอ้ว...ว้าว...หัวหน้าสำนักเชียวหรือ
บทที่ยี่สิบเจ็ด บอกความจริงมาหลังจากนอนครุ่นคิดรวบรวมข้อมูลต่างๆที่ได้มา ฉันก็ยังมีเรื่องน่าสงสัยอีกหลายเรื่อง อ๋องชิงหนานบอกว่ามีชายหนุ่มหลงใหลในตัวฟางหรูหนิงมากมาย ข้อนี้ฉันเชื่อเพราะร่างนี้งดงามจนบอกได้ว่าล่มเมืองของแท้ แต่ที่ฉันไม่แน่ใจก็คือเขาบอกว่าหนึ่งในนั้นก็คือเขา นอกเหนือจากยามที่เขาเข้ามาคลอเคลียฉวยโอกาสกับเรือนร่างอันงดงามยามค่ำคืนแล้ว เขาก็แทบจะไม่มาให้เห็นหน้าหรือพูดคุยคำหวานให้ชุ่มฉ่ำหัวใจ ในขณะที่ชายหนุ่มคนอื่นๆ ยังมีคำมั่นสัญญาที่จริงใจชัดเจน ครั้งแรกที่ฉันตื่นขึ้นมาในร่างนี้ ฉันตั้งใจไว้ว่าจะไม่สนใจเรื่องในอดีตของร่างนี้แต่อย่างใด
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้าวันนี้เขาเร่งร้อนมาก เพียงไม่นานฉันก็ถึงฝั่งฝันไปหนึ่งรอบ เขายังไม่ยอมหยุดมือ ขยับมือและลิ้นโดยฉันไม่สามารถหยุดเสียงครางกระเส่าได้ ฉันสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่แข็งแกร่งถูไปมาที่เรียวขา ฉับพลันฉันก็ตัดสินใจโดยไม่หยุดคิด ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสแก่นกายที่แข็งตึงของเขา ขยับมือขึ้นลงช้าๆก่อนที่จะเพิ่มความเร็วจนเขาหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วร้องครวญครางจนสุดกลั้น “ให้หม่อมฉันช่วยนะเพคะ” ฉันพูดขณะที่มือยังเร่งความเร็วไม่หยุด “เจ้าทำเช่นนี้ ข้า...ข้า....” เขาร้องออกมาจนฟังแทบไม่ออก ก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะไหลล้นจนเลอะเต็มมือ&nbs
บทที่ยี่สิบหกขอผ่อนคลายกับเจ้า“แล้วท่านมาลอบทำร้ายเขาทำไม” ฉันถามขึ้นบ้าง “เพราะเจ้า” เขาตอบด้วยคำที่ทำให้ฉันถึงกับตะลึง “เพราะข้า หมายความว่าอย่างไร” “เจ้าเกลียดเขา ยามข้าลอบเข้ามาดู เจ้ามีสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่ออยู่ที่นี่ เจ้าดูไม่มีความสุข ข้าจึงคิดว่าฆ่าเขาทิ้งเสีย เจ้าก็จะเป็นอิสระ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถตัดสินใจเลือกได้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร” ฉันสบตามองหาความจริงหรือคำโกหกแต่ไม่มีสัญญาณว่าคำพูดนี้ของเขาโกหก 
บทที่ยี่สิบห้าลอบฆ่าทำไม ถัดจากวันนั้นฉันก็ไม่พบหน้าอ๋องหนุ่มอีกเลย เขาหลบลี้หนีหน้าโดยให้ไป่ฮั่วถิงมาดูแลฉันทั้งวัน ฉันไม่คิดจะสนใจเขา แต่ก็มีแอบคิดถึงค่ำคืนสุขสมของฉันคนเดียวไม่ได้ ไป่ฮั่วถิงสมกับเป็นเพื่อนรักวัยเด็กที่แสนดี เขาสรรหาเรื่องมาเล่า สรรหาขนมอร่อย และกิจกรรมยามว่างมาให้ฉันแก้เหงาได้ทุกวัน ฉันไม่มีความรู้สึกเตือนมาว่าเขาโกหกใดใด จึงวางใจและเชื่อใจในทุกสิ่งที่เขาเล่าจนได้รับรู้เรื่องราวต่างๆอีกมากมาย ทหารและองครักษ์ที่ส่งออกไปตามไล่ล่าคนร้ายกลับมาโดยไม่สามารถจับคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว&
บทที่ยี่สิบสี่ฝันหรือจริง เช้านี้ฉันตื่นสายมาก เมื่อคืนรู้สึกว่าฝันอีกแล้ว เป็นฝันที่ยาวนานกว่าคืนก่อนๆ ชายหนุ่มคนเดิมมาเริงรักกับฉันอย่างอ้อยอิ่ง ฉันสัมผัสได้ถึงความเหมือนจริงมากจนไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตื่นขึ้นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนออกกำลังกายมาทั้งคืน อันอันเข้ามาช่วยฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันขอผ้ามาเช็ดเนื้อตัวด้วยตนเองเพราะเริ่มสงสัยบางอย่างจนสายตาสะดุดกับรอยมือบนทรวงอกทั้งสองข้าง เมื่อคืนฉันจำได้ว่าชายหนุ่มขยำขยี้นมของฉันอยู่เนิ่นนานจนฉันแทบขาดใจ คราวนี้ฉันไล่สายตาอย่างละเอียด ส่วนสงวนของฉันยังมีน้ำฉ่ำค้างอยู่ และอาการบวมที่น่าจะเกิดจากการลูบไล้หนักมือ ฉันแน่
บทที่ยี่สิบสาม ฝันอีกแล้ว“ข้ากินยาทีไรรู้สึกง่วงนอนมาก นอนหลับจนฝันแปลกประหลาดทุกคืน” ฉันบ่นเบาๆ “ยาบรรเทาปวดมีตัวยาที่ทำให้เจ้าหลับได้ดี น่าจะเป็นผลดีกับเจ้านะ แต่เจ้าฝันประหลาดอันใดหรือ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ไป่ฮั่วถิงถามขึ้นมา ฉันสะดุ้งในใจ ไม่น่าหลุดปากออกไปเลย “ฝันอันใดข้าก็จำไม่ใคร่ได้ สับสนปะปนไปหมด แต่ก็ถือเป็นฝันดี” ฉันตอบเฉไฉไป “หากเป็นฝันดี เจ้าก็ไม่ต้องคิดมากไป”&nbs







