หนึ่งเดือนต่อมา...
การได้ฝึกงานกับกริชอย่างเต็มตัว ทำให้นาราได้เรียนรู้ว่าการเป็นเลขานุการมืออาชีพนั้นต้องอึดและถึกไม่ใช่น้อย เพราะต้องเตรียมพร้อมและมีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เรื่องที่หล่อนไม่เคยรู้ ไม่เคยพบเจอ ก็ได้เรียนรู้ พบเจอและหัดแก้ปัญหาเมื่อมาอยู่ที่นี่ ซึ่งหล่อนภูมิใจที่ได้เรียนรู้จากกริช เพราะเขาเป็นเลขาฯ ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ความละเอียดรอบคอบทำให้เขาไม่เคยทำงานผิดพลาดให้หล่อนเห็น นาราจึงค่อยๆ ซึมซับการทำงานของชายหนุ่มไปทีละนิด
ขณะเดียวกันก็ได้รู้ว่าเจ้านายของเขานอกจากจะทำงานหนักและเก่งไม่แพ้กันแล้ว ยังมีสาวเยอะที่เยี่ยมหน้ามาหาแทบไม่เว้นแต่ละวัน ชนิดที่ว่าบางครั้งยังมีเหตุการณ์รถไฟชนกันให้เห็นตำตาอีกด้วย ทว่ากริชก็รับมือกับสาวๆ เหล่านี้ได้อย่างน่าทึ่ง โดยที่ไม่ทำให้ตัวต้นเหตุระคายใจเลยสักนิดเดียว ในบางครั้งจากที่เคยแอบชื่นชมจินณ์อยู่เงียบๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้อย่างอดไม่ได้จริงๆ เพราะนับนิ้วมือดูแล้วทั้งสิบนิ้วของหล่อนยังคงไม่พอสำหรับกิ๊กทั้งหลายแหล่ของเขาเลย อาจจะต้องขอยืมนิ้วเท้ามานับด้วยกระมังถึงจะพอ...
สาวน้อยก้าวเข้าลิฟต์พร้อมกริชตอนเลิกงาน แล้วเสียงถอนหายใจของหล่อนก็ทำให้ชายหนุ่มเหล่ตามอง
“ไง เหนื่อยเหรอ”
คำถามของเขาทำให้หญิงสาวรีบส่ายหน้าหวือ ทว่าสีหน้าเป็นคำถามของเขาทำให้หญิงสาวอ้ำอึ้ง หล่อนจะบอกเขาได้อย่างไรว่ากำลังคิดถึงจำนวนกิ๊กของเจ้านายสุดหล่อและนินทาเขาอย่างเผ็ดร้อนอยู่ในใจ
แต่ดูเหมือนกริชจะรู้ทัน เพราะนัยน์ตาปราดเปรื่องคู่นี้ไม่เคยมองพลาด...
“กำลังคิดถึงเรื่องสาวๆ ของบอสใช่ไหม” เขาเอ่ยถามตรงๆ ทำเอาสาวน้อยที่อ้ำอึ้งอยู่แล้วไปไม่เป็น สีหน้าและแววตาที่บ่งบอกถึงอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทำให้ชายหนุ่มหัวเราะออกมาแผ่วๆ
“อีกหน่อยก็ชินเอง”
คนฟังถึงกับเลิกคิ้วสูง อยากถามว่าของแบบนี้มันชินกันได้ด้วยเหรอ แต่เมื่อมองสีหน้าและท่าทางของกริชหล่อนจึงรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก เฉลยได้จากเหตุการณ์วันนี้ที่มีทั้งดาราและสาวสวยลูกคนดังมาจ๊ะเอ๋กันที่หน้าห้องท่านรองประธาน ทั้งคู่ไม่ได้โวยวายกรี๊ดกร๊าดเหมือนในละครหลังข่าว แต่สู้กันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำคำเฉือดเฉือนและสายตาที่มีเปลวไฟแลบออกมา เรียกได้ว่าใครพลาดพลั้งก่อนคนนั้นแพ้ แต่สุดท้ายไม่มีใครได้พบจินณ์ เพราะถูกเชิญกลับออกไปด้วยกันทั้งคู่โดยฝีมือกริช
สิ่งเหล่านี้ทำให้หล่อนรู้ว่าผู้หญิงของจินณ์ไม่เพียงแต่สวยหรือรวยเท่านั้น แต่พวกหล่อนมีสมองด้วย เพราะไม่ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หรือทะเลาะกันให้อับอายขายหน้า แต่เมื่อไม่มีใครสมหวัง จึงเลือกแยกย้ายทางใครทางมันมากกว่า ทว่านอกรอบจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่หล่อนไม่อยากคิดถึง...
“เป็นแบบนี้บ่อยเลยเหรอคะ”
ทั้งคำถามและแววตาที่มองเขาอย่างเห็นใจนั้นทำให้กริชถึงกับกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหว เด็กหนอเด็ก...
“ในสายตาของหนูดีอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากังวล แต่เชื่อเถอะเมื่อหนูดีมีโอกาสได้เป็นเลขานุการของผู้บริหารสักคนเต็มตัว เรื่องแบบนี้อาจเป็นอีกเรื่องที่หนูดีต้องบริหารให้ได้ แล้ววันนั้นหนูดีจะชินชากับมันไปเอง ยิ่งมีเจ้านายหล่อๆ แบบบอสของเราก็ต้องทำใจเอาไว้เยอะๆ หน่อย” เขาหลิ่วตาให้หญิงสาวราวจะเตือนอยู่กลายๆ ว่าอย่าตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าเชียว ไม่อย่างนั้นคงปวดใจเสียเปล่าๆ พอดีกับที่ลิฟต์ตัวนั้นลงมาถึงชั้นล่าง และเปิดออก ชายหนุ่มจึงรอให้หญิงสาวออกไปก่อนก้าวตามไป นารายิ้มให้เขาอย่างให้กำลังใจและชายหนุ่มรับรู้ได้
“พี่ไม่เป็นไร ชินแล้ว อีกหน่อยหนูดีจะชินเหมือนพี่นี่แหละ” เขากล่าวทิ้งท้ายก่อนแยกทางกัน
หญิงสาวยืนมองตามแผ่นหลังกว้างของกริช รู้สึกนับถือเขาขึ้นอีกระดับ ก่อนผ่อนลมหายใจพรืด บอกตนเองว่ากริชอาจชิน แต่หล่อนคงไม่มีวันชิน โดยเฉพาะกับคนที่แอบปลื้มแบบนี้ด้วย อันที่จริงหลังๆ มานี้ไม่ค่อยปลื้มนักหรอก ก็คงเป็นเพราะพฤติกรรมใช้ผู้หญิงเปลืองของเขากระมัง แต่นั่นคือเรื่องส่วนตัวของเขา หล่อนไม่อาจก้าวก่ายแม้ไม่ชอบใจนัก
“น้องหนูดีครับ”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำลายภวังค์นั้นสิ้น ทำให้หญิงสาวต้องหันไปมอง พอเห็นหน้าคนเรียกก็ลอบผ่อนลมหายใจยาวเหยียด
จากนั้น ร่างสูงของหนุ่มหล่อต่างบริษัทที่พักหลังมักพาตัวใกล้ชิดสาวน้อย ก็ถือวิสาสะเดินเคียงคู่ไปกับเจ้าหล่อน ทว่าทั้งสองตกอยู่ในสายตาคมกริบของใครบางคน ที่เวลานี้กำลังมองด้วยแววตาสื่อความเย็นชาจนคนขับรถรู้สึกได้ เขามองไปยังจุดที่สายตาของเจ้านายทอดมองนิ่งนาน แล้วจึงรู้ว่าอะไรที่ทำให้จินณ์ถึงกับเก็บทรงไม่อยู่แบบนี้
“จะให้ผมสืบไหมครับ”
“ไม่จำเป็น”
ได้ยินเช่นนั้นเดชก็หุบปากเงียบกริบ เพราะหากอีกฝ่ายบอกว่าไม่ก็คือไม่ แม้เขารู้สึกได้ว่าเจ้านายดูจะไม่พอใจผู้ชายคนนั้นนัก
เวลาเดียวกัน จินณ์ละสายตามาจากหนุ่มสาวคู่นั้น แล้วกระตุกยิ้มเพียงบางเบา
เมียสาวน้อยของเขาตัดมาเรื่องนี้เฉย ชายหนุ่มจึงหัวเราะขำ “ยกให้ไง แต่ถ้าอยากคืนนักก็ฝากธนาคารเอาไว้ให้ลูกของเราก็แล้วกันนะ” นารายิ้มหวานพลางผ่อนลมหายใจยาว หล่อนรู้ว่าจินณ์ไม่เคยอยากได้เงินคืน เพราะเงินที่หล่อนผ่อนจ่ายเขาก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มโอนคืนกลับมาให้หล่อนทั้งหมดหลังจากแต่งงานกันเพียงคืนเดียว “แต่ถ้ายังไม่สบายใจ ก็เปลี่ยนมาเอาใจฉันให้มากๆ แทนสิ หรือทำให้ฉันมีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว” “ทุกวันนี้ก็เอาใจมากอยู่แล้วนะคะ ขืนให้เอาใจมากกว่านี้ต้องมีใครบางคนเสียผู้เสียคนกันพอดี” หญิงสาวว่าพลางค้อนคม ตอนที่เป็นเด็กของเขาใหม่ๆ จินณ์ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายที่เรียกร้องมากเหลือเกิน เขากินดุ กินจุ แต่ก็ไม่เคยเอาเปรียบหรือปล่อยให้หล่อนอ้างว้าง เขาสุขหล่อนก็สุขด้วย แล้วถ้าจะให้พิจารณากันตามความเป็นจริง จินณ์เสียอีกที่เป็นฝ่ายดูแลหล่อนอย่างดี ก่อนนอนเขาจะห่มผ้าให้หล่อนอย่างมิดชิด จะดูจนเรียบร้อยว่าทุกอย่างโอเคแล้ว เวลานั้นเขาถึงจะสอดตัวนอนเคียงข้าง ไม่มีคืนไหนที่เขาไม่รั้งร่างของหล่อนเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขน ต่อให้ต้องแยกจากกันบ้างในช่วงหลับลึก แต่ส
งานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่ของจินณ์และนาราผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น แต่เพราะเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการจึงไม่อาจพาภรรยาเดินทางไปฮันนีมูนยังที่ไกลๆ ได้ เขาจึงให้หล่อนเป็นคนเลือกสถานที่ภายในประเทศแทน นารานอนหนุนตักสามีมองเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวก่อนถูกดูดกลับไปแล้วซัดสาดเข้าหาฝั่งอีกครั้งด้วยความเพลิดเพลินภายในบ้านพัก มือหนึ่งลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมาน้อยๆ จนแทบมองไม่เห็นถ้าไม่สังเกต จินณ์ที่กำลังอ่านหนังสือหลุบตามองคนตัวเล็กแล้วเอ่ยถาม “หิวไหม” “ยังเลยค่ะ คุณจินณ์หิวหรือเปล่า” “ไม่” เขาปิดหนังสือ แล้ววางลงบนโต๊ะข้างๆ ตรงจุดนี้ ชุดโซฟาหันหน้าเข้าหาทะเล ทำให้มองเห็นวิวน้ำและท้องฟ้าอย่างชัดเจน เสียงลม เสียงคลื่นซัดเข้าหาฝั่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจากความตึงเครียดได้ดีทีเดียว “คุณจินณ์อยากให้ลูกของเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” นาราถามความเห็นของสามีขณะคิดถึงอนาคต ชายหนุ่มวางมือเรียวใหญ่ของตัวเองลงบนหน้าท้องที่ยังไม่เติบโตชัดเจนเบาๆ หญิงสาวจึงวางมือทาบทับบนหลังมือแกร่งเอาไว้ แล้วสบตาคมโตของชายหนุ่ม “อยากได้ทั้งหญิงทั้งชายนั่นแหละ” นารายิ
บทส่งท้ายภายในบริษัทอีสเทิร์นวันนี้ เกิดความโกลาหลจากข่าวล่ามาแรง เรื่องแรกคือดาริกาควงชายหนุ่มรูปหล่อเข้ามาในบริษัทพร้อมกัน และประกาศว่าเป็นคนรักที่เพิ่งหมั้นหมายไปหมาดๆ ทำให้คนที่เคยคาดเดาและป่าวประกาศไปต่างๆ นานาว่าดาริกากับจินณ์จะต้องใช้ชีวิตคู่กันหน้าแตกยับเยิน ในวันเดียวกันแต่เป็นช่วงเที่ยง เกิดข่าวฮือฮายิ่งกว่า เมื่อหลานชายคนเดียวของท่านประธานซึ่งก็คือท่านรองประธานคนปัจจุบัน จูงมือผู้ช่วยเลขาฯ สาวที่เคยตกเป็นข่าวกุ๊กกิ๊กเข้ามาในบริษัทพร้อมกัน วันนี้จินณ์เลือกที่จะพานารากลับเข้าบริษัทหลังจากออกไปพักเที่ยงด้วยกันโดยใช้ลิฟต์ส่วนรวม พนักงานของบริษัทอีสเทิร์นต่างตื่นเต้นที่ได้ใกล้ชิดจินณ์เป็นครั้งแรก เขาพยักหน้าและรับไหว้พนักงานของตัวเอง แล้วกุมมือของนาราเอาไว้อีกครั้งท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็น จินณ์ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้า ส่วนนาราก้มหน้านิดๆ หลุบตาลงมองแค่พื้นพลางคิดถึงก่อนหน้านี้ ‘เดี๋ยวค่ะ คุณจะไปไหน’ ‘ไปกับเธอไง’ นารานิ่วหน้า จินณ์จึงกุมมือหล่อนแล้วพาเดินตรงไปยังลิฟต์ส่วนรวม หญิงสาวพยายามขืนตัว แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้า ‘ถึงเวลาท
“หนูดีเป็นเมียฉันไง แล้วฉันก็เป็นสามีของหนูดี เป็นมาจะครบปีแล้วมั้ง หรือต้องให้ย้ำอีกครั้ง?” เขาทำท่าจะจูบอีกรอบแต่หญิงสาวดันหน้าเขาเอาไว้ แก้มนุ่มเป็นสีแดงเรื่อ หัวใจเต้นโครมคราม น้ำตาออกมาคลอหน่วยตา แล้วในที่สุดหญิงสาวก็สะอื้นออกมาเบาๆ ไม่รู้ว่าระหว่างดีใจกับตกใจอันไหนมากกว่ากัน “ร้องอีกแล้ว ว่าที่คุณแม่ทำไมใจน้อยแบบนี้ล่ะ” เขาปลอบเสียงอ่อนโยน ซ้ำยังรั้งหล่อนเข้าไปกอด หญิงสาวยังร้องอยู่อีกพักใหญ่ ทั้งสับสนและงุนงงไม่เลิก “แล้วคุณดาวล่ะคะ จะคิดยังไง” “ดาวไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่ คนชอบเอาไปลือผิดๆ กันเอง อันที่จริงดาวมีคนรักของเธออยู่แล้ว” นาราอึ้งไปอีกครั้ง มองเขาราวกับไม่เชื่อ แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้วระหว่างจินณ์กับดาริกา ไม่เคยมีอะไรที่บ่งชี้ว่าทั้งสองมีใจให้กัน นอกจากข่าวโคมลอยเท่านั้น “จริงเหรอคะ” จินณ์พยักหน้ายิ้ม “ถามดาวเองแล้วกัน” พูดจบเขาก็บุ้ยปากไปยังหน้าห้อง ดาริกากับกริชเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม มีผู้ชายหน้าตาดีเดินตามมาเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวได้แต่งงงัน ทว่าทุกอย่างคลี่คลายลงเมื่อผู้ชายคนนั้นเข้ามาหยุดยืนเ
“ดาวต้องอยู่จัดการบางอย่างที่บริษัท สักพักคงตามมา” หญิงสาวพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ถูกชายหนุ่มห้ามเอาไว้ “ยังไปไหนตอนนี้ไม่ได้ ต้องพักผ่อน” “ไม่ค่ะ หนูดีจะกลับ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะ “ดื้อ ตัวเองป่วยจะแย่อยู่แล้วยังจะฝืน” “หนูดีไม่ได้เป็นอะไร” หญิงสาวโต้ แม้หน้าจะซีดจนแทบไร้สีเลือด “แน่ใจนะว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” สายตาที่มองมาทำให้ลมหายใจของนาราติดขัด หลบตาเป็นพัลวัน “จริงสิคะ” คำตอบไม่เต็มเสียงของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มส่ายหน้ากับความปากแข็ง “ตอนเธอหมดสติ หมอเอาเลือดไปตรวจ แล้วรู้ไหมว่าผลออกมาว่ายังไง” นารากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หล่อนหวังเหลือเกินว่าเขาจะไม่รู้เรื่องนั้น “เธอคิดจะบอกเรื่องเด็กในท้องกับฉันเมื่อไร” หญิงสาวใจกระตุกวูบ ใบหน้างามตะลึงงัน มืออีกข้างที่เป็นอิสระกำแน่น ก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขา “คือ...” “ทำไมต้องปิดบัง ที่ชอบทำตัวแปลกๆ เป็นเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม” นาราน้ำตาไหลออกมา ทำให้จินณ์ลุกขึ้นนั่งลงบนเตียงแล้วรั้งร่างบางเข้าไปกอดเอาไว้
๒๑วันนี้จินณ์ค่อนข้างเงียบขรึมกว่าทุกวัน เขาพยายามหาสาเหตุที่ทำให้นาราไม่สดใส ถ้าเป็นเพราะเรื่องข่าวลือระหว่างเขากับดาริกาเขาก็จะปัดเป่า เพราะยิ่งนานวันเขายิ่งได้รู้ว่านารามีค่ากับตนเองมากแค่ไหน หล่อนไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เขาเลี้ยงเอาไว้เพื่อระบายอารมณ์อีกต่อไป เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของหล่อนเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจที่อ้างว้าง จากที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องครอบครัว แต่เมื่อรู้จักหญิงสาวเขากลับคิดถึง พอหล่อนเศร้า ใบหน้างามไร้รอยยิ้ม เขาจึงทุกข์ตามไปด้วย และคงไม่มีความสุขอีกเลยหากไม่ได้เห็นรอยยิ้มของสาวน้อยอีกครั้ง “ดาว รบกวนมาที่ห้องผมหน่อย” ชายหนุ่มวางสายจากดาริกา หลังจากนั้นสิบนาทีหญิงสาวก็มาหาเขา “มีอะไรให้ดาวรับใช้คะคุณพี่” ดาริกานั่งลงพร้อมรอยยิ้มล้อเลียน แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเขาอาการล้อเล่นก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง “มีอะไรหรือเปล่าคะ” ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวแวบหนึ่ง ก่อนจะบอกออกมา “ผมจะแต่งงาน” คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาดาริกานิ่งงัน สตันไปหลายวินาทีก่อนจะเรียกสติคืนมา “แต่งงาน? แต่งกับใครคะ อย่าบอกนะว่าอยากจะแต่งกับดาวน่ะ ว้าย ไม่เอาหรอก”