ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”ฉันยืนทำใจอยู่สักพักมองประตูไม้สีครีมอย่างไม่สบอารมณ์แต่ถึงจะไม่อยากเข้าไปยังไงสุดท้ายก็ต้องเข้าไปอยู่ดี
แกร้ก
“อ๊ะ!”ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วก็เจอกับร่างสูงที่อยู่ในสภาพเกือบเปลือย
ใช่ค่ะเกือบเปลือย! เพราะร่างกายของเขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กคาดเอวเอาไว้เท่านั้น
“เสียสายตาชะมัด-.-”ฉันพูดขึ้นก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นทำเป็นไม่สนใจเดินไปยังที่นั่งประจำของตัวเองพร้อมกับวางเอกสารที่ถือมาวางลงบนโต๊ะ
เมื่อไหร่นะเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ฉันจะได้หลุดพ้นจากไอบ้านี่สักที!
“เหอะ..รู้ว่าชอบไม่ต้องเก็บอาการไว้หรอกยัยข้าวบูด”ฉันมองค้อนอีกฝ่ายทันทีทั้งๆที่ฉันชื่อข้าวเจ้าเป็นชื่อที่แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูแต่ไอหมอนี่มักจะเรียกฉันข้าวบูดบ้างล่ะข้าวเน่าบ้างล่ะ
ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกชายเจ้าของบ้านนะฉันเสยคางไปแล้วแน่ๆ
“เลิกลีลาแล้วรีบมาเรียนได้แล้วฉันมีการบ้านจะต้องกลับไปทำ”ฉันพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้วแท้ๆยังให้ฉันที่เด็กกว่าเขาตั้ง3ปีมาสอนงานของพ่อแม่ตัวเองอีก
น่าอนาถใจแทนพ่อแม่เขาชะจริง
“บ่นยังกะเป็นแม่”เจ้าตัวพูดออกมาเบาๆแต่เพราะห้องมันก็ไม่ได้กว้างมากแน่นอนว่าฉันได้ยินชัดแจ๋วแต่ก็ไม่อยากต่อปากต่อคำต่อเลยไม่ได้พูดอะไรกลับไป
“วันนี้ให้ทำไร”คำพูดห้วนๆน้ำเสียทุ้มต่ำเอ่ยถามพร้อมกับร่างสูงที่เข้ามานั่งข้างๆฉันกลิ่นแชมพูอ่อนๆโชยเข้าจมูกมันไม่ได้เป็นกลิ่นที่หอมหวานแต่เป็นกลิ่นของความสดชื่นเหมาะกับวัยของเจ้าตัว
“นี่ยัยข้าวบูดฉันถามเธออยู่นะเหม่ออะไร?”ฉันเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อมือหนาของอีกฝ่ายเขกเข้าที่หัวของฉันเบาๆฉันขมวดคิ้วมองใบหน้าที่เรียกได้ว่าโคตรจะหล่อของอีกฝ่ายก่อนจะหันกลับมาโฟกัสที่กองงานที่วางอยู่
“อืมวันนี้มีให้ตรวจสอบรายรับรายจ่ายกับคุณท่านให้ใบมาลองประเมินราคางาน”ฉันเข้าเรื่องงานที่ฉันได้รับมอบหมายมาอีกทีในทุกๆวันพุธและศุกร์ฉันจะต้องขึ้นมาสอนงานผู้สืบทอด
งงล่ะสิว่าทำไมต้องมาสอนก็เพราะว่าไอตานี่วันๆมันไม่ทำอะไรเลยไงนอกจากเที่ยวเล่นกินเหล้าคั่วหญิงไปวันๆทั้งๆที่พ่อกับแม่ทำงานทุกวี่ทุกวันหาเงินมาเลี้ยงเจ้าตัวแต่ดูสิ่งที่เจ้าตัวตอบแทนให้สิไม่ให้ไปประกันตัวที่โรงพักข้อหาทะเลาะวิวาทก็ไปให้ไปรับที่โรงพยาบาลเพราะทะเลาะวิวาทอีกตามเคย
ส่วนฉันฉันช่วยงานคุณท่านและคุณหญิงของบ้านมาตั้งแต่อายุ16ปีจนตอนนี้ฉันอายุ20ปีแล้ว4ปีที่ได้ทำงานมาก็สนุกดีนะเพราะฉันชอบเกี่ยวกับตัวเลขหรือการคำนวณบลาๆอยู่แล้วแม้ในตอนแรกอาจจะมีทำผิดพลาดบ้างแต่ท่านทั้งสองก็ยังให้โอกาสฉันอยู่เสมอ
จนกระทั่งได้รับหน้าที่ให้มาสอนงานไอตาบื้อนี่แหละเพราะเขาใกล้จะเรียนจบแล้วแต่ในหัวสมองกลับไม่มีอะไรเลยสักอย่างแถมยังเรียนไม่ตรงสายไปเรียนคณะวิศวะเพราะชอบที่จะใส่เสื้อไม่เหมือนเพื่อนและมันก็เท่ห์ดีเท่านั้น
ฉันนี่ยอมใจความคิดประหลาดๆของเขาจริงๆ
“แบบนี้ถูกไหม”มือหนาเลื่อนกระดาษมาให้ฉันตรวจสอบฉันได้รับหน้าที่นี้มาหลายเดือนแล้วแต่เจ้าตัวมักจะหาข้ออ้างในการโดดเรียนอยู่เสมอจนไม่กี่วันก่อนโดนคุณท่านเอาจริงบอกว่าถ้าไม่มาเรียนกับฉันให้ครบทุกครั้งก็จะยึดบัตรเครดิตและไงคะเจ้าตัวก็เลยทำตัวดีมาเรียนกับฉันสม่ำเสมอจนตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนที่สองแล้วที่ได้สอนงานเขาอย่างจริงๆจังๆ
“อืม..ตรงนี้ยังผิดอยู่นะ”ฉันหยิบดินสอมาวงในส่วนที่ผิดไหล่ของเราสองคนชนกันแต่ฉันก็ค่อนข้างชินกับการอยู่ใกล้เขาแล้วแม้ว่าแรกๆจะแอบเกร็งก็ตาม
ก็นะฉันมันเป็นผู้หญิงที่โลกส่วนตัวสูงมากที่มหาลัยก็ไม่ค่อยมีเพื่อนทั้งๆที่พึ่งขึ้นปี1ควรจะมีเพื่อนเยอะแท้ๆกิจกรรมฉันก็ไม่ค่อยเข้าร่วมเพราะไม่ชอบที่ต้องกลับบ้านช้าหรือทำตามคำสั่งประหลาดๆของรุ่นพี่ยิ่งกิจกรรมรับน้องนี่ฉันขอบายเลยเพราะมันไร้สาระสุดๆ
แกร้ก
“โอ้วเจ้าลูกชายกำลังตั้งใจเรียนอยู่นี่เอง^^”เราสองคนต่างหันไปหาผู้มาใหม่ซึ่งเป็นแม่ของเขานั่นเอง
“ฉันบอกว่าให้ล็อคประตูทุกครั้งไงยัยข้าวเน่า”ใบหน้าหล่อหันมาพูดกับฉันอย่างไม่สบอารมณ์ให้ตายสิชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองแล้วล็อคประตูเนี่ยนะคิดอะไรอยู่ไม่ทราบ!
“ตาเซฟก็..ทำไมชอบไปว่าหนูข้าวเจ้าอยู่เรื่อยเลย”คุณหญิงเดินมาหาพวกเราอย่างอารมณ์ดีและใช่ค่ะไอตาบื้อนี่ชื่อเซฟเรียนวิศวะปี4ใกล้จะจบแล้วแหละส่วนเกรดน่ะเหรอเห็นว่ารอดFมาอย่างหวุดหวิดทุกเทอมเลย
ฉันยิ้มแห้งส่งให้คุณหญิงก่อนจะขอตัวลงไปเตรียมน้ำเตรียมขนมด้านล่างปล่อยให้แม่ลูกเขาได้คุยกัน
“อ่าวสอนเสร็จแล้วรึข้าว?”
“ยังจ่ะป้าพอดีข้าวลงมาเอาน้ำกับขนม”ฉันเอ่ยบอกกับป้าที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านอยู่บ้านหลังนี้หลังจากที่พ่อกับแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุเมื่อหลายสิบปีก่อนฉันก็ไม่เหลือใครป้าเลยพาฉันมาอยู่บ้านหลังนี้ด้วยและโชคดีที่เจ้านายของป้าเขาใจดียอมรับฉันเป็นคนใช้อีกคน
ในตอนแรกฉันก็ช่วยงานบ้านนั่นแหละแต่พอโตขึ้นก็มีโอกาสได้ช่วยงานคุณหญิงกับคุณท่านที่หยิบยื่นโอกาสให้ฉันเพราะเห็นว่าฉันเก่งเลขเก่งคำนวณฉันเลยเปลี่ยนจากสาวใช้มาเป็นผู้ช่วยของทั้งคู่แทนนับตั้งแต่นั้น
แต่ถ้าว่างฉันก็จะมาช่วยป้าทำงานบ้านนั่นแหละเพราะป้าเองก็อายุมากแล้วและตอนนี้ฉันก็คิดเรื่องที่จะให้ป้าลาออกจากงานแม่บ้านแล้วด้วย
หลังจากเตรียมของเสร็จฉันก็เดินกลับขึ้นไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ทั้งคู่เดินออกมาพอดี
“ฝากเจ้าเซฟด้วยนะหนูข้าวถ้าเจ้าตัวดื้อไม่ฟังก็ตีได้เลยป้าอนุญาติจ่ะ^^”ฉันยิ้มรับบางๆก่อนจะมองใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายที่ยืนทำหน้าบุญไม่รับอยู่ข้างๆ
“ได้ค่ะคุณหญิง”
“หนูข้าวป้าบอกแล้วไงจ่ะว่าไม่ให้เรียกคุณหญิงน่ะ”
“ฮ่ะๆได้ค่ะคุณป้า”ฉันมองอีกฝ่ายที่ยิ้มร่าออกมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมากอดมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู
“ใครมาเห็นคงคิดว่าเป็นแม่ลูกกัน”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก็นะคุณหญิงกับคุณท่านค่อนข้างจะเอ็นดูฉันมากผิดกับลูกชายแท้ๆที่เอาแต่เรื่องปวดหัวมาให้แก้
“ตายจริงงอนรึจ่ะมามะมาให้แม่หอมแก้มหน่อย”
“ไม่!”ใบหน้าหล่อเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะเดินเข้าห้องไปทันที
ทำตัวหยาบคายชะมัดนี่แม่แกนะเว้ยย!
“ยัยแว่นรีบเข้ามาได้แล้วเดี๋ยวยุงเข้า”เจ้าตัวพูดขึ้นเสียงดังน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดฉันส่ายหน้าเอือมๆแต่ก็รีบเดินเข้าห้องไปโดยไม่ลืมที่จะเอ่ยลาแม่ของเขาอย่างสุภาพ
“ชักช้าซะจริงยัยเฉิ่มนี่”ฉันกำถาดแน่นอยากจะเอาน้ำแดงที่ถือมาราดลงบนหัวเขาซะจริงๆชื่อก็มีให้เรียกไม่เรียกเอาแต่เรียกอะไรไร้สาระอยู่ได้ก็ไม่รู้แล้วผู้หญิงที่ใส่แว่นตามันต้องเฉิ่มทุกคนเลยรึไง!
แต่ฉันก็เฉิ่มจริงแหละเรื่องความสวยความงามนี่เข้าไม่ถึงจริงๆหน้าก็ไม่ได้แต่งเพราะคิดว่ามันเสียเวลาไปเรียนไม่ได้ไปขายสวยที่ไหนสักหน่อยส่วนการแต่งตัวก็แต่งแบบเอาสบายผมบางครั้งก็มัดบางครั้งก็ปล่อยแล้วแต่อารมณ์
ผิดกับไอร่างเปรตนี่ทั้งหน้าตาหล่อเหลาได้ข่าวว่าเคยเป็นเดือนมหาลัยมาก่อนด้วยสาวๆก็เข้าหาไม่พักทั้งสูงทั้งหล่อแม้การเรียนจะไม่ได้เรื่องก็ตามแต่เรียนไม่ได้เรื่องก็พอยอมรับได้อยู่หรอกนะแต่นิสัยหยาบคายนี่สิพวกผู้หญิงหลงรักเขากันได้ยังไงกัน
“จะยืนเป็นหุ่นขี้ผึ้งอีกนานไหม?”
“จ้าๆมาแล้วจ้าคุณชาย~”ฉันทำเสียงล้อเลียนมองใบหน้าหล่อที่ทำตาขวางใส่ฉันแต่พอฉันวางถาดขนมปุ๊บมือหนาก็คว้าเข้าปากทันทีไม่พอยังหยิบขนมมายัดใส่ปากฉันอีกพอเห็นฉันสำลักก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
ไอคนหยาบคายเอ้ย!
โบราณเขาว่าผู้ชายแกล้งแปลว่าผู้ชายรักนะลูกก ฮ่าๆๆ
ครืดด ฉันมองประตูที่ถูกเปิดออกโดยพนักงานสาวก่อนจะเผยให้เห็นพี่มอสแฟนของฉันที่นั่งอยู่ก่อนแล้วไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อคำพูดของไอบ้าเซฟนะแต่ที่ฉันยืนยันที่จะเข้ามาก็เพราะอยากทดสอบด้วยตัวเอง“ว้าวน้องข้าวนี่น้องข้าวจริงๆเหรอครับ” พี่มอสดูตกใจมากกับการแปลงโฉมครั้งใหญ่ของฉันส่วนฉันก็ทำได้แค่ส่งยิ้มอ่อนๆให้เขาพอได้ฟังเรื่องที่เซฟเล่าร่างกายของฉันมันก็รู้สึกขนลุกแปลกๆขึ้นมา“มันไม่ได้ดูแปลกใช่ไหมคะ?” ฉันเอ่ยถามมองพี่มอสที่ส่ายหน้ารัวๆ“ไม่ครับสวยมากเหมือนคนละคนเลย” ฉันหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งพร้อมกับประตูที่ปิดลง“ทานข้าวกันครับ” คนตรงหน้าเอ่ยชวนเราสองคนนั่งทานข้าวกันอย่างปกติทุกอย่างเป็นปกติมากและพี่มอสเองก็ไม่ได้แสดงท่าทางที่น่าสงสัยอะไรเลยสักนิดหรือเรื่องที่เซฟเล่าจะไม่ใช่ความจริง ตาบ้านั่นต้องแต่งเรื่องมาหลอกให้ฉันขวัญเสียแน่ๆคงจะอิจฉาที่ฉันมีแฟนที่แสนดีแบบพี่มอสสินะ“อาหารถูกปากไหมพี่ตั้งใจจองร้านนี้มากเลยนะ”“อร่อยมากเลยค่ะ^^” ฉันพูดพร้อมฉีกยิ้มกว้างเพราะอาหารมันอร่อยจริงๆ“ว่าแต่ทำไมถึงเปลี่ยนลุคขนาดนี้เลยล่ะครับ”“อ๋า..กะก็มันคือเดทแรกนิคะพี่มอสเองก็เป็นแฟนคนแรกของข้าวด้วย”
เซฟ PART“ตายจริงนี่หนูข้าวจริงๆหรอลูก”ผมเงยหน้าขึ้นจากถ้วยโจ๊กมองร่างเล็กที่เดินเข้ามาอย่างเขินอายเธออยู่ในชุดกระโปรงสีขาวผ้าชีฟองโชว์ไหล่ทั้งสองข้างผมจากที่เคยปล่อยและไม่เคยดูแลสนใจมันกลับม้วนขึ้นเผยให้เห็นลำคอขาวที่ประดับด้วยสร้อยสีเงินเส้นเล็กใบหน้าของเธอไม่มีแว่นตาและแม้จะมีหน้าม้าบดบังแต่ทว่ากลับดูมีสีสันจากการทาแก้มทาปากไม่จำเป็นต้องพูดถึงหุ่นเพราะถึงแม้ว่าเธอจะดูผอมไปนิดแต่ทุกสัดส่วนของเธอกลับเด่นชัดไม่ว่าจะเป็นหน้าอกหรือแม้ขาเรียวยาว“สวยจริงๆเลยน้า..ได้ข่าวว่าจะไปเดทกับแฟนใช่ไหม^^”“ชะใช่ค่ะ”เธอตอบกลับอย่างเขินอายก่อนจะหันมามองผมด้วยสายตาคาดเดาไม่ถูกทั้งๆที่บอกความจริงไปแล้วแต่ก็ยังไม่คิดที่จะบอกเลิกมันสินะแถมยังเปลี่ยนตัวเองจากสาวเฉิ่มเป็นสาวสวยเพื่อไปเดทกับสวะอย่างมันอีกเธอคิดอะไรอยู่ข้าวเจ้าอยากให้ใบหน้าและเรือนร่างของเธอถูกบันทึกไว้ในมือถือของสวะอย่างมันอย่างงั้นเหรอ“ตาเซฟหนูข้าวสวยมากเลยใช่ไหม^^”ผมมองแม่ที่ดูตื่นเต้นมากกว่าใครประหนึ่งว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวคนโปรดก็ไม่ปาน“ก็พอดูได้ครับ” ผมเอ่ยตอบหน้านิ่งไม่ใช่แค่พอดูได้อยากที่พูดหรอกแต่นี่มันน่ารักมากเลยต่างหากแต่จะให้ช
“ระเราเลิกกันเถอะค่ะ”ฉันเอ่ยบอกออกไปมองหน้าพี่มอสที่ยืนสะตั้นอยู่ตรงหน้าฉัน“เดี๋ยวสิทำไมถึงบอกเลิกพี่ล่ะครับ?”พี่มอสปรี่เข้ามาจับมือฉันพร้อมกับสีหน้าของความร้อนรน“เมื่อวานพี่ไปที่ห้างมารึเปล่าคะ”“ก็ใช่ครับ”“ข้าวเห็นค่ะ..เห็นว่าพี่กำลังกอดกับผู้หญิงคนอื่น..”ฉันบอกออกไปพลันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจเล็กน้อยแม้ว่าเราสองคนจะยังรู้จักและคบกันได้ไม่นานแต่เป็นถึงแฟนคนแรกของฉันเลยนะและฉันก็คาดหวังกับความรักครั้งนี้มากจริงๆ“อุ๊บ..ฮ่าๆ”ฉันขมวดคิ้วมองพี่มอสที่หัวเราะลั่นออกมา“มันใช่เรื่องตลกเหรอคะพี่นอกใจข้าวนะ!”ฉันพูดด้วยความโมโห“ข้าวฟังพี่นะ..ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวพี่เอง”ฉันเบิกตาโตด้วยความตกใจจริงสิพี่มอสบอกว่าตัวเองมีน้องสาวด้วยนี่หน่างั้นแสดงว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวพี่มอสจริงๆเหรอแต่หน้าตาไม่เหมือนกันเลยนะ“ข้าว..เฮ้อทำไมน่ารักอย่างนี้นะหึงพี่เหรอครับ”จู่ใบหน้าของฉันมันก็ร้อนขึ้นมาไม่ได้เพราะความเขินแต่อายล้วนๆ!“อะเอ่อ..ข้าวขอโทษนะคะที่ด่วนสรุปไปเองแบบนี้”ฉันบอกออกไปอย่างรู้สึกผิด เห้อไอเราก็คิดหนักมาตลอดทั้งคืนสุดท้ายก็แค่น้องสาวเองเหรอเนี่ยบ้าจริงฉัน“ไม่เป็นไรครับ..ถ้างั้นไปเดทกับ
วันต่อมาทำไม? ทำไม? ทำไมฉันต้องออกมาซื้อของกับไอบ้านี่ด้วยอ๊ากกกก!!เหตุมันเกิดขึ้นเนื่องจากว่าฉันได้รับไหว้วานให้ไปซื้อของที่ห้างซึ่งตอนแรกฉันก็กะจะไปเองนี่แหละแต่ไอบ้าเซฟมันดันลงมาพอดีพอแม่ของเขาถามว่ามีแพลนจะออกไปไหนทำอะไรไหมไอบื้อนั่นก็บอกว่าไม่มีและไงคะก็ได้เลยมาด้วยกันแบบงงๆนี่ไงทั้งๆที่ฉันปฏิเสธไปแล้วว่าจะมาเองแต่คุณหญิงก็คะยั้นคะยอบอกให้เซฟขับรถไปส่งฉันจนสุดท้ายก็ไม่มีใครต้านทานคำพูดอันทรงพลังได้ฉันเลยต้องยอมนั่งรถมากับไอตาหื่นกามนี่สองต่อสองทั้งๆที่พึ่งเกิดเรื่องอะไรแบบนั้นไปเมื่อวานนี้เองแท้ๆ“นั่งดีๆฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกหน่ายัยข้าวเน่า”จู่ๆไอบ้าเซฟก็พูดขึ้นมาแต่เขาไม่ได้มองมาทางฉันเพราะกำลังตั้งใจขับรถอยู่“ไม่ฉันจะนั่งแบบนี้”ฉันพูดขึ้นอย่างจริงจังเพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีก็เลยนั่งหันทั้งตัวหันทั้งหน้าไปจ้องอีกฝ่าย“ตามใจขอให้ตะคริวกินแล้วกัน”ฉันรับฟังแบบไม่ใส่ใจแต่ทว่าพอนั่งท่านี้นานๆก็แอบเมื่อยนะแถมยังรู้สึกเวียนหัวอีกฮื่ออ“อุแหวะ”ทันทีที่มาถึงห้างที่แรกที่ฉันไปก็คือห้องน้ำก่อนจะเข้าไปอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงเนื่องจากเมารถเป็นเพราะไอบ้าเซฟคนเดียวเลยมาทำให้ฉันหวาดระแวงไปหม
1อาทิตย์ต่อมาฉันยืนอยู่หน้าห้องของเซฟเพราะวันนี้เป็นวันที่ฉันต้องมาสอนงานให้เขาแต่ทว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจู่ๆไอบ้านี่มันก็ทำตัวแปลกๆพอมองหน้าฉันทีไรเจ้าตัวก็จะรีบหลบหน้าไปทันทีจากที่เคยเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันเขาก็เงียบหายไปเลย“แปลกแหะ”แกร้ก“จะยืนบื้ออีกนานไหม”ฉันมองร่างสูงที่เปิดประตูออกมาบ่นใส่ฉันว่าแต่เขารู้ได้ยังไงว่าฉันยืนอยู่หน้าห้องเขากันหลังจากเข้าห้องไปฉันก็ไปนั่งประจำที่แต่สิ่งที่แปลกคือหมอนี่มันห่างจากฉันเป็นกิโลเลยนี่สิ“นี่ขยับมาหน่อยสิ”“สอนตรงนั้นนั่นแหละ”ฉันขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดมองใบหน้าหล่อที่เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมสบตาฉันเลยสักนิดไอบ้านี่มันเป็นอะไรของมันเนี่ยเมนส์มารึไง“ฉันไม่อยากตะโกนเขยิบเข้ามา”ฉันเอ่ยบอกมองเซฟที่ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะขยับมาอยู่ใกล้ฉันแต่ก็เว้นระยะห่างอยู่ดีแต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วรีบๆสอนงานให้เขาเพราะคืนนี้ฉันมีนัดวีดีโอคอลกับพี่มอสแฟนสุดน่ารักของฉันน่ะสิ“วันนี้พอแค่นี้ละกัน” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากสอนต่อเนื่องมาเกือบ3ชั่วโมงและเซฟก็ตั้งใจเรียนรู้ดีเอาจริงๆหมอนี่มันก็เก่งพอตัวเลยนะสอนอะไรไปนิดๆหน่อยๆก็ทำได้แล้ว“นี่ยัยข้าวบูด”ฉันชะงักมือที่กำล
เซฟ PART“เก็บแต้มอีกแล้วเหรอมึง”“เออ..คนนี้ไม่น่าจะเกินอาทิตย์เดี๋ยวก็ได้มาร้องครางใต้ร่างกูละ”ผมมองไอมอสที่พอเดินเข้ามาก็พูดจาหมาไม่แดกทันทีน่าอนาถใจแทยยัยข้าวบูดชะมัดเลือกแฟนทั้งทีทำไมถึงไปเลือกไอเศษสวะแบบนี้มาก็ไม่รู้“อย่างเอาอ่ะครับเพื่อน”ผมถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์มองพวกมันที่คุยเรื่องผู้หญิงกันอย่างสนุกปากตอนแรกที่ได้ยินยัยนั่นบอกมีแฟนผมก็แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองแต่สุดท้ายมันก็คือเรื่องจริงสินะ“ไอเซฟวันนี้ไปดื่มป่ะ?” “ไม่อ่ะ”ผมตอบปฏิเสธก่อนจะก้มมองรองเท้าตัวเองที่มีรอยรองเท้าของยัยข้าวเน่าประทับอยู่ผมเห็นข้อความที่ยัยนั่นตอบกลับมาแล้วมันน่านักจริงๆรอก่อนเถอะกลับบ้านไปจะทำโทษให้เข็ด“ยิ้มอะไรของมึงวะขนลุก”ผมหุบยิ้มทันทีไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยิ้มอยู่แถมยังยิ้มทั้งๆที่นึกหน้ายัยข้าวเน่านั่นอีกหลังจากจบคลาสเรียนผมก็แยกตัวออกมาเพื่อตรงกลับบ้านในหัวนี่คิดแผนการแกล้งยัยข้าวเน่าสารพัดอย่าง“เห้ยไอเซฟ”ผมมองไอมอสที่เรียกผมไอเวรนี่ต่อหน้าสาวทำเป็นสุภาพบุรุษแต่ความจริงแล้วเป็นไอสวะดีๆนี่เองเห็นว่าชอบไปหลอกเอาสาวเฉิ่มๆโลกส่วนตัวสูงมานอนด้วยก่อนจะถ่ายคลิปขู่เรียกเอาเงินแล้วยั