Share

เป็นคนหล่อ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-19 18:23:14

“ฮาวว~”ฉันหาวออกมาเป็นรอบที่ล้านแปดเหตุเกิดจากเมื่อคืนพอไอบ้านั่นรู้ว่าฉันมีการบ้านต้องกลับไปทำก็เลยแกล้งฉันเอาแต่ทำผิดที่เดิมซ้ำๆดึงเวลาจนดึกดื่นนี่ถ้าฉันไม่ขอร้องอ้อนวอนเขาดีๆเขาก็คงไม่ปล่อยฉันออกมาหรอก

กว่าจะได้กลับมาทำการบ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้วทำเสร็จก็เกือบตีสองแถมวันนี้ฉันยังมีเรียนเช้าอีกเลยได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงตี4ก็ตื่นมาช่วยป้าเตรียมทำอาหารเช้าให้เจ้าของบ้านสรุปเลยว่าฉันได้นอนจริงๆยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

วันนี้อย่าได้เสนอหน้ามาให้ฉันเห็นเชียวไม่งั้นฉันจะ

ปรื๊ดดดด!!

“แว๊กก!!”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจตัวพุ่งหลบข้างทางอัตโนมัติฉันมองเส้นขอบถนนด้วยความหัวเสียเพราะตัวฉันก็ไม่ได้ไปเดินขวางรถใครเสียหน่อยทำไมต้องมาบีบแตรใส่ฉันแบบนี้ด้วย!

“นี่ยัยเฉิ่ม”เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นฉันเลยหันไปมองไอตาบ้าเซฟที่ลดกระจกทักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เหอะดูอารมณ์ดีเหลือเกินนะดูท่าจะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างเต็มที่เลยสิ

“นายเป็นบ้าอะไรมาบีบแตรใส่ฉันเพื่อ!”ฉันถามออกไปด้วยความโมโหเมื่อกี้ฉันตกใจมากจริงๆนะยิ่งเป็นคนขวัญอ่อนอยู่ด้วย

“เป็นคนหล่อ”แล้วดูสิ่งที่เขาตอบกลับมาสิมันกวนตีนดีไหมล่ะ

“ขึ้นมา”

“ไม่!”ฉันเอ่ยปฏิเสธก่อนจะเดินต่ออีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเป็นป้ายรถเมล์แล้ว

“เดี๋ยวไปส่งขึ้นมา”ไอตาบ้านี่ก็ขับตามฉันไม่หยุดเขาจะรู้ไหมว่าตอนนี้กำลังมีรถตามหลังเขาอยู่กี่คัน!

“ไม่!นายจะไปไหนก็ไปเถอะฉันไปของฉันเองได้”ฉันเอ่ยบอกอย่างหงุดหงิดนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาแกล้งฉันก็พาลจะหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมอีก

“ก็จะไปมหาลัยไง เธอก็จะไปไม่ใช่ไงได้นั่งรถแอร์เย็นๆไม่ต้องเบียดใครไม่ชอบรึไงห๊ะ”

“ไม่ชอบ!” 

“นี่ยัยเฉิ่ม! ยัยแว่น! ยัยข้าวบูด เห้ยยย!!”ฉันเอามือปิดหูก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังป้ายรถเมล์แน่นอนว่ารถเมล์ตอนเช้านี่นรกสุดๆทั้งคนเบียดทั้งรถติดแถมยังร้อนจนเหงื่อไหลถึงตีน

แต่ถ้าให้เลือกนั่งรถเมล์กับรถหรูๆของเขาฉันยอมทนนั่งรถเมล์ดีกว่าอีกเพราะเคยลองนั่งไปครั้งนึงเหมือนว่าตัวเองจะเห็นพระเจ้ามาเก็บดวงวิญญาณตลอดเลยอ่ะทั้งขับเร็วขับปาดไปปาดมาเรียกได้ว่าขยะบนท้องถนนเลยก็ว่าได้

แถมพอถึงมหาลัยคนก็มองกันตรึมก็นะยัยเฉิ่มอย่างฉันลงมาจากรถหรูสองประตูแบบนั้นใครบ้างจะไม่สนใจดีเท่าไหร่แล้วที่กระจกมันเป็นกระจกดำคนอื่นมองไม่เห็น

ถ้าเห็นว่าใครเป็นคนขับมาส่งด้วยนี่มหาลัยระเบิดแน่นอนหน้าฉันคงเด่นหล่าอยู่ในเพจหรือกลุ่มมหาลัยแน่ๆว่าเป็นใครทำไมถึงมากับเทพบุตรของมหาลัยอะไรแบบนี้ไอบ้านั่นมันดังมากนะที่มหาลัยก็นะทั้งหล่อทั้งสูงภายนอกนี่สวรรค์ส่งมาเกิดชัดๆแต่ภายในนี่สินรกดีๆนี่เอง

“อ๊ะรถเมล์มาพอดี”ฉันยิ้มกว้างออกมาในตอนที่กำลังหงุดหงิดสุดๆกลับมีเรื่องดีเกิดขึ้นนั่นก็คือการที่มาถึงป้ายแล้วรถเมล์ที่จะขึ้นดันมาพอดีนี่ยังไงล่ะ!แต่ทว่า

“ชิดในหน่อยเพ้! ชิดในหน่อย”

แน่นมาก! แน่นชนิดที่ว่าบางคนต้องยืนตรงทางขึ้นทางลงเลยแหะงั้นรอบนี้ฉันขอไม่ไปก่อนแล้วกันไว้รอคันถัดไปก็ได้หลังจากที่รถเมล์ออกไปฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็กดูว่าคันถัดไปจะมาอีกตอนไหนแต่ว่ามัน..

ไม่มี! คันนั้นเป็นคันสุดท้ายที่วิ่งอยู่! โอ้มายก้อดฮื่ออรู้งี้ฉันน่าจะขึ้นไปแต่แรกก็ดีต่อให้มันเบียดจนหน้าแนบประตูก็ตามเถอะแล้วทำไงทีนี้ไม่มีรถก็คงต้องขึ้นแท็กซี่แต่มันก็น่าจะแพงมากเลยไม่ใช่เหรอ

“อ๊ะไอบ้าเซฟ”จู่ๆฉันก็คิดถึงไอบ้าเซฟขึ้นมาไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปไกลรึยังแต่ก็ลองๆโทรดูก่อนดีกว่าต้องนั่งแท็กซี่ให้เปลืองตังละนะ

Rrrr

(อะไร) น้ำเสียงท้วนๆเอ่ยขึ้น

“นายอยู่ไหน”

(ทำไม)

“ฉันจะขอติดรถไปด้วย”

(เหอะ แล้วตอนบอกให้ขึ้นทำไมไม่ขึ้น) ฉันบู้ปากฟังคำบ่นของอีกฝ่ายใครจะรู้ว่ารถเมล์คนนั้นเป็นคันสุดท้ายแล้ว

“ถ้าจะบ่นเยอะยาวขนาดนี้ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้!”ฉันเอ่ยบอกไม่น่าโทรหาเขาเล้ยโทรไปหาไอตาบ้านี่บ่นซะงั้น

(เดินมา)

“ฮือ?”

(จอดรออยู่ปั้มน้ำมัน)

“จริงอ่ะไชโย!”

(ถ้าเกิน5นาทีฉันไปไม่รอแล้วนะ)

“ห๊ะ?เดี๋ยวสิปั้มมันก็อยู่กะ..”

ติ๊ด!

กรี๊ดไอบ้าเซฟ! นี่ฉันได้แต่กรีดร้องในใจก่อนจะสับตีนแตกวิ่งไปยังปั้มน้ำมันก็อยู่ไม่ไกลก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ใกล้เลยสักนิด!

“อ๊ะเห็นแล้ว”ฉันร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นรถของไอบ้าเซฟยังจอดรออยู่ฉันพาร่างอันหอบแฮ่กๆของตัวเองเปิดประตูเข้าไปนั่งก่อนจะหอบหายใจอย่างบ้าคลั่ง

“น้ำ” 

“ขะขอบใจ”ฉันรีบคว้าน้ำมาดื่มรวดเดียวหมดทันทีจากร้อนๆพอได้เข้ามาอยู่ในรถที่แอร์เย็นฉ่ำแถมยังได้กินน้ำเย็นๆนี่มันฟินจริงๆหลังจากนั้นรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกสู่ท้องถนนในระหว่างทางฉันก็ยังนั่งหอบอยู่ส่วนไอบ้าเซฟก็อารมณ์ดีจากไหนไม่รู้นั่งร้องเพลงเสียงนี่ก็โคตรจะดีเลย

ปกติคนหล่อต้องร้องเพลงเพราะทุกคนเลยรึไงกัน-.-

“เพราะอ่ะดิ”เจ้าตัวพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ

“อืมเพราะ..เพราะอะไรถึงร้องอ่ะ” 

“จิ๊ยัยนี่”ฉันหัวเราะในใจมองใบหน้าหล่อที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ฉันถึงเซฟจะอายุเยอะกว่าฉัน3ปีแต่ฉันไม่เคยนับถือเขาเป็นพี่เลยสักครั้งก็ดูสภาพสิน่านับถือตรงไหนก่อนแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ดูไม่พอใจนะที่ฉันพูดเป็นกันเองกับเขาแบบนั้นตอนนี้ก็เลยชินกับการพูดเป็นกันเองแบบนี้ไปแล้ว

Rrrr

ฉันมองมือถือที่มีสายเข้าก่อนจะฉีกยิ้มกว้างและรีบกดรับทันที

“ดีค่ะพี่มอส”ใบหน้าหล่อทำหน้าอี๋ๆใส่ฉันที่พูดกับปลายสายเสียงสอง

“อ๋อพอดีติดรถเพื่อนมาค่ะ..ได้ค่ะไว้เจอกันที่มหาลัยนะคะ”ฉันยิ้มเขินก่อนจะกดตัดสายไป

“ใคร?”

“ยุ่ง”

“ฉันถามว่าใคร”จู่ๆไอตาบ้านี่มันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆหน้าตาเขาดูหงุดหงิดมากเลยแหะ

“ฟะแฟนฉันเอง..”ฉันตอบกลับด้วยท่าทีเขินอายและใช่พี่มอสเป็นแฟนฉันเองเราพึ่งเริ่มคบกันได้ไม่นานมานี้ฉันเองก็ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้มีแฟนกับเขาหรอกนะเพราะสภาพฉันมันก็ไม่ได้ดูโดดเด่นเป็นสเป็กผู้ชายเท่าไหร่

แต่พี่มอสนี่สิจู่ๆก็เข้ามาจีบฉันตอนที่ฉันนั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตอนแรกก็คิดว่าเขาคงจะเข้ามาจีบเล่นๆแต่เขาดูจริงจังมากจนฉันก็เริ่มเปิดใจเราเริ่มจากการพูดคุยกันก่อนจะนัดมาเจอกันถ้าวันไหนเรียนตรงกันอ่ะนะ

อ๋อพี่มอสเขาเรียนอยู่คณะวิศวะด้วยปี4เหมือนเซฟเลยบางทีเขาเองก็อาจจะรู้จักพี่มอสเหมือนกันนะ

“ห๊ะแฟน!?..คนอย่างเธอเนี่ยนะมีแฟน?”เซฟพูดขึ้นด้วยความตกใจแต่เหมือนล้อเลียนฉันมากกว่าอีก

“คนอย่างฉันมันทำไมห๊ะ?”ฉันสวนกลับฉันก็แค่ดูบ้านๆแต่ฉันก็นิสัยดีจะตายไปผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบผู้หญิงนิสัยดีกัน

“เหอะอยากให้พูดจริงดิ”ใบหน้าหล่อหันมาบอกฉันซึ่งฉันก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งอยู่กับเขาทีไรฉันปวดหัวไม่ก็อารมณ์ไม่ดีตลอดเลยแหะ

“ถามจริง..มีแฟนจริงดิ?”

“อืม”

“ไม่อยากจะเชื่อ..มันมีผู้ชายตาถั่วคนไหนเอาเธอด้วยเหรอวะ”

“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”ฉันโพล่งออกไปด้วยความโมโหโชคดีจริงๆเล้ยที่พี่มอสไม่ได้มีนิสัยเลวทรามต่ำช้าเหมือนไอหมอนี่

“โทษทีๆ”เซฟเอ่ยขอโทษออกมาเขาก็คงจะรู้ตัวแหละว่าคงพูดไม่ดีกับฉันหลังจากนั้นเราสองคนก็เงียบกันมาตลอดทางเซฟที่ตอนแรกร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีก็เงียบไม่พูดจาใดๆจนกระทั่งรถหรูขับเข้ามายังมหาลัย

“เดี๋ยวส่งฉันลงตรงนี้ก็ได้”ฉันพูดก่อนจะชี้ไปที่ทางเข้าก่อนเข้าโรงรถ

“ทำไม เดี๋ยวขับไปส่งที่คณะ” 

“ไม่เอามันสะดุดตาเกินไป”ฉันเอ่ยบอกเจ้าตัวก็ตามใจฉันจอดให้ฉันลงทันที

“ยังไงก็ขอบใจนะที่มาส่ง”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะลงจากรถแต่ทว่ามือหนาก็มารั้งแขนฉันเอาไว้จนฉันต้องหันกลับไปมองเขา

“เลี้ยงข้าวด้วย”

“ห๊ะ?”

“เลี้ยงข้าวไงตอนเที่ยงตอนเย็นตอนไหนก็ได้แต่เลี้ยงฉันด้วย”

“เดี๋ยวนะ?นายให้ฉันที่เป็นลูกจ้างเลี้ยงข้าวนายที่เป็นนายจ้างเนี่ยนะ!?”ฉันขมวดคิ้วถามเขาลำพังเงินที่ได้จากการช่วยงานแทบจะติดลบแล้วฉันจะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงข้าวคุณชายผู้สูงส่งคนนี้กัน

“จะข้าวไข่เจียวไข่ดาวไข้ต้มอะไรก็ได้ไง”ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่เอาก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยให้ฉันมามหาลัยทันคาบเรียนตอนเช้าก็แล้วกัน

“ก็ได้งั้นเดี๋ยวทักข้อความไปบอกก็แล้วกัน”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะจับมือเขาให้ออกจากแขนของฉัน

“เดินดีๆล่ะยัยเฉิ่มใส่แว่นแล้วก็หัดมองทางบ้างไม่ใช่สะดุดล้มหน้าคมำเหมือนครั้งที่แล้วอีก”ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดมองเซฟที่ลดกระจกมาโบกมือลาฉันอย่างอารมณ์ดีก่อนจะขับเข้าไปในโรงรถ

จะว่าไปฉันก็อายเหมือนกันแหะทั้งๆที่ใส่แว่นสายตาแท้ๆแต่ดันมองไม่เห็นว่ามีแผ่นปูนที่มันไม่เท่ากันอยู่สุดท้ายก็เลยสะดุดล้มหน้าคมำอับอายชาวบ้านชาวช่องแถมยังมาล้มตรงหน้าคณะวิศวะที่มีแต่ผู้ชายหล่อๆอีก

และไงคะไอคนที่เข้ามาช่วยไม่สิเข้ามาสมน้ำหน้าฉันคนแรกก็ไอบ้าเซฟนี่แหละไม่ช่วยพยุงแถมยังหัวเราะลั่นจนเพื่อนๆงงว่าไอบ้านี่มันหัวเราะสะใจอะไรขนาดนั้นสุดท้ายด้วยความอับอายฉันก็เลยวิ่งออกมาเลยแม้ว่าหัวเข่าฉันจะมีเลือดไหลก็ตาม

พอกลับมาถึงบ้านไอบ้าเซฟก็ยังมาล้อฉันไม่หยุดหาว่าเดินสะดุดล้มเหมือนเด็กสามขวบก็ไม่ปานจนฉันต้องหลบหน้าเขาไปสักพักใหญ่เลยแหละ

คิดแล้วก็ได้แต่โมโหผู้ชายหยาบคายแบบนั้นทำไมถึงมีแต่คนเข้ามาให้ความรักกันนะแต่ก็ช่างมันเถอะเพราะตอนนี้ฉันเองก็มีคนที่เข้ามาให้ความรักแล้วเหมือนกันว่าแล้วก็รีบไปหาพี่มอสดีกว่า><

หึง พูดแบบนี้นะคะคุณเซฟ พูดเร็ว หึง 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อย่าแตะต้องยัยเฉิ่มของผม   ตอนพิเศษ2

    หลายปีต่อมาฟอดดด“ตั้งใจทำงานนะ^^” ฉันหอมแก้มสามีฟอดใหญ่ก่อนที่เราสองคนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองซึ่งโต๊ทำงานของฉันก็เพียงแค่อยู่นอกประตูเท่านั้นที่จริงเคยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันแล้วแหละแต่ตัดสินใจย้ายไปนั่งข้างนอกแทนก็จะอะไรซะอีกล่ะหมอนั่งอยู่ด้วยกันไอหื่นกามนี่ก็เล่นจับฉันกดเช้ากดเย็นจนงานการล่าช้าไปหมดสุดท้ายฉันเลยตัดสินใจที่จะย้ายโต๊ะออกมาข้างนอกแทนบ้ากามจริงๆสามีใครก็ไม่รู้“สวัสดีครับพี่ข้าว”“อ่าวหวัดดี” ฉันมองพนักงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงสัปดาห์ร่างสูงส่งยิ้มให้กับพร้อมกับวางกล่องขนมลงตรงหน้าฉัน“ทานให้อร่อยนะครับ^^”“อะเอ่อ..ขอบใจนะ” ฉันพูดอย่างเกร็งๆคือทุกคนในบริษัทต่างรู้ว่าฉันกับเซฟเราสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่สำหรับน้องคนนี้คงยังไม่รู้สินะแกร้กฉันมองเซฟที่เปิดประตูออกมาได้จังหวะพอดีใบหน้าหล่อจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่เป็นมิตรทันทีฉันพึ่งจะออกมาแท้ๆเขาจะออกมาทำไมเนี่ย“สวัสดีครับท่านประธาน”“มาทำอะไร”“เอาขนมมาให้พี่ข้าวเจ้าครับ^^”“จะจีบ?”“อะเอ่อจะว่างั้นก็ได้ครับ^^” ฉันได้แต่ยืนเหงื่อแตกพลั่กๆหนูลูกพึ่งมาทำงานแท้ๆจะโดนตาบ้านั่นไล่ออกมั้ยเนี่ยนิสัยหวงเมียใครๆก็รู้

  • อย่าแตะต้องยัยเฉิ่มของผม   ตอนพิเศษ

    2ปีต่อมาฉันกลายเป็นนักศึกษาปี4และที่สำคัญคือ…ฉันเรียนจบแล้วจ้าา!! ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันรับปริญญาฉันเองแหละทุกคน>“ยินดีด้วยนะลูก”“ยินดีกับเกียรตินิยมอันดับ1ด้วยนะลูกสะใภ้” ฉันรับช่อดอกไม้มาด้วยความเขินอาย2ปีที่ผ่านมาฉันได้รับความรักจากพวกท่านทั้งสองเยอะมากๆพวกท่านเอ็นดูฉันสุดๆเดี๋ยวก็พาไปอวดคนนั้นคนนี้อ๊ะจริงสิฉันน่ะไม่ได้เป็นสาวเฉิ่มแล้วนะแว่นตาก็ไม่ได้ใส่แล้วเหตุเพราะฉันเองก็อยากปรับตัวให้เข้ากับเซฟด้วยเช่นกันแม้ว่าเจ้าตัวจะย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เป็นไรแต่ที่ฉันปรับเปลี่ยนตัวเองมันไม่ใช่เพื่อคนอื่นแต่ก็เพื่อตัวฉันเองด้วยเช่นกันความจริงแล้วตาบ้านั่นก็แค่หึงน่ะเพราะฉันน่ะมันเป็นสาวสวยนี่“ยินดีด้วยนะข้าว” ฉันยิ้มรับอ้อมกอดจากป้าซึ่งก็ลาออกจากงานแม่บ้านแล้วแต่ก็ยังอยู่บ้านเหมือนเดิมไม่ได้ย้ายไปไหนเพราะพ่อกับแม่บอกว่าป้าได้เข้ามาเป็นครอบครัวด้วยตั้งแต่วันที่ฉันกับเซฟหมั้นกันแล้วแต่ป้าก็มักจะทำงานตามที่เคยทำแม้จะน้อยลงก็ตามที“น่าเสียดายนะที่ตาเซฟไม่ได้อยู่ด้วย” คุณแม่เอ่ยขึ้นพูดแล้วก็เศร้าเพราะหลังจากท่ีเซฟเรียนจบเขาก็เข้าทำงานที่บริษัทเพื่อเรียนรู้งานและตอนนี้ก็ทำงานอยู่สาขาต่างประเทศได

  • อย่าแตะต้องยัยเฉิ่มของผม   THE END

    หลังเลิกเรียนฉันก็กลับมาบ้านน่าตกใจตรงที่พอฉันกลับมาถึงพ่อกับแม่ของเซฟก็เรียกฉันไปคุยทันทีพวกท่านขอโทษฉันที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แย่ๆในมหาลัยและบอกว่าเรื่องของนิต้าพวกท่านจะจัดการให้เองซึ่งฉันก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณไปRrrr“อ๊ะเซฟ” ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อเซฟโทรเข้ามา“เซฟ!”(เอ่อไม่ใช่ไอเซฟหรอกพวกพี่เป็นเพื่อนมันเอง) ฉันชะงักไป“อ่าค่ะ..”(ไอเซฟมันเป็นไข้จนน่าจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วน่ะน้องช่วยมารับมันหน่อยได้ไหม?) ฉันเบิกตาโตทันทีทั้งๆที่บอกแล้วว่าให้กลับมานอนพักก่อนแต่เซฟก็ยังดื้อดึงบอกงานใกล้เสร็จแล้วอยู่นั่น“ได้ค่ะจะรีบไปเลยค่ะ!” ฉันพูดก่อนจะตัดสายและรีบนั่งแท็กซี่ไปมหาลัยทันทีนี่เป็นครั้งแรกเลยแหะที่มามหาลัยช่วงกลางคืนบรรยากาศน่าขนลุกชะมัด“สวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพวกเพื่อนๆของเซฟอย่างเกร็งๆกลิ่นน้ำมันเครื่องพุ่งออกมาจนฉันย่นจมูกสภาพแต่ละคนก็เปรอะเปื้อนไปหมดพวกพี่ๆเขาพอเห็นฉันก็ตกใจทันทีอ่าพวกเขาคงไม่ชินกับที่ฉันไม่ใส่แว่นรึเปล่านะ แล้วก็พอรู้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆเขาฉันก็แอบแต่งหน้ามาเล็กน้อยด้วยก็นะมาหน้าสดๆก็เขินอยู่“มันนอนตายอยู่นู่นน่ะ”“เอ้าไอเวรไปแช่งเพื่อนอีก..มันแค่นอนห

  • อย่าแตะต้องยัยเฉิ่มของผม   ไม่ต้องมาเสือกกับเรื่องของฉัน

    เซฟ PARTปรื๊ดด!!“เวรเอ้ย” ผมสถบออกมาเมื่อจู่ๆก็มีใครไม่รู้มาตัดหน้ารถผมถ้าตีนไม่ไวมีหวังร่างแหลกไปแล้ว“นิต้า?” ผมขมวดคิ้วเป็นเธอนั่นเองที่กระโดดมาตัดหน้ารถผม“ไม่อยากเจอเลยว่ะแม่ง” ผมสถบในใจกะจะรีบไปคุยกับข้าวเจ้าแท้ๆ“อะไรของเธออีก” ผมลดกระจกลงพร้อมกับเอ่ยถาม“นิต้ามีเรื่องจะคุย”“พูดมา”“ตรงนี้น่ะหรอ” เวรเอ้ยลืมไปเลยว่าอยู่กลางถนน“ขึ้นมา” สุดท้ายผมก็ต้องให้นิต้าขึ้นมาบนรถสงสัยต้องขายรถนี้ทิ้งซะแล้วสิ“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะไม่สบายหรอ”“ไม่ต้องมายุ่ง” ผมตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์และหันมาตั้งใจขับรถแทนไว้เดี๋ยวค่อยปล่อยเธอลงก่อนถึงมหาลัยก็ได้“จะคุยอะไรก็รีบๆพูดมา” ทั้งๆที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยแต่ก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้ผู้หญิงมันเป็นงี้หมดทุกคนเลยรึไงกันชอบยั่วให้โมโหอยู่ได้วันนี้สภาพร่างกายก็ไม่ดีสุดทั้งปวดหัวตัวร้อนจนแม่บอกให้พักผ่อนแต่เพราะผมต้องรีบทำโปรเจคจบให้เสร็จคืนนี้เพื่อที่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเกิดผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับข้าวเจ้าทั้งวัน“นี่นายจะให้ผู้หญิงแบบนั้นมาอยู่ข้างกายนายจริงๆหรอ?” ผมขมวดคิ้วทันทีเปิดปากพูดออกมาก็ไม่เข้าหูสักนิด“แบบนั้นมันแบบไหน”“ก็ยัยนั่นทั้งขี้เหร่ฐานะก็ไม่

  • อย่าแตะต้องยัยเฉิ่มของผม   เธอเลิกกับพี่เซฟแล้วงั้นสิ

    เซฟ PART“เป็นอะไร”ผมเอ่ยถามข้าวเจ้าที่นั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง“แค่กๆ” นี่ไม่ใช่เสียงไอของเธอแต่เป็นของผมเองรู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวหลังจากที่ได้กินข้าวตอนเข้าเรียนคาบบ่ายก็แถมจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลยสักนิดสงสัยน่าจะเป็นไข้แต่ก็สมควรอยู่เล่นหามรุ่งหามค่ำทำโปรเจ็กจบจนโดนยุงกัดตัวลายก็ยอมเพราะว่าใกล้ถึงวันเกิดของผมแล้วและผมก็อยากใช้เวลาในช่วงวันเกิดกับคนที่ผมชอบโชคดีที่พวกเพื่อนๆ มันเข้าใจพร้อมหามรุ่งหามค่ำไปกับผมด้วย“หูตึงรึไงยังข้าวเน่าฉันถามว่าเธอเป็นอะไร” หลังจากจอดติดไฟแดงผมก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ทว่าในดวงตาของเธอกลับมีน้ำตาคลออยู่“เห้ยเป็นอะไรใครทำอะไรอีก” ผมใช้สองมือจับใบหน้าของเธอให้หันมามองผมตรงๆ รู้สึกกระวนกระวายกลัวว่าเธอจะโดนใครไม่รู้โจมตีอีก“ปะป่าวแค่ฝุ่นมันเข้าตาน่ะ” ผมขมวดคิ้วแต่ทว่าก็ต้องรีบปล่อยมือออกเพราะไฟเขียวแล้วไว้ถึงบ้านค่อยคุยกันก็ได้วะ“ฉันไปช่วยป้าเตรียมมื้อเย็นก่อนนะ” ผมมองข้าวเจ้าที่พูดขึ้นโดยไม่สบตาผม“เดี๋ยว” ผมรั้งแขนเธอไว้เพราะรู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ“ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ..มีไรจะพูดก็พูดออกมาเลยฉันไม่ชอบที่เธอเป็นแบบนี้” ผมพูดตรงๆ ผมชอบที่เราสอง

  • อย่าแตะต้องยัยเฉิ่มของผม   ฉันชอบเธอ

    “นี่เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก” ฉันรีบดันใบหน้าหล่อให้ถอยออกมองริมฝีปากของอีกฝ่ายที่เลอะลิปสติกของฉันเซฟในตอนนี้เขาหายใจแรงมากเหมือนพยายามควบคุมความต้องการของตัวเองอยู่แกร้กฉันกระพริบตาปริบๆมองเซฟที่ทำการปลดสร้อยเกรียร์ของเขาออกก่อนจะมาสวมให้กับฉันนี่มันหมายความว่ายังไงกัน..“เซฟ..” ฉันเอ่ยชื่อเขาอย่างไม่เข้าใจในการกระทำนี้การให้สร้อยเกรียร์ของคณะวิศวะเขาว่ากันว่ามันคือของแทนใจที่จะให้กับหญิงสาวที่รักไม่ใช่หรอร่างสูงเงียบไปแต่ทว่าใบหน้าของเขากลับขึ้นสีแดงอย่างเห็นได้ชัดนี่เขาชอบฉันจริงๆสินะ“ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบฉันไง” ฉันเอ่ยถามมองเซฟที่หลบสายตาฉันเขาเขินแหละแต่เก๊กอยู่“ก็ไม่ได้ชอบ” เจ้าตัวตอบปฏิเสธกลับมาแต่ฉันดันคิดว่ามันน่าเอ็นดูมากที่ปากของเขาไม่ตรงกับใจถึงขนาดนี้“ไม่ได้ชอบแล้วให้สร้อยเกียร์กับฉันทำไม” ฉันถามพรางยื่นใบหน้าไปไกลๆจนอีกฝ่ายชะงักไป“นายรู้รึเปล่าว่าการให้นสร้อยนี่กับฉันมันหมายความว่าอะไร?“กะก็แค่สร้อยธรรมดาๆ” เซฟยังคงปากแข็ง“ถ้างั้นฉันถอดนะ” ฉันทำท่าจะถอด“ชอบ”“....”“ฉันชอบเธอข้าวเจ้า” ฉันได้แต่ยืนช็อกกับคำสารภาพรักของเซฟ“เพราะงั้น..” จู่ๆเซฟก็ดึงฉันไปกอดใบหน้าหล่อฝ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status