แชร์

ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ
ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ
ผู้แต่ง: เฉินม่านอิ๋ง

บทที่ 1 ออกจากวงการบันเทิง

ผู้เขียน: เฉินม่านอิ๋ง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-04 12:52:15

[วันที่ 19 มิถุนายน ปี 20XX, เป็นวันที่ 53 ที่หย่งฟางลาออกจากวงการ, อากาศแจ่มใส, วงการบันเทิงเงียบสงบ]

[หรือฉันคิดไปเอง? หลังจากหย่งฟางจากไป วงการบันเทิงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอีกเลย]

[มั่นใจได้เลยว่า ไม่ได้คิดไปเองแน่]

กิตติศัพท์เมื่อตอนที่หย่งฟางยังอยู่ในวงการ เธอเสมือนระเบิดปรมณูไปที่ไหนวาดวอดที่นั่น การประกวดเลือกตัวนักแสดง ก็ไปเรื่องกับแฟนคลับจนบ้านแตก ไปที่กองถ่ายพระเอกมีปัญหาเสพสารเสพติดจนโดนจับ ไปเข้ารายการวาไรตี้ แขกรับเชิญประจำก็จะโดนข้อหาหลบเลี่ยงภาษีจนโดนแบน แม้ว่าจะไม่ชอบหย่งฟางแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอได้สร้างผลงานที่โดดเด่นในการปั่นป่วนความสงบในวงการบันเทิง

เธอเปรียบเสมือนระเบิด ไปที่ไหนก็เกิดเรื่องที่นั่น! 

แฟนคลับบางคนเรียกเธอว่า “ยมทูตประจำวงการบันเทิง” และแฟนๆ บางส่วนถึงกับคร่ำครวญขออย่าให้เธอมาเฉียดบ้านหรือเข้าใกล้ครอบครัว เพราะกลัวจะถูกความโชคร้ายของหย่งฟางติดตัว

แต่ในตอนนี้ทุกคนรู้สึกเหงาหงอยนิดหน่อย เพราะแม้แต่คำว่า “ตัวระเบิดของวงการ” ในเว่ยป๋อก็ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้ว ตั้งแต่หย่งฟางออกจากวงการบันเทิง

[ขาดหย่งฟางไป ความสนุกก็หายไปด้วย]

[ฉันเริ่มคิดถึงเธอแล้ว]

ที่ภูเขาหลงหย่า ในเขตชางเมืองถันจิง หย่งฟางกำลังซ่อมแซมปลายหลังคาที่พุพัง ก่อนจะลงมาจากบันไดแล้วปัดฝุ่นที่มือออก หลังจากกลับไปที่ห้องบูชาเทพเจ้า เธอจุดธูปสามดอกและกราบไหว้อย่างเป็นประณีต แต่คำพูดที่ออกจากปากของเธอกลับดูขี้เล่นและผ่อนคลาย

“หวังว่าท่านเทพจะช่วยฉันในคืนนี้ ฉันทำอาหารไหม้อีกแล้ว อ๋อ และก็ช่วยใส่เกลือพอดีๆ ด้วยนะคะ”

ตั้งแต่กลับมารับช่วงต่อวัดเก่าจากอาจารย์ ช่วงนี้เธอก็ได้กินอาหารที่ไหม้และเค็มมากจนเลี่ยนไปหมดแล้ว ควันธูปที่ควรจะลอยขึ้นตรงๆ กลับเปลี่ยนทิศทางพุ่งตรงเข้าจมูกของเธอแทน หย่งฟางรู้สึกคล้ายกับว่าท่านเทพกำลังลงโทษ ทำให้เธอจามอย่างแรง

“ก็ได้ๆ ฉันขอเปลี่ยนคำอธิษฐานแล้วกัน ขอให้วัดนี้เจริญรุ่งเรือง มีผู้คนมากมายมาไหว้ขอพร แต่ก็นะ ท่านอาจารย์ที่จากไป ควรจะทิ้งผลไม้หรือเงินทองไว้ให้ฉันบ้างนะ การซ่อมวัดต้องใช้เงิน ฉันออกให้ก่อนแล้ว แต่ถนนขึ้นเขาทั้งขรุขระทั้งเต็มไปด้วยหลุม ก็ต้องซ่อมเหมือนกันนะ ท่านเทพเจ้าตอนนี้ฉันไม่มีเงินแล้ว”

จริงๆ การซ่อมถนนบนภูเขาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้ว่าหย่งฟางจะทำงานในวงการบันเทิงมาสองปี และไม่ได้พึ่งพาความสามารถพิเศษทางด้านลึกลับของเธอเลย แต่เงินที่หามาได้ก็ยังไม่พอสำหรับซ่อมแซม ดังนั้นจึงต้องเริ่มซ่อมแซมวัดก่อน

ส่วนถนนบนภูเขานั้น ยังหาทางแก้ไขไม่ได้...

ควันธูปเริ่มกลับมาเป็นปกติ มีเสียงแตกเปรี๊ยะเบาๆ จากประกายไฟ หย่งฟางมองดูธูปแล้วรู้สึกเบาใจขึ้นมาก เทพเจ้าคงตอบรับแล้ว ยังไม่ทันที่เธอจะสงสัยว่าท่านเทพจะให้เงินทองมาได้อย่างไร ก็มีคนมาหาเสียแล้ว ผู้มาเยือนมีสามคน นำโดยหญิงวัยกลางคนที่ดูร่ำรวย มีแม่บ้านและคนดูแลตามมาด้วย

หย่งฟางกำลังวัดปริมาณเกลือและซีอิ๊วสำหรับทำอาหาร จึงพูดกับแขกอยากไม่ใส่ใจนัก “ไหว้พระสิบเก้าหยวน เสี่ยงเซียมซีสิบแปดหยวน ฟรีใบคำนาย สามารถชำระเงินผ่าน WeChat ได้เลยนะคะ”

หญิงวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็รีบตอบทันที “เรามาหาเธอ”

“ฮะ?” เธอหันกลับมามองคนทั้งสามอีกครั้งด้วยความสนใจ

“เธอคือหย่งฟางใช่ไหม ครอบครัวของเธอได้ตกลงแต่งงานไว้กับบ้านของเรา ตอนนี้พ่อของเธอเป็นหนี้บุญคุณเรา ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำตามสัญญาแล้ว”

หย่งฟางถูกอาจารย์เก็บมาเลี้ยงดูในวัด เติบโตขึ้นมาด้วยการดูแลอย่างดีจนเธอเรียนจบมหาวิทยาลัย ก่อนจะจบการศึกษาปีสุดท้าย มีคู่สามีภรรยาจากในเมืองมาพบตัว บอกว่าเธอเป็นลูกสาวที่พวกเขาพลัดพรากกันตอนสี่ขวบ ทั้งคู่ร้องไห้ขอร้องให้เธอกลับบ้าน

หย่งฟางไม่เต็มใจ แต่ก็ถูกอาจารย์บังคับให้กลับ เมื่อกลับไปถึงบ้านเธอถึงได้รู้ว่าหลังจากกันไป คู่สามีภรรยาได้รับเลี้ยงเด็กผู้หญิงอีกคนที่อายุไล่เลี่ยกับเธอ และเด็กผู้หญิงคนนั้นมักจะคอยแอบแทงเธอเสมอ เช่นในงานพบปะกับผู้ใหญ่และญาติพี่น้อง เด็กคนนั้นมักสร้างสถานการณ์ให้เธอดูแย่ในสายตาผู้ใหญ่

"น่าอิจฉาจังเลยที่พี่สาวได้เรียนที่มหาวิทยาลัยศิลปะถังกิง ไม่เหมือนกับฉัน...ที่ทำได้แค่อ่านหนังสือไปวันๆ" 

เมื่อหล่อนพูดแบบนั้นทุกคนจึงพากันปลอบใจ

"แต่เธอสอบติดมหาวิทยาลัยต้าถงนะ เธอน่ะเก่งกว่าหย่งฟางตั้งเยอะ อย่าเสียใจไปเลย"

“แม่คะ พี่สาวใส่กระโปรงตัวนี้น่าจะสวยมาก ฉันจะยกให้พี่สาวนะคะ”

ซ่งจ้าวลูบหัวลูกสาวบุญธรรม “หนูอิงอิงจ๋า เคยเห็นพี่สาวของหนูใส่กระโปรงสักครั้งหรือเปล่า? พี่เขาไม่ชอบใส่หรอกนะ”

“พี่เอี้ยน พี่สาวไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคะ พี่เธอแค่ไม่รู้ว่าจะดื่มยังไง” 

ซ่งอิงกล่าวพร้อมกับมองดูพี่ชายเพื่อนสนิทของหย่งฟาง ที่กำลังเชิญชวนให้เธอดื่ม แต่กลับถูกหย่งฟางสาดเหล้าใส่หน้า จึงกล่าวอย่างระมัดระวัง

พี่ชายเพื่อนสนิทคนนั้นเช็ดหน้าแล้วพูด “ช่างเถอะ เพราะเห็นแก่หนูอิงอิง ฉันจะไม่ถือสาคนที่ไม่เคยพบเห็นโลกกว้างแบบนั้นหรอก”

เมื่อเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หย่งฟางก็เริ่มเข้าใจขึ้นมา

นี่มันไม่ใช่แค่บทละคร “ลูกสาวจริงๆ กับลูกสาวปลอม” ที่พบได้ตามเว็บไซต์นิยายทั้งหลายหรอกเหรอ? เธอเองก็อ่านจนท่องจำได้ขึ้นใจหมดแล้ว

แต่หย่งฟางรักอิสระ ไม่อยากผูกมัดตัวเอง เธอมีพรสวรรค์ทางศาสตร์ลึกลับมาตั้งแต่เด็ก และได้เรียนรู้วิชานี้มาจากผู้เฒ่าอย่างเต็มเปี่ยม ไหนเลยจะไปหลงใหลในชีวิตหรูหราปลอมๆ แบบนี้ได้

การแข่งขันกันอย่างไร้เหตุผล? ดึงผมกันไปมา? ไม่ใช่เรื่องที่เธอสนใจเลย

ดังนั้นหย่งฟางจึงหนีออกจากบ้าน ระหว่างทางเธอได้พบกับแมวมองที่กำลังหาเด็กใหม่ๆ เข้าวงการ ด้วยหน้าตาที่ดูงงงวยแต่กลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจ เธอจึงถูกแมวมองดึงตัวไว้แล้วเธอสามารถเป็นคนมีชื่อเสียงได้ แค่ฝึกเพียงสองเดือน รับรองได้เลยว่าจะกลายเป็นดาราดังและมีรายได้

ตอนนั้นหย่งฟางยังเด็ก และกำลังจะจบการศึกษาในมหาวิทยาลัยพอดี กำลังมีความกังวลใจ ยิ่งเมื่อผู้เฒ่าบีบบังคับให้เธอกลับไปหาแม่พ่อแท้ๆ ของเธอ ก็ยิ่งไม่อยากกลับไปวัดอีกแล้ว

เมื่อได้ยินว่าจะหาเงินได้เร็วขนาดนี้ เธอจึงรับปากตอบเข้ารับวงการบันเทิง มีที่อยู่ ที่กิน แถมได้เงินอีก ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว หลังจากนั้นหย่งฟางก็เข้าสู่วงการบันเทิงเป็นเวลา 2 ปี และได้รับเกียรติบัตร “พลเมืองจิตอาสา” จากสถานีตำรวจถึง 28 ใบ หลังจากนั้นไม่นาน ผู้เฒ่าก็เสียชีวิต เธอจึงลาออกจากวงการและกลับมารับสืบทอดวัดนี้ต่อ ไม่ได้ยินข่าวคราวจากพ่อแท้ๆ มานานแล้ว เมื่อได้ยินอีกครั้ง ก็เป็นข่าวที่ว่าตระกูลซ่ง ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันมานานได้ขายเธอกินเสียแล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับหญิงผู้สูงศักดิ์วัยกลางคน และผู้ติดตามอีกสามคนที่มาอย่างไม่ฝัน เธอก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เล็กๆ โดยไม่ลุกขึ้นยืน 

“ซ่งชางชิงเป็นคนติดหนี้บุญคุณ ก็ให้เขาแต่งงานกับพวกคุณสิ เห็นไหมว่าฉันกับเขาไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกันเลย”

“ยังไงซะ เธอก็เป็นลูกสาวแท้ๆ อยู่ดี พ่อเธอทำให้บริษัทขาดทุนไป 2 พันล้านหยวน และตระกูลชูของเราก็ช่วยเขาผ่านพ้นวิกฤตไป เงื่อนไขก็คือเธอต้องทำตามสัญญาหมั้นที่ทำไว้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ”

หลังจากพูดจบ ผู้ดูแลที่อยู่ข้างหลังของหญิงผู้สูงศักดิ์ ได้ส่งกล่องไม้ที่สลักลวดลายสวยงามให้เธอ หญิงผู้นั้นเปิดกล่องออกข้างในเป็นสัญญาหมั้น เมื่อเปิดออกดูเนื้อความเขียนไว้ว่าตระกูลชูและตระกูลซ่งได้ทำสัญญาหมั้นกันจริง

ตรงจุดที่ประทับตรามีรอยเท้าแดงๆ ของเด็กสองคน หนึ่งเป็นของเด็กชายตระกูลชู และอีกหนึ่งเป็นของหย่งฟาง ดูจากขนาดของรอยเท้าแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่เธอยังไม่ครบขวบปี หย่งฟางจำไม่ได้แม้กระทั่งว่าตัวเองทำอะไรไปเมื่อวาน นับประสาอะไรกับเรื่องเมื่อยังเป็นทารก

เธออยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วควันธูปที่ลอยอยู่ในวัด ก็แยกออกมาเป็นสายบางๆ พัดมาโดนหลังใบหูของเธออย่างแรง หย่งฟางเกือบร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เธอยกมือขึ้นกุมหูและอยากจะด่าออกมา

ทำไมเทพเจ้าถึงชอบดึงหูคนแบบนี้นัก? ไม่มีมือก็ใช้ควันธูปตีเธอสินะ!

ด้วยความเฉลียวฉลาดของหย่งฟาง เธอเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือสัญญาณว่าต้องการให้เธอเข้าร่วมในแผนการนี้  แม้ว่าเธออยากจะไปบ้านตระกูลซ่งเพื่อจัดการกับซ่งชางชิงก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลชูกำลังคิดจะทำอะไร แต่เมื่อเทพเจ้าต้องการให้เธอเข้าร่วม แสดงว่าจะต้องสามารถแก้ไขปัญหา และเอาตัวรอดออกมาได้อย่างแน่นอน

ก็แค่แต่งงานใช่ไหม? เธอจะไปก็แล้วกัน!

ตอนแรกมาแล้วค่าา นางเอกของเราดาวมฤตยูแห่งวงการ

ออกจากอยู่บนอารามก็ยังไม่วายมีคนมาตามหา

ไม่ใช่ตามธรรมดา แต่ตามไปแต่งงาน!! อะไรยังไงน้อออออ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่143 ฉลองกันครอบครัวใหญ่ [ตอนจบ]

    หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่142 ธูปแรกวันปีใหม่

    วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่141 บรรยากาศความเศร้า

    หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่140 หูอวี่จู้

    มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่139 จุดจบคนชั่ว

    ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่138 หานลี่ตง

    ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status