Home / แฟนตาซี / ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ / บทที่10 การขอบคุณของคุณชายฉู่

Share

บทที่10 การขอบคุณของคุณชายฉู่

last update Last Updated: 2024-12-08 11:04:37

เรื่องราวของตระกูลซ่งกระฉ่อนไปทั่วเมือง และหย่งฟางได้รับการยืนยันจากเทพแห่งห้องสุขาแล้ว การแก้แค้นในครั้งนี้นับว่าไม่เลวเลย หย่งฟางเป็นคนที่แค้นนี้ต้องชำระ และเธอไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ต่อเรื่องนี้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการขายเธอไปในราคาสองร้อยล้านหยวน การเสียเงินถือเป็นเรื่องรอง แต่หลักๆ แล้วคือการทำให้พวกเขาได้สัมผัสกับความอับอาย ของการถูกสิ่งสกปรกถาโถมใส่

หลังจากเผาเครื่องเงินกระดาษสิบถุง เพื่อเป็นการขอบคุณเทพแห่งห้องสุขา และเห็นเทพเจ้าจากไปอย่างมีความสุข หย่งฟางก็เริ่มหันมาสนใจเรื่องการซ่อมแซมทางเดินบนภูเขา การออกแบบบันไดแต่ละขั้นมีความสำคัญมาก หากสูงเกินไปจะทำให้เหนื่อยล้า และหากเตี้ยเกินไปจะทำให้เดินลำบาก

หย่งฟางได้ปรึกษากับทีมก่อสร้าง เพื่อวัดความสูงที่เหมาะสม สำหรับการเดินขึ้นลงที่ไม่ทำร้ายเข่า นอกจากนี้ยังได้เลือกวัสดุที่จะใช้ทำขั้นบันได และต่อรองราคาจนได้ข้อสรุป จากนั้นก็เริ่มลงมือก่อสร้าง

ในเช้าวันนั้นทีมก่อสร้างเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ทำให้หย่งฟางตื่นขึ้นเพราะเสียงดัง เธอไม่มีอะไรทำ จึงตัดสินใจลงเขาไปยังตลาดในเมืองใกล้ๆ เพื่อซื้อของ

เมื่อเรียบร้อยแล้วก่อนกลับวัด เธอผ่านสวนสาธารณะเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้เฒ่าผู้แก่กำลังออกกำลังกาย เล่นหมากรุก เล่นไพ่ และพาเด็กๆ มาเดินเล่น ทำให้มีร้านขายของเล็กๆ มาเปิดแผงขายกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็นตัดผมราคาสามหยวน ร้านทำเล็บ ทำความสะอาดหู และแม้กระทั่งแผงรับทำนายดวงชะตา

หย่งฟางเข้าไปดูที่แผงเหล่านั้น แต่พบว่าเป็นของปลอม เธอจึงช่วยผู้เฒ่าผู้แก่ที่เกือบจะถูกหลอกเอาเงิน เจ้าของแผงโกรธมากหาว่าเธอมาทำลายชื่อเสียงของเขา และเริ่มมีเรื่องชกต่อยกัน

หย่งฟางเอาชนะเจ้าของแผงได้อย่างง่ายดาย ความเสียหายเพียงอย่างเดียว คือไข่สองฟองที่แตก แต่ไข่สองฟองนี่นะ! สามารถทำซุปได้ถ้วยใหญ่เลยทีเดียว แม้ว่าเธอจะไม่รู้วิธีทำก็ตาม ทว่าโชคดีที่เธอไม่ได้สวมชุดนักพรตออกมาวัด  ไม่อย่างนั้นคงมีคนมาตามล้างแค้นเป็นแน่

เช้าวันนี้หย่งฟางตื่นขึ้น พร้อมกับเสียงการก่อสร้างที่ดังตามเวลาเจ็ดโมงเช้า เธอนั่งล้างหน้าอยู่หน้าศาลเจ้า หลังจากบ้วนฟองยาสีฟันเสร็จ เธอวางแปรงสีฟันและถ้วยน้ำลง และเดินเข้าครัวเล็กๆ เพื่อเตรียมทำอาหารเช้าให้ตัวเอง

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ครัวที่ถูกควันจากเตาไฟทำให้ดำสนิทอยู่แล้วก็ยิ่งดำขึ้นไปอีก ควันไฟพวยพุ่งออกมาจากประตู หย่งฟางไอโขลกๆ แล้ววิ่งออกมาพร้อมกับโบกมือไล่ควัน

“อาจารย์หย่ง?” เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังขึ้น

หย่งฟางหันไปมอง เห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่ตรงนั้น เป็นคุณนายฉู่และลูกชายของหล่อนฉู่เหยียน สตรีสูงวัยเคยบ่นเรื่องการขึ้นเขาในการมาเยือนครั้งแรก ตอนนี้ใส่ชุดออกกำลังกายและรองเท้าสำหรับขึ้นเขา ถือของขวัญหลายถุง เช่นธูปและน้ำมันหอมมาด้วย

เมื่อคุณนายฉู่เห็นใบหน้าของหย่งฟาง ที่ถูกเขม่าถ่านทำให้เปรอะเปื้อน หล่อนจึงถามอย่างลังเล “อาจารย์หย่ง คุณกำลังจะทำอาหารหรือ?”

หย่งฟางพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา

คุณนายฉู่จึงนึกย้อนกลับไปตอนที่เจอกันครั้งแรก ตอนนั้นหย่งฟางกำลังตวงเครื่องปรุง...การมาครั้งนี้เป็นเพราะลูกชายคะยั้นคะยอ คุณนายฉู่ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แม้ว่าจะเคยขอโทษไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถบังคับให้หย่งฟางให้อภัยได้ ภาพลักษณ์ที่สร้างไว้ในสายตาของหย่งฟางคงยังแย่อยู่มาก

แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้...สุดท้ายก็เลิกกังวลใจ และยื่นของขวัญทั้งหมดให้ลูกชาย ก่อนจะถลกแขนเสื้อขึ้น “อยากกินอะไร? ฉันทำเอง”

“คุณทำเป็นด้วยเหรอ?” หย่งฟางถาม

คุณนายฉู่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เพราะคนทั่วไปมักจะมองว่า บรรดาภรรยาของคนรวย จะทำเพียงการเสริมสวย เล่นไพ่ ช้อปปิ้ง และสนุกกับชีวิต โดยเชื่อว่าพวกเธอไม่เคยจับต้อง สิ่งที่เกี่ยวกับครัวเรือนอย่างการทำอาหาร

“อาจารย์หย่ง บางครั้งการทำอาหาร ก็เป็นการผ่อนคลายของพวกภรรยาคนรวยอย่างเรา” คุณนายฉู่อธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่หย่งฟางจับความหมายของการประชดประชันนั้นได้

“อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม?”

“แพนเค้กต้นหอมไข่ ต้องกรอบมากๆ นะ” หย่งฟางรีบตอบอย่างไม่เกรงใจ

หลังจากนั้นเพียงแปดนาที แพนเค้กต้นหอมไข่สิบแผ่น ที่หอมกรุ่นก็ถูกนำออกมา หย่งฟางกัดคำแรกก็เกือบจะร้องไห้ออกมา มันกรอบมาก หอมมาก และอร่อยมาก ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ไม่ต้องพูดถึงว่าเธออยู่ในวัด แต่รวมแล้วนอกจากมื้อที่บ้านตระกูลฉู่ในวันนั้น แทบไม่ได้กินอาหารที่เหมือนอาหารจริงๆ เลย ดีมาก คุณนายฉู่! 

ฉันขอประกาศว่าไม่เกลียดคุณแล้ว! ฉันจะยกย่องคุณเป็นแม่ครัวหลวงของจักรวรรดิ!

แต่จะทำอย่างไรให้คุณนายฉู่มาที่วัดบ่อยๆ ได้ล่ะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนมื้ออาหาร?

คุณนายฉู่ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางลังเลเล็กน้อยของหย่งฟาง เพราะกำลังนึกถึงคำพูดที่เคยพูดตอนที่ดูถูกไว้ครั้งก่อน และรู้สึกอึดอัดใจ จึงพยายามหาทางแก้ไข “การขึ้นมาบนนี้ทำให้รู้สึกต่างจากเดิมนะ อากาศบนภูเขานี้สดชื่นจริงๆ ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีพลังงานดี วัดนี้ก็ดูพิเศษมาก พวกเราเพิ่งเห็นคนกำลังซ่อมทางขึ้นภูเขา หากซ่อมเสร็จแล้ว น่าจะมีคนมาขึ้นมาที่นี่เพื่อไหว้เทพเจ้าเยอะขึ้นแน่ๆ”

หย่งฟางพยักหน้า “ใช่ คุณก็มาบ่อยๆ ได้นะ”

ต้องมาบ่อยๆ! โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหาร!!

ฉู่เหยียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เข้าใจบรรยากาศ ระหว่างผู้หญิงสองคนที่มีความคิดแตกต่างกัน “คุณแม่ต้องการจะบอกว่าขอบคุณคุณน่ะ ผมเองก็มาขอบคุณด้วย” 

แม้ว่าจะเคยมอบค่าตอบแทนไปแล้ว แต่การแสดงความขอบคุณด้วยตัวเองนั้น เป็นเรื่องของความจริงใจและการมีมารยาท ฉู่เหยียนยิ้มอย่างสดใสและดูมีพลังมากขึ้น ดวงตารูปทรงเมล็ดอัลมอนด์ของเขา ดูมีเสน่ห์และมีความลึกซึ้ง แต่ในสายตาของหย่งฟาง ฉู่เหยียนก็ยังคงเป็น ‘ไก่แจ้สีแดง’

ฉู่เหยียนมองหย่งฟางด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพูดคุยกันมากนัก แต่ก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขายกของขวัญในมือขึ้นเล็กน้อย

“ทั้งหมดนี้เป็นของคุณ ให้วางไว้ที่ไหน?”

“เอาไปวางไว้ในวิหารหลัก เพื่อเอาไว้บูชาให้เทพเจ้า” หย่งฟางพูดขณะที่เคี้ยวแพนเค้กต้นหอม แม้ว่าเธอจะไม่ชอบคนในตระกูลฉู่ แต่ฉู่เหยียนดูเหมือนจะเป็นคนปกติ เมื่อเทียบกับพ่อของเขา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ปฏิเสธ หรือเกลียดชังเขาไปด้วย

หย่งฟางเป็นคนที่มีเหตุผล และไม่ได้ตัดสินคนเพียงเพราะความเกลียดชัง  เธอรู้จักการแยกแยะสถานการณ์ได้ดี ความจริงก็คือ ความรู้สึกของเธอเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์

คุณนายฉู่รู้สึกกังวลและพูดอย่างกระตือรือร้น “มีหนึ่งกล่องที่เป็นน้ำนมพีช มันดีต่อผู้หญิงมาก!”

“เทพเจ้าของเราท่านไม่จู้จี้จุกจิก บางทีท่านอาจจะชอบดื่มน้ำนมพีชก็ได้นะ” แต่ถ้ามันอร่อยจริงๆ เธออาจจะแอบดื่มเอง

คุณนายฉู่เดินไปรอบๆ วิหาร และมองดูบริเวณนั้น “หลังคาดูเหมือนจะเป็นกระเบื้องใหม่ แต่ถ้าเป็นกระเบื้องเคลือบแบบหลิวลี่ มันจะดูเปล่งประกายมากกว่าไหม?”

หย่งฟางตอบ “เพิ่งเปลี่ยนมาไม่นาน คุณนายฉู่ไม่ต้องลำบาก”

“อืม แล้วก็มีแค่ศาลาเดียวเหรอ ดูไม่ค่อยโอ่อ่ามาก ถ้าเพิ่มศาลาอื่นๆ เพื่อบูชาเทพเพิ่งบ้างดีไหม? ฉันเห็นหลายวัดมีเทพองค์อื่นๆ ด้วย”

“ไม่ต้อง เทพเจ้าของเราชอบความสงบ”

“โอเค  แต่ผนังนี้มันลอกแล้วซ่อมได้นะ?” พูดจบคุณนายฉู่มองไปรอบๆ ภายในวิหาร “หย่งฟาง ให้ฉันซ่อมวิหารดีไหม?”

หย่งฟางหันไปมองภายในวิหารที่เต็มไปด้วยไม้เก่าแก่ และนอกจากแท่นบูชาที่เธอจัดเตรียมไว้ดีแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังคงมีสภาพแบบเมื่อสามสิบปีก่อน

“ขอบคุณคุณนายฉู่มาก” หย่งฟางคิดว่าเมื่อซ่อมหลังคาและทางขึ้นภูเขาแล้ว ก็ไม่มีปัญหาที่จะซ่อมภายในวิหารด้วย จะได้ไม่ต้องมาปิดวิหารเพื่อซ่อมอีกในภายหลัง และเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอนั้น ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้เงินของตัวเอง  ทำให้กระปุกออมสินเล็กๆ ของเธอยังคงอยู่ครบ!

“แล้วทำเทวรูปทองคำด้วยดีไหม?” 

คุณนายฉู่ถามขณะที่ยืนอยู่ห่างๆ วิหาร มองไปที่รูปปั้นเทพเจ้า

คุณนายสายเปย์! ดูเหมือนหย่งฟางได้สาวกมาหนึ่งคนแล้ววววว

ขอแจ้งสักนิด สำหรับเรื่องนี้เป็นแนวชีวิตประจำวัน ปราบผี 5555 เกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับเน้ออ

หากไม่ชอบแนวนี้ข้ามผ่านได้เลยค้าบบบ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่ 117 ซ่งชางชิงและสือว่านซือ

    ความเสียสละและจิตใจอันยิ่งใหญ่ของหลงหยวนหยวน ทำให้หย่งฟางรู้สึกประทับใจ หลังจากเก็บกระดูกมังกร ลูกบอลวิญญาณ เทพธิดาน้อยและสัมภาระ หย่งฟางก็ใช้ค่ายกลย่อพื้นที่ออกไปจากเกาะอีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงสมาคมเทียนซือ หย่งฟางส่งมอบกระดูกมังกรให้หัวหน้าหลิวที่รอคอยอยู่อาจารย์หลิวถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขารีบสั่งให้เหล่านักพรตอาวุโสช่วยกันนำกระดูกมังกรไปรวมเข้ากับเส้นมังกรของแผ่นดิน"ทำได้ดีมาก" หัวหน้าหลิวกล่าวชื่นชม พร้อมส่งสิ่งของบางอย่างให้หย่งฟาง"สิ่งนี้ให้กับหลงหยวนหยวน ถือเป็นรางวัลและคำขอบคุณจากทางสมาคม"เมื่อเปิดดูพบว่ามันคือ เครื่องรางเขามังกร ขนาดเล็กที่หากงูมังกรตัวนั้นได้ใช้ จะช่วยเพิ่มพูนพลังตบะได้อย่างมาก หย่งฟางกล่าวขอบคุณอาจารย์หลิวแทนหลงหยวนหยวน ก่อนเดินออกมาจากห้องทำงาน เมื่อไม่มีธุระใดๆ แล้ว เธอก็พาทุกคนกลับไปยังวัด ซึ่งเวลานั้นเป็นช่วงเย็นพอดีในศาลาเล็กๆ เหล่าสมาชิกสำนักกำลังนั่งชมรายการ สุดยอดปรมาจารย์ ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่ เสียงโวยวายของห่าวจาวไฉและจินเหยาไต้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด"ทำไมไม่ให้หยวนหยวนของเราคว้าแชมป์! พวกเขาไม่เข้าใจถึงคุณค่าของวิชาและพลังที่หยวนหยวนใช้เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่116 ตัวแทนสมาคมเทียนซือ

    ไม่ใช่แค่ชาวเน็ตจากพื้นที่อื่น ที่เคยได้ยินชื่อเสียงของหย่งฟางและวัดเสวียนเว่ยเท่านั้น แม้แต่คนถานจิงเองรวมถึงคนที่เคยไปไหว้พระขอพรที่วัดเสวียนเว่ย ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเห็นความสามารถ ในการจับผีหรือปราบปีศาจของหย่งฟาง พวกเขาคิดว่าเธอแค่เก่งเรื่องวาดยันต์หรือทำนายโชคชะตา แต่พอลงมือจริงๆ...ไม่ใช่สิ! หย่งฟางเธอทำได้จริงเหรอ?! โคตรเท่เลย!!!ทุกคนดูผ่านหน้าจอมือถือ เหมือนกำลังชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่เต็มไปด้วยเอฟเฟกต์สุดอลังการ หย่งฟางปรากฏตัวจากฟากฟ้า ใช้เส้นด้ายแดงสังหารปีศาจทะเลบ้าคลั่ง ราวกับทูตสาวจากสวรรค์ที่ลงมาปราบมาร ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนผ่านเส้นด้ายแดง เสริมด้วยใบหน้าสวยตราตรึงทำให้ทุกคนตะลึง ดวงตากลมโตเป็นประกายมีชีวิตชีวา ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆ บ่งบอกถึงความสง่างามและเสน่ห์ที่แฝงความขี้เล่น"พี่สาว! ฉันเป็นผี! จับฉันที!!!"หลังจากเหตุการณ์นี้ ทุกคนเริ่มค้นหาผลงานภาพยนตร์ และซีรีส์ที่หย่งฟางเคยแสดง เพื่อจะได้เห็นใบหน้างดงามนั้นอีก และพวกเขาก็พบว่า...ในซีรีส์ย้อนยุค เธอดูดีมาก ท่วงท่าสง่างาม ทรงผมและเครื่องแต่งกายดูเข้ากันทุกมุม โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ทั้งสวยงามและดุดัน หย่งฟางคือคนที่เ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่115 กระดูกมังกร

    เช้าวันใหม่ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงสาย หย่งฟางขยับตัวในผ้านวมนุ่มอย่างสบายใจ ก่อนจะลุกจากเตียงเชื่องช้า หนิงหมี่และเสี่ยวชิวตื่นกันตั้งแต่เช้า กำลังนั่งเล่นการ์ดพยายามสร้างบ้านจากการ์ดกันอยู่ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ หญิงสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำในขณะนั้นบ้านการ์ดที่สองสาวสร้างถูกผลักล้มไปแล้ว บนโต๊ะเล็กมีจานแตงโมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางเรียงไว้อย่างสวยงามแทน หนิงหมี่กับเสี่ยวชิวนั่งเคี้ยวพลางบ่นพึมพำ “อาจารย์หย่ง มีผู้ชายหล่อมากคนหนึ่งฝากมาให้ ลองกินดูสิ” พร้อมกับใช้ส้อมเงินเล็กๆ จิ้มแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้หย่งฟางคนที่ฝากมาก็น่าจะเป็นฉู่เหยียนหรือไม่ก็ฉู่สวี่ หย่งฟางงับแตงโมพลางถาม “ผู้ชายหล่อที่ว่าเนี่ย คนโตหรือคนเล็กล่ะ?”หนิงหมี่เอียงคอครุ่นคิดก่อนตอบ “แยกไม่ออกหรอก หล่อทั้งคู่ แต่คนที่ให้แตงโมใส่แว่นนะ”พอได้ยินแบบนั้นหย่งฟางก็รู้ทันทีว่าเป็นฉู่สวี่ น้ำแตงโมหวานฉ่ำซึมซาบอยู่ในโพรงปาก หญิงสาวเดินออกจากห้องพักครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเคาะห้องฝั่งตรงข้าม ประตูถูกเปิดออกเป็นฉู่สวี่ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิท ปลายชุดยาวถึงช่วงกล้ามขาเรียวกระชับ ปลายผมที่ยังเปียกเล็กน้อยปกคลุ

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   บทที114 ทะยานสู่ฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเทพ

    หย่งฟางสัมผัสพลังงานรอบตัว ทำให้เข้าใจเหตุผลว่าทำไมหมู่บ้านหลีเจียจึงสงบสุขได้เช่นนี้ ธรรมชาติแห่งคุณธรรมและความเมตตา นักพรตชราตาบอดผู้นี้ มีความเข้าใจในคุณธรรม และเส้นทางแห่งสวรรค์ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความกรุณา แม้เขาจะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้ว่าการร้องของกบในทุ่งนาคือชีวิต เสียงจิ้งหรีดในยามค่ำคืนคือชีวิตและที่สำคัญที่สุด ซากศพในหอเด็กหญิงก็คือชีวิตเช่นกันทุกค่ำหลังพระอาทิตย์ตกดิน นักพรตชราจะคลำทางไปยังหอเด็กหญิงเพียงลำพัง เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณให้กับเด็กที่เสียชีวิต เขาสวดมนต์เสียงเบา มือหมุนลูกประคำ แม้เสียงจะไม่ดังนัก แต่เปี่ยมด้วยพลังและความเมตตา ผู้หญิงในหมู่บ้านมักแอบตามมา ฟังเสียงสวดมนต์ในความมืดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินเมื่อเขาทำพิธีเสร็จ พวกเธอก็จะใช้สีผ้าห่อศพ เพื่อระบุว่าศพไหนเป็นของลูกตัวเอง จากนั้นก็ขุดหลุมเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อฝังลูกด้วยความระมัดระวัง หอเด็กหญิงค่อยๆ ถูกทำลายลง เหลือไว้เพียงหลุมฝังศพเล็กๆ สองร้อยกว่าหลุมกระจายอยู่รอบบริเวณนักพรตใช้เวลาครึ่งปี ในการมาที่หอเด็กหญิงในยามค่ำคืน เพื่อทำพิธีส่งวิญญาณจนเสร็จสิ้น และระหว่างนั้น เด็กหญิงที่ยังมีชีวิตอยู่ใต้กองศพ ก็ถูก

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่113 อาแปะ

    "จะมีเหตุผลอะไรได้อีก?"หยู่ถังมองหย่งฟางด้วยความตกใจหลีชิงอวี่แสดงท่าทางระแวดระวังเต็มที่ "คุณหย่ง ตกลงคุณเป็นใครกันแน่?""ฉันคือศิษย์วัดเสวียนเว่ย หย่งฟางค่ะ""คุณเป็นนักพรต?!" หลีชิงอวี่มีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปหย่งฟางพยักหน้าตอบแต่หลีชิงอวี่ถามต่อ "คุณทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณได้ไหม?""ทำได้""ถ้าอย่างนั้น ฉันจะบอกคุณ"สาวอีกสองคนร้องไห้พลางพูดขึ้น "พี่สาว ได้โปรดอย่าบอกออกไปเลย ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะถูกจับเข้าคุก..."หลีชิงอวี่กุมมือของน้องสาวทั้งสองไว้แน่น "ไม่ต้องกลัว" จากนั้นเธอหันไปมองหย่งฟางและขอร้อง "ถ้าคุณฟังเรื่องทั้งหมดแล้วคิดจะไปแจ้งตำรวจ ขอให้จับฉันคนเดียวก็พอ"หย่งฟางตอบ "ฉันรับรองแบบนั้นไม่ได้""ไม่เป็นไร" หลีชิงอวี่ยิ้มบางๆ "ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง"หลังพูดจบ หลีชิงอวี่ก็เหมือนตกอยู่ในห้วงความคิด ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่น่าเศร้า จากอดีตของเธอออกมาอย่างช้าๆ ในปี 1988 ที่หมู่บ้านหลีเจีย มีร่างเด็กผู้หญิงกองรวมกันในสถานที่ที่พวกเขาเรียกว่า ‘หอเด็กหญิง’ ทับทมกันจนสูงถึงสองร้อยร่าง แต่นั่นไม่ได้เป็นหอจริงๆ มันคือซากศพของเด็กผู้หญิงที่กองกันจนสูงราวกับเป็นหอคอยเหล่าผู้หญิงร

  • ออกจากวงการบับเทิงเพื่อมาเป็นแม่หมอ   ตอนที่112 หลอกผี

    ผีสาวพุ่งเข้ามาหาหย่งฟาง หญิงสาวหรี่ตาลงคว้ามือจับเล็บยาวสีแดงเพลิงไว้แล้วบิดข้อมือผีตัวนั้น ก่อนจะพลิกแขนที่เหมือนไร้เรี่ยวแรงทิ่มเข้าไปที่ดวงตา ที่มีเลือดไหลซึมออกมา ผีสาวหลับตาและถอยหลังไปหนึ่งก้าว หย่งฟางไม่รอช้าฟาดฝ่ามือเข้าไปที่หลังมือของผีตนนั้น ถึงกับถอยหลังไปไกลหลายเมตร ก่อนที่ร่างของมันจะเสียหลักล้มลงนอนบนพื้นผีสาวอีกตัวในชุดแดงร้องคำรามเสียงดัง พร้อมพุ่งเข้ามาอ้าปากกว้างกางกรงเล็บที่เหยียดตรง ตั้งใจจะจับคอของหย่งฟาง แต่นักพรตสาวเคลื่อนไหวรวดเร็วราวสายลม หลบการโจมตีของผีตัวนั้นได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับยกขาถีบเข้าที่ท้องของมัน ผีสาวร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างของมันหยุดนิ่งไปชั่วครู่หยู่ถังคิดในใจ ผียังเจ็บได้ด้วยเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นผีสาวก็ไม่ถอยหลัง มันพุ่งเข้าหาหย่งฟางอีกครั้งด้วยความดุดัน ในขณะเดียวกัน ผีสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวเหมือนปลาที่กระโดดจากพื้น ตอนนี้หย่งฟางต้องรับมือกับผีสาวถึงสองตัวหยู่ถังไม่คิดมาก รีบตะโกนถาม “อาจารย์หย่ง! ให้ฉันไปหยิบอุปกรณ์ให้ไหม?”“ไม่ต้อง” หย่งฟางตอบสั้นๆ ในขณะที่ยังต่อสู้อยู่ผีทั้งสองตัวบ้าคลั่งมากขึ้น การโจมตีของพวกมันเริ่มทวีควา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status