Beranda / รักโบราณ / อัปลักษณ์จวนเดียวดาย / ตอนที่ 8 อินอวิ๋นฉวี่ 1.2

Share

ตอนที่ 8 อินอวิ๋นฉวี่ 1.2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-06 09:06:55

ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าตัวตนดั้งเดิมที่แท้จริงของขันทีผู้นี้หาใช่ชาวหยวนเป่ยโดยกำเนิด ในความเป็นจริงแล้วคือสายลับที่ถูกฮ่องเต้ต้าเหลียงและฮ่องเต้ต้าซางซึ่งจับมือผนึกกำลังหวังโค่นล้มหยวนเป่ย ถูกส่งตัวเข้ามาแทรกซึมคอยหาข่าวภายในราชสำนักหยวนเป่ย เป้าหมายเพื่อหาโอกาสลอบสังหารอุปราชอวิ๋นหยาง และถ้าหากลงมือกับอุปราชผู้นั้นสำเร็จมีหรือชีวิตของอินอวิ๋นฉวี่จะอยู่รอดต่อไปได้นาน ฮ่องเต้หนุ่มจะต้องถูกสังหารตายตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ทันทีที่ชีวิตของอินอวิ๋นหยางหลุดลอยออกจากร่าง

แต่ที่ไม่ลงมือปลงพระชนม์อินอวิ๋นฉวี่ด้วยเพราะ หากอวิ๋นฉวี่สวรรคตลงวันใดแน่นอนว่า แผ่นดินหยวนเป่ยจะต้องตกเป็นของอุปราชผู้กล้าอินอวิ๋นหยางโดยทันที และนั่นจะยิ่งยากกว่าอะไรทั้งหมดหากจะคิดเป็นอิสระและก้าวขึ้นมาครอบครองหยวนเป่ย แทนที่นั้นต้องสืบล่วงรู้จุดอ่อนของอุปราชลือชื่อผู้นี้ให้จงได้รวมไปถึงที่พำนักอันแท้จริงของพระองค์

ด้วยไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วอุปราชผู้นี้ประทับอยู่แห่งหนใดและบริหารแผ่นดินโดยใช้อินทรีทองสื่อสารอันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ซึ่งต้าเหลียงและต้าซางรวมไปถึงหยวนเป่ยนั้นต่างรบพุ่งกันมานานเพื่อแผ่ขยายอำนาจที่อยู่ติดกันให้รวมเป็นหนึ่งเดียวจนกระทั่งอวิ๋นหยางบุกเข้ายึดครองและสามารถโจมตีแคว้นต้าเหลียงและต้าซางได้เป็นผลสำเร็จ

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้าเหลียงและต้าซางกลายเป็นแคว้นภายใต้การปกครองของหยวนเป่ยนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ชีวิตผู้คนถูกสังหารแทบหมดเมืองเพราะความอำมหิตของอินอวิ๋นหยางแทนที่จะใช้ฆ่าหนึ่งข่มร้อย แต่อุปราชผู้นี้กลับเลือกที่จะฆ่าทั้งเมืองเพื่อให้อีกฝ่ายยอมสยบแทบเท้า

จวบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 12 ปีแล้วที่ต้องก้มหัวให้และมีหน้าที่ส่งบรรณาการตามข้อตกลงสัญญาสงบศึกมาให้เป็นประจำทุกปี และวิธีเดียวที่จะทำให้ต้าเหลียงและต้าซางจะได้รับอิสรภาพจากหยวนเป่ยนั่นก็คือ ปลิดชีพอุปราชผู้ลือนามให้จงได้

ทว่าหามีผู้ใดสามารถที่จะเข้าถึงตัวของอินอวิ๋นหยางได้แม้แต่น้อย สาเหตุเพราะอุปราชผู้กล้าเป็นผู้นำกองทัพออกล่าดินแดนมาโดยตลอด นำกองทัพผ่านแคว้นใดไม่มีคำว่าพ่ายแพ้มีแต่ได้รับชัยชนะกลับมา จนเป็นที่กล่าวขวัญและเลื่องลือไปทั่วทุกแดนดินถึงความเก่งกาจอย่างหาตัวจับได้ยาก อีกทั้งไม่เคยมีผู้ใดพานพบตัวตนที่แท้จริงของอุปราชผู้นี้

หากนับอายุจนถึงขณะนี้อุปราชอวิ๋นหยางมีอายุย่างเข้า 29 พระชันษาแล้ว ทรงจากหยวนเป่ยไปตั้งแต่มีพระชนมายุเพียงแค่ 12 พระชันษาเท่านั้นและเข้าไปอยู่ในกองทัพตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์เพื่อเอาตัวรอดจากการไล่ล่าเอาชีวิตจากฮองไทเฮา

ที่ต้องการกำจัดพระโอรสทุกพระองค์ที่ประสูติจากฟูเหรินตลอดจนถึงพระสนมองค์อื่นๆ เพื่อไม่ให้อยู่ขวางทางการก้าวขึ้นเป็นฮ่องเต้ของพระโอรสอวิ๋นโฉ ซึ่งก็คือพระราชบิดาของอินอวิ๋นฉวี่ ฮ่องเต้น้อยของหยวนเป่ยอยู่ในเวลานี้

“เอาเถอะ! เอาเถอะ! เหตุใดข้าจะต้องสนใจถ้อยคำของเหล่าขุนนางที่ฝักใฝ่และอยู่ข้างเดียวกับคนผู้นั้นด้วยเล่า ในเมื่อพวกมันไม่เคยคิดว่าข้าคือฮ่องเต้ จะพูดยกย่องหรือไม่ก็ไม่ต่างอะไร ข้าสนใจเพียงแค่ทำอย่างไงจึงจะได้อำนาจบัญชาการทหารกลับคืนมาหาข้าทั้งหมดเท่านั้น เจ้าคิดเห็นอย่างไงเสี่ยวฉิงจื่อ” ประโยคสุดท้ายหันกลับไปถามขันทีคนสนิท

รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของขันทีผู้นั้นขึ้นมาทันที เมื่อโอกาสที่เฝ้ารอคอยมาโดยตลอดในสุดก็มาถึงจนได้ในวันนี้

“ฝ่าบาทรับสั่งถามกระหม่อมเช่นนี้ หากเสนอความคิดเห็นออกไป เกิดมีผู้ใดมาล่วงรู้เข้ามีหวังได้คอขาดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น พระสุรเสียงของฮ่องเต้หนุ่มแผดดังก้องออกมาทันใด

“ข้ายังไม่ได้มีคำสั่งบั่นคอเจ้า หัวจะขาดออกจากตัวไปได้อย่างไง! เจ้าโง่!” รับสั่งตวาดกลับไป

ไส้ศึกจากต้าเหลียงแสร้งทำทีตัวสั่นงันงกขึ้นมาทันใดเมื่อได้ยินสุรเสียงกร้าวรับสั่งออกมาเช่นนั้น

“ผู้ที่มีอำนาจสั่งประหารกระหม่อมได้ นอกจากฝ่าบาทแล้วก็คือองค์อุปราชอย่างไงเล่าพ่ะย่ะค่ะ ทรงลืมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ อำนาจทัดเทียมฝ่าบาทและดูท่าจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำพ่ะย่ะค่ะ”

“บังอาจ!!!” ฮ่องเต้หนุ่มตวาดสุรเสียงดังกระหึ่มครั้นได้ยินเช่นนั้น พร้อมยกนิ้วพระหัตถ์ชี้หน้าขันทีคนสนิท

“ผู้ใดจะมีอำนาจมากเกินไปกว่าข้า ผู้ที่เป็นฮ่องเต้ของหยวนเป่ย อุปราชผู้นั้นแม้จะเป็นเสด็จอาของข้าก็ตามแต่ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เสด็จย่าทรงวางเอาไว้ และจะต้องมอบทุกอย่างให้แก่ข้าทั้งหมด ทุกสิ่งที่อยู่ในตัวของคนผู้นั้นต้องเป็นของข้าไม่ว่าจะเป็นสติปัญญาอันปราดเปรื่อง วิชายุทธ์ล้ำเลิศและอำนาจทั้งหมดก็ต้องเป็นของข้าทั้งสิ้น!!!” รับสั่งตวาดก้องด้วยแรงเดือดดาล

“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทรับสั่งไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย กระหม่อมคิดเห็นเช่นเดียวกัน” ขันทีจอมสอพลอรีบกราบทูลกลับไปอย่างรวดเร็ว พร้อมสุรเสียงของอินอวิ๋นฉวี่ดังแทรกขึ้น

“ในเมื่อล่วงรู้แล้วเช่นนี้! เจ้าก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น มีข้าอยู่ทั้งคนมีหรือที่หัวของเจ้าจะหลุดลอยด้วยน้ำมือของคนผู้นั้น มีแต่จะหัวขาดเพราะข้าเสียมากว่า เพราะฉะนั้นตอบมา! เจ้าคิดว่าจะจัดการกับอุปราชผู้นั้นอย่างไงดี” ฮ่องเต้จอมโง่เขลารับสั่งถาม

“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมก็จะกราบทูลฝ่าบาทตามตรงโดยไม่อ้อมค้อมอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ! มีวิธีเดียวที่จะทรงได้อำนาจกลับคืนมานั้นก็คือ” ขันทีจอมสอพลอกล่าวพร้อมก้าวเข้าไปหาฮ่องเต้น้อยพร้อมก้มลงกระซิบวิธีการที่จะกำจัดอุปราชลือชื่อ

ครั้นทรงฟังแผนการจากขันทีคนสนิทจบลง อินอวิ๋นฉวี่หันกลับไปทอดพระเนตรใบหน้าออกทรงเหลี่ยมของเสี่ยวฉิงจื่อซึ่งเป็นขันทีคนสนิทของพระองค์ และสายตาดังกล่าวทำให้ไส้ศึกที่ปลอมตนมานั้นหยุดชะงักไปชั่วขณะ ด้วยคาดไม่ออกว่าฮ่องเต้โง่ผู้นี้จะมีความเห็นคล้อยตามด้วยหรือไม่

ตุบ! ร่างสันทัดทรุดกายลงนั่งคุกเข้ากับพื้นตำหนักอย่างรวดเร็ว

“กระหม่อมสมควรตายยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ! ที่เสนอความคิดเห็นอันโง่เขลาให้แก่พระองค์เช่นนี้ แต่ที่กระหม่อมกราบทูลกลับไปเพราะฝ่าบาทอนุญาตให้ถวายคำแนะนำได้ ก็เลยเสนอความเห็นไปเท่าที่จะคิดได้พ่ะย่ะค่ะ” ไส้ศึกจากสองแคว้นอธิบายกลับไปหากแต่ภายในใจกลับเฝ้ารอคำตอบที่คาดหวังเอาไว้

ฉาด!!!

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 9 อินอวิ๋นฉวี่ 1.3

    ฉาด!!!! พระหัตถ์ตบลงบนหน้าขาของพระองค์จนได้ยินเสียงดังอย่างชัดเจน ติดตามด้วยเสียงหัวเราะดักกึกก้องออกมาทันทีไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับวิธีการของขันทีคนสนิทหรือเห็นต่างกันแน่“ดี! เจ้าทำได้ดีมากเสี่ยวฉิงจื่อ! ความคิดของเจ้ายอดเยี่ยมช่างตรงกับความต้องการที่อยู่ในภายในใจของข้า! ข้าต้องการให้เสด็จอาตายไปเสียที! ยิ่งเร็วได้เท่าไรยิ่งดีจะได้ไม่ต้องอยู่ขวางทางอำนาจของข้าอีกต่อไป”รับสั่งของฮ่องเต้น้อยทำให้ไส้ศึกจากสองแคว้นผ่อนลมหายใจของตนออกมาทันที รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในที่สุดฮ่องเต้โง่ผู้นี้ก็มีความเห็นคล้อยตามที่คิดจะกำจัดอุปราชอินอวิ๋นหยางเกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่เสียแรงที่เฝ้ายุแยงมานานหลายปีไม่ทำให้ลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์“แต่ว่าแล้วจะเอามือสังหารจากที่ไหนทำงานนี้ได้ ในเมื่อเสด็จอามีวรยุทธสูงมากขนาดนั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้เลยส่งไปก็ถูกฆ่าดั่งใบไม้ร่วงหล่นโดยเปล่าประโยชน์ และเสด็จอาต้องล่วงรู้ว่าข้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ แบบนี้ข้าก็แย่สิดีไม่ดีจะกลายเป็นคนถูกฆ่าเสียเอง เกิดเสด็จอาฉวยโอกาสนี้หาข้ออ้างปลิดชีวิตข้าแล้วชิงบัลลังก์ขอ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 10 อินอวิ๋นฉวี่ 1.4

    “เจ้าให้ข้าพูดแบบนั้นหมายความว่าอย่างไงกันแน่! ข้าไม่เคยต้องการให้คนผู้นั้นแผ่ลูกหลานสายสกุลอินออกมาแม้แต่น้อยตรงกันข้ามจะฆ่าไม่ให้เหลือเสียด้วยซ้ำ! ลูกหลานสายสกุลอินจะต้องมาจากข้าเท่านั้นจึงจะถูกต้อง!” รับสั่งอย่างไม่พอพระทัย“โธ่! ฝ่าบาทไปกันใหญ่แล้ว! อย่าเพิ่งเข้าพระทัยผิดพ่ะย่ะค่ะ ทรงทำความเข้าใจเสียใหม่ว่านี้คือแผนหลอกล่อจึงต้องยกข้ออ้างเช่นนั้นออกมา หาไม่แล้วแผนต่อไปจะสำเร็จได้อย่างไร จะทำให้อุปราชไว้วางพระทัยว่าไม่มีอะไรแอบแฝงก็ต้องยกยอไปก่อนแล้วค่อยจัดการภายหลัง” เสี่ยวฉิงจื่ออธิบายกลับไปพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย“คนผู้นี้ช่างโง่เขลาเสียจริง! ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงทนได้มานานหลายปีเช่นนี้นะไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ” เสี่ยวฉิงจื่อรำพึงอยู่ภายในใจในขณะที่ฮ่องเต้หยวนเป่ยได้ยินคำอธิบายกลับมาเช่นนั้น พระองค์พยักพระพักตร์ขึ้นลงด้วยไม่เห็นต่างจากเสี่ยวฉิงจื่อ“จริงด้วย! จะสังหารเสด็จอาก็ต้องทำให้ไว้วางใจเสียก่อน หาไม่แล้วจะเสียแผนการทั้งหมด ดี! ใช้แผนนี้ดีที่สุดว่าแต่จะทำให้สตรีจากต้าซางและต้าเหลียงเป็นคนของเ

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 8 อินอวิ๋นฉวี่ 1.2

    ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าตัวตนดั้งเดิมที่แท้จริงของขันทีผู้นี้หาใช่ชาวหยวนเป่ยโดยกำเนิด ในความเป็นจริงแล้วคือสายลับที่ถูกฮ่องเต้ต้าเหลียงและฮ่องเต้ต้าซางซึ่งจับมือผนึกกำลังหวังโค่นล้มหยวนเป่ย ถูกส่งตัวเข้ามาแทรกซึมคอยหาข่าวภายในราชสำนักหยวนเป่ย เป้าหมายเพื่อหาโอกาสลอบสังหารอุปราชอวิ๋นหยาง และถ้าหากลงมือกับอุปราชผู้นั้นสำเร็จมีหรือชีวิตของอินอวิ๋นฉวี่จะอยู่รอดต่อไปได้นาน ฮ่องเต้หนุ่มจะต้องถูกสังหารตายตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ทันทีที่ชีวิตของอินอวิ๋นหยางหลุดลอยออกจากร่างแต่ที่ไม่ลงมือปลงพระชนม์อินอวิ๋นฉวี่ด้วยเพราะ หากอวิ๋นฉวี่สวรรคตลงวันใดแน่นอนว่า แผ่นดินหยวนเป่ยจะต้องตกเป็นของอุปราชผู้กล้าอินอวิ๋นหยางโดยทันที และนั่นจะยิ่งยากกว่าอะไรทั้งหมดหากจะคิดเป็นอิสระและก้าวขึ้นมาครอบครองหยวนเป่ย แทนที่นั้นต้องสืบล่วงรู้จุดอ่อนของอุปราชลือชื่อผู้นี้ให้จงได้รวมไปถึงที่พำนักอันแท้จริงของพระองค์ด้วยไม่เคยมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าแท้จริงแล้วอุปราชผู้นี้ประทับอยู่แห่งหนใดและบริหารแผ่นดินโดยใช้อินทรีทองสื่อสารอันเป็นสัญลักษณ์ของพระองค์ ซึ่งต้าเหลียงและต้าซางรวมไปถึงหยวนเป่ยนั้นต่างรบพุ่งกันมานานเพื

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 7 อินอวิ๋นฉวี่ 1.1

    ยุคอดีตแคว้นหยวนเป่ยณ.พระราชวังหลวงภายในแคว้นหยวนเป่ยในเวลานี้อยู่ในสมัยการปกครองของสายสกุลอิน ซึ่งขึ้นมามีอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินฮ่องเต้แต่ละพระองค์มีทั้งเข้มแข็งและอ่อนแอสลับกันไป และได้นั่งบัลลังก์สืบทอดมานานกว่า 111 ปี จนถึงสมัยอินอวิ๋นฉวี่ขึ้นปกครองแคว้นในขณะที่มีพระชนม์มายุเพียงแค่ 10 พระชันษาเท่านั้นสืบเนื่องจากอดีตฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระราชบิดาเสด็จสวรรคตลงอย่างกะทันหัน ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 27 พระชันษาและขึ้นปกครองแคว้นได้เพียงห้าปีเท่านั้น ด้วยสาเหตุเลือดในพระวรกายเกิดเป็นพิษซึ่งหากเทียบในยุคปัจจุบันคือติดเชื้อในกระแสเลือดนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้องค์ชายอินอวิ๋นฉวี่ ที่ประสูติจากหยางฮองเฮาขึ้นเป็นฮ่องเต้ครองแคว้นด้วยเพราะเป็นพระโอรสเพียงหนึ่งเดียว ส่วนอีกแปดพระองค์นอกนั้นเป็นพระราชธิดาทั้งสิ้นในขณะที่หยางฮองเฮาพระราชมารดา ก็สิ้นพระชนม์ตามพระสวามีไปด้วยเพราะทรงตรอมพระทัย เพียงแค่สามเดือนที่ฮ่องเต้อวิ๋นโฉสวรรคตพระนางก็จากไป จึงทำให้ฮ่องเต้น้อยผู้ครองแคว้นหยวนเป่ย ซึ่งยังเยาว์วัยยิ่งนักต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว พระองค์เหลือเพียงฮองไทเฮาเสด็จย่า แล

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 6 ของขวัญปริศนา 1.6

    ทันใดนั้นเอง“ข้ารอเจ้ามานานแสนนานแล้ว! มาหาข้า! ข้ารอเจ้าอยู่ที่จวนเดียวดาย! รอเจ้าที่จวนเดียวดาย” เสียงดังกล่าวกึกก้องออกมาจากภาพวาดที่อยู่ในมือของนักร้องสาวคนดังและเธอก็ได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน“ไม่จริง! มันจะต้องไม่เป็นความจริง! ฉันต้องหูฝาดแน่ๆ ต้องไม่ใช่! ไม่ใช่!!!”ในขณะที่เสียงจากภาพวาดยังคงดังกึกก้องออกมาอย่างไม่ขาดสาย“มาหาข้า! ข้ารอเจ้าที่จวนเดียวดาย!” เสียงเรียกนั้นเริ่มดังขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหยางเฟยอี้ตุบ! ภาพวาดที่กำลังถืออยู่มือร่วงหล่นลงพื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อนักร้องสาวมีอาการหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างกะทันหัน หยางเฟยอี้พยายามที่จะหายใจทางปากแต่กลับทำให้เจ็บแปลบเข้าที่หัวใจจนไม่สามารถทำให้เธอหายใจได้เป็นปกติอะ...โอ๊ยยยยย!!! มือเรียวสวยยกขึ้นจับศีรษะของเธอทันทีเมื่อเสียงร้องเรียกดังกล่าวทำให้นักร้องดังมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงพร้อมเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกอย่างเฉียบพลัน“ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย...หะ...หายใจ...ไม่ออก!!!” สิ้นเสียงตะกุกตะกักที่เธอพยายามสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ต

  • อัปลักษณ์จวนเดียวดาย   ตอนที่ 5 ของขวัญปริศนา 1.5

    วันรุ่งขึ้นรถยนต์คันหรูของโรงแรมชื่อดังที่สองพี่น้องเลือกเข้าพักในเมืองลั่วหยาง วิ่งตรงเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าประตูซึ่งในอดีตผู้คนในสมัยโบราณจะเรียกที่พักอาศัยของเหล่าเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ ขุนนางและคหบดีผู้มั่งคั่งว่าจวนครั้นเมื่อกาลเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปจากการเรียกขานเช่นนั้น แปรเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์เข้ามาแทนที่ในยุคสมัยปัจจุบันและมีการสร้างบ้านเลียนแบบในยุคโบราณพบเห็นมากมายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีฐานะทางสังคมที่ดีไม่ต่างอะไรไปจากยุคอดีตแม้แต่น้อย“โอโห่! นี่นะเหรอจวนโบราณทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการขนาดนี้ บรรยากาศก็ดูขลังเป็นบ้าเลย” นักร้องสาวพูดพึมพำอยู่คนเดียวสายตามองประตูทางเข้าจวนขนาดมหึมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด“มองผ่านแว่นกันแดดแบบนั้นจะเห็นอะไรชัดไหมนะ” หลี่ยู่บอกน้องสาวของเธอทั้งๆ ที่ยังวุ่นวายหาของในกระเป๋าของน้องสาวอยู่ในขณะนี้หยางเฟยอี้กระดกแว่นกันแดดให้ขยับลงต่ำพลางมองพี่สาวของเธอกำลังรื้อค้นกระเป๋าของเธอช่างดูวุ่นวายเสียจริง“พี่ใหญ่หาอะไรนะ! อะไรหายเหรอ” หญิงสาวถามกลับ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status