LOGINแม้ว่าเมื่อคืนจะปวดท้องและกว่าจะได้นอนก็เกือบจะเที่ยงคืนแต่เช้านี้สุพิชฌาย์ก็ตื่นนอนตามปกติ อาการปวดท้องหายไปแล้วหญิงสาวแต่งตัวก็นั่งบนชั้นวางรองเท้าที่ด้านบนเป็นเบาะหนังสำหรับนั่ง เธอคอยฟังเสียงเปิดประตูของห้องปณัยกรเพราะเช้านี้เธอจะเริ่มแผนต่อไปให้ได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องฝั่งตรงข้ามเปิดออกสุพิชฌาย์ก็เปิดประตูห้องของตนเองออกทันที
“สวัสดีตอนเช้าค่ะอาจารย์ไนท์”
“สวัสดีเปียโน เป็นยังไงบ้างหายปวดท้องหรือยัง”
“รู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ”
“อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาแล้วก็ทานยาด้วยนะ”
“ค่ะอาจารย์หนูต้องขอบคุณอาจารย์นะคะที่ไปซื้อยามาให้”
“ไม่เป็นไรครับ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน”
ทั้งสองเดือนคู่กันมายังลิฟต์ก่อนจะลงไปยังลานจอดรถ
“ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ” สุพิชฌาย์มองรถของตนเองที่ล้อหน้าด้านซ้ายมันแบบจนติดพื้น
“รถคุณยางแบนนี่เปียโน”
“สงสัยเมื่อวานเย็นหนูขับผ่านบริเวณก่อสร้างด้านหลังมหาวิทยาลัยแน่เลย ทีนี่จะไปเรียนยังไงล่ะ” หญิงสาวแกล้งทำเป็นเครียดทั้งที่ตนเองเป็นคนโทรศัพท์ลงมาบอกรปภ.ให้ช่วยปล่อยยางรถข้างหน้าพร้อมกับติดสินบนให้เขาไปห้าร้อยบาท
“ให้ผมไปส่งที่มหาลัยไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจารย์เดี๋ยวหนูเดินออกไปเรียกแท็กซี่ข้างหน้าก็ได้” หญิงสาวพูดแล้วกุมท้องไปที่หน้าท้อง
“นั่นปวดท้องอีกเหรอ” ปณัยกรสังเกตเห็นและคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง
“นิดหน่อยค่ะ”
“ยังไม่หายดีเลยแล้วจะเดินไปขึ้นรถยังไงให้ผมไปส่งดีกว่านะ”
“หนูกลัวจะรบกวนเวลางานอาจารย์นี่คะ”
“คงไม่เสียเวลามากหรอก รีบขึ้นรถเถอะออกเช้ากว่านี้เดี๋ยวรถจะติดเอานะ”
“ก็ได้ค่ะหนูก็ไม่อยากไปเรียนสายเหมือนกัน” สุพิชฌาย์รีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่กับเขาอย่างคุ้นเคย
ตลอดเวลาก็แอบมองหน้าอาจารย์หนุ่มแล้วยิ้มพลางชวนคุยเรื่อยเปื่อยอย่างที่ทำเป็นประจำทุกครั้ง
“อาจารย์ไม่ต้องเข้าไปจอดหน้าตึกก็ได้ค่ะ ตรงนั้นรถมันเยอะจะเสียเวลาเปล่าๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกไหนๆ มาส่งแล้วผมก็อยากให้ส่งถึงที่ แล้วคุณก็อย่าลืมหาข้าวกินและกินยา ถ้าไม่ดีขึ้นก็เรียกแท็กซี่ให้พาไปส่งโรงพยาบาลเพราะวันนี้ผมมีสอนตลอดทั้งวัน”
“ได้ค่ะหนูจะกินข้าวกินยาให้ตรงเวลา ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งนะคะที่มาส่ง” หญิงสาวยิ้มก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถและโบกมือเธอมองตามจนกระทั่งรถของเขาลับสายตาไป
“มันยังไงกันแน่เปียโนนั่นใช้รถอาจารย์ไนท์ไหมที่มาส่งแก” ณัฐมลที่ยืนมองอยู่รีบเข้ามาถาม
“ใช่”
“แกจีบเขาสำเร็จแล้วเหรอเขาถึงมาส่งที่นี่” เจนิตาที่เดินตามมาก็ถามด้วยความตื่นเต้น
“ยังหรอกแต่ทุกอย่างมันอยู่ในแผน”
“แกนี่แผนเยอะจริงนะ ขึ้นห้องเรียนกันเถอะจะได้เม้าท์ต่อ”
“ยังเหลือเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงนะเจนพาฉันไปกินข้าวก่อนดีไหม”
“วันนี้แกแปลกนะอยากจะกินข้าวตอนเช้า” เจนิตามองเพื่อนด้วยความสงสัยเพราะปกติแล้วสุพิชฌาย์ไม่ค่อยทานอะไรตอนเช้า
“ก็เมื่อคืนฉันปวดท้องน่ะสิ แล้วมันมียาจะต้องกินอาจารย์ไนท์สั่งไว้ว่าต้องกินยาและกินข้าวให้ตรงเวลา”
“ปวดท้องเหรอไปหาหมอมาแล้วใช่ไหม”
“ไม่หรอกแต่อาจารย์ไปซื้อยามาให้น่ะ”
“แกปวดท้องจริงๆ หรือแค่แกล้งปวดท้องกันแน่ล่ะ”
“ปวดจริงๆ สิเจน ก็เมื่อวานตอนกลางวันกินขนมปังไปนิดเดียวแล้วตอนเย็นฉันกับอาจารย์ไนท์ก็ไปกินส้มตำกัน ฉันกินมากไปหน่อยเมื่อคืนก็เลยปวดท้อง”
“แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังล่ะ” เจนิตาถามอย่างเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้ว”
“ฉันว่าแกต้องเล่าเรื่องนี้เพิ่มแล้วล่ะเปียโน”
“เดี๋ยวฉันจะเล่าให้แกสองคนฟังตอนกินข้าวก็แล้วกันนะ รีบไปกันเถอะจะได้รีบกลับมาเรียน”
หลังจากทานข้าวและทานยาเสร็จแล้วทั้งสามสาวก็กลับมายังห้องเรียนจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวันเสียงโทรศัพท์ของสุพิชฌาย์ก็ดังขึ้นเสียก่อน
“สวัสดีค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามมารดาที่ปกติจะไม่โทรหาเธอเวลากลางวันแบบนี้
“เปียโนมากินข้าวกลางวันกับแม่และพ่อที่ห้องทำงานพ่อหน่อยนะ แม่สั่งอาหารมาเผื่อหนูแล้ว”
“ได้ค่ะแม่” หญิงสาวกดวางสายแล้วมองหน้าเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด
“มีอะไรหรือเปล่าเปียโน”
“ฉันคงไปกินข้าวกับแกสองก็ไม่ได้แล้ว พอดีแม่โทรตาม”
“ไม่เป็นไร ฉันไปกินสองคนก็ได้ แล้วตอนบ่ายค่อยเจอกัน แกก็อย่าลืมกินยาด้วยนะ”
“ฉันว่าจะกินก่อนไปดีกว่าไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ว่าปวดท้อง ขอน้ำแกหน่อยสิเจน ของฉันหมดแล้ว”
“เอาไปทั้งขวด พวกฉันสองคนไปก่อนนะเดี๋ยวโรงอาหารคนจะเยอะ”
เมื่อทานยาแล้วหญิงสาวก็เดินลงจากตึกคณะเพื่อไปยังตึกของฝ่ายบริหารที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นะ เมื่อขึ้นไปถึงบนห้องก็เห็นว่าในห้องทำงานของบิดานั้นมีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ
“สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะแม่” สุพิชฌาย์ยกมือไหว้บุพการีทั้งสองก่อนจะนั่งลงข้างๆ กับมารดา
“สวัสดีจ้ะลูก เป็นไงบ้างเราไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์เลยนะหนูไม่กลับไปหาพ่อกับแม่เลย นี่ถ้าแม่ไม่ชวนมากินข้าวกลางวันก็คงไม่มีโอกาสได้เจอกัน”
“ขอโทษนะคะพ่อ ขอโทษนะคะแม่พอดีหนูกำลังปรับตัวและฝึกใช้ชีวิตคนเดียวอยู่นี่คะถ้ากลับไปบ้านบ่อยๆ ก็คงไม่ดีเท่าไหร่” หญิงสาวยังคงอ้างเหตุผลเดิม
“แต่แม่คิดถึงหนูมากนะ”
“หนูก็คิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ”
“พ่อว่าอย่าเพิ่งคุยกันเลยรีบกินเถอะ ลูกมีเวลาพักแค่ชั่วโมงเองเดียวเองนะ”
ทั้งสามคนนั่งรับประทานอาหารและพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจนกระทั่งทานอาหารเสร็จคุณสุชาติก็เรียกให้แม่บ้านเขามาเก็บโต๊ะก่อนจะนั่งมองหน้าบุตรสาวแล้วเริ่มถามคำถามที่สงสัยจนต้องเรียกให้เธอขึ้นมาที่นี่
“เปียโน พ่อได้ยินมาว่าวันนี้ลูกไม่ได้ขับรถมาที่มหาวิทยาลัยแต่มีคนอื่นมาส่งใช่ไหม พ่ออยากรู้ว่าคนที่มาส่งลูกเป็นใคร” สีหน้าของคุณสุชาติดูจริงจังจนหญิงสาวรู้สึกเป็นกังวล
“หนูออกมาอยู่คนเดียวได้ไม่ถึงเดือนหนูมีแฟนแล้วเหรอลูกหรือที่อยากจะออกมาอยู่ตามลำพังเพราะอยากจะมาอยู่กับแฟนกันล่ะ” คุณวิมลวรรณถามด้วยความเป็นห่วง สีหน้าของท่านก็ดูจริงจังไม่ต่างจากสามี
“พ่อคะแม่คะ คนที่มาส่งหนูไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ”
“แล้วเขาเป็นใครทำไมถึงมาส่งหนูตอนเข้าได้ล่ะ บอกแม่มาเถอะนะเปียโน แม่ไม่ห้ามถ้าหนูจะมีแฟนแต่แม่อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร” คุณวิมลวรรณพูดอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่แฟนอะไรที่ไหนหรอกค่ะแม่ คนที่มาส่งหนูก็คืออาจารย์ไนท์ค่ะ”
“หนูหมายถึงอาจารย์ปณัยกรเหรอเปียโน” คุณสุชาติเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ
“ค่ะพ่อ หนูคงลืมบอกพ่อกับแม่ไปว่าอาจารย์เขาพักอยู่คอนโดเดียวกับหนู แล้วเมื่อเช้ารถหนูมันยางแบนอาจารย์เห็นพอดีก็เลยมาส่งหนูค่ะ”
“พ่อก็นึกว่าลูกสาวแอบไปมีแฟนเสียแล้ว” คุณสุชาติถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แล้วถ้าเกิดหนูมีแฟนจริงๆ พ่อจะว่ายังไง”
“พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ก็อยากจะให้หนูดูให้ดีก่อนว่าเขาเข้ามาหาหนูเพราะรักหนูจริงๆ หรือเพราะหวังอะไรในตัวหนูกันแน่ หนูก็รู้ว่าหนูเป็นลูกของพ่อก็คงมีคนเข้ามาหามาก”
“ค่ะพ่อ แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะคะหนูยังไม่คิดมีแฟนหรอกค่ะ อีกไม่กี่เดือนหนูก็ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วถ้ามีแฟนก็คงทำให้การไปเรียนมันไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่”
“ถ้าคิดได้แบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย”
“พูดถึงอาจารย์ปณัยกรแล้วเมื่อวันก่อนพ่อก็เพิ่งได้เจอเขาเองนะ”
“พ่อไปเจอเขาทำไมคะ”
“พ่อคุยกับเขาเรื่องที่จะให้เขามาสอนที่นี่มากขึ้นอาจจะเป็นช่วงซัมเมอร์ แล้วก็วางแผนไว้ว่าปีการศึกษาหน้าจะให้เขามาสอนเพิ่มมากขึ้น”
“แล้วอาจารย์เขาตอบตกลงหรือเปล่าคะ”
“เขาบอกว่าขอลองสอนช่วงซัมเมอร์นี้ก่อน เขาไม่แน่ใจว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า แต่เท่าที่พอคุยพ่อว่าเขาเป็นอาจารย์ที่ดีคนหนึ่งเลย พ่อก็เลยอยากให้เขามาสอนประจำที่นี่แต่ดูท่าแล้วคงยากที่จะให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลแต่ได้มาช่วยสอนบ้างแบบนี้ก็ดีแล้ว”
“หนูสนิทกับเขามากไหมเปียโน” คุณวิมลวรรณถามบ้าง
“ไม่ได้สนิทมากขนาดนั้นหรอกค่ะแม่ เจอหน้ากันบ้างเวลาที่กลับคอนโดพร้อมกันและตอนเช้าที่เขาออกมาสอนแล้วหนูออกมาเรียนค่ะ แต่โชคดีมากที่วันนี้เขาให้หนูติดรถมาด้วย”
“แล้วหนูเรียกช่างให้ไปจัดการรถหรือยัง”
“ยังเลยค่ะพ่อหนูลืมไปแล้ว”
“ถ้ายังงั้นเดี๋ยวพ่อให้คนของพ่อจัดการให้ก็แล้วกันนะพรุ่งนี้จะได้ขับรถมาเรียน เย็นนี้เลิกเรียนแล้วก็ขึ้นมารอพ่อที่ห้องนะจะได้กลับพร้อมกัน”
“ค่ะหนูขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”
หลังจากเคลียร์งานทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยปณัยกรก็เดินทางมาที่ประเทศอังกฤษเขาเข้าพักที่อพาร์ตเมนต์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของสุพิชฌาย์มากนักปณัยกรมาถึงที่นี่ตั้งแต่กลางดึกแต่ไม่อยากจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของสุพิชฌาย์ วันนี้เข้าจึงรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้วไปดักรอหญิงสาวที่หน้ามหาวิทยาลัย เขารู้ว่าวันนี้สุพิชฌาย์ไม่มีเรียนแต่เธอมีนัดอ่านหนังสือกับเพื่อนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคนที่เขาคิดถึงสุดหัวใจก็กำลังเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวไม่ทันสังเกตเพราะคนที่พิงกำแพงและก้มหน้าอยู่นั้นคือคนรักของตัวเอง“เปียโน” ปณัยกรเรียกชื่อคนรักเบาๆสุพิชฌาย์หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ หญิงสาวรู้สึกคุ้นหูกับเสียงที่เรียกและมันฟังดูไม่ใช่เพื่อนชาวต่างชาติของเธอเธอหันมองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนยืนอยู่นั้นคือคนที่เธอกำลังคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ สุพิชฌาย์โผกอดด้วยความดีใจและไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมา“พี่ไนท์ มาได้ยังไง” สุพิชฌาย์ร้องไห้ด้วยความดีใจเพราะก่อนหน้านี้ปณัยกรโทรมาบอกว่าพวกเขามาหาเธอตามนัดไม่ได้ทำให้เธอน้อยใจและงอนอยู่หลายวันแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ก่อนเวลาที่นัดไว้“คิดถึงก็เลย
ช่วงปิดเทอมใหญ่ปณัยกรไม่มีสอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาล ชายหนุ่มจึงมีเวลาเรียนรู้งานกับคุณสุชาติอย่างเต็มที่ ส่วนช่วงเปิดเทอมนั้นเขาก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะสอนนักศึกษาวันจันทร์ถึงวันพุธเต็มวันส่วนวันพฤหัสกับวันศุกร์เขาจะสอนแค่ครึ่งวันเพื่อจะปลีกตัวมาทำงานที่มหาวิทยาลัยของคุณสุชาติชายหนุ่มปรึกษาเรื่องนี้กับรุ่นพี่และเขาก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ถ้าออกมาทำงานข้างนอกมันไม่ได้กระทบกับการสอน ปณัยกรไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้เนื่องจากยังมีอาจารย์อีกหลายท่านที่ทำงานอื่นแต่ต้องรับผิดชอบในวิชาของตนเองให้ครบถ้วนตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนที่เขาเรียนรู้งานกับคุณสุชาติได้มากแล้ว ชายหนุ่มวางแผนเอาไว้ว่าก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดภาคเรียนที่หนึ่งเขาจะบินไปหาสุพิชฌาย์ที่อังกฤษ ซึ่งเรื่องนี้เขายังไม่ได้แจ้งคุณสุชาติแต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะที่ผ่านมาเขาก็รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีมาตลอดอีกทั้งช่วงที่จะบินไปนั้นก็เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยของคุณสุชาติ ปิดภาคเรียนซัมเมอร์เพื่อให้นักศึกษาพักก่อนจะเริ่มเรียนในภาคเรียนต่อไปเมื่อคิดว่าจะได้เจอกับคนรักปณัยกรก็ยิ้มอย่างมีความสุขเขานั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเองจนกร
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สุพิชฌาย์จะต้องเดินทางไปเรียนต่อประเทศอังกฤษแล้ว แม้ในใจไม่อยากจะจากคนรักไปแต่เธอก็ยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาและเมื่อคิดว่ากลับมาแล้วจะได้ทำงานร่วมกับปณัยกรหญิงสาวก็เลยใช้ตรงนี้เป็นแรงผลักดันส่วนตัวปณัยกรก็รู้สึกใจหายเพราะตั้งแต่รู้จักกับสุพิชฌาย์มานานหลายเดือนเขากับเธอแทบไม่เคยอยู่ห่างกันเลย ครั้งนี้จึงเป็นการห่างกันเป็นครั้งแรกแต่เขาก็ต้องยอมให้หญิงสาวไปเรียนเพราะนั่นคืออนาคตของเธอก่อนวันเดินทางเขาและเธอต่างก็พากันไปรู้จักเพื่อนของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งซึ่งดูเหมือนว่าสุพิชฌาย์จะเข้ากับเพื่อนของเขาได้ดี ส่วนเขากับเพื่อนสุพิชฌาย์นั้นเคยเจอกันใยฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์มาบ้างแล้วแต่พอได้มารู้จักกันอีกครั้งก็รู้สึกแปลกไปบ้างแต่พอคุยไม่นานก็เริ่มปรับตัวได้วันนี้สุพิชฌาย์จะต้องเดินทางไปเรียนแล้ว ปณัยกรมาส่งเธอที่สนามบินและแยกตัวออกมาคุยกันตามลำพังส่วนบิดามารดาของเธอก็ยืนรออยู่ซึ่งทั้งสองคนจะตามไปส่งสุพิชฌาย์ที่อังกฤษด้วย “เปียโนต้องคิดถึงพี่ไนท์มากๆ แน่เลยค่ะ” สุพิชฌาย์เริ่มจะงอแงเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ“เราวิดีโอคอลหากันไ
“พ่อว่ายังไงบ้างคะพี่ไนท์” หญิงสาวถามเมื่อปณัยกรเปิดประตูเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับ“ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร”“พี่ไนท์คะตอบให้มันละเอียดหน่อยสิคะ”“พ่อของเปียโนไม่ว่าอะไรหรอกครับ”“หมายความว่าพ่อยอมให้เราคบกันใช่ไหม”“ครับ”“พ่อพูดอะไรกับพี่บ้างพี่หายไปนานเปียโนใจคอไม่ดีเลยนะคะ”ปณัยกรหันมายิ้มก่อนจะขับรถออกจากมหาวิทยาลัยระหว่างทางเขาก็เรื่องที่ตัวเองคุยกับบิดาของสุพิชฌาย์ให้เธอฟังทั้งหมด“โล่งอกไปทีค่ะ เปียโนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ”“พี่ก็เหมือนกันครับ เย็นนี้พ่อของเปียโนให้พี่พาเปียโนไปที่บ้าน”“ไปทำไมคะ”“ท่านก็คงอยากเจอลูกสาว”“เปียโนว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ เลยค่ะ”“อย่าคิดมากไปเลยนะ ตอนนี้เราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่ายังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดเปียโนอยากไปไหนล่ะ”“ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังสักเรื่องดีไหมคะ”“ครับ”ทั้งสองทานอาหารกลางวัน ดูหนังและเดินเล่นจนถึงเย็นจากนั้นปณัยกรก็ขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าเพื่อนตรงไปยังบ้านของคุณสุชาติตามที่นัดไว้ระหว่างทางสีหน้าของสุพิชฌาย์ดูเป็นกังวล ปณัยกรเอื้อมมือมาจับไว้เพื่อหวังให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น“พี่ไนท์ว่าพ่อกับแม่จะคุยอะไรกับ
ปณัยกรมีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยเอกชนที่คุณสุชาติบิดาของคนรักเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มแจ้งกับเลขาที่หน้าห้องว่าเขานัดคุณสุชาติไว้แล้วเลขาของคุณสุชาติโทรเข้าไปแจ้งเจ้านายจากนั้นปณัยกรก็เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป“สวัสดีครับคุณสุชาติ”“สวัสดีครับอาจารย์ปณัยกร เชิญนั่งก่อน”“ขอบคุณครับคุณสุชาติเรียกผมว่าอาจารย์ไนท์ก็ได้นะครับเรียกเต็มยศแบบนี้ผมรู้สึกเกร็งๆ ยังไงก็ไม่รู้”“ได้สิว่าแต่วันนี้อาจารย์ไนท์เข้ามาพบผมมีอะไรจะคุยเหรอ ใช่เรื่องที่จะเริ่มสอนนักศึกษาช่วงซัมเมอร์นี้หรือเปล่าติดปัญหาตรงไหนแจ้งผมได้ตลอดเลยนะ” คุณสุชาติถามอย่างใจดี“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ”“อ้าวแล้วมีเรื่องอะไรล่ะอย่าบอกนะครับว่าเปลี่ยนใจจะไม่มาสอนที่นี่แล้ว ผมเสียดายอาจารย์ที่สอนเก่งๆ อย่างคุณแย่เลย”“คือคุณสุชาติครับ....” ชายหนุ่มมีท่าทางอึดอัดเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงถึงเรื่องที่ตนเองตั้งใจมาหาคุณสุชาติในวันนี้“อาจารย์ไนท์มีอะไรก็พูดกับผมตรงๆ เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจหรอก”“คือเรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณสุชาติวันนี้ก็คือเรื่องที่ผมกับเปียโนคบกันอยู่ครับ”“อะไรนะ....คบกันเหรอ” คุณสุชาติทำทีเป็นตกใจ
ระยะเวลาที่อยู่ปราณบุรีสามวันสี่คืนเป็นช่วงเวลาที่สุพิชฌาย์และปณัยกรมีความสุขมากๆ ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่แม้จะไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนไกลจากที่พักแต่สุพิชฌาย์ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเขาตามลำพังและเมื่อถึงวันที่จะต้องเดินทางกลับหญิงสาวก็แทบไม่อยากจะขึ้นรถเลย“เปียโนครับ พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะนะยืนอยู่ตรงนี้นานๆ ผิวเสียไม่รู้ด้วยนะ”“ก็เปียโนยังไม่อยากกลับนี่คะ เราอยู่ต่อไม่ได้เหรอคะ”“พี่ก็อยากจะอยู่ต่อนะแต่วันนี้พ่อกับแม่ของเปียโนกลับมาแล้วพรุ่งนี้พี่โดยจะเข้าไปคุยกับท่านที่มหาวิทยาลัย พี่โทรแจ้งกับเลขาของท่านไว้แล้ว”“พี่ไนท์คะ เปียโนว่ายังไม่ต้องบอกพ่อกับแม่ได้ไหมคะ” สุพิชฌาย์เริ่มเป็นกังวลเพราะกลัวจะถูกบิดาห้าม“ทำไมล่ะครับเปียโน เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ ว่าพี่จะต้องบอกพ่อกับแม่ของเปียโน”“เปียโนกลัวค่ะว่าถ้าบอกแล้วพ่อจะให้เปียโนย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเปียโนคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่ได้อยู่กับพี่แบบนี้”“อย่าเพิ่งกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยพี่เชื่อว่าพ่อกับแม่ของเปียโนเป็นผู้ใหญ่มากพอ แล้วที่ผ่านมาเปียโนก็ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังทั้งเรื่องเรียนจบได้เรื่องที่กำลังจะไปเรียนต่







