LOGINปณัยกรสอนนักเรียนคาบสุดท้ายเสร็จในเวลาบ่ายสาม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วลังเลว่าจะโทรไปถามสุพิชฌาย์ดีหรือเปล่าว่าหญิงสาวกับคอนโดยังไงแล้วก็ตัดสินใจไม่โทรเพราะคิดว่าเธอโตแล้วน่าจะดูแลตัวเองได้
ชายหนุ่มขับรถกลับมายังคอนโดมิเนียมจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปออกกำลังกายได้ก่อนจะกลับขึ้นมาบนห้องอีกครั้ง
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่สุพิชฌาย์มักจะเคาะประตูชวนไปทานอาหารชายหนุ่มก็อาบน้ำแต่งตัวและนั่งเล่นโทรศัพท์รอ แต่ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเสียงเคาะประตูก็ไม่ดังขึ้น เขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวหรือเปล่า
ปณัยกรจึงมาเคาะห้องของเธอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับเขาเป็นกังวลว่าเธอจะปวดท้องจนลุกไม่ไหวหรือเปล่าจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเธอแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับ
ความกังวลเริ่มมีมากขึ้นเพราะเขาไม่รู้ว่าเธอกลับจากมหาวิทยาลัยหรือยังและกลับยังไงอีกทั้งเขายังเป็นห่วงเรื่องอาการปวดท้องชายหนุ่มโทรไปถามนิติด้านล่างจึงรู้ว่าสุพิชฌาย์ยังไม่กลับมากลับมาที่คอนโด
เขานั่งร้อนใจอยู่ในห้องจนเวลาผ่านไปอีกเกือบยี่สิบนาทีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาเธออีกครั้งแต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน ปณัยกรรีบลุกขึ้นมาเปิดทันที
“เปียโนไปไหนมา ผมโทรหาก็ไม่รับ ไปเคาะที่ห้องคุณก็ไม่อยู่” เขารีบถามเพราะรู้สึกเป็นห่วง
“หนูกลับไปกินข้าวที่บ้านมาค่ะ อาจารย์กินข้าวหรือยังคะ” สุพิชฌาย์ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางห่วงใยของเขา
“ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“ดีเลยค่ะ หนูเอาราดหน้ามาเผื่ออาจารย์ด้วยนะคะ”
“ขอบใจนะ”
“ที่บ้านหนูทำราดหน้าอร่อยมากค่ะ อาจารย์กินเลยมั๊ยคะเดี๋ยวหนูเทใส่จานให้”
“ไม่เป็นไรแค่เอามาฝากก็ขอบใจมากๆ แล้วที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง แล้วตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างปวดท้องอยู่หรือเปล่า”
“หนูหายดีแล้วค่ะ”
“แล้วเย็นนี้กลับคอนโดยังไงหนู”
“ติดรถพ่อไปที่บ้านค่ะ รถที่บ้านเพิ่งมาส่งเมื่อกี้ ว่าแต่ทำไมอาจารย์ยังไม่กินข้าวคะรอหนูอยู่หรือเปล่า”
เขาพยักหน้าแล้วยิ้มอันที่จริงตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่ช่วงเวลาเย็นก็จะทานข้าวกับสุพิชฌาย์ตลอดจนมันเป็นความเคยชินเมื่อไม่มีเธอก็เลยลืมเรื่องทานข้าวไปเลย
“หนูขอโทษที่ทำให้อาจารย์รอ” สุพิชฌาย์รู้สึกผิดที่ทำให้เขารอแต่ก็แอบดีใจด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกพอดีวันนี้ผมกลับเร็วก็เลยออกกำลังกายเพลินไปหน่อยนะ”
“อาจารย์รีบไปกินราดหน้าเถอะค่ะเดี๋ยวเย็นแล้วมันจะไม่อร่อย หนูขอกลับห้องก่อนนะคะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะสำหรับราดหน้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกันเวลามีของอร่อยก็ต้องแบ่งกันกินสิคะ” เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เขาเห็นจนชินตา
อันที่จริงคืนนี้บิดามารดาชวนให้เธอค้างที่บ้านแต่หญิงสาวบอกว่ามีหนังสือที่อยู่คอนโดต้องรีบกลับมาอ่านซึ่งอันที่จริงแล้วเธออยากเอาราดหน้ามาฝากปณัยกรมากกว่า หญิงสาวบอกแม่ครัวให้ทำเพิ่มให้เพื่อจะเอามาอุ่นทานในตอนเช้าเลยไม่มีใครสงสัยอะไร
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเห็นสายไม่ได้รับจากปณัยกรแล้วก็ยิ้มก่อนจะแคปภาพหน้าจอนั้นไว้อย่างน้อยครั้งหนึ่งเขาก็เคยโทรหาเธอแม้ว่าเธอจะไม่ได้รับสายก็ตาม
หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเพราะพรุ่งนี้มีเทสที่มหาวิทยาลัย อ่านไปได้สักพักก็มีจุดที่ไม่เข้าใจจึงคิดว่าเรื่องนี้อาจารย์ปณัยกรน่าจะช่วยได้ ถึงแม้วิชานี้เขาไม่ได้สอนแต่สุพิชฌาย์ก็คิดว่าเขาน่าจะรู้เรื่องมากกว่าเธอ
หญิงสาวมองดูนาฬิกาเห็นว่ามันเพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่ง ซึ่งเวลานี้ปณัยกรน่าจะยังไม่นอน เธอตัดสินใจหยิบเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินมาเคาะประตูห้องของอาจารย์อีกครั้ง ยืนรอไม่นานเขาก็เปิดออก
“มีอะไรหรือเปล่าเปียโนหรือปวดท้องอีก” สีหน้าของเขาเป็นกังวลและมันทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ
“เปล่าค่ะอาจารย์ พรุ่งนี้หนูมีสอบจะมีจุดหนึ่งที่หนูไม่เข้าใจหนูขอถามอาจารย์ได้ไหม”
“ได้สิ เข้ามาข้างในก่อนนะ” เขาเดินนำเธอไปยังห้องทำงาน ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเบดที่อยู่หน้าโต๊ะทำงาน
หญิงสาวเริ่มทำคำถามและเขาก็อธิบายอย่างใจเย็น
“ขอบคุณนะคะอาจารย์หนูพยายามเข้าใจมันเองแล้วแต่มันก็ยังงงอยู่ดี อาจารย์อธิบายแป๊บเดียวตอนนี้หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูขอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่นี่ได้ไหมเผื่อมีจุดไหนที่ไม่เข้าใจหนูจะได้ถามอาจารย์อีก หนูคงไม่รบกวนเวลาอาจารย์จนเกินไปใช่ไหม” แม้จะเกรงใจแต่นี่มันก็เป็นโอกาสที่เธอจะได้อยู่กับเขาตามลำพัง
“ไม่รบกวนหรอกถ้าคุณนั่งอ่านเงียบๆ ไม่อ่านออกเสียง”
“ได้ค่ะ หนูจะนั่งอ่านเงียบๆ นะคะ” หญิงสาวนั่งอ่านหนังสือต่อขณะที่ปณัยกรก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองเขากำลังเตรียมเนื้อหาสำหรับสอนนักศึกษา
บรรยากาศในห้องทำงานเงียบมากปณัยกรตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองขณะที่สุพิชฌาย์ก็นั่งอ่านหนังสือแต่ผ่านไปไม่นานปณัยกรเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบผิดปกติแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่บอกจะอ่านหนังสือตอนนี้หลับคาหนังสือไปแล้ว
“เปียโนผมว่าคุณง่วงมากก็กลับไปนอนเถอะ” เขาเรียกเบาๆ เพราะกลัวเธอจะตกใจ
สุพิชฌาย์ขยับตัวก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วยิ้ม
“หนูแค่พักสายตาเองค่ะอาจารย์ หนูขออ่านต่ออีกนิดก็จะจบบทแล้ว อาจารย์จะนอนหรือยังคะ”
“ยังหรอกปกติผมนอนประมาณเที่ยงคืนน่ะ ถ้าจะอ่านหนังสือต่อก็อ่านเถอะ”
บรรยากาศในห้องทำงานกลับมาเงียบอีกครั้งจนกระทั่งเกือบจะเที่ยงคืนปณัยกรก็เก็บหนังสือตรงหน้าขณะที่หญิงสาวก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับห้องของตัวเอง
“ขอบคุณนะคะอาจารย์ที่อธิบายให้หนูจนเข้าใจ”
“แล้วนี่กลับไปจะอ่านต่อหรือนอนเลยล่ะ”
“หนูว่าจะอ่านต่ออีกนิดค่ะ”
“พรุ่งนี้เธอมีสอบไม่ใช่เหรอ อ่านดึกๆ ระวังจะไปหลับในห้องสอบเอานะ”
“ไม่หรอกค่ะอาจารย์หนูไปก่อนนะคะ”
หญิงสาวเดินออกจากห้องของปณัยกรแต่พอถึงห้องของตัวเองจากที่คิดว่าจะอ่านหนังสือต่อก็เปลี่ยนเป็นปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอน
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่วันนี้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นการนั่งเงียบๆ อยู่กันตามลำพังแต่มันก็สร้างความสุขให้กับเธอมาก
ตอนนี้สุพิชฌาย์คิดเอาไว้แล้วว่าช่วงไหนที่มีอ่านหนังสือเตรียมสอบเธอจะขอไปอ่านหนังสือที่ห้องของเขาอย่างน้อยก็ได้มองเห็นหน้าเขาก็เหมือนกับเป็นกำลังใจให้เธอได้อ่านหนังสือ
หลังจากเคลียร์งานทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อยปณัยกรก็เดินทางมาที่ประเทศอังกฤษเขาเข้าพักที่อพาร์ตเมนต์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพักของสุพิชฌาย์มากนักปณัยกรมาถึงที่นี่ตั้งแต่กลางดึกแต่ไม่อยากจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนของสุพิชฌาย์ วันนี้เข้าจึงรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้าแล้วไปดักรอหญิงสาวที่หน้ามหาวิทยาลัย เขารู้ว่าวันนี้สุพิชฌาย์ไม่มีเรียนแต่เธอมีนัดอ่านหนังสือกับเพื่อนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงคนที่เขาคิดถึงสุดหัวใจก็กำลังเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวไม่ทันสังเกตเพราะคนที่พิงกำแพงและก้มหน้าอยู่นั้นคือคนรักของตัวเอง“เปียโน” ปณัยกรเรียกชื่อคนรักเบาๆสุพิชฌาย์หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเรียกเบาๆ หญิงสาวรู้สึกคุ้นหูกับเสียงที่เรียกและมันฟังดูไม่ใช่เพื่อนชาวต่างชาติของเธอเธอหันมองแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนยืนอยู่นั้นคือคนที่เธอกำลังคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ สุพิชฌาย์โผกอดด้วยความดีใจและไม่สนใจสายตาของคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมา“พี่ไนท์ มาได้ยังไง” สุพิชฌาย์ร้องไห้ด้วยความดีใจเพราะก่อนหน้านี้ปณัยกรโทรมาบอกว่าพวกเขามาหาเธอตามนัดไม่ได้ทำให้เธอน้อยใจและงอนอยู่หลายวันแต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ก่อนเวลาที่นัดไว้“คิดถึงก็เลย
ช่วงปิดเทอมใหญ่ปณัยกรไม่มีสอนที่มหาวิทยาลัยรัฐบาล ชายหนุ่มจึงมีเวลาเรียนรู้งานกับคุณสุชาติอย่างเต็มที่ ส่วนช่วงเปิดเทอมนั้นเขาก็วางแผนเอาไว้แล้วว่าจะสอนนักศึกษาวันจันทร์ถึงวันพุธเต็มวันส่วนวันพฤหัสกับวันศุกร์เขาจะสอนแค่ครึ่งวันเพื่อจะปลีกตัวมาทำงานที่มหาวิทยาลัยของคุณสุชาติชายหนุ่มปรึกษาเรื่องนี้กับรุ่นพี่และเขาก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร ถ้าออกมาทำงานข้างนอกมันไม่ได้กระทบกับการสอน ปณัยกรไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้เนื่องจากยังมีอาจารย์อีกหลายท่านที่ทำงานอื่นแต่ต้องรับผิดชอบในวิชาของตนเองให้ครบถ้วนตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนที่เขาเรียนรู้งานกับคุณสุชาติได้มากแล้ว ชายหนุ่มวางแผนเอาไว้ว่าก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดภาคเรียนที่หนึ่งเขาจะบินไปหาสุพิชฌาย์ที่อังกฤษ ซึ่งเรื่องนี้เขายังไม่ได้แจ้งคุณสุชาติแต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะที่ผ่านมาเขาก็รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีมาตลอดอีกทั้งช่วงที่จะบินไปนั้นก็เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยของคุณสุชาติ ปิดภาคเรียนซัมเมอร์เพื่อให้นักศึกษาพักก่อนจะเริ่มเรียนในภาคเรียนต่อไปเมื่อคิดว่าจะได้เจอกับคนรักปณัยกรก็ยิ้มอย่างมีความสุขเขานั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเองจนกร
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สุพิชฌาย์จะต้องเดินทางไปเรียนต่อประเทศอังกฤษแล้ว แม้ในใจไม่อยากจะจากคนรักไปแต่เธอก็ยังรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาและเมื่อคิดว่ากลับมาแล้วจะได้ทำงานร่วมกับปณัยกรหญิงสาวก็เลยใช้ตรงนี้เป็นแรงผลักดันส่วนตัวปณัยกรก็รู้สึกใจหายเพราะตั้งแต่รู้จักกับสุพิชฌาย์มานานหลายเดือนเขากับเธอแทบไม่เคยอยู่ห่างกันเลย ครั้งนี้จึงเป็นการห่างกันเป็นครั้งแรกแต่เขาก็ต้องยอมให้หญิงสาวไปเรียนเพราะนั่นคืออนาคตของเธอก่อนวันเดินทางเขาและเธอต่างก็พากันไปรู้จักเพื่อนของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการเลี้ยงส่งซึ่งดูเหมือนว่าสุพิชฌาย์จะเข้ากับเพื่อนของเขาได้ดี ส่วนเขากับเพื่อนสุพิชฌาย์นั้นเคยเจอกันใยฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์มาบ้างแล้วแต่พอได้มารู้จักกันอีกครั้งก็รู้สึกแปลกไปบ้างแต่พอคุยไม่นานก็เริ่มปรับตัวได้วันนี้สุพิชฌาย์จะต้องเดินทางไปเรียนแล้ว ปณัยกรมาส่งเธอที่สนามบินและแยกตัวออกมาคุยกันตามลำพังส่วนบิดามารดาของเธอก็ยืนรออยู่ซึ่งทั้งสองคนจะตามไปส่งสุพิชฌาย์ที่อังกฤษด้วย “เปียโนต้องคิดถึงพี่ไนท์มากๆ แน่เลยค่ะ” สุพิชฌาย์เริ่มจะงอแงเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันจริงๆ“เราวิดีโอคอลหากันไ
“พ่อว่ายังไงบ้างคะพี่ไนท์” หญิงสาวถามเมื่อปณัยกรเปิดประตูเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับ“ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร”“พี่ไนท์คะตอบให้มันละเอียดหน่อยสิคะ”“พ่อของเปียโนไม่ว่าอะไรหรอกครับ”“หมายความว่าพ่อยอมให้เราคบกันใช่ไหม”“ครับ”“พ่อพูดอะไรกับพี่บ้างพี่หายไปนานเปียโนใจคอไม่ดีเลยนะคะ”ปณัยกรหันมายิ้มก่อนจะขับรถออกจากมหาวิทยาลัยระหว่างทางเขาก็เรื่องที่ตัวเองคุยกับบิดาของสุพิชฌาย์ให้เธอฟังทั้งหมด“โล่งอกไปทีค่ะ เปียโนมีความสุขที่สุดเลยค่ะ”“พี่ก็เหมือนกันครับ เย็นนี้พ่อของเปียโนให้พี่พาเปียโนไปที่บ้าน”“ไปทำไมคะ”“ท่านก็คงอยากเจอลูกสาว”“เปียโนว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ เลยค่ะ”“อย่าคิดมากไปเลยนะ ตอนนี้เราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่ายังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลานัดเปียโนอยากไปไหนล่ะ”“ไปกินข้าวแล้วก็ดูหนังสักเรื่องดีไหมคะ”“ครับ”ทั้งสองทานอาหารกลางวัน ดูหนังและเดินเล่นจนถึงเย็นจากนั้นปณัยกรก็ขับรถออกจากห้างสรรพสินค้าเพื่อนตรงไปยังบ้านของคุณสุชาติตามที่นัดไว้ระหว่างทางสีหน้าของสุพิชฌาย์ดูเป็นกังวล ปณัยกรเอื้อมมือมาจับไว้เพื่อหวังให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น“พี่ไนท์ว่าพ่อกับแม่จะคุยอะไรกับ
ปณัยกรมีสีหน้าเครียดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาถึงมหาวิทยาลัยเอกชนที่คุณสุชาติบิดาของคนรักเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มแจ้งกับเลขาที่หน้าห้องว่าเขานัดคุณสุชาติไว้แล้วเลขาของคุณสุชาติโทรเข้าไปแจ้งเจ้านายจากนั้นปณัยกรก็เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไป“สวัสดีครับคุณสุชาติ”“สวัสดีครับอาจารย์ปณัยกร เชิญนั่งก่อน”“ขอบคุณครับคุณสุชาติเรียกผมว่าอาจารย์ไนท์ก็ได้นะครับเรียกเต็มยศแบบนี้ผมรู้สึกเกร็งๆ ยังไงก็ไม่รู้”“ได้สิว่าแต่วันนี้อาจารย์ไนท์เข้ามาพบผมมีอะไรจะคุยเหรอ ใช่เรื่องที่จะเริ่มสอนนักศึกษาช่วงซัมเมอร์นี้หรือเปล่าติดปัญหาตรงไหนแจ้งผมได้ตลอดเลยนะ” คุณสุชาติถามอย่างใจดี“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ”“อ้าวแล้วมีเรื่องอะไรล่ะอย่าบอกนะครับว่าเปลี่ยนใจจะไม่มาสอนที่นี่แล้ว ผมเสียดายอาจารย์ที่สอนเก่งๆ อย่างคุณแย่เลย”“คือคุณสุชาติครับ....” ชายหนุ่มมีท่าทางอึดอัดเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงถึงเรื่องที่ตนเองตั้งใจมาหาคุณสุชาติในวันนี้“อาจารย์ไนท์มีอะไรก็พูดกับผมตรงๆ เลยนะครับไม่ต้องเกรงใจหรอก”“คือเรื่องที่ผมจะมาคุยกับคุณสุชาติวันนี้ก็คือเรื่องที่ผมกับเปียโนคบกันอยู่ครับ”“อะไรนะ....คบกันเหรอ” คุณสุชาติทำทีเป็นตกใจ
ระยะเวลาที่อยู่ปราณบุรีสามวันสี่คืนเป็นช่วงเวลาที่สุพิชฌาย์และปณัยกรมีความสุขมากๆ ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันอย่างเต็มที่แม้จะไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนไกลจากที่พักแต่สุพิชฌาย์ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเขาตามลำพังและเมื่อถึงวันที่จะต้องเดินทางกลับหญิงสาวก็แทบไม่อยากจะขึ้นรถเลย“เปียโนครับ พี่ว่าเรารีบไปกันเถอะนะยืนอยู่ตรงนี้นานๆ ผิวเสียไม่รู้ด้วยนะ”“ก็เปียโนยังไม่อยากกลับนี่คะ เราอยู่ต่อไม่ได้เหรอคะ”“พี่ก็อยากจะอยู่ต่อนะแต่วันนี้พ่อกับแม่ของเปียโนกลับมาแล้วพรุ่งนี้พี่โดยจะเข้าไปคุยกับท่านที่มหาวิทยาลัย พี่โทรแจ้งกับเลขาของท่านไว้แล้ว”“พี่ไนท์คะ เปียโนว่ายังไม่ต้องบอกพ่อกับแม่ได้ไหมคะ” สุพิชฌาย์เริ่มเป็นกังวลเพราะกลัวจะถูกบิดาห้าม“ทำไมล่ะครับเปียโน เราคุยเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะ ว่าพี่จะต้องบอกพ่อกับแม่ของเปียโน”“เปียโนกลัวค่ะว่าถ้าบอกแล้วพ่อจะให้เปียโนย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเปียโนคงทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าไม่ได้อยู่กับพี่แบบนี้”“อย่าเพิ่งกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยพี่เชื่อว่าพ่อกับแม่ของเปียโนเป็นผู้ใหญ่มากพอ แล้วที่ผ่านมาเปียโนก็ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวังทั้งเรื่องเรียนจบได้เรื่องที่กำลังจะไปเรียนต่







