“นายท่าน...ข้าน้อย...ทำอะไรไม่คิด...ให้อภัย…อ้ากกกกก !!!”
เสียงร้องครวญครางดังลั่นท่ามกลางสายตาหลายคู่ปลายดาบแทงลงที่ขาแกร่งของผู้น้อย มันลึกลงจนทะลุเนื้อหนัง ไม่เพียงแค่นั้นมันกลับโดนแทงซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่ปราณีจนเขาสลบไป
เลือดสีแดงสดสาดกระเด็นเปรอะไปตามตัวของท่านผู้นำทหารหลายนายที่อยู่ในบริเวณนั้นทำได้เพียงยืนมองและอาลัยให้กับเพื่อนทหาร
“นายท่าน...เอ่อ” วิลล์ที่เห็นว่าทหารนายนั้นได้หมดสติไปแล้วแต่ตนเองก็ยังคงกลัวเมื่อไปขัดผู้เป็นนาย
“เอาเสื้อมาให้ข้า” ร่างสูงรับเสื้อมาเช็ดคมดาบที่เปื้อนเลือดด้วย สีหน้าเรียบเฉยและนัยน์ตาที่กลับมาปกติดังเดิม
มือหนาปาเสื้อไปที่ร่างของผู้น้อยที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับเดินออกมาจากลานประลอง
บาบารัสไม่ชอบการถูกหักหลังการลอบกัดมันทำให้เขาหงุดหงิดและโมโห เขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อใดที่เขานั้นควบคุมตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างภายในตัวก็ปะทุเหมือนลาวาไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกายบ่งบอกถึงความเดือดดาลในใจเพราะอดีตที่ปวดร้าวมันทำให้เขานั้นต้องเป็นคนที่ดุร้ายและน่ากลัว
“ท่านครับ...” วิลล์เดินตามร่างสูงเข้ามาในคฤหาสน์เสื้อคลุมตัวเก่งที่ถืออยู่ในมือถูกส่งให้กับผู้เป็นเจ้านายที่พ่วงตำแหน่งสหายคนสนิท
“ไม่มีคนแล้ว พูดปกติเถอะ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นหลังจากเดินมาจนถึงห้องทำงานที่ชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ทำแบบนั้น ไม่เกินไปหรือไง” วิลล์ที่เห็นทุกอย่างมาตลอดว่าการที่เพื่อนของเขาทำแบบนี้มันเกินไปสำหรับทหารลงโทษแต่เขาก็เข้าใจดีว่าเพื่อนควบคุมตัวเองไม่ได้
“น่าจะชินได้แล้วไหม” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเช็ดเลือดที่เปรอะตามตัวอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปที่กระจกที่สะท้อนใบหน้าที่เรียบเฉย
“ชินก็เหมือนไม่ชิน” เบลนเดอร์สหายคนสนิทอีกคนเดินเข้ามาอย่างไม่ต้องขออนุญาตด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พวกเจ้าก็รู้ว่า…” บาบารัสกำลังจะเอ่ยเหตุผลที่พูดกี่ครั้งสหายทั้งสองก็พูดเสียงขัดขึ้นมาเสมอ
“รู้ แต่เจ้าควรฝึกสงบสติอารมณ์บ้าง ให้ไปฝึกแล้วฝึกบ้างหรือเปล่า” เบลนเดอร์เอ่ยขัดพร้อมกับยืนมองสหายของตนอย่างเอือมระอา ที่เขาทั้งดื้อรั้นและเอาแต่ใจ
“เอาเป็นว่า ไม่ทำ” ร่างสูงเดินมาสวมเสื้อก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนเพื่อนทั้งสองและมุ่งหน้าไปยังห้องรับรอง
เสียงเอะอะโวยวายของสาวใช้และเหล่าทหารที่กำลังวิ่งไล่ตามร่างเล็กเข้ามาในโสตประสาทของเขานั่นบอกได้เลยว่าเธอคนนั้นกำลังมุ่งหน้ามาในทางที่เขากำลังจะไป
เมื่อสิ่งที่สัมผัสได้นั้นกำลังมาถึงเขาทำได้เพียงยืนนิ่งให้เธอนั้นเข้ามาพุ่งชนอย่างแรงแต่เขากลับไม่ยี่หร่ะต่อแรงกระทบของเธอ
อ๊ะ !!…เจ็บ
สายตาดุดันมองมาที่ร่างเล็กพร้อมยืนกอดอกอย่างวางมาดสายตาของเธอนั้นดูกลัวกับสภาพแวดล้อมแห่งนี้สายตาที่สั่นระริกพร้อมกับขาสวยที่กำลังถอยหนีออกจากเขา
“จะไปไหน มานี่ !!” บาบารัสไม่รอช้าคว้าร่างของหญิงสาวอุ้มพาดบ่าและเดินตรงกลับไปที่ห้องรับรอบ
“คุณเป็นใคร !! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ !!”
เสียงร้องโวยวายของร่างเล็กดังไปทั่วทั้งชั้นของคฤหาสน์ เหล่าสาวใช้มองตามผู้เป็นนายที่กำลังแบกร่างของหญิงสาวแปลกหน้ากลับเข้าไปในห้อง
ผู้ปกครองเมืองอย่างเขาต้องจัดการหญิงสาวตรงหน้าเพราะเธอนั้นไม่เหมือนคนในพื้นที่ หรือเธออาจจะเป็นไส้ศึกที่ศัตรูส่งมาและในวันนี้หากเธอดีขึ้นแล้ว เขาจะทำการสอบสวนเธอเพื่อเอาคำตอบมาให้จงได้
“หุบปากแล้วนั่งเฉย ๆ” ร่างสูงโยนหญิงสาวลงบนเตียงกว้างอย่างไม่ปราณีจนเธอแทบจะกระเด็นลงไปกองอยู่บนพื้นอีกด้านของเตียง
ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ใบหญ้าเขียวขจีไหวเอนตามลมที่พัดผ่าน เสียงนกร้องเพลงอยู่ไกล ๆ และแสงแดดที่ส่องกระทบพื้นดินให้เกิดประกายอ่อน ๆ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสุขในวันหยุดที่สมบูรณ์แบบ บาบารัสและกรีนพาลูก ๆ ออกมาเที่ยวในธรรมชาติที่งดงาม และวันนี้ก็เป็นวันที่ทั้งครอบครัวได้มาพักผ่อนในทุ่งหญ้ากว้างที่มีต้นไม้ใหญ่และดอกไม้หลากสีบาบารัสยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่นกับลูก ๆ ของเขา ลูกสาวคนโต บริสตัน วัย 4 ขวบ กำลังวิ่งไล่จับลูกบอลที่เขากลิ้งไปมาในสนาม เธอมีท่าทางฉลาดแฉลบและคล่องแคล่ว ทำให้บาบารัสรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาวมาก ส่วนกราเซีย ลูกสาวแฝดของเธอที่มีอายุเท่ากันกำลังวิ่งตามพี่สาวไป และในขณะเดียวกันลูกชายคนเล็ก บรากัส ที่มีอายุแค่ 3 ขวบก็วิ่งไป ๆ มา ๆ ไม่หยุด เขามักจะล้มตัวลงไปบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยทำให้เขาหยุดยิ้ม“เร็ว ๆ หน่อย ! บรากัส !” บาบารัสตะโกนด้วยเสียงแหบ ๆ ขณะที่เขาวิ่งตามลูกชายที่ขำ ๆ กระโดดไปชนต้นไม้ จนเสียงดัง “โครม !” บรากัสล้มลงไปกองกับพื้น“โอ๊ะ ! บรากัส !” กรีนที่นั่งอยู่ห่าง ๆ ก็รีบลุกขึ้นมามอง แต่เมื่อเห็นลูกชายหัวเราะอย่างมีความสุขและไม่เป็
ในเมือง Sunthawarm ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความอบอุ่น แสงแดดที่ทอแสงอ่อน ๆ ปล่อยแสงทองสว่างไสวลงมาบนพื้นดินอันเขียวขจี ใบไม้ไหวเอนในลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านมา ทุกสิ่งดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นด้วยความสุขและความมหัศจรรย์ การแต่งงานระหว่างบาบารัส มีเสน่ห์และความกล้าหาญกับกรีนผู้มีความใจดีและแข็งแกร่ง ทั้งสองเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบ และวันนี้พวกเขาจะได้ประกาศความรักและผูกพันไปตลอดกาลในพิธีแต่งงานที่แสนพิเศษครั้งนี้เมือง Sunthawarm เป็นสถานที่ที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นเมืองที่มีพลังมหัศจรรย์อันล้ำค่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า แสงแดดที่สัมผัสกับท้องฟ้าจะเปล่งประกายราวกับมีการเวทมนตร์แฝงอยู่ในนั้น พิธีการทั้งหมดจัดขึ้นในลานกว้างกลางเมือง ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขากว้างขวาง ดอกไม้สีทองอร่ามกระจายทั่วทุกมุม ลมอ่อน ๆ พัดผ่านลอยกลิ่นหอมจากดอกไม้หลากหลายชนิด ขนาบข้างไปกับเสียงร้องของนกที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าและเสียงของแม่น้ำใสสะอาดที่ไหลผ่านตามธรรมชาติทุก ๆ คนที่มาร่วมงานในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียง สัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า แพะมังกรปีกสีน้ำเงิน หรือม
ในหลายวันถัดมา ภายในห้องนอนของบาบารัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่น ทั้งสองคนกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหลังจากเวลานานที่ห่างหายไป ความรู้สึกหลากหลายที่เคยปะปนกันในใจของบาบารัส ตอนนี้ได้ถูกละลายไปแล้วด้วยอ้อมกอดและสายตาของกรีนที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย ที่แม้กระทั่งบาบารัสยังไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความอบอุ่นแบบนี้จะเข้ามาทำให้เขารู้สึกอ่อนลงจนแทบจะไม่สามารถต้านทานได้เขาค่อย ๆ ทอดตัวลงบนเตียงที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามด้วยผ้าห่มหนานุ่ม มีแสงจันทร์ที่ทอดส่งลงมาอ่อน ๆ ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ห้องนอนดูสงบและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่บาบารัสหันไปมองกรีน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความรักจะกลับมาโหมกระหน่ำในหัวใจของเขา กรีนยังคงความงามที่ทำให้หัวใจของเขากระตุกทุกครั้งที่เห็น เธอมีดวงตาที่เปล่งประกายเหมือนดวงดาวในยามค่ำคืน ผมยาวสีดำที่สยายไปบนหมอนกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอปลุกความรู้สึกอบอุ่นในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งหลายครั้งที่บาบารัสนั่งอยู่ข้าง ๆ กรีน ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือหรือนั่งทำอะไรบางอย่าง บาบารัสมักจะมองเธอด้วยความเงียบงัน การมองเธอในทุก ๆ การเคลื่อนไหวท
บรรยากาศในห้องสมุดใหญ่ของปราสาทหลากหลายสีสันยังคงเงียบสงัดเหมือนเคย สองมือของบาบารัสจับแน่นกับตำรามหาวิทยาลัยเก่าแก่เล่มหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาไม่ยอมละสายตาจากหน้าเรียบ ๆ ของมัน แม้จะเป็นตำราที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ทับซ้อนจนยากจะเข้าใจ ความมุ่งมั่นและความหลงใหลในเป้าหมายของเขายังคงท่วมท้น มันไม่ใช่แค่การค้นหาความรู้ทางเวทมนตร์ แต่เป็นการค้นหาทางสู่คนที่เขารัก และเขาคิดว่าไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะทำเพื่อเธอให้ได้ตั้งแต่วันนั้นที่เขาได้รู้ว่าเธอได้จากไปที่โลกมนุษย์ เขาแทบจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ เขาหมกมุ่นกับการฝึกฝนเวทมนตร์ที่เขาเชื่อว่าจะพาเขากลับไปหากรีนได้ ไม่ว่าโลกนี้จะให้ราคาต่ำกับความพยายามของเขามากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่ามีบางอย่างในเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาได้กลับไปหาคนที่เขารักหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่ได้พักผ่อนเลย แม้กระทั่งในยามค่ำคืนที่ปราสาทเงียบสงัด เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ยกแก้วสุราเข้าปากเพื่อทำให้ความมึนเมาสามารถกลบเสียงในหัวที่กระซิบถึงชื่อของเธอได้บ้าง แต่ก็ทำไม่ได้ ความคิดถึงของกรีนยังคงกัดกร่อนในจิตใจของเขาอยู่เสมอ
“ก็ตามที่ข้าคุยกับเจ้าไว้ว่าเจ้าต้องกลับบ้านแบบที่ไม่ได้กลับจริง ๆ ข้าจะพาเจ้าไปอยู่ที่หนึ่งก่อน เหมือนเจ้าได้หายตัวไปจากพวกเราจริง ๆ” รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยเมื่อได้เวลาเล่นสนุกกับบางสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น“จะพาฉันไปไหน” กรีนมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกลัวเพราะถึงเธอจะดูน่ารักแต่ก็เจ้าแผนการณ์ไม่ใช่น้อย“เชื่อใจข้าเถอะแค่ไปอยู่ที่นั่นเดี๋ยวเดียวก็กลับ” มิสไวท์ลุกขึ้นพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเดินออกจากห้องหมากรุกและสั่งเหล่าทหารให้พากันเตรียมตัวออกเดินทางส่งนางเอกกลับโลกมนุษย์โดยที่ยังไม่บอกบาบารัสทุกอย่างเตรียมการณ์อย่างรวดเร็วและทุกอย่างถูกปกปิดไว้ไม่ให้ผู้ปกครองเมืองอย่างบาบารัสให้ได้รู้เพราะตอนนี้มิสไวท์ได้ให้ทหารคอยจับตาดูบาบารัสไว้ เมื่อถึงเวลาที่ได้กำหนดกันไว้ค่อยปล่อยข่าวไปถึงหูสหายของตน“เจ้าพร้อมแล้วใช่ไหม ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถม้าคันนั้นไปได้เลย” มิสไวท์เอ่ยพร้อมพาตัวหญิงสาวมายังรถม้าที่จะออกเดินทาง และมันไม่ได้ไปไกลจากที่นี่มากนักคิดเสียว่าให้หญิงสาวได้ออกมาพักผ่อนจิตใจ“อื้ม...ข้าฝากด้วยนะ” กรีนเดินขึ้นรถม้าที่ไม่เป็นที่สะดุดตาพร้อมเดินทางออกจากคฤหาสน์ไปทางด้านหลังโดยมีทห
กรีนตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างเปลือยเปล่าขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่ยังคงโอบรัดเธอไว้ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอไม่น่าให้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากใจอ่อนแผนที่ได้วางไว้คงได้พังลงแน่ ๆ ความเหนียวหนึบตามตัวทำให้เธอนั้นขยับตัวได้อย่างยากลำบาก ก่อนจะคว้าผ้ามาคลุมตัวไว้เพื่อไปชำระร่างกาย เสียงน้ำที่ตกกระทบทำให้อสรพิษหนุ่มตื่นขึ้น ใบหน้าคมหันมองคนข้างกายแต่กลับไม่พบกายหนาย่างกายไปตามเสียงของน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า เขามองเห็นกรีนที่กำลังอาบน้ำอยู่ หากแบบนี้อาจจะเรียกว่าถ้ำมองหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือคนรักของเธอคงไม่เป็นอะไร“เจ้า…” บาบารัสเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล“นาย !!” กรีนร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบคว้าผ้ามาห่อตัวเอาไว้“เจ้าจะอายอะไรข้าอีก เห็นกันมานักต่อนักแล้ว” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นแขนแกร่งไปสัมผัสที่หญิงสาวเสียงของชายหนุ่มดูหยอกล้อเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าทางกลัวเขาเห็นของรัก ในเมื่อเห็นมากันทุกซอกทุกมุมแล้วจะไปกลัวอะไร แปลกคนยิ่งนัก “ออกไป...” กรีนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบเช่นกัน พร้อมกับเห็นสีหน้าที่ทำเขานิ่งอึ้งไป“ไม่...ข้าไม่ไป” อสรพิษหนุ