"ธร มื้อนี่ยามแลงมึงต้องไปซ่อนให่ดีห้ามออกมาหากูเด็ดขาด บ่ว่าสิเกิดหยังขึ้น มึงห้ามออกมา มึงเข้าใจที่กูเว้าบ่" (ธร วันนี้ตอนกลางคืนมึงต้องไปหลบซ่อนให้ดีห้ามออกมาหากูเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมึงห้ามออกมา เข้าใจที่กูพูดไหม)
"เป็นหยังตา" (ทำไมตา) "มึงฟังที่กูเว้ากะพอ ห้ามถาม" (มึงฟังที่กูพูดก็พอ ห้ามถามเซ้าซี้) "มึงออกไปได่แล้ว มื้ออื่นมึงจังมา" (มึงออกไปได้แล้ว พรุ่งนี้ค่อยกลับมา) "ตาสิให่ธรไปอยู่ไส" (ตาจะให้ธรไปอยู่ไหน) "มึงย่างออกไปจากป่านี่มึงกะสิฮู้เอง" (มึงเดินออกไปจากป่านี้มึงจะรู้เอง) "เป็นหยังตาคึบ่ไปนำธร" (ทำไมตาไม่ไปกับธร) "กูบอกให่มึงไป!!!!!!!!" (กูบอกให้มึงไป!!!!!!) เด็กชายตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงตะโกนดังขึ้นจากชายชราที่ขึ้นชื่อว่าตาของตนเอง เสียงนั้นแหบพร่าราวกับหลุดมาจากลมหายใจสุดท้ายของใครบางคน ใบหน้าของคนแก่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว แต่ในแววตากลับแฝงไปด้วยความหวาดหวั่น เด็กชายยืนนิ่ง ตัวสั่น มือเล็กกำเสื้อแน่น น้ำตาคลอเบ้า "ฮือออ..ฮือออ..ตา...ฮือออออ" "อีผีพราย!! มึงพามันออกไป!!! ห้ามให่มันมาหากู" ลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน ผิวเด็กชายขนลุกวาบ เขาหันหลังวิ่ง ในหูยังได้ยินเสียงคำไล่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงที่เหมือนสาปส่ง แต่ก็เหมือนกำลังปกป้องไปในตัว เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินชื้นดังกึกกัก ฝ่ามือเล็กปัดกิ่งไม้ที่ฟาดเข้าหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เด็กชายวิ่งฝ่าป่าทึบด้วยหัวใจเต้นระรัว ลมหายใจหอบเหนื่อย แต่ขาก็ยังไม่ยอมหยุด เมื่อพ้นพุ่มไม้หนาทึบมาได้ เขาหยุดลงชั่วครู่ หอบหายใจแรง ก่อนจะเหลียวหลังกลับไปมองทางเดิม เงามืดในป่าดูแน่นทึบยิ่งกว่าตอนที่เขาวิ่งผ่านมา ใบไม้ไหวกระเพื่อมทั้งที่ไม่มีลม บรรยากาศเงียบงันผิดปกติจนหูอื้อ เขาเห็นเพียงเงาตะคุ่มของร่างคนแก่ยืนอยู่ตรงขอบป่า ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องมาทางเขาไม่วาง ราวกับเฝ้าดู "ตาขอโทษที่เลี้ยงมึงได่ทอนี่" (ตาขอโทษที่เลี้ยงมึงได้แค่นี้) เสียงคนแก่พูดขึ้นมาตามหลัง หลังจากเด็กชายวิ่งพ้นไปไม่หลงเหลือแม้แต่เงา ทางด้านของเทียนในตอนนี้สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาคือชายชราร่างสูงในเสื้อผ้าสีหม่น เขารู้จักเป็นอย่างดี "ตาเรือง เป็นหยังตาคึได้มาถ่าธรอยู่นี่ครับ"(ตาเรือง ทำไมตาถึงได้มารอธรอยู่ตรงนี้ครับ) "...." แววตาที่มองต่ำเหมือนครุ่นคิดบางสิ่งอยู่ในใจ ใบหน้าไร้อารมณ์ แต่หากจ้องนานๆ จะเห็นได้ว่ามีรอยลึกของความวิตกซ่อนอยู่ในรอยเหี่ยวย่นข้างตา มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมา "มากับตาก่อน" (มากับตาก่อน) เสียงฝีเท้าเบาๆ สองคู่เดินไปตามทางแคบที่เต็มไปด้วยใบไม้แห้ง ต้นไม้สองข้างทางบังแสงอาทิตย์จนดูมืดสลัวราวกับตอนเย็น ทั้งที่ยังเป็นยามบ่าย ชายชราเดินนำหน้าโดยไม่เอ่ยคำใด เด็กน้อยเดินตามหลังอย่างเงียบงัน เมื่อเดินพ้นแนวพุ่มไม้แน่นทึบ ทั้งสองก็หยุดยืนอยู่หน้าบ้านไม้หลังเก่าที่มี 2 ชั้น เขาจำบ้านหลังนี้ได้ดีเพราะเขามาเเทบทุกวันกับเพื่อนของเขาที่ชื่อว่าเทียน ป่านนี้ไม่รู้ว่าตาจะเป็นยังไงบ้าง ส่วนเขาเองก็รู้สึกผิดต่อเทียน เขาได้สัญญาไว้ว่าจะมาส่ง เเต่เขาก็ได้ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ "ตาเรือง มันเกิดหยังขึ้นครับ" (ตาเรือง มันเกิดอะไรขึ้นครับ) ยายจันทร์หันไปมองหน้าตาเรืองด้วยสีหน้าที่ดูกังวลจนเห็นได้ชัด "สิบ่มีไผบอกธรเลยเบาะครับ" (จะไม่มีใครบอกธรให้รู้เลยหรอครับ) ความเงียบที่ถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกค้างคา ความหวั่นไหว ความกลัวที่ยังไม่พูดออกมา "ธรสิกลับไปหาตา" (ธรจะกลับไปหาตา) เด็กน้อยพูดจบ ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ หันหลังกลับอย่างช้าๆ "ธรอย่าฟ้าวไป!!! ตาไพรฝากธรไว่กับยาย ให้ยายเบิงธรก่อน เดี๋ยวธรมากินน้ำกินท่าก่อนแล่วจังไป" (ธรอย่าฟ้าวไป!!! ตาไพรฝากธรไว้กับยาย ให้ยายดูแลธรก่อน เดี๋ยวธรมาดื่มน้ำดื่มท่าก่อนแล้วค่อยไป) ยายค่อยๆ พาร่างแก่ของตนก้าวไปยังมุมบันได หยิบน้ำในขันเงินเก่าแก่ที่วางอยู่บนตุ่มแดงใส่น้ำโบราณ เสียงน้ำไหวเบาๆ เมื่อตักขึ้น ยายเดินกลับมาหาเด็กน้อยอย่างระมัดระวัง แล้วยื่นน้ำให้พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย แม้ในใจจะรู้สึกแปลกๆ กับความเงียบของเจ้าตัวเล็กก็ตาม พ่อสิดื่มอิหลีเบาะจ้า ในน้ำนี่มันมีอิหยังแปลกๆอยู่เดะ (พ่อจะดื่มน้ำนี้จริงๆหรอจ๊ะ ในน้ำนี้มันมีอะไรแปลกๆอยู่นะ) ผีพรายกระซิบบอกเด็กน้อยที่กำลังมีท่าทางนิ่งเงียบ "ธรกินแมะแล้วจังไป หรือธรบ่ไว่ใจยาย" (ธรดื่มสิค่อยไป หรือธรไม่ไว้ใจยายแล้ว) ผู้เป็นยายพูดย้ำเตือนอีกครั้ง เด็กน้อยรับขันน้ำมาด้วยสองมือเล็กๆ ดวงตาจ้องมองน้ำใสในขันครู่หนึ่ง ก่อนจะยกขึ้นจิบช้าๆ ราวกับกระหายมานาน พอดื่มหมดก็ส่งขันคืนให้ยายโดยไม่พูดอะไร แล้วเอนตัวลงบนเสื่อเก่าอย่างแผ่วเบา เปลือกตาค่อยๆปิดลง ท่ามกลางความเงียบที่คล้ายจะหนาวเย็นขึ้นอย่างไร้สาเหตุ ร่างเล็กหลับสนิทราวกับจมลึกเข้าสู่ห้วงฝัน เวลา 00:00น. พาร์ทของตาไพร ค่ำคืนนี้เงียบงันจนน่าขนลุก ท้องฟ้าปกคลุมด้วยม่านหมอกหนาหนักไร้แสงดาว ไม่มีแม้เงาเสี้ยวจันทร์ให้พอส่องทาง ดวงจันทร์ราวกับหายไปจากฟ้า ทิ้งไว้เพียงความมืดมิด ต้นไม้ริมทางยืนนิ่งเงียบ ใบไม่ไหว แม้ลมจะไม่พัด แมลงกลางคืนต่างพากันหลบซ่อน ราวกับรู้ดีว่าสิ่งที่แฝงตัวอยู่ในความมืดนั้นไม่ใช่แค่ความเงียบ "ไพรหมู่ฮักหมู่แพง ผ่านไปหลายปีมึงยังจำกูได่บ่?" (ไพรเพื่อนรักเพื่อนตาย ผ่านไปหลายปีมึงยังจำกูได้ไหม?) น้ำเสียงแผ่วเบาแต่กดทับ ราวกับมีแรงอาคมปนอยู่ในถ้อยคำนั้น บาดเข้าโสตประสาท ไม่ต่างจากเหล็กปลายแหลมขูดกับกระดูก "..." "หมู่กูทั้งสองคนฆ่ากูได่ลงคอ มึงอยู่นี่แล้วบักเรืองมันอยู่ไส?" (เพื่อนกูทั้งสองคนฆ่ากูได้ลงคอ มึงอยู่นี่แล้วไอ้เรืองมันอยู่ไหน?) "มึงบ่ต้องถามหามัน ตอนนี้มึงมีธุระกับกู" "มึงฮู้บ่ หลังจากที่พวกมึงสองคนได่สะกดอาคมกูไว่ กูกะทรมานคือตายทั้งเป็น คราวนี้เถิงตาพวกสู กูสิให่พวกมึงทุกคนได่ซดใซ่ในสิ่งที่พวกมึงได่เฮ็ดไว่" (มึงรู้ไหม? หลังจากที่พวกมึงสองคนได้สะกดอาคมกูไว้ กูทรมานเหมือนตายทั้งเป็น คราวนี้ถึงเวลาพวกมึง กูจะให้พวกมึงทุกคนได้ชดใช้ในสิ่งที่พวกมึงได้ทำไว้) น้ำเสียงแหบแห้งและแข็งกร้าว ด้วยความโกรธที่ไม่อาจลืมเลือน "คนที่เริ่มกะคึโตมึง มึงเฮ็ดให่เบิดซูคนต้องตายกะเพราะมึง" (คนที่เริ่มก็คือตัวมึง มึงทำให้ทุกคนต้องตายก็เพราะมึง) "ฮ่าาาาาาาาาาาฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาฮ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาฮ่าาาาาาา" เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม มันแผ่กระจายเหมือนมีอำนาจที่ไม่อาจควบคุมได้ "มื้อนี่ล่ะมื้อตายของมึงบักไพร" (วันนี้เป็นวันตายของมึงไอ้ไพร) **แนะนำให้ข้ามบทสวด** "นะโมพุทธายะ นะโมอิระณี โอม นุระ อัมรัง ชะนา อิตัง นานา วิภา จะ อาภา จะ จิตตัง ทะยะทะยัม มะหาผีติง ปราศจากอุปสรรคใดๆ ขอวิญญาณที่ข้าเรียกมาในวันนี้ จงมาปรากฏและตอบสนองตามคำสั่งข้าผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าควบคุมเจ้า ด้วยพลังจากโลกมืด จงมาและทำตามคำสั่งของข้าผู้เป็นเจ้า" ในขณะที่คำแสนกำลังท่องบทสวดอยู่นั้น เงาสีดำจำนวนมากปรากฏขึ้นยืนอ้อมทั้งป่าแห่งนี้ มันค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น มันไม่ใช่ผีธรรมดา ตัวผีมีรูปร่างเป็นชายสูงใหญ่ รูปร่างเต็มไปด้วยเงาดำขรุขระ พื้นผิวเหมือนหนังที่ถูกแห้งกรัง ไม่มีเนื้อสี มันเหมือนห่อหุ้มตัวด้วยความมืด ทำให้ร่างของมันยากที่จะมองเห็นได้ชัดเจน ทางด้านของตาไพรได้เริ่มท่องบทสวด ***แนะนำให้ข้ามบทสวด*** "นะโมพุทธายะ โอม นุระ อัมรัง ชะนา อิตัง ภูติ มาร ผีเสื้อมฤตยู ทุกข์ภัยทั้งหลาย อำนาจแห่งความมืดบังเกิดขึ้น ข้าผู้เป็นเจ้าอัญเชิญท่านมา จงมาเถิด จงตอบสนองข้าพเจ้า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ตรัสรู้จักธรรม ก้าวไปสู่ความมืด วิญญาณทั้งหลาย ผีทุกชนิดที่ข้าผู้นี้เรียก จงมาหมายท่าน ณ ที่นี้และตอนนี้ ข้าพเจ้ามีอำนาจเหนือวิญญาณที่ท่านได้ยิน จงมาปรากฏตามคำสั่งของข้าผู้เป็นเจ้า" เงาดำจำนวนมากปรากฏขึ้นยืนล้อมรอบป่าแห่งนี้เช่นเดียวกัน ตาไพรหยิบมีดจากบริเวณข้างตัวออกมา บนตัวมีดนั้นสลัก ยันต์อักขระ ลายมือโบราณ บางตัวเป็นภาษาขอม บางตัวเป็นเส้นสายพันเกี่ยวกันแน่นจนดูเหมือนรอยแผลจากวิญญาณ บริเวณด้ามห่อด้วยผ้าดำแช่น้ำมันเสกจนแข็งกรอบ มีกลิ่นสมุนไพรฉุนปนกลิ่นโลหิตแห้งจางๆ ตาไพรจับด้ามมีดแน่น ลมหายใจช้าลง ใบหน้าเคร่งเครียด ดวงตาขุ่นมัวแปรเปลี่ยนเป็นแววแน่นิ่ง เขายกมีดขึ้นแนบหน้าผาก “โอม นะมะพะทะ กูขอเรียกฤทธิ์มีดครู จงลุกจากเหล็ก จงฟื้นจากยันต์ จงเป็นอาวุธของข้า ต่อสู้อำนาจใดก็ตาม ที่กล้าเหยียบแดนวิชา” เมื่อเสียงสุดท้ายจบลง เงาของมีดสะท้อน ลมพัดผ่านอย่างแผ่วเบา เปลวเทียนบนหิ้งภายในกระท่อมสั่นไหว ทางด้านของคำแสนได้หยิบมีดของตัวเองออกมาเช่นเดียวกัน "พ่อคำแสน มีอิหยังให่ข้ารับใซ่" (พ่อคำแสน มีอะไรให้ข้ารับใช้) “ผีทุกตนที่ข้าอัญเชิญออกมา ตั้งแต่วิญญาณเร่ร่อน วิญญาณแค้นยันภูตเฝ้าป่าเฝ้าเขา บัดนี้ พวกเจ้าทั้งหมด อยู่ใต้คำสั่งของข้า คำแสน จงเปิดตา จงเปิดหู ฟังคำข้าให้ชัด ผู้ใดขวางทางข้า จงฆ่าพวกมัน จงทำให้มันรู้ว่าไม่มีใคร รอดจากคำสั่งข้าได้” ท่ามกลางความมืดที่ไม่มีแม้แสงจันทร์ เงาผีที่ถูกอัญเชิญมาทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันไม่ได้ส่งเสียง แต่พลังความอาฆาตและแรงริษยาแผ่ซ่านไปทั่วอากาศ เสียงแรกดังขึ้น เป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูง ก่อนที่ร่างเงาดำตนหนึ่งจะพุ่งเข้าหาอีกตนในมุมมืด พวกมันพุ่งชนกันกลางอากาศ เงาที่เคยไร้รูปร่างบัดนี้กลายเป็นร่างพราย ผีเปรต ผีกะ ผีตายโหง บางตนแขนยาวลากพื้น บางตนกรามค้างเต็มไปด้วยเขี้ยวและลิ้นที่ห้อยระโยงรยางค์ ภายในความโกลาหลนั้น คำแสนหายเข้าไปในเงามืด เงาจากเปลวเทียนไหวระริกไม่หยุด ตาไพร ยืนตรงกลางลานพิธี สบตากับคำแสนที่ค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาอย่างช้าๆ ตาไพรไม่รอช้า วิ่งพุ่งเข้าไปหมายฟันใส่กลางอก ลมสีดำพุ่งปะทะใบมีดเสียงดังสนั่น สองร่างประจันหน้ากันกลางอาคมต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร จู่ๆทันใดนั้น เลือดสีคล้ำทะลักออกจากปาก ไหลหยดลงบนดินดำช้าๆ กลิ่นคาวฉุนราวสนิมเหล็กผสมกลิ่นธูปไหม้ ตาไพรฝืนยกมีดขึ้นแต่แขนสั่นระริก เสียงครางต่ำๆ ดังลอดลำคอเหมือนคนที่กำลังถูกบีบวิญญาณ "ฮอดมื้อของมึงแล้วบักไพร" (ถึงวันของมึงแล้วไอ้ไพร) คำแสนหายไปในเงามืดอีกครั้ง มีดหมอเล่มเล็กในมือคำแสนพุ่งแทงเข้าไปที่ด้านหลังของตาไพร เลือดสีคล้ำพุ่งออกจากปากแผล ร่างตาไพรกระตุกเฮือก มือที่จับมีดหมอของตนเองอ่อนแรงหล่นลงกับพื้น เสียงมีดกระทบดินดังกริ๊กเบาๆ เงาดำที่เคยมีก่อนหน้าได้หายไปในชั่วพริบตา เปลวเทียนดับลงพร้อมกันทั้งหมดเหลือเพียงความมืด "ของที่มึงมี กูขอ" โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ
"เมื่อคืนเรื่องมันเป็นงี้..."เกือบสิบคนภายในห้อง ต่างพากันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขานั่งนิ่ง สบตากับทุกคนทีละคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกกลางความเงียบทุกคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียง เป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรีบล้วงกระเป๋ากางเกงรายชื่อที่ไม่รู้จักแสงหน้าจอสว่างวาบ เขากดปัดสายทิ้งทันที"โทษๆๆ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรมา"สายตาหลายคู่ที่หันกลับไปจับจ้องที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง"ระหว่างที่กูกำลั..."เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ทุกคนสะดุ้งเฮือก เบนสายตาไปที่ประตูพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเล แววตาหลายคู่ฉายแววระแวงเล็กน้อย"มึงไปเปิดดิ ไอ้ปอ""มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เบียร์""เป็นพี่มึง""Xวย"หลังจากสิ้นเสียง ปอตัดสินใจลุกขึ้น เดินช้าๆไปยังประตูโดยมีสายตาทุกคู่ติดตามเขาไปอย่างเงียบงัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้า มือจับลูกบิดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตสีเขียว ถือถุงอาหารพลาสติกไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มเก้อ
เทียนค่อยๆลืมตาขึ้นกลางดึก ความเงียบงันอบอวลทั่วห้อง เขาค่อยๆหันไปยังปลายเตียงภายในห้องนอน มุมกลางห้อง ปรากฏเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ร่างเล็กในเสื้อยืดสีดำ ยืนนิ่งจ้องมาทางเขา ด้วยแววตาว่างเปล่าแต่กลับทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆเทียนขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเทียนจ้องเด็กคนนั้นกลับโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ 'ธร'ชื่อผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนสมัยเด็กของเขา คนที่เคยสัญญาจะมาส่งเขาในวันนั้น แต่ก็หายไปตลอดกาล แม้แต่ในงานศพตาของเทียนก็ไม่เห็นแม้เงาเด็กคนนั้นยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ชี้ไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยไม่เปล่งเสียงใดๆไม่พูดสักคำเขามองตามปลายนิ้วนั้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนหายไป"ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายเดะ...จุกสิอยู่นำไผ..ฮือออ..อออ" (ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายนะ..จุกจะอยู่กับใคร..ฮือออ..อออ) เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้องเทียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีจุกนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มกลมๆอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กๆเอื้อมไปแตะปลายแขนของเทียนแ