คำแสนทรุดกายนั่งลงข้างร่างชายชราที่หมดลมหายใจของตาไพร ดวงตาเขาหลับลงช้า ริมฝีปากขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำโบราณ เสียงทุ้มต่ำของเขาสะท้อนก้องในอากาศ
**บทสวดนี้เป็นเพียงบทสวดแต่งขึ้นมา** "เอหิ อาคมัง มะมะ นะโมพุทธายะ กายะวาจาจิตตัง วิชชานังปะติฏฐิตัง อักขะโต ปิยัง มะมะ สัมมา สัมมา นะปะนะ สัตถา อาคมัง โอม จิตตัง ธาตุ ธัมมัง วิชชา จงมา ข้าเรียกพลัง เรียกจิต เรียกไสยเวทย์ จงหลั่งไหลสู่กายา มะมะ มะมะ โอม" พลังอาคมเก่าแก่ที่เคยสิงสู่ในร่างของตาไพร เริ่มกระเพื่อม คล้ายถูกแรงลึกลับดูดกลืน เส้นสายยันต์บนผิวหนังของตาไพรเริ่มซีดจางทีละน้อย ขณะที่รอยสักบนแผ่นหลังของคำแสนเริ่มเข้มขึ้น ราวกับรับเอาอาคมชายชรานั้นไว้แทน "บักไพร!!!!!! อาคมมึงคือเหลือทอนี่!!!!" (ไอ้ไพร!!!!!! อาคมมึงทำไมเหลือแค่นี้!!!!) คำแสนลืมตาขึ้นช้าๆ ดวงตาดำสนิทแดงวาบ เสียงสวดไม่หยุด แต่ถ้อยคำเริ่มแฝงแรงอารมณ์ เขากัดฟันกรอด มือทั้งสองแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน เขาตะโกนลั่นไปด้วยความโกรธ "มึงถ่ายทอดวิซาอาคมมึงไปให่ไผ!!!!!!!! บักไพร!!!!!" (มึงถ่ายทอดวิชาอาคมของมึงไปให้ใคร!!!! ไอ้ไพร!!!!) ดวงตาแดงวาบเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เสียงสุดท้ายแทบไม่ใช่เสียงมนุษย์อีกต่อไป มันปนคำสวด ปนเสียงร้องโหยหวน บรรยากาศรอบตัวแปรเปลี่ยน เสียงนกกาเงียบหาย เงาไม้ไหววูบวาบไม่เป็นจังหวะ คำแสนค่อยๆหายไปในความมืด ทุกอย่างกลับเงียบลง จู่ๆทันใดนั้นเทียนในกระท่อมได้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ค่อยๆเริ่มไหม้ของภายในกระท่อมอย่างรวดเร็ว มีเสียงเด็กผู้ชายร้องเรียกชื่อใครสักคนที่นอนหลับไปหน้ากระท่อม "ฮึก.กกกก..ฮือออ..ออ..ตา..ตาตื่นแหมะ..ตาลุกมาคุยนำธรก่อน...ฮือออออ..ฮึก..ฮืออออ..ไผไผเฮ็ดตา..ฮือ..อ..บักคำ..แสน...กูสิฆ่ามึง..ฮือออออ...ตา..ตาคึถิ่มธรไป..อึกก..ฮืออออ" เสียงสะอื้นแผ่วในตอนแรก แต่ไม่นานก็กลายเป็นเสียงร้องที่แทบฉีกอากาศ เด็กชายร้องไห้เสียงหลง กอดร่างของตาไพรแน่นแนบอก เสียงสะอื้นขาดห้วง ปนเสียงหวีดที่ไม่อาจกลั้นได้ มือเล็กๆ สั่นระริก กุมมือเหี่ยวย่นของตาไว้แน่น ร่างน้อยๆ กระชับกอด ก่อนหน้านี้ พาร์ทของขุน ภายในความฝันของเด็กผู้ชายที่มีชื่อว่าธร ธรยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่สีขาวไม่มีสิ่งใดเป็นจุดสังเกต เขาเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง เขามองเห็นชายชราที่มีชื่อว่าตาไพร ยืนนิ่งอยู่ห่างไกลหลายร้อยก้าว ตาไพรค่อยๆหันหลังแล้วเดินตรงไปโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังเดินไปไหน ธรพยายามรีบวิ่งตามตาไพรแต่วิ่งเท่าไหร่ก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ธรสะดุ้งตื่นขึ้นภายในบ้านไม้หลังหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยความมืด ในหัวกำลังคิดวิตกกังวลเกี่ยวกับตาของตน แต่ในตอนนี้ ธรไม่สนคำพูดที่ตาได้บอกไว้อีกแล้ว ใจเขาเรียกร้องจะไปหาตา คำถามมากมายค้างคาอยู่ในอก เขาค่อยๆพยายามย่องลงจากบันไดบ้านด้วยความเงียบ "พ่อ พ่อไพร...ไปแล้ว" เสียงพรายกระซิบ "มึงเว้าอิหยังของมึง" (มึงพูดอะไรของมึง) "พ่อไปเบิงเองเถาะจ้า" (พ่อไปดูเองเถอะจ่ะ) เท้าเล็กๆ ของธรกระทบพื้นดินแห้งเสียงดังตึงๆ ลมหายใจหอบถี่ ขณะที่เขาวิ่งฝ่าดงหญ้าคากับกลิ่นดินสาปชื้น เด็กน้อยวิ่งด้วยความเร็วเท่าที่ร่างกายจะพาไปได้ ดวงตาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยแรงผลักดันจากบางสิ่งในใจ ความคิดถึง ความกระวนกระวาย และความกลัวอย่างไร้เหตุผล เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดินผสมกับเสียงลมหายใจและเสียงใบไม้ไหวเป็นจังหวะเร่งเร้า ความมืดเริ่ม คลืบคลานจากขอบฟ้า แต่เขาไม่หยุด ธรชะลอฝีเท้าลงเมื่อเห็นกระท่อมไม้ลางๆ ท่ามกลางม่านหมอกที่เริ่มจาง ทว่าในขณะเดียวกัน กลิ่นควันก็โชยมาแตะจมูก กลิ่นไหม้ฉุนๆ ดวงตาเด็กน้อยเบิกกว้าง เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า หน้ากระท่อมที่คุ้นตา มีเปลวไฟลุกไหม้ ร่างของชายชราอยู่ในท่าตะแคง แขนขาเหยียดตรง ดวงหน้าเหี่ยวย่นดวงตาที่เคยอ่อนโยนกลับหลับพริ้ม ไร้ชีวิต “ตา!” ธรร้องลั่น เสียงแตกพร่า น้ำตาไหลพราก เขาทรุดตัวลงข้างๆร่างนั้น มือเล็กๆ เอื้อมไปแตะแขนตาไพร เย็นเฉียบ ไร้การตอบสนอง "ตาตื่น!!!! ธรมาแล้วตา!!!" เสียงร้องตะโกนพลางเขย่าร่างไร้วิญญาณของชายชรา" "ตา...ธรขอโทษฮือออ..ออออฮืออ ไสตาบอกธรว่าตาสิอยู่นำธรจนธรใหย่ฮืออออ.ออออ ตาถิ่มธรไปเฮ็ดหยัง" (ตา...ธรขอโทษฮือออ..ออออฮืออ ไหนตาบอกธรว่าตาจะอยู่นำธรจนธรโตฮืออออ.ออออ ตาทิ้งธรไปทำไม) เสียงร่ำไห้ของเด็กชายเต็มไปด้วยความเสียใจ ยายจันทร์หอบหายใจ ใบหน้าซีดเผือด มือหนึ่งถือถังน้ำ อีกมือประคองขันเก่าๆ วิ่งตรงไปยังแอ่งน้ำใกล้ๆกระท่อมโดยไม่รอช้า ส่วนตาเรืองตักน้ำจากตุ่มแล้วสาดเข้าใส่กระท่อม เสียงน้ำกระทบเปลวไฟดังฉ่า ควันขาวลอยฟุ้ง แต่ไฟยังคงลุกอยู่ "กูสิฆ่ามึง..บักคำแสน" มือทั้งสองกำแน่นจนเล็บจิกลงในฝ่ามือ ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาเปลี่ยนเป็นความบึ้งตึงและโกรธแค้น จนในที่สุดเปลวไฟที่เคยลุกโชนอยู่รอบกระท่อม ค่อยๆ อ่อนแสงลงทีละน้อย เสียงไม้แตกเปรี๊ยะเริ่มเงียบหายไป เหลือเพียงควันขาวลอยอ้อยอิ่งในอากาศ เสียงฝีเท้าของตาเรืองกับยายจันทร์ดังแผ่วเบา ขณะที่ทั้งคู่เดินตรงมายังร่างที่นอนแน่นิ่งหน้ากระท่อม ซากเปลวไฟยังอุ่นร้อนคุกรุ่นใต้เถ้าถ่าน แต่ไม่มีใครสนใจสิ่งนั้นอีกแล้วใบหน้าของตาเรืองเต็มไปด้วยความตึงเครียด ริมฝีปากเม้มแน่น ดวงตาแข็งกร้าวแฝงความเจ็บลึกๆ ยายจันทร์เดินมาช้าๆ สีหน้าเศร้าสร้อย "บักคำแสนมันกลับมาเทือนี่ วิซาอาคมมันแกร่งกล้าแฮง เป็นไปได้ยากที่สิเฮ็ดมันได่อีกเทือ"(ไอ้คำแสนมันกลับมาครั้งนี้ วิชาอาคมมันแกร่งกล้ามาก เป็นไปได้ยากที่จะทำลายมันได้อีกครั้ง) เสียงของตาไพร่เอ่ยขึ้นพลางมองไปยังร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นเพื่อนตนเอง "บักคำแสนมันคือไผครับ ผมสิไปฆ่ามัน!!" (ไอ้คำแสนมันคือใครครับ ผมจะไปฆ่ามัน!!) "....ในสมัยพวกกูเป็นหมู่กันทั้ง 3 คน ก่อนหน้านี่ บักไพรกับบักแสนมันกะเป็นหมอธรรมคึตานี่ล่ะ แต่มื้อนึงบักแสนหลงในวิซาอาคม มันอยากสิเก่งกว่าผุได๋ กะเลยหันหลังไปเข้าสายดำใซ่ไสยศาสตร์ เฮ็ดของเข่าโตคน เทือแรกตากับบักไพรกะได้บอกได่เตือนสติมัน แต่มันกะบ่ฟังจนได่ตัดหมู่ บักคำแสนมันเริ่มไประรานผู้อื่น เฮ็ดให้ซาวบ้านที่บ่ฮู้เรื่องหยังตาย แล้วไปเอาวิญญาณมาเป็นทาสบริวาร จนที่สุดมันมีมื้อนึง บักแสนมันใซ่วิซาสายดำเฮ็ดให่อาจารย์แป้น อาจารย์แป้นคือผุที่ถ่ายทอดวิชาสายขาวให้พวกตาทั้งสามคน มันเฮ็ด'พิธีกลืนกิน'วิซาหรือสิเอิ้นว่า'กลืนครู'จนสำเร็จ ในตอนนั้นบ่มีไผสิหยุดมันได่ หมอผีหลายสำนักพยายามสิฆ่ามัน แต่กะบ่มีไผเฮ็ดได่สำเร็จจักคน... บักไพรมันเลยตัดสินใจเพิงไสยศาสตร์เพื่อสะกดอาคมของมัน ตากับบักไพรได่ซอยกันจนมันสำเร็จ บักแสนมันใซ่อาคมหยังบ่ได่ล่ะหนีไป บ่มีไผฮู้ว่ามันอยู่ไส พอมันกลับมาเทือนี่ทุกอย่างต้องลุกเป็นไฟ ความตายกำลังสิกลับมาอีกเทือ" (...สมัยที่พวกตาเป็นเพื่อนกันทั้งสามคน ก่อนหน้านั้น ไพรกับแสนก็เคยเป็นหมอธรรมเหมือนกับตานี่แหละ แต่วันหนึ่งไอ้แสนมันเริ่มหลงในวิชาอาคม มันอยากเก่งเหนือกว่าทุกคน ก็เลยหันหลังให้ทางธรรม ไปเข้าทางสายดำ ใช้ไสยศาสตร์ ทำของใส่คน ตอนแรกตากับไพรก็พยายามเตือนมันแล้ว พูดก็พูดไป แต่สุดท้ายมันก็ไม่ฟัง แถมยังตัดเพื่อนอีก มันเริ่มระรานคนอื่น ใช้วิชาผิดๆ จนชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องล้มตาย แล้วมันก็เอาวิญญาณพวกนั้นไปเป็นทาส เป็นบริวารรับใช้ จนมาถึงวันหนึ่ง ไอ้แสนมันใช้วิชาสายดำทำ'พิธีกลืนกินครู'หรือที่เรียกว่า ‘กลืนวิชา’ กับอาจารย์แป้น คนที่เคยถ่ายทอดวิชาสายขาวให้พวกเราทั้งสามคน พิธีของมันสำเร็จ มันได้ทุกอย่างไป ไม่มีใครหยุดมันได้เลยตอนนั้น หมอผีหลายสำนักก็พยายามจะฆ่ามัน แต่ไม่มีใครทำสำเร็จแม้แต่คนเดียว...สุดท้าย ไพรเลยตัดสินใจพึ่งไสยศาสตร์เพื่อสะกดอาคมของไอ้แสน ตากับไพรช่วยกันเต็มที่จนในที่สุดมันก็ใช้วิชาอะไรไม่ได้อีก มันหนีหายไป ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน...แล้วพอมันกลับมาในครั้งนี้... ทุกอย่างจะลุกเป็นไฟ ความตายกำลังกลับมาอีกครั้ง…) "เรื่องมันกะยังบ่เบิดทอนั่นดอก พอซาวบ้านฮู้ว่าบักไพรมันใซ่ไสยศาสตร์กะพากันเริ่มซังมัน จนมันได่มาอยู่ในป่านิล่ะ ถึงแม้มันสิบ่เคยเฮ็ดซาวบ้านผุได๋กะตาม ไผกะมีแต่เซื่อว่ามันซอยบักแสนเพื่อฆ่าซาวบ้านจนตาย มันอยู่ผุเดียว ท่ามกลางความเงียบและคำสาปแช่งที่มันบ่เคยเฮ็ด" (เรื่องมันก็ยังไม่จบแค่นั้นหรอก พอชาวบ้านรู้ว่าไพรใช้ไสยศาสตร์ ก็เริ่มรังเกียจ ถึงแม้ว่ามันจะไม่เคยทำร้ายชาวบ้านคนไหนเลยก็ตาม แต่ทุกคนก็พากันเชื่อว่าเขาร่วมมือกับแสน ฆ่าชาวบ้านจนล้มตาย สุดท้ายมันก็เลยต้องมาอยู่ในป่านี่แหละ อยู่คนเดียว ท่ามกลางความเงียบและคำสาปแช่งที่เขาไม่เคยก่อ) เสียงของตาเรืองเอ่ยเบา แผ่วราวกับลมหายใจที่พัดผ่านความเจ็บปวดมาเนิ่นนาน น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสงสาร เห็นใจ และรู้สึกผิดอย่างลึกซึ้ง บักคำแสน ถ้าหัวมึงบ่หลุดออกจากบ่า กูกะสิบ่เซาหยุดไล่ฆ่ามึง มีดเล่มนี่มันตัดหัวมึงด้วยมือของกู โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ "ยอมเป็นคนเลวในสายตาคนอื่น เพื่อปกป้องทุกคน" —ตาไพรแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าทะลุผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาอย่างเงียบงัน แสงนั้นส่องลอดผ่านผ้าม่านที่ถูกเลื่อนเปิดไว้ เทียนหันหน้าหนีแสงอย่างงัวเงีย เปลือกตายังคงปิดแน่น เส้นผมยุ่งเล็กน้อยกระจายบนหมอนเขาพลิกตัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ เทียนขยับพลิกตัวหนีแสงไปอีกด้านหนึ่ง แต่ความร้อนเบาๆ และแสงที่ค่อยๆ สว่างขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มปลุกให้เขาตื่น สุดท้าย ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง ทั้งที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าง่วงงุน นั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาอย่างไม่เต็มใจ เทียนเกาหัวตัวเองเบาๆ อย่างงุนงง เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหาวออกมาเบาๆ"ตื่นแล้วเหรอ?" เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นจากทางประตูน้ำเสียงนั้นไม่ดังมากนัก แต่ชัดเจนพอจะดึงสติของเทียนให้กลับมา เทียนชะงักมือที่กำลังเกาหัว หันไปมองช้าๆ ดวงตายังลืมได้ไม่สุดคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงกรอบประตู บรรยากาศในห้องนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ความเงียบจะถูกแทนที่ด้วยเสียงหาวของเทียนอีกครั้ง พร้อมกับคำตอบ "อืม" เสียงครางรับอย่างขี้เกียจ"มีเรียนกี่โมง?" เสียงของขุนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงยังคงเรียบนิ่ง เขายังพิงกรอบประตูอยู่ที่เดิม ยืนไขว้แขนไว้กับตัว เหมือนรู้ดีว่าเทียนยังไม่ได
"เxี้ย!! แม่งเอ๊ยย!!! ใครจะรู้วะ เกมจะพลิก...เล่นมาตั้ง 30 นาที แถมไม่ได้เชี้ยไรเลย!!!!!" ปอบ่นออกมาจากปลายสาย เสียงเต็มไปด้วยความหัวเสีย"กูว่าเราไหวว่ะ มาอีกสักตามา""เทียน กูว่าพอเหอะวันนี้""ทำไมวะ""มึงน่ะตัวดีเลย! ออกของเชี้ยไรเนี่ย?! มึงเล่นแครี่แต่เxือกออกของเมจ!""เอ้า!! มึงว่าแบบนี้ได้ไงวะ...กูไม่เล่นกับมึงแล้วแม่งเอ๊ย!!!!!" เทียนโวยวายเสียงดัง"เล่นมา 4 ตา แพ้ 4 ตารวด กูถามจริงเถอะ...มึงคิดไงมาเล่นเกมนี้""คิดผิดที่มาเล่นกับมึง! เล่นเกมยังไงให้เกมมันเล่นมึง xวย!!" เทียนสบถลั่นก่อนจะโยนโทรศัพท์บนโซฟาอย่างหัวเสีย"เทียน" เสียงเรียกดังขึ้นแผ่วเบา"ห๊ะ?!" เทียนนั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา สายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง ขุนเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาอยู่ในเสื้อกล้ามโคร่งที่ปล่อยชายเสื้อหลวม เผยให้เห็นร่องรอยแผลและร่างกายที่เต็มไปด้วยผ้าก๊อซสีขาวพันรอบตัว บางส่วนแนบลู่ไปกับผิว บางจุดเริ่มซึมสีแดงจางๆ จากรอยแผลที่มองไม่ชัดท่อนล่างเป็นเพียงกางเกงนอนสีดำเรียบง่าย เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาเทียนโดยไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม มือข้างหนึ่งกำลังเช็ดผมเปียกชื้นอย่างใจเย็น แววตาเรียบเฉยจ้องมาทางเทียน "เลือด
ชายส่งอาหารในเสื้อแจ็กเก็ต ยื่นถุงพลาสติกที่มีคราบไอน้ำเกาะอยู่ให้เขา"ขอบคุณครับ" ขุนรับถุงอาหารมาด้วยสองมือ ชายคนนั้นยิ้มสุภาพ ก่อนหมุนตัวกลับ ขุนปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา..."มึงสั่งอะไรเยอะแยะวะ?! กินกันแค่สองคน" เทียนมองของกินตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ทั้งข้าวต้มกุ้ง ผัดผงกะหรี่ทะเล ปีกไก่ทอด หมูทอดกระเทียม และผัดผักบุ้ง วางเรียงกันบนโต๊ะอาหารขุนนั่งเงียบพลางกินข้าวต้มกุ้งอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนเทียนเมื่อเห็นว่าขุนไม่ตอบอะไร ก็ไม่ได้เซ้าซี้ซักไซ้อีก แล้วหันกลับไปสนใจอาหารตรงหน้าเวลาผ่านไปหลายนาที ขุนเงยหน้าขึ้น เหลือบมองเทียนที่ยังนั่งกินอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย "ใส่กำไลด้วยเหรอ?" ขุนเอ่ยขึ้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังข้อมือซ้ายของเทียน เทียนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว เหมือนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบ"เพิ่งใส่วันนี้...ช่วงนี้เจออะไรแปลกๆบ่อย เลยคิดว่าเผื่อช่วยได้""มีใครทำอะไร?!"หน้าขุนนิ่งกว่าเดิม สายตาไม่ไหวติง จ้องตรงมาที่เทียนอย่างจริงจังเทียนเงียบไปชั่วอึดใจ ช้อนในมือหยุดเคลื่อนไหว กลายเป็นคนที่ไม่กล้าสบตากลับ สายตาเขาหลุบลงมองจานข้าวที่กินไปได้ครึ่งเดียว"มันไม่มีใครกล้าทำอะไรกูหรอก" เ
เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "มึงตอบพี่แตงไทยหน่อย"อ่านแล้ว "ตอบยัง"Khun_2k"ไม่" เทียนมีไฟ ใจมีเธอ อ่านแล้ว "เพื่อ?""ทำไมมึงไม่ไปมอวันนี้"Khun_2k"ทำไมรู้?"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"กูเก่ง สรุปเป็นไร""แดกยายัง"Khun_2k"มีแผลนิดหน่อย""กินแล้ว เหลือแต่ทำแผล"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว "แล้วทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ มึงรอไรอยู่"อ่านแล้ว "อ่านแล้วไม่ตอบ คือ..?""ทำไมไม่ทำแผลล่ะ"Khun_2k"เป็นห่วง?""อยู่หลัง แต่กินยาฆ่าเชื้อแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"มึงก็โทรเรียกแฟนมาทำให้ดิ"Khun_2k"ไม่มี อยู่คนเดียว""เหมือนมันเริ่มจะอักเสบ"เทียนมีไฟ ใจมีเธออ่านแล้ว"มึงไม่ไปให้หมอล้างให้"Khun_2k"เลือดออกอีกแล้ว"เทียนมีไฟ ใจมีเธอ"ตายขึ้นมาก็ลำบากคนในคอนโดอีก""มึงต้องเป็นผีที่เฮี้ยนแน่นอน""บอกพิกัดมา เรื่องมากฉิบหาย"Khun_2k"คอนโดX ห้อง463"เทียนกดปิดหน้าจอ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง "พวกมึง คืนนี้เล่นเกมกันปะ?" ปอพูดขึ้น"กูไม่ว่างว่ะคืนนี้" "โธ่! อะไรวะต้นกล้า?! มึงล่ะไอ้เทียน?""ไม่ ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ววว แค่บอกเหงาเทียนก็พร้อมเสมอ""ให้มันได้อย่างงี้ดิวะ!!!!" ปอตะโกนลั่นพลางตบไหล่เทียนเบาๆ
"เมื่อคืนเรื่องมันเป็นงี้..."เกือบสิบคนภายในห้อง ต่างพากันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย สายตาทุกคู่ จ้องไปยังคนที่นั่งอยู่บนเตียง เขานั่งนิ่ง สบตากับทุกคนทีละคน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคาดหวังเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแทรกกลางความเงียบทุกคนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียง เป็นของใครคนหนึ่งในกลุ่มที่กำลังรีบล้วงกระเป๋ากางเกงรายชื่อที่ไม่รู้จักแสงหน้าจอสว่างวาบ เขากดปัดสายทิ้งทันที"โทษๆๆ เบอร์คอลเซ็นเตอร์โทรมา"สายตาหลายคู่ที่หันกลับไปจับจ้องที่คนอยู่บนเตียงอีกครั้ง"ระหว่างที่กูกำลั..."เสียงเคาะประตูดังขึ้นกะทันหันก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...ทุกคนสะดุ้งเฮือก เบนสายตาไปที่ประตูพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันด้วยท่าทีลังเล แววตาหลายคู่ฉายแววระแวงเล็กน้อย"มึงไปเปิดดิ ไอ้ปอ""มึงเป็นใครมาสั่งกู ไอ้เบียร์""เป็นพี่มึง""Xวย"หลังจากสิ้นเสียง ปอตัดสินใจลุกขึ้น เดินช้าๆไปยังประตูโดยมีสายตาทุกคู่ติดตามเขาไปอย่างเงียบงัน เขาหยุดอยู่ตรงหน้า มือจับลูกบิดแล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะเปิดออกอย่างระมัดระวังสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มในชุดแจ็คเก็ตสีเขียว ถือถุงอาหารพลาสติกไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มเก้อ
เทียนค่อยๆลืมตาขึ้นกลางดึก ความเงียบงันอบอวลทั่วห้อง เขาค่อยๆหันไปยังปลายเตียงภายในห้องนอน มุมกลางห้อง ปรากฏเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ ไม่ไกลจากเตียงนอนมากนัก ร่างเล็กในเสื้อยืดสีดำ ยืนนิ่งจ้องมาทางเขา ด้วยแววตาว่างเปล่าแต่กลับทำให้รู้สึกสบายใจแปลกๆเทียนขยับตัวขึ้นเล็กน้อย เหมือนเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อนเทียนจ้องเด็กคนนั้นกลับโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบผ่านหัวใจ 'ธร'ชื่อผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เพื่อนสมัยเด็กของเขา คนที่เคยสัญญาจะมาส่งเขาในวันนั้น แต่ก็หายไปตลอดกาล แม้แต่ในงานศพตาของเทียนก็ไม่เห็นแม้เงาเด็กคนนั้นยังคงนิ่งเฉย ก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้น ชี้ไปยังลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยไม่เปล่งเสียงใดๆไม่พูดสักคำเขามองตามปลายนิ้วนั้นอย่างไม่เข้าใจ ก่อนภาพทั้งหมดจะค่อยๆเลือนหายไป"ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายเดะ...จุกสิอยู่นำไผ..ฮือออ..อออ" (ฮึกก..กก..เทียน...เทียนอย่าตายนะ..จุกจะอยู่กับใคร..ฮือออ..อออ) เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วทั้งห้องเทียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง ข้างเตียงมีจุกนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่บนพื้น น้ำตาไหลอาบแก้มกลมๆอย่างไม่อาจกลั้น มือเล็กๆเอื้อมไปแตะปลายแขนของเทียนแ