“อะ...อารัณว่าพลับก่อนนะ ผีบ้ามันเข้าสิงอารัณ พลับเลย...เลย...”
“ออกไปให้พ้นหน้าฉัน แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไป!!!”
สาวน้อยน้ำตาไหล เธอรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปสุดขั้วเพราะอะไร แต่ทำไมกับเธอเขาถึงต้องรังเกียจ เขาจะเกลียดผู้หญิงทุกคนในโลกเลยหรือไง เกลียดแบบไร้เหตุผลสิ้นดี นี่น่ะหรือคนที่เธอเคยวางเขาไว้บนหิ้ง คนที่เธอรักและเชิดชูมาตลอด เขาที่เป็นเจ้าของหัวใจทั้งสี่ห้องของเธอ
“ยังไม่ไปอีก” ดรัณกระชากแขนพลับพลึงเหวี่ยงร่างน้อยเหมือนขยะไร้ค่า “ไป!!”
วีกิจเองได้แต่อ้าปากค้าง เขาก็ไม่คิดว่าอารมณ์โกรธของพ่อเลี้ยงจะรุนแรงเพียงนี้ ถึงจะโหดเหี้ยมมาหลายปีก็ยังไม่เคยเห็นทำร้ายร่างกายผู้หญิง แล้วทำไม...
อดีตของดรัณคนทั้งจังหวัดคงรู้กันทั่ว ความเจ็บปวดที่ทำให้คนดีๆ มีแต่คนยกย่องสรรเสริญต้องเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือดูจะมีอนุภาพมากกว่าที่ใครๆ คาดคิด กับสาวน้อยที่เขารักดั่งหลานก็ยังไม่ละเว้น น่าสงสารคุณหนูพลับพลึง
“พ่อเลี้ยงครับ อย่าทำคุณหนูเลยครับ” วีกิจเอ่ยปากเมื่อดรัณทำท่าเหมือนจะเข้าไปซ้ำ
“นายสงสารหล่อนนัก ก็พาคู่ขานายกลับไร่ไปแล้วอย่าพามาพลอดรักกันในไร่ของฉันอีก ไม่งั้นนายก็ออกไปเลย ไม่ต้องทำงานที่นี่ต่อไป”
“อารัณบ้า ใจร้าย อารัณไม่ใช่คน พลับกับพี่กิจไม่ได้เป็นอย่างที่อารัณเข้าใจ ผีห่าซาตานตนไหนเข้าสิงถึงทำให้อารัณเป็นแบบนี้ คอยดูเถอะ พลับจะเอาหมอผีมาปราบให้อารัณเป็นคนเดิม” พลับพลึงลุกขึ้นโดยมีวีกิจประคอง วีกิจไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอยากจะช่วยหญิงสาว แต่ท่าทีปกป้องของเขาก็เพิ่มพูนความเกรี้ยวกราดให้ดรัณโดยไม่รู้ตัว
“เป็นห่วงกันมากก็ออกไปปลอบใจกันนอกไร่ของฉัน อย่ามาทำอะไรเกะกะขวางตาตรงนี้”
“พ่อเลี้ยงฟังคุณหนูหน่อยสิครับ ผมกับคุณหนูไม่ได้คิดอะไรอย่างที่พ่อเลี้ยงเข้าใจ แต่ถ้าจะอธิบายก็แล้ว พ่อเลี้ยงยังคงคิดแบบเดิม ผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่อยากจะบอกว่าถ้าพ่อเลี้ยงเป็นแบบนี้ต่อไป พ่อเลี้ยงนั่นแหละที่จะเสียใจไปตลอดชีวิต”
วีกิจประคองและรุนหลังพลับพลึงเดินหนีดรัณ เขาเป็นผู้ชายเห็นผู้ชายทำกับผู้หญิงแบบนี้ก็ทนไม่ไหว จะให้ยืนดูเฉยก็ทำไม่ได้ การทำแบบนี้เสี่ยงกับการถูกไล่ออก แล้ววีกิจก็เลือกทำโดยหวังว่าการกระทำของตนจะทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มได้สติยั้งคิดให้บ้าง
พลับพลึงถอนสะอื้นเมื่อเดินพ้นคนใจร้ายออกมา เธอกับวีกิจขึ้นรถ ATV ที่เป็นพาหนะใช้เดินทางภายในไร่อิงฟ้าของเขา หญิงสาวไม่วายจะหันไปมองคนใจร้ายเห็นเขายืนหันหลังนิ่งๆ ก็สะอื้นฮัก
“ผมบอกแล้วไงครับ ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่”
“พี่กิจยังบอกไม่หมด” สาวน้อยเถียง เธอร้องไห้แต่ก็ยังเถียงเขาได้ ชายหนุ่มแค่นยิ้ม
“อะไรที่พ่อเลี้ยงไม่ชอบ คุณหนูไม่ควรทำ”
“อารัณเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน พลับไม่เข้าใจเขาเลย ทำไมเขาต้องทำขนาดนี้ด้วย”
“บางทีความเจ็บปวดที่เราเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนบางคนนะครับ พ่อเลี้ยงเป็นคนที่เจ็บแล้วจำ จำแล้วกลัวไม่อยากเข้าใกล้ ก็เลยสร้างปราการหนาป้องกันการซ้ำรอยเดิม คุณอิงฟ้าเป็นรอยบาปในใจของพ่อเลี้ยง เขาลืมเธอไม่ได้ง่ายๆ หรอกครับ”
“แต่อารัณก็น่าจะมีสติกว่านี้นะคะ พลับเป็นคนที่สนิทกับเขามากที่สุดเลยนะเมื่อก่อนนี้” พลับพลึงแย้ง
“ผมรู้ครับ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว พ่อเลี้ยงไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนดีเลยตั้งแต่คุณอิงฟ้าจากไป”
“พลับไม่เข้าใจ ทำไมล่ะคะ”
วีกิจถึงกับถอนใจยาว ก่อนจะนึกถึงอดีต ภาพความหวานของดรัณและอิงฟ้าเกิดขึ้นในหัว เขาและทุกคนในไร่ไม่มีใครลืมมันลงได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนหรือแม้ดรัณจะพยายามเปลี่ยนความดีให้เป็นความชั่วร้าย ภาพๆ นั้นก็ยังตรึงอยู่ในความทรงจำของทุกคนตลอดไป
...แล้วชายหนุ่มก็เล่าทุกอย่างให้หญิงสาวฟัง...
ภายในห้องนอนใหญ่ที่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำทะเลตัดสีขาว เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นก็มีสีเข้าชุดกัน การตกแต่งทุกอย่างเป็นไปตามความชอบของเจ้าของแต่ไม่ใช่คนตัวสูงแข็งแกร่งไปทุกส่วนที่กำลังยืนนิ่งอยู่กลางห้อง พ่อเลี้ยงดรัณมองทุกสิ่งที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ในห้องค่อนข้างอับชื้นเพราะไม่ได้รับการทำความสะอาดหรือแม้จะเปิดหน้าต่างระบายอากาศก็ไม่เคย ทุกอย่างยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
กรอบรูปที่วางอยู่บนชั้นหนังสือเตี้ยๆ ถูกมือใหญ่หยิบขึ้นมาปัดฝุ่นบนกระจกออก รูปนั้นเป็นรูปของเขากับผู้หญิงหน้าหวานหยดเหมือนอัญมณีล้ำค่า สวยและเปราะบางน่าทะนุถนอม รอยยิ้มของเธอหวานเยิ้มจนคนมองอยู่กระตุกมุมปากยิ้มเสียทุกครั้งร่ำไป ก่อนดวงตาคมเข้มจะรื้นพร่ามัวจนต้องกลืนก้อนความเจ็บช้ำที่ตีตื้นขึ้นมาอยู่ตรงลำคอ
ดรัณวางกรอบรูปลงเพราะไม่อยากเปิดประตูต้อนรับความเจ็บปวดที่ยังคงแทรกแซงเข้ามาเป็นบ่อนทำลายความดีในหัวใจเสียทุกครั้ง เขาระฝ่ามือไปตามขอบชั้นตั้งแต่ริมด้านหนึ่งไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง และที่ตรงนั้นเองมือของเขาก็หยุดนิ่ง
กรอบรูปเล็กๆ ของใครบางคนที่กำลังยิ้มแป้นจนเห็นฟันครบ 32 ซี่ สาวน้อยหน้าตาน่ารักค่อนข้างสะดุดตาแต่แก่นแก้วสดใส พลับพลึงเมื่อ 6 ปีก่อน เธอเพิ่งจะทำบัตรประชาชนเป็นครั้งแรก รูปนี้เธอถ่ายตอนที่กลับมาจากที่ว่าการอำเภอแล้วสั่งให้เขาถ่ายรูปเธอหลังจากที่เธอถ่ายรูปเขากับอิงฟ้าให้แล้ว
‘ทีนี้ตาอารัณต้องถ่ายรูปให้พลับบ้างแล้วล่ะ พลับถ่ายรูปคู่อารัณกับอาอิงให้แล้ว แลกกันไง’
‘อายังไม่ได้รับปากซะหน่อยว่าจะถ่ายให้’
‘ขี้โกง ทีพลับยังถ่ายรูปให้อารัณโดยไม่มีข้อแม้ แบบนี้เรียกว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กใช่มั้ยล่ะ’
‘รังแกตรงไหน อาบังคับให้พลับถ่ายหรือก็เปล่า’
‘อ๋อ...พูดแบบนี้ก็สวยสิ คิดจะเป็นศัตรูกันใช่มั้ย’
เด็กสาวพลับพลึงถลกแขนเสื้อขึ้นแบบนักเลง คิดจะเอาเรื่องเขาเต็มที่ อารัณก็ยังตีหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งที่ใจหัวเราะลั่นกับท่าทางรวนๆ ของเธอ กระทั่งคนกลางอย่างอิงฟ้าต้องเข้ามาห้ามทัพ
“ผัวคิดถึงเมียจัง เมียจ๋า” พอกล้าหน่อยความคิดถึงก็ล้นทะลักเหมือนเขื่อนแตก อ้อมกอดรัดแน่นขึ้นก่อนโน้มหน้าลงจูบปากเมียรักด้วยความคะนึงหา “ฤาษีตนนั้นหายไปแล้วหรือคะ” พลับพลึงยิ้มแก้มปริ ลูกช่วยรักษาพ่อได้จริงๆ สามีของเธอหายจากอาการหวาดกลัวแล้วสินะ “หายไปแล้วเพราะคิดถึงเมียรัก ให้ผัวรักเมียนะ ให้พ่อบอกรักแม่ ได้มั้ยลูก” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากลูกในท้อง แต่ดรัณและพลับพลึงก็แน่ใจว่าลูกต้องยินดี “ท้องพลับ 6 เดือนแล้ว ใหญ่พอจะไม่เป็นอันตรายแล้วนะ ถ้าจะรักพลับบ้าง” “ได้สิคะ ช่วยนี้ปลอดภัยแล้วค่ะ คุณหมอว่าอย่างนั้น” ร่างสูงช้อนภรรยาขึ้นแล้วพาไปวางไว้บนเตียง ก่อนจะช่วยปลดชุดคลุมท้องออกจากร่างอิ่มเปลือยเปล่า แม้ขณะท้องโตๆ พลับพลึงของเขาก็ยังสวย ผิวพรรณอิ่มเอิบนวลเนียนน่าสัมผัส ชายหนุ่มเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองแล้วทิ้งตัวนอนเคียงข้าง เขาจูบเมียสาวอย่างดูดดื่มโหยหา มือฟอนเฟ้นร่างอิ่มนวดคลึงทรวงงามอวบใหญ่มากขึ้นหนักๆ คิดถึงปานขาดใจ หญิงสาวจูบตอบอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ลูบมือไปตามลำตัวหนาแกร่งของสามีอย่างรักใคร่ ล
เอากับเขาสิ เปลี่ยนเรื่องจริงจังให้กลายเป็นเรื่องชวนหัวไปได้หน้าตาเฉย แล้วพลับพลึงก็ยิ้มออกเสียด้วย คราวนี้เธอเป็นฝ่ายกอดเขา จูบปลายคางของเขาแล้วแถมด้วยแก้มทั้งสองข้าง แต่พอสามีจะกอดให้บ้างเธอกลับดันตัวออก “อย่ากอดแน่นนักนะคะ พลับอึดอัดและขี้ร้อนจริงๆ” “ทำไม เกิดอะไรขึ้น บอกอาซิ” พลับพลึงตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย เธอถอนใจแล้วสูดลมกระตุ้นกำลังใจให้ตัวเองเต็มปอด เพื่อจะบอกเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต “พลับ...ท้องค่ะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะคะ” สามีของเธอเงียบกริบ สีหน้ายิ้มๆ ดีใจก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดราวกระดาษขาว เขาทิ้งมือลงสองข้างแล้วเซถอยหลังไปชนตู้กับข้าว พลับพลึงเห็นอาการนั้นก็หน้าเสีย ไม่คิดว่าสามีจะออกอาการขนาดนี้ให้เห็น ร่างของเขาสั่นเทิ้มคล้ายคนหวาดกลัวอะไรสักอย่าง เป็นผลให้เธอต้องพุ่งตัวเข้าไปประคองกลัวเขาจะล้มหงายตึงไปต่อหน้าต่อตา “อารัณ!!! เป็นอะไรไปคะ อารัณได้ยินพลับมั้ยคะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ อารัณขา...ได้ยินพลับมั้ยคะ” “ปล่อย ปล่อยอา” เพียงแค่เธอยอมปล่อยมือจากเขา ดรัณก็วิ่งหาห้องน้ำทันควัน เส
‘ฉันตอบเมล์พี่ชายสุดที่รักของฉันเมื่อหลายวันก่อน ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง และวันนี้เขาก็บินมาหาฉัน ฉันอับอายมากที่มีสภาพเหมือนผีให้พี่ชายเห็น ฉันไม่มีเงินมากพอจะเช่าอพาร์ตเม้นท์ดีๆ อยู่ แต่พพี่ชายของฉันก็ยังอุตส่าห์ให้เงินจำนวนมาก ฉันขอร้องให้เขาช่วยปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับ เขาจึงขอร้องให้ฉันกลับบ้าน แลกกัน ฉันขอเวลารักษาตัวเองให้เป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้สักระยะ ซึ่งพี่ชายที่รักของฉันไม่ว่าอะไร ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ต่อสักระยะ ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน กลับไปกราบคุณแม่ กลับไปหาหลาน พลับพลึงหลานตัวน้อยโตขึ้นแค่ไหนแล้วนะ พี่ชายฉันหล่อ หลานฉันคงต้องสวยมากแน่ๆ เลย ฉันจะกลับไปหาทุกคน รอหน่อยนะครอบครัวที่รักของฉัน’ พลับพลึงปิดสมุดไดอารี่แค่นั้น เธอไม่อ่านอีกแล้ว เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นยังไงไม่อยากรับรู้อีกแล้ว พอกันที! การอ่านไดอารี่อันเต็มไปด้วยความรู้สึกของอาสาว ทำให้หญิงสาวฮึดสู้ขึ้นมาบ้าง ถ้าอารัณไม่อยากมีลูกเพราะการตายของอาอิง เธอจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ อดีตจะถูกลบเลือน แม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใดก็ตาม เธอจะทำให้ได้ ไม่มีวันที่เธอจะคิดสั้นๆ
หญิงสาวถอนหายใจเอื่อยเฉื่อย เธอกำลังตัดสินใจว่าควรกลับไปบอกเรื่องลูกดีหรือไม่ เขาเคยบอกยังไม่พร้อมจะมีลูก สาเหตุเพราะอะไรเธอก็คิดว่ารู้แล้ว อารัณเผชิญกับความสูญเสียมานับครั้งไม่ถ้วน การสูญเสียเมียและลูกไปพร้อมกันก็เป็นเรื่องยากจะทำใจให้ลืม เธอเข้าใจดีทุกอย่างถึงต้องมานั่งถอนใจอยู่นี่ไง ร่างอวบอิ่มเดินเข้าไปในห้องหนังสือของคุณย่า เธอตั้งใจจะหาหนังสือธรรมะมาอ่านเป็นที่พึ่งของจิตใจ มือบางไล้ไปตามสันหนังสือหาเล่มที่อยากอ่าน แต่แล้วสายตาก็เหลือบขึ้นไปเห็นกล่องกระดาษใบหนึ่งวางอยู่ข้างบนสุดของชั้นหนังสือ ร่างอวบอิ่มเอื้อมมือหยิบกล่องใบนั้นลงมาอย่างทุลักทุเลเนื่องจากความสูงที่ต้องเขย่งปลายเท้าแล้วเหยียดแขนให้ตรงถึงจะหยิบได้ กล่องใบนั้นขนาดไม่ใหญ่และไม่หนักถูกยกลงมาปัดฝุ่นออกแล้วเปิดดูข้างใน ภายในมีรูปของอาอิงฟ้าหลายรูป เป็นรูปที่ถ่ายในต่างประเทศทั้งหมด ว่าที่คุณแม่มือใหม่ทอดสายตามองรูปถ่ายแต่ละรูปอย่างสังเกต อาอิงเป็นคนสวยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว รูปหลังๆ ก็เหมือนอาอิงจะสวยขึ้น อวบขึ้นด้วย อวบเหมือน...เธอในตอนนี้ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อสายตาปะทะ
แม่เลี้ยงกาญจนาเคยคิดจะบอกลูกสาวเพราะถึงยังไงอิงฟ้าก็เป็นอาแท้ๆ ของเธอ ลูกในท้องของอิงฟ้าก็คือหลานแท้ๆ ของเธอ แต่สามีสั่งห้ามด้วยเห็นใจอดีตน้องเขยของตน ดังนั้นทุกคนจึงพากันเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอยู่ในใจ เวลาผ่านพ้นไปก็ยังไม่มีใครพลั้งปากพูดให้พลับพลึงได้ยิน “เห็นทีคงต้องบอกแดนนี่แล้วล่ะ ผมคิดว่าแดนนี่แข็งแกร่งพอจะรับเรื่องนี้ไหว แม้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม” “น่าเห็นใจนายรัณนะคะ เขาตามหาเมียไม่เจอเสียที นี่ก็เห็นว่ากินแต่เหล้าจนเมาไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ร่างกายผ่ายผอมจนน่าเป็นห่วงว่าจะทรุดเอาดื้อๆ” แม่เลี้ยงกาญจนาเห็นใจลูกเขยมาก ทั้งสงสารและเห็นใจ แต่ยังต้องลุ้นว่าหากดรัณรู้จะเป็นยังไงต่อ “ถ้างั้นเดี๋ยวรอแดนนี่ลงมา พวกเราก็บอกแกพร้อมกันดีมั้ยคะ” คุณดวงหทัยตัดสินใจ ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้ ทว่า...ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยขวดเหล้า ร่างสูงผ่ายผอมซูบลงไปมากกำลังสร่างเมาคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.หานักสืบเอกชนที่เขาจ้างวานให้ตามหาเมียรักให้เจอ “ได้เรื่องหรือยัง” “อ้อ...พ่อเลี้ยงโทร.มาพอด
“เมื่อเช้าดิฉันได้ยินเสียงคุณหนูอาเจียนนะคะคุณท่าน อาการเหมือนคนท้องเลยค่ะ” ทิพามารดาของกรรชัยตั้งข้อสังเกต คุณย่าขมวดคิ้ว คนแต่งงานมีครอบครัวจะตั้งครรภ์ก็ไม่เห็นแปลก แต่ตอนนี้พ่อของเด็กยังไม่รู้เลยว่าเมียอยู่ไหน ถ้าพลับพลึงท้องจริงๆ เรื่องที่คิดจะปิดบังจนกว่าหลานเขยจะตามหาเมียเจอ ก็คงต้องมีคนยื่นมือเข้าช่วยเสียแล้ว ไม่งั้นจะเป็นการพรากลูกพรากพ่อเสียเปล่าๆ ทว่า...คุณย่ายังไม่ลืมอดีตของหลานเขย ท่านจึงไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้จะทำให้เขาดีใจหรือเสียใจกัน “พายัยพลับไปโรงพยาบาลที ไปทั้งๆ ไม่มีแรงอย่างนี้แหละดี ยัยพลับกลัวโรงพยาบาลจะได้ดื้อไม่ออก” สิ้นคำสั่งคุณย่า กรรชัยก็เป็นคนขับรถพาหญิงสาวและคุณย่าไปโรงพยาบาล ผลการตรวจออกมาเป็นไปตามที่คิด พลับพลึงท้อง!!!พ่อเลี้ยงรุ่งโรจน์เดินตามหาภรรยาทั่วไร่เพื่อจะบอกข่าวสำคัญข่าวด่วนของบุคคลอันเป็นที่รักคนหนึ่งให้บุคคลอันเป็นที่รักอีกคนได้ฟัง ร่างสูงหนาก้าวยาวๆ เร่งรีบเท่าที่จะทำได้ถามหาภรรยาสุดที่รักกับทุกคนที่เจอหน้า เกือบทุกคนชี้บอกไปในทิศทางเดียวกัน พ่อเลี้ยงก็แทบจะวิ่งตรงไปหาด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความยินดี