"ว่าอย่างไร?" อาเฟยหันไปไล่เบี้ยต้าโก่ว
ต้าโก่วไม่อาจจะหลีกเลี่ยง จึงจำใจต้องรับคำว่า "จริงขอรับ...พระชายา...เอ่อ...ท่านราชเขย"
พลางคิดในใจ...ท่านอ๋องว่าใช่ ก็ต้องใช่ ผู้ใดจะกล้าบอกว่าไม่ใช่ละ!
"เห็นไหมเจ้าคะ ท่านสามี...ต่อแต่นี้ไป ท่านต้องเชื่อฟัง รัก และตามใจภรรยาคนนี้ทุกอย่างนะเจ้าคะ" ว่าแล้วก็กอดร่างเล็กจนแทบจะจมอก
อาเฟยขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงผลักอ๋องสี่ออกห่างไปได้ แล้วถามต้าโก่วว่า "เจ้าอ่านจดหมายขององค์ชายเทียนเป่าหมดแล้วหรือ?"
"ยังเหลืออีกเล็กน้อยขอรับ" ต้าโก่วตอบ
"เช่นนั้นก็อ่านต่อเสียสิ" อาเฟยสั่ง
"ขอรับ" ต้าโก่วรับคำ แล้วอ่านจดหมายจากองค์ชายเทียนเป่าต่อว่า "หากอาเฟยมีอะไรจะให้ข้าช่วยอีก ก็ส่งคนมาบอกข้าได้ทันที หรือถ้ามีผู้ใดรังแกอาเฟย ก็ให้บอกข้า ข้าจะจัดการให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ๋องสี่บิดาของข้า ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า ให้รีบบอกข้าโดยเร็ว ข้าจะจัดการเขาให้เอง ไม่ต้องกังวล
สุดท้ายนี้ขอให้อาเฟยกินให้อิ่ม นอนให้หลับ และคิดถึงข้ามากๆ
ข้าก็คิดถึงอาเฟย
ลงชื่อ เทียนเป่า"
"เทียนเป่าเป็นคนดีจริงๆ" อาเฟยพึมพำ
แต่อ๋องสี่คิดในใจ...ดีจนกระทั่งคิดจะจัดการพ่อของตัวเองเพื่อแม่เลี้ยง!
"แล้วในสัญญายังมีอะไรอีก?" อาเฟยหันไปถามหลิวกงกง
หลิวกงกงน้อมคำนับ แล้วอ่านสัญญาต่อว่า "4 สามีต้องนวดให้ภรรยาทุกคืนก่อนนอน..."
"เดี๋ยวก่อน!" อาเฟยเอ่ยแทรกขึ้น แล้วหันไปถามอ๋องสี่ว่า "ทำไมตอนที่ข้าเป็นภรรยาก็นวดให้ท่าน พอมาเป็นสามีก็ยังต้องนวดให้ท่านอีก?"
"ท่านสามีเจ้าขา" อ๋องสี่ทำตาวิบๆ ใส่อาเฟยอย่างยั่วยวน พลางจีบปากลอยหน้าลอยตากล่าวว่า "เรื่องนี้อธิบายได้ ข้อสี่นี้สืบเนื่องมาจากข้อสามที่ว่า สามีจะต้องเชื่อฟังภรรยา แล้วข้อสามก็สืบเนื่องมาจากว่า ข้าเป็นชาวต้าเหลียวครึ่งหนึ่ง ข้าจึงมีสิทธิ์ใช้ธรรมเนียมของต้าเหลียว และสืบเนื่องว่าข้าชอบให้นวดก่อนนอน ข้าจึงใช้ธรรมเนียมของต้าเหลียวในข้อสามมาบัญญัติข้อสี่ว่า ให้ท่านสามีนวดให้ข้าก่อนนอนทุกคืนอย่างไรเจ้าคะ...มีตรงไหนไม่เข้าใจ โปรดบอกต่อภรรยา ภรรยาอันเป็นที่รักยิ่งคนนี้จะค่อยๆ อธิบายให้ฟังอีกหลายๆ รอบจนกว่าท่านสามีจะเข้าใจ...เอาอีกครั้งไหมเจ้าคะ?"
"พอๆๆ..." อาเฟยยกมือห้าม...แค่อ๋องสี่อธิบายมารอบเดียว เขาก็ฟังจนมึนงงเวียนหัวแล้ว ขืนอธิบายอีกหลายรอบ มีหวังเขาได้เป็นลมแน่ๆ "ข้าเข้าใจแล้ว" อาเฟยเสียงอ่อย
สรุปคือ...ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือเป็นสามี อาเฟยก็ต้องนวดให้อ๋องสี่อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง!
หลิวกงกงอ่านสัญญาต่อ "5 สามีต้องกอดและจูบภรรยาวันละร้อยครั้ง"
"หา...!" อาเฟยอุทานเสียงดัง
"หรือว่าท่านสามีเห็นว่าน้อยไป?" อ๋องสี่ถามขึ้นแล้วทำกระพริบตาปริบๆ อย่างมีจริตจะก้านเต็มที่
"วันละร้อยครั้ง?" เสียงอาเฟยเหมือนกำลังจะหมดแรง
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ" อ๋องสี่พยักหน้าหงึกๆ
"ปากข้าเปื่อยพอดี" อาเฟยคราง
"ถ้าวันไหนท่านสามีจูบไม่ครบ...ภรรยายินดีให้ท่านสามียกยอดไปสมทบวันหลังเจ้าค่ะ" น้ำเสียงอ๋องสี่ร่าเริงยิ่งนัก
หลี่ชิงหันไปมองไท่ชินอ๋อง พอดีไท่ชินอ๋องหันมามองเขาเช่นกัน ไท่หวางเฟยจึงสบเข้ากับดวงตาคมกล้าที่ฉาบด้วยประกายขบขัน และมุมปากที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ตามมาด้วยเสียงกระซิบเบาๆ "ชิงชิง...พวกเราเอาบ้างดีหรือไม่?"
"ไม่" หลี่ชิงตอบเสียงหนักแน่น
อาเฟยเม้มปากจนแก้มกลมๆ ยิ่งกลมมากขึ้น ก่อนจะเอ่ยกับหลิวกงกงว่า "ในสัญญายังมีอะไรอีก?"
หลิวกงกงจึงอ่านต่อว่า "ด้วยความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย ลงชื่ออ๋องสี่ ลงชื่ออาเฟย"
"แค่นี้ใช่หรือไม่?" อาเฟยถามเสียงล้าๆ
"ขอรับ...ท่านราชเขย" หลิวกงกงรับคำอย่างนอบน้อม
อาเฟยพยักหน้าแล้ววางตะเกียบทองคำในมือลงด้วยทีท่าว่าจะยุติการกินอาหารมื้อนี้
อ๋องสี่มีแววตานิ่งอึ้งไปวูบ...ก่อนจะถามว่า "ท่านสามีเจ้าคะ...ท่านวางตะเกียบทำไม?"
"ข้าอิ่มแล้ว" อาเฟยตอบ
"แต่ท่านเพิ่งจะกินข้าวไปได้แค่สองชามเท่านั้น...เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ให้ภรรยาป้อนท่านเอง?"
"ไม่ต้อง" ว่าแล้ว...อาเฟยก็ลุกขึ้น เดินผละจากไป
หลี่ชิงวางตะเกียบในมือลง "ข้าก็อิ่มแล้ว" แล้วผละไปอีกคน
ไท่ชินอ๋องกับอ๋องสี่มองสบตากัน...สีหน้าของทั้งสองเริ่มเคร่งเครียด...
คืนนั้น...ในห้องนอน
"ชิงชิง...น้องสี่แม้ขี้เล่นก็จริง แต่เป็นการสอนให้อาเฟยระมัดระวังตัวไปด้วยในตัว เจ้าก็อย่าได้พลอยไม่สบายใจไปด้วย" ไท่ชินอ๋องกล่าวเสียงอ่อนโยน เมื่อทั้งสองอยู่กันตามลำพัง
"ท่านอ๋อง...ข้ารู้ว่าความฝันของอาเฟยไม่มีวันกลายเป็นความจริงไปได้" หลี่ชิงเอ่ยเสียงเบา "แต่อ๋องสี่ทำเกินไป...ในเมื่อไม่ได้ก็ควรจะบอกอาเฟยตรงๆ ว่าไม่ได้ ไม่ใช่หลอกให้ตั้งความหวัง แล้วพังมันลงมา...การทำลายความหวังของคนผู้หนึ่ง มันโหดร้ายอย่างยิ่ง" หลี่ชิงขบริมฝีปากงาม
"ชิงชิง...โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องโหดร้าย" ไท่ชินอ๋องดึงร่างบอบบางมาโอบกอดเอาไว้อย่างปลอบประโลม "อาเฟยยังเด็กมาก ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้อื่น น้องสี่เพียงใช้เล่ห์เหลี่ยมมาสั่งสอนให้อาเฟยเติบโตขึ้นเท่านั้น ข้ารับรองได้ว่าน้องสี่ไม่ได้คิดร้ายต่ออาเฟยเด็ดขาด แม้วันนี้อาเฟยจะผิดหวังเสียใจ แต่ไม่ได้ถูกทำร้าย และคนอย่างอาเฟยก็คงทุกข์ไม่ได้นาน จะต้องมาปรึกษาเจ้า เจ้าก็คอยปลอบใจอาเฟย และสอนเขาให้เข้าใจชีวิตให้มากขึ้น" กล่าวพลางมือใหญ่และแข็งแรงก็ลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มอย่างทะนุถนอมรักใคร่
"เอ๋...ท่านพูดราวกับว่าท่านเคยพบท่านน้ามาก่อน" "ใช่แล้ว...เคยพบตอนข้ายังเด็ก" เอ่ยแล้ว...เขาก็อึ้ง! ตอนนั้น...เขายังเด็ก เขากับอาเฟยอาบน้ำอุ่นในอ่างใบใหญ่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน หลังอาบน้ำก็ทาตัวด้วยน้ำมันหอมบำรุงผิว ซ้ำยังวางแผนการกันว่า...จะสร้างห้องอาบน้ำที่สวยงามที่สุด ที่มีสระอาบน้ำขนาดใหญ่ เอาไว้เล่นน้ำด้วยกัน! แต่ตอนนี้เขาโตแล้ว สระน้ำก็สร้างแล้ว ทว่าไม่มีอาเฟย อีกฝ่ายจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือว่าเปลี่ยนไป? "ไม่รู้ว่า...ท่านน้าของเจ้าหน้าตายังเหมือนเดิมหรือไม่?" "คงไม่แล้วละ...ท่านแม่ของข้าบอกว่า ยิ่งนานวัน ท่านน้าก็ยิ่งงดงามขึ้น!" พอดี...คนรับใช้นำอาหารที่สั่งมาส่งให้ มีกับข้าวหลายอย่าง และข้าวสวยร้อนๆ หอมกรุ่น "โอ้โห...ที่นี่มีข้าวสวยด้วยหรือ?" หญิงสาวส่งเสียงอย่างยินดี "ข้าเดินทางมาหลายวัน พอถึงภาคเหนือของหนานหยาง หาข้าวสวยนุ่มๆ หอมๆ อย่างนี้กินยากมาก ส่วนใหญ่เป็นหมั่นโถวกับแป้งย่าง" "นี่เป็นอาหารที่อาเฟยชอบ" ชายหนุ่มบอก แล้วถามหญิงสาวตรงหน้าว่า "เจ้าชื่ออะไรหรือ?" "ข้าชื่อลั่วซือ เรียกซือซื
พระชายาอาเฟยให้เสี่ยวโก่วไปรับครอบครัวตระกูลเหอกลับมายังเมืองหลวง ที่เขาซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ไว้รอต้อนรับ เหอผิงนั้นสูงวัยมากแล้ว อาเฟยจึงไม่อยากให้เขาไปตรากตรำทำงานอีก แต่ให้เหอทงดูแลร้านขายข้าวสาร และเหอกวงดูแลร้านขายสมุนไพร ลั่วซวงก็พาสามีและลูกๆ มาต้องรับท่านทวด ท่านปู่ ท่านย่า และญาติผู้ใหญ่ผู้น้อยแล้วอาเฟยก็สั่งอาหารจากหอสุราหวงหลงมาเตรียมกินฉลองกันทั้งครอบครัว...แต่เพิ่งยกตะเกียบคีบไก่ผัดห้ารสขึ้นมา เสียงท่านอ๋องสี่ก็ดังขึ้นว่า "อาเฟยน้อยของข้า!" อาเฟยเด้งตัวลุกพรวดจากเก้าอี้ราวแมวน้อยถูกเหยียบหาง!!!เงารักวัยเยาว์ ที่เมืองหลวงแคว้นต้าเหลียว... บนหลังคาของเหลาน้ำชาอาเฟย...บุรุษหนุ่มหน้าตาคมคายเข้มแข็ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำ นั่งดื่มสุราอย่างสบายอกสบายใจอยู่บนนั้น... ขณะกำลังปล่อยใจให้คิดถึงความหลังครั้งเก่า ก็ปรากฏเสียงเอะอะและเสียงกรีดร้องดังมาจากถนนเบื้องล่าง ชายหนุ่มมองลงไป...เห็นสาวน้อยนางหนึ่งอายุประมาณ 15-16 ปี ขี่อยู่บนหลังม้า และม้ากำลังพยศเพื่อสลัดนางให้ตกลงจากหลังของมันชายหนุ่มพุ่งทะยานลงจากหลังคารวดเร็
ทำเอาไท่ชินอ๋องเกือบสำลักน้ำชา "ขอบพระคุณเสด็จลุงที่แนะนำ" "เด็กเจ้าเล่ห์" ไท่ชินอ๋องว่า "หมดเรื่องแล้วใช่หรือไม่?" "ยังขอรับ" "อะไรอีก?" "ที่เสด็จลุงเคยพูดไว้" "หือ?" "ว่าถ้าหลานโตเป็นหนุ่มจะดมแก้มเสด็จป้าได้!" "แค็กๆๆๆ..." ไท่ชินอ๋องสำลักน้ำชา ก่อนจะตวาดลั่น "ไม่ได้" "เสด็จลุงไม่รักษาคำพูด" "อืมม์...ข้าเป็นทรราชไม่ใช่ธรรมราช" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เจ้าอยากดมแก้ม ก็แต่งตั้งฮองเฮาสักคนสิ แล้วไปดมให้พอใจ" "หลานอยากแต่งตั้งฉีเอ๋อร์เป็นฮองเฮา แต่เกรงเสด็จป้าจะไม่ยินยอม" "ข้ามีข้อแม้ ถ้าฮ่องเต้รับได้ ข้าก็จะยกฉีเอ๋อร์ให้" หลี่ชิงที่ฟังอยู่ในห้อง เดินออกมากล่าวแล้วเดินมานั่งร่วมโต๊ะ "เสด็จป้ามีข้อแม้อะไรขอรับ?" ฮ่องเต้ถาม สีหน้ายินดี "หากฮ่องเต้แต่งฉีเอ๋อร์เป็นฮองเฮา ฮ่องเต้จะมีสัมพันธ์สวาทกันคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด ฮ่องเต้ให้สัญญาได้หรือไม่?" "ได้ขอรับ" ฮ่องเต้หนุ่มรับคำหนักแน่น และต่อท้ายว่า "หลานจะไม่รับนางสนมเลย" "ต้องรับตามความเหมาะสม แต่อย่าให้นางใดปรนนิบัติ" ไท่ชินอ๋องกล่าว "เพราะถ
เหล่าองครักษ์ของอาเฟยรีบเข้ามายืนบังอาเฟยเอาไว้ทันทีเตรียมปกป้อง "ท่านฆ่าพยานปิดปากหรือ?" พระชายาอาเฟยเอ่ยพลางสะบัดแขนเสื้อ "คนผู้นี้เป็นคนทรยศของซีเซี่ย ข้าแค่ฆ่าคนทรยศเท่านั้น มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใด" ท่านทูตซีเซี่ยเอ่ยด้วยอาการฮึดฮัด "ท่านเถียงข้างๆ คูๆ" พระชายาอาเฟยเอ่ย "เอาละ..." ไท่ชินอ๋องเอ่ยขึ้น ขณะเดียวกันทหารก็เข้ามาเก็บศพคนตายออกไป "องค์หญิงหลิงหลิงปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ว่านางถูกขังร่วมห้องค้างอ้างแรมอยู่ด้วยกันกับบุรุษอื่น จึงไม่สมควรอภิเษกขึ้นเป็นพระสนมเอกกุ้ยเฟย แต่เพื่อสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างหนานหยางกับซีเซี่ย ฮ่องเต้จะโปรดรับองค์หญิงหลิงหลิงเป็นพระขนิษฐา (น้องสาว) บุญธรรม เป็นองค์หญิงของหนานหยางแทน และเพื่อมิให้องค์หญิงเสื่อมเสียเกียรติยศ ฮ่องเต้จะประทานสมรสพระราชทานให้หวงหมิงกับองค์หญิงหลิงหลิงสมรสกัน...มีผู้ใดจะคัดค้านหรือไม่?" ไท่ชินอ๋องจงใจเพ่งมองท่านทูตซีเซี่ย ซึ่งรู้สึกผิดแผนจนมึนไปหมด...ตอนแรกที่รู้ข่าวว่า องค์หญิงหลิงหลิงหนีพิธีอภิเษก เขาก็ส่งคนไปจับตัวเพื่อเรียกค่าไถ่จากหนานหยาง แต่ก็ผิดพลาด แล้วอย่างนี้เขาจะกล้าเสนอหน้าค
หลิงหลิงหนีอภิเษกหลังจากเกิดเรื่องไท่ชินอ๋องโบยฮ่องเต้...หลี่ชิงก็เกลี้ยกล่อมไท่ชินอ๋องให้เปลี่ยนวิธีฝึกสอนฮ่องเต้เสียใหม่ โดยให้เหตุผลว่า "คนเรามีความสามารถไม่เท่าเทียมกัน...ในเมื่อฮ่องเต้ไม่ชอบฝึกวรยุทธ์ ท่านอ๋องก็สอนหลักการปกครองและพิชัยสงครามให้แก่ฮ่องเต้ ส่วนการฝึกวรยุทธ์ก็เอาแค่ให้ร่างกายแข็งแรงก็พอ แล้วหาองครักษ์ยอดฝีมือที่จงรักภักดีจำนวนหนึ่งตั้งเป็นหน่วยพิเศษคอยอารักขาฮ่องเต้โดยเฉพาะ...ดีหรือไม่ขอรับ?" "อืมม์" ไท่ชินอ๋องพยักหน้า "เอาตามที่เจ้าว่า"นับจากนั้น...ฮ่องเต้หนุ่มน้อยก็ต้องออกนั่งบัลลังก์ว่าราชการพร้อมไท่ชินอ๋องทุกเช้า ท่องตำราการปกครองและพิชัยสงครามทุกบ่าย ตกเย็นก็ฝึกปรือร่างกายพร้อมไท่ชินอ๋องและท่านอ๋องสี่... ทำให้พออายุสิบหก ฮ่องเต้ก็มีร่างกายสูงสง่าแข็งแรง... ..... ที่ท้องพระโรงของแคว้นหนานหยาง... คณะทูตจากซีเซี่ยมาเข้าเฝ้า เพื่อเร่งให้ทางหนานหยางอภิเษก (แต่งตั้ง) องค์หญิงหลิงหลิงเป็นฮองเฮา "อืมม์...องค์หญิงหลิงหลิงอายุสิบหกแล้วหรือ? นับเป็นอายุที่เหมาะสมจะแต่งงานจริงๆ" ไท่ชินอ๋องตอบคณะทูตจากซีเซี่ย แล้วหันไปกล่าวกับเจ้า
ฮ่องเต้ถูกโบย ท่านหญิงหานเลี้ยงดูเอาใจใส่หลี่ฉีเป็นอย่างดี จนเติบโตเป็นเด็กหญิงที่สวยงามมาก เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทที่นุ่มนวลอ่อนโยน วาจาอ่อนหวาน ช่างฉอเลาะ จนฮ่องเต้โปรดปรานอย่างยิ่ง ฮ่องเต้นั้นถูกไท่ชินอ๋องสั่งให้ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างหนัก แต่ฮ่องเต้ไม่โปรดวรยุทธ์ จึงแอบอู้อยู่บ่อยๆ จนผู้ฝึกสอนอ่อนใจ และเรื่องรู้ไปถึงไท่ชินอ๋อง ทำให้ไท่ชินอ๋องโมโหเป็นที่สุด จึงทำโทษฮ่องเต้ที่มีวัยเพียงสิบสามปี ให้วิ่งลากท่อนซุงไปรอบสนามฝึกซ้อมห้าสิบรอบ แต่ฮ่องเต้วิ่งไปได้เก้ารอบก็ประท้วงไม่ยอมวิ่งต่อ ไท่ชินอ๋องที่คุมการฝึกซ้อมด้วยตนเอง ก็สั่งให้นำหวายมาจะโบยฮ่องเต้ด้วยตนเอง หลานกงกงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบไปบอกหลี่ชิง หลี่ชิงรีบวิ่งไปยังสนามฝึกในวังหลวง เห็นไท่ชินอ๋องกำลังโบยฮ่องเต้อยู่ ฮ่องเต้ก็ทรงดื้อรั้น ร้องตะโกนว่า "โบยเราให้ตายไปเลยๆๆๆ..." "หยุดมือ!" หลี่ชิงตะโกนลั่น แต่ไท่ชินอ๋องกำลังโกรธจัด ก็ไม่ยอมหยุด หลี่ชิงตัดสินใจกระโดดเข้าไปกอดร่างฮ่องเต้ไว้ จึงถูกปลายหวายเข้าที่กลางหลังไปหนึ่งที "หลิวยี่ ฉีจื่อ เอาตัวไท่หวางเฟยออกไป" ไท่ชินอ๋องตว