ตอนที่ 1 แสงสี (ส่วนที่ 2)
ร่างสูงใหญ่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย เพราะเสียงแผดลั่นจากโทรศัพท์มือถือที่เจ้าตัวจำไม่ได้ว่าโยนไปตกตรงส่วนไหนของห้อง เสียงห้าวๆ สบถอย่างหงุดหงิด ไม่อยากลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนหวานเลย อุตส่าห์ฝันถึงนางฟ้าคืนเดียวที่เคยมีสัมพันธ์ด้วยทั้งทียังจะถูกขัดจังหวะอีก เมฆฉานยอมรับว่าติดใจเธอผู้นั้นอยู่ไม่น้อย จนเก็บเอามาฝันถึงหลายครั้ง หากนางฟ้าแสนสวยนั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ชื่อแซ่ก็ไม่คิดจะบอกเอาไว้ ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่พบเจอ ราวกับเจ้าหล่อนหลอมละลายกลายเป็นอากาศหายไปหลังจากหนีหายจากเตียงของเขาในตอนเช้าวันนั้น
เสียงโทรศัพท์ยังคงแผดลั่นไม่หยุด คนตัวโตทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมามองหาต้นตอของเสียงเจ้าปัญหา
"เมฆแย่แล้วโว้ย" เสียงตื่นเต้นดังขึ้นทันทีที่เมฆฉานกดรับสาย
"แย่แน่ โทรมาปลุกทำห่าอะไรแต่เช้า เดี๋ยวพ่อเตะซี่โครงหักเลย" พี่ชายตะคอกกลับไป เชื่อเถอะถ้าเจ้าน้องชายอยู่แถวนั้นเขาทำจริงๆแน่ มันก็รู้ว่าเขาเลิกงานเกือบเช้าทุกวัน ยังมาปลุกเสียแต่เช้า จริงๆ จะว่าเช้าก็คงไม่ใช่ เพราะเวลาที่บอกบนหน้าปัดนาฬิกาก็ใกล้เที่ยงแล้ว เอาเป็นว่ามันเช้าเกินไปสำหรับนายเมฆฉาน ผู้ใช้ชีวิตประดุจค้างคาวก็แล้วกัน
"ไม่ตื่นก็รอคุณยายไปปลุกแล้วกัน" น้องชายกระแทกเสียงกลับมา เป็นผลให้คนเป็นพี่ตาเหลือกลานเมื่อได้ยินชื่อผู้ที่ถูกกล่าวอ้างถึง
"ว่าไงนะไอ้หมอก" เมฆฉานรู้สึกว่าตื่นเต็มตาเลยทีเดียว
"คุณยายมาน่ะซิ ตอนนี้น่าจะบุกไปถึงหน้าห้องแล้วล่ะ โชคดีนะเมฆ" เสียงอวยพรแฝงไปด้วยอาการสยดสยองปนสะใจ สมน้ำหน้ามัน! เขาอุตส่าห์รีบโทรปลุกเป็นนานสองนาน น้องชายสาปส่งอย่างระอา
"เวรซิไอ้หมอก ทำไมพึ่งมาปลุกแล้วแกอยู่ไหน" พี่ชายถามรัว เวลานี้คุณหญิงยายของเขากำลังสร้างความหวาดหวั่นให้กับทั้งตัวเมฆฉานและภูหมอกเป็นอย่างมาก เพราะคุณหญิงรวีวรรณพยายามจะหาคู่ให้หลานชายทั้งสองสุดความสามารถ โดยไม่สนว่าสองหนุ่มจะยินยอมพร้อมใจหรือไม่
"พึ่งปลุกอะไร โทรจนแบตฯ จะหมดอยู่แล้ว เสือกนอนกินบ้านกินเมืองเอง" น้องชายบ่นกลับมา ถ้อยคำหยาบคายพ่นจากปากคล่องแคล่วเมื่ออยู่ลับหลังผู้ใหญ่
"มึงมาเลยนะไอ้หมอก มาช่วยกันก่อน" พี่ชายโวยวายลั่น ตอนนี้ชีวิตเขาวิกฤติยิ่งกว่าภูหมอกเพราะผู้เป็นยายตั้งเป้าจะจัดการกับเขาให้เรียบร้อย แล้วค่อยจัดการน้องชายเป็นรายถัดไป
"เสียใจด้วยนะพี่ชาย" เสียงน้องชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยนัก
"ตัวใครตัวมันว่ะ" จบประโยคนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดทันทีทำเอาคนที่พึ่งตื่นเต้นเป็นเจ้าเข้า สบถลั่นห้อง
"ไอ้น้องเวร ไอ้..." และเหมือนจะนึกอะไรออก เมฆฉานก้าวตรงไปกระชากประตูห้องเปิดออก ตั้งใจจะสั่งบอดี้การ์ดให้สกัดผู้เป็นยายเอาไว้ก่อน แต่หากดูเหมือนชะตาของหนุ่มหล่อจะถึงฆาตเมื่อประตูห้องพักเปิดออก ร่างของสตรีสูงวัยในชุดไหมไทยงดงาม ยืนส่งยิ้มหวาน โชว์กระบังลมเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า
"ตาเมฆ" ชายหนุ่มรู้สึกว่าเข่าแทบจะอ่อนทรุดไปกองที่พื้นแทบในทันที ให้ตายเถอะ! ส่งมือปืนมาดักรอเขาเสียยังดีกว่าให้พบเจอกับคุณหญิงยายตอนนี้
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มยกมือทำความเคารพด้วยใบหน้าซีดเซียว นึกพาลน้องชายคู่หูที่มาทิ้งกันดื้อๆ ไอ้หมอกนะไอ้หมอก พ่อจะสั่งห้ามเข้าสถานบันเทิงในเครือมอเรลทั้งเดือนเลย โทษฐานที่มันทิ้งพี่บังเกิดเกล้า
"โอ้ย พึ่งตื่นใช่มั้ย ตายแล้วลูก ยายให้เลขาฯโทรมาเตือนตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะว่าวันนี้จะพาไปเยี่ยมเพื่อนยาย" เสียงบ่นยืดยาว พร้อมกับสตรีสูงวัยที่ยังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วฉวยคว้าข้อมือหลานชายลากเข้าห้องอย่างรวดเร็ว
"ไปเลย รีบอาบน้ำแต่งตัว เร็วๆ ทำไมเหลวไหลอย่างนี้นะ" ชายหนุ่มร่างสูงเดินหมดอาลัยตายอยากเข้าห้องนอนเพื่อทำตามคำสั่งนั้นแต่โดยดี นอกบ้านเขาอาจจะเป็นเจ้าพ่อสถานบันเทิงผู้ทรงอิทธิพล แต่กับคนในบ้าน เขาก็ยังมีสภาพไม่ต่างจากเด็กชายเมฆฉาน น้องคนรองสุดท้องของตระกูลมอเรล
ตอนพิเศษ 2 เพียงเธอ (ส่วนที่ 2) เจ้าของร่างบอบบางรับรู้ถึงจมูกโด่งๆ ที่ไล้ไปตามลาดไหล่นวลผ่อง ก่อนจะส่งผ่านสำผัสหวามหวานไปทั่วแผ่นหลังป่าวเปลือยของตัวเอง เมฆฉานกำลังทำอย่างที่พูด เขา'ขยัน' เสียเหลือเกิน แถมร้อนแรงราวไฟโหมแผดเผาตัวเธอไม่หยุดหย่อน "พี่เมฆขา ทำไมถึง...เอ่อ...ต้องการมากนักล่ะคะ" เสียงถามแผ่วเบาเอ่ยถาม พยายามไขว่คว้า มือซุกซนที่ไล้บีบคลึงไปทั่วร่างน้อย "ลงโทษคนใจร้าย ทำไมหึ ทำไมถึงไม่อยากมีลูก พี่อยากมีลูกกับหนูลีนะ มีแล้วพี่เลี้ยงให้ก็ได้ ถ้าหนูลียังไม่พร้อมจะเลี้ยง เราแต่งงานกันแล้วนะครับ" คนตัวโตออดอ้อน เขาใฝ่ฝันมาตลอดที่จะมีทายาทกับหญิงสาวที่รัก ถ้าไม่ใช่ลีลา เขาก็ไม่ได้คิดจะอยากมีกับใครแน่ๆ "พี่เมฆ ฟังหนูลีอธิบายก่อนนะ" ลีลาพยายามหยุดการรุกรานของสามี" หนูลีอยากมีลูกกับพี่เมฆนะคะ เพราะหนูลีรักพี่เมฆ แต่อายุยี่สิบมันอาจน้อยไปที่จะมีลูกสักคน หนูลีไม่มั่นใจเลยค่ะว่าจะมีวุฒิภาวะพอจะเลี้ยงดูเด็กๆ ให้เขาโตมาอย่างมีความสุขหรือเปล่า" เสียเล็กๆ สั่นเครือ เมื่อหัวใจสะท้อนสะท้านไปกับความรู้จากความทรงจำมากมาย
ตอนพิเศษ 2 เพียงเธอ (ส่วนที่ 1) ดวงตากลมโตเป็นประกายสุกใส ขณะมองขนมสีสวยในกล่องหลากดีไซน์ที่สาวน้อยอ้อนวอนขอซื้อทุกแบบที่มีในร้าน "สวยจังค่ะพี่เมฆ ขนมก็สวย กล่องก็สวย ถุงอีก โอ้ยดูซิคะแม้แต่บิลเงินสดยังสวยเลย" เสียงกรี๊ดกร๊าดดังไม่หยุด ตั้งแต่หอบของถูกใจออกจากร้านขนมชื้อดังกลางกรุงปารีส "คนซื้อก็สวย" เสียงห้าวๆ ดังขึ้น พร้อมกับสายตาเจ้าชู้ที่ส่งไปยังภรรยาตัวน้อย แก้มนวลซับสีแดงระเรื่อแทบในทันที จนเมฆฉานอดใจไม่ไหวที่จะยื่นหน้าเข้าไปดอมดม "พี่เมฆน่ะ" ลีลาเบี่ยงตัวหลบอย่างเขินอาย “อยากมีลูกสาวกับหนูลีจัง ลูกเราต้องสวยน่ารักแน่ๆ แม่สวยขนาดนี้” อยู่ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นลอยๆ ทำเอาคนที่กำลังจิบน้ำอยู่ถึงกับสำลักกระอักกระไอรุนแรง “อ้าวใจเย็นๆ ครับ ตื่นเต้นล่ะซิ หรือว่าหนูลีอยากได้ลูกชายหล่อเหมือนพี่ ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่จัดให้ แต่คนแรกขอลูกสาวก่อนแล้วกัน” ลีลารู้สึกเห่อร้อนไปทั้งใบหน้า กับวาจาห่ามๆ ของสามี “กินซะจะได้เงียบๆ” มือบอบบางหยิบขนมในมือยัดใส่ปากคนตัวโต ก่อนจะเดินหน้าแดงหนีไปดื้อๆ
ตอนพิเศษ 1 ลีลาเคียงเมฆ (ส่วนที่ 2) ภายใต้ซุ้มดอกไม้สดงดงามกลางสวนสวย บ่าวสาวในชุดไทยสวยงามยืนเคียงคู่กัน ท่ามกลางรอยยิ้มชื่นบานของบรรดาญาติสนิท "เหมาะสมเหลือเกินนะคะคุณพี่ เจ้าบ่าวก็หล่อ เจ้าสาวก็งามหมดจดราวหลุดออกมาจากวรรณคดี หนูลีนี่แต่งชุดไทยขึ้นจริงๆ"คุณหญิงรวีวรรณเอ่ยชมแววตาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม ลูกสาวของเธอตัดสินใจไม่ผิดเลยที่ให้เจ้าบ่าว เจ้าสาวแต่งชุดไทยในงานเลี้ยง แทนที่จะแต่งชุดสากลตามสมัยนิยม คุณจงกลพยักหน้ารับ แววตายังจับจ้องอยู่ที่คู่บ่าวสาว ในที่สุดเธอก็จับจูงหลานสาวผู้อาภัพคนนี้เดินมาจนถึงปลายทางช่วงหนึ่งของชีวิต หนทางต่อไปเธอมั่นใจว่าชายหนุ่มผู้นั้นจะประคับประคองลีลาให้ก้าวต่อไปด้วยดี ความรักมากมายที่เมฆฉานได้พิสูจน์ให้เห็น เป็นดังหลักประกันได้ "วันนี้เจ้าบ่าวของเรามีสิ่งพิเศษจากหัวใจ ที่จะมอบเป็นเซอไพร์ให้เจ้าสาวครับ" ภูหมอกผู้รับหน้าที่พิธีกรในงานประกาศ เสียงขานฮือฮาดังเซ็งแซ่ไปทั่วบริเวณงาน เมื่ิอเจ้าบ่าวเดินตรงไปที่เปียโนด้านหลัง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เจ้าสาวเท่านั้นที่เซอไพร์กับเรื่องนี้ ครอบครัวเจ้าบ่าวก็ประห
ตอนพิเศษ 1 ลีลาเคียงเมฆ (ส่วนที่ 1) "ตายแล้ว! ปุ๊บ ปั๊บ ตาหนึ่งทำอะไรกันลูก" เสียงอุทานอย่างตระหนกดังขึ้น เมื่อเห็นสามหนูน้อยนั่งล้อมวงอยู่รอบๆ ถาดใส่ขนมหลากชนิด ปากเคี้ยวยับๆ อย่างเอร็ดอร่อย "กินหนมคับ อันนี้อร่อยมาก" มือป้อมๆ ของเด็กชายหนึ่งตะวัน หยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นอวดมารดา ก่อนจะส่งมันเข้าปาก แพนดารารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะลมจับในทันที "อันนี้ก็อร่อย" เด็กชายคู่แฝดอวดขนมที่ตัวเองชอบบ้าง ไม่รับรู้ถึงอาการกุมขมับของผู้ใหญ่ ดวงตาคู่สวยมองสภาพถาดใส่ขนมขันหมากด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง จะทำอย่างไรล่ะทีนี้ ตัวแสบทั้งสามกินขนมไปเกือบหมดถาดแล้ว จะหาขนมที่ไหนมาแทนได้ในเวลานี้เล่า ครั้นจะดุว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไร จริงๆ เธอควรจะบอกเด็กๆ เอาไว้ตั้งแต่แรกว่าขนมนี้เอามากินไม่ได้ "มีอะไรหรือหนูแพน" เสียงทุ้มนุ่มนวลดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสง่าของธรรศ มอเรล บิดาของสามีเธอ "สามแสบนั้นกินขนมขันหมากที่จะใช้ในพิธีพรุ่งนี้หมดไปเกือบถาดแล้วค่ะ ทีนี้จะแก้ไขอย่างไรดีคะ" ธรรศเลิกคิ้ว มองหลานชายทั้งสามที่ยังเอร็ดอร่อย ผลัดกันป้อนขนมให้กันชื่นมื่น
บทส่งท้าย 'กรงรัก' (ส่วนที่ 2) คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ เมื่อพาหนะที่เมฆฉานขับไปรับเธอมาจากสนามบินแล่นเลยทางเข้าเรือนไทยของผู้เป็นย่าไป ก่อนจะค่อยๆเลี้ยวเข้าประตูรั้วด้านข้างร้านขนม บ้านหลังน้อยท่ามกลางหมู่ไม้ค่อยปรากฏแก่สายตา ลีลายิ่งประหลาดใจมากขึ้น เธอจากไปเพียงเดือนกว่าๆ บ้านหลังนี้ผุดขึ้นมาได้อย่างไร ราวกับใครมาเนรมิตขึ้นมาอย่างนั้น จำได้ว่าบริเวณนี้แต่ก่อนเป็นสวนไม้ผลของคุณย่า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยออกผลเท่าไหร่แล้ว “บ้านใครคะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยงุนงงหันไปถามคนที่พามา ขณะก้าวลงจากรถตามการจับจูงของคนตัวโต “เรือนหอน่ะ เจ้าสาวก็อยู่ข้างๆ นี่ไง” เสียงห้าวๆ ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี รั้งเอวกลมกลึงของคนถามให้เดินตามเข้าไปด้านใน ลีลากวาดสายตาสำรวจไปรอบๆ อย่างงุนงง บ้านหลังน้อยสองชั้นสไตล์วิกตอเรียนตั้งอยู่ท่ามกลางส่วนร่วมรื่น แยกออกมาเป็นสัดส่วนด้วยรั้วต้นไม้ไม่สูงนัก มีทางเดินเชื่อมไปยังเรือนไทยของผู้เป็นย่า ทั้งลักษณะของบ้าน และการตกแต่งเป็นไปตามที่เธอใฝ่ฝันทุกอย่าง “พี่ปรึกษากับคุณย่าท่านแล้ว เห็นตรงกันว่าควรจะสร้างเ
บทส่งท้าย 'กรงรัก' (ส่วนที่ 1) ร่างสูงก้าวยาวๆอย่างรวดเร็วไปบนทางเดินกลางสนามบิน ดวงตาคมกวาดไปโดยรอบ ก่อนจะหยุดล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูด้วยอาการกระวนกระวาย หากดูเหมือนทำให้หัวใจยิ่งร้อนรุ่ม ยัยตัวร้ายยังไม่เปิดโทรศัพท์มือถือ หรือเปิดก็ไม่ยอมแชร์โลเคชันบอกตำแหน่งของตัวเอง เด็กบ้าเอ้ย! สั่งอะไรไม่เคยจะทำตามเลย บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าไม่ได้อยู่ข้างตัวเขา ห้ามปิดโทรศัพท์และให้แชร์โลเคชันบอกพิกัดที่ตัวเองอยู่เอาไว้ เขาจะได้รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน เมฆฉานย่ำเท้าไปเรื่อยๆ มือก็พยายามกดโทรศัพท์หาคนรัก หรือว่าเขาควรจะระดมคนมาพลิกสนามบินตามหาดี แต่นั่นมันก็เกินกว่าเหตุไป เพราะยังไม่มีอะไรที่ส่อเค้าว่าจะเกิดอันตรายกับเธอ เพียงแค่เธอหายไปจากการรับรู้ของเขาเท่านั้น จริงๆ เขาควรจะดีใจที่ลีลากลับมาก่อนกำหนด หลังจากเจ้าหล่อนตามมารดาไปเที่ยวเล่นที่อเมริกาทันทีหลังงานแต่งงานของน้าสาว หญิงสาวไม่ได้บอกกำหนดแน่นอนว่าจะไปนานเท่าไหร่ ตอนแรกประมาณการณ์เอาไว้ว่าขั้นต่ำน่าจะสามเดือน จำได้ว่าตอนนั้นเขาหงุดหงิดมากที่รู้ว่าคนรักมีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้วนานถึงสิบปี แบบนี้มันติดปีกชัดๆ มิน่านึก