“ไปทำอะไรมา ทำไมสภาพเละขนาดนี้”
“ไม่อยากพูดถึง พี่ดินไม่รู้อะไร ดาวต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วเนี่ย ซวยชะมัดยิ่งมาโดนฝนอีก เหนี่ยวตัวไปหมดอยากกลับบ้านไปอาบน้ำแล้ว”
หญิงสาวบ่นด้วยความเหนื่อยใจกับสภาพตัวเองวันนี้ ทั้งวันมีแต่คนทักเธอ เดินไปทางไหนก็มีแต่สายตาคนที่หันมามองจนเธอไม่รู้จะเอาหน้าไปแทรกแผ่นดินไว้ที่ไหนอยู่แล้ว
“ก็ไม่เล่า แล้วพี่จะรู้มั้ยว่าถูกใครรังแกมา”
“ดาวยังไม่อยากเล่าตอนนี้ พี่ดินรีบขับรถพาดาวกลับบ้านเถอะค่ะ”
“อ่าวเด็กคนนี้นิ พี่ก็ขับอยู่เห็นมั้ยว่ารถมันติด ไปได้ทีละนิดเนี่ย”
“เห็นค่ะ แต่มันหงุดหงิดสภาพตัวเองนิ”
“ก็แล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ตั้งแต่เช้า จะได้ให้คนเอาชุดมาให้เปลี่ยน”
“ก็ตอนนั้นมันรีบ คิดอะไรไม่ออก มีแต่อารมณ์โมโห มันผ่านมาแล้วช่างมันเถอะค่ะ”
เมื่อไม่อยากคิดถึงให้อารมณ์เสีย เธอจึงไม่พูดต่อทำเอาคนเป็นพี่ชายถึงกับส่ายหัวอย่างไม่เข้าใจเลยทีเดียว
“เรียนก็เรียนจบแล้ว โตแล้วนะเราน่ะทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ”
“พี่ดินจะให้ดาวรีบโตไปไหนคะ ดาวยังอยากเป็นน้องสาวที่น่ารักของพี่ไปนาน ๆ”
พูดไปพลางก็ใช้สองมือสอดกอดรัดรอบแขนของพี่ชายเอาไว้ พร้อมกับเอาศีรษะซบที่ไหล่กว้างอย่างออดอ้อน เหมือนเช่นทุกครั้งที่อยากได้อะไร
“อ้อนแบบนี้ อยากได้อะไรฮึ” เขาถามกลับอย่างรู้ทัน ก่อนเอามือขยี้ศีรษะผู้เป็นน้องสาวจนหัวฟูหยอง ระหว่างที่รถติดไฟแดง
“ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ดาวกินหน่อยนะคะ ดาวไม่ได้กินฝีมือพี่ดินนานแล้ว” เธอทำเสียงอ้อนอย่างน่ารักเชียว
“ได้สิน้องรัก แต่ตอนนี้ช่วยเอามือเหนียว ๆ ออกไปให้ห่างจากแขนของพี่ก่อน”
เขาว่าพร้อมทำหน้าอี๋ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะที่แขนของเธอ ไม่นานทั้งสองก็ขับมาถึงบ้านเดี่ยวสองชั้นสไตล์โมเดิร์น บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่ถูกตัดตกแต่งให้สวยงามรับกับตัวบ้าน
บรรยากาศดูร่มรื่นมีเงาของร่มไม้ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ ทำให้บ้านเย็นสดชื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมอยู่โดยรอบ เมื่อมาถึงทั้งสองก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว ก่อนจะมารวมตัวกันอีกครั้งในช่วงมื้อค่ำ
“ดาวเรียนจบแล้ว ขอบคุณพ่อกับพี่ดินมากนะคะที่คอยอยู่ข้าง ๆ กันตลอดในยามที่ดาวท้อแท้”
“ยินดีด้วยนะลูกสาว พ่อต้องขอโทษที่ทำให้หนูเรียนจบช้ากว่าเพื่อน ๆ” ประภาสลูบศีรษะบุตรสาวอย่างอ่อนโยน ด้วยความรู้สึกรักปนรู้สึกผิด ที่ทำให้บุตรทั้งสองต้องมาร่วมลำบากไปกับเขา เพราะความไว้ใจเพื่อนทำให้มีผลกระทบถึงลูก ๆ
“โหย... คุณพ่อคะ ยังไม่เลิกคิดมากอีก ถ้าต้องเลือกอีกครั้งดาวก็จะเลือกครอบครัวเราอยู่ดี ถึงจะไม่ได้เรียนอีกเลยดาวก็ยอมค่ะ”
นิศราโผเข้าสวมกอดบิดาแสดงความรักและห่วงใย เธอไม่เคยโทษบิดาเลยสักครั้งที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
“พอทั้งสองคนเลยครับ วันนี้วันดีงดดราม่าแล้วมาทานข้าวกันดีกว่าครับ” นคินทร์แทรกก่อนที่บิดาของตนจะดึงดราม่าจนทำให้เสียบรรยากาศ
“โห พี่ดินทำเองทั้งหมดเลยหรือคะ”
“ใช่นะสิฉลองเรียนจบน้องสาวทั้งที ไหน ๆก็ได้โอกาสทำแล้ว ไม่ได้โชว์ฝีมือตั้งนานจะทำน้อยได้ยังไง”
พูดพลางก็เอามือขยี้ศีรษะน้องสาวไปพลางอย่างเอ็นดูปนมันเขี้ยว
“ขอบคุณนะคะ” เธอโผเข้ากอดผู้เป็นพี่ชายด้วยความรู้สึกขอบคุณ
“ทานกันเลยดีกว่า” ประภาสเอ่ยชวนลูกทั้งสอง ภายในโต๊ะอาหารมีเสียงพูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ตามประสาครอบครัวอบอุ่นที่มีเรื่องอะไรก็จะมาเล่าแชร์ให้กันฟัง
“อืมดาว พี่จะให้เราเข้าไปเสนองานกับบริษัท ธีรวัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ เป็นโปรเจกต์ออกแบบภายในโครงการบ้านเดี่ยวที่สมุทรสาครนะ”
“ที่ดาวออกแบบหรือคะ ..”
“ใช่ พี่ว่า Concept ของโครงการ ตรงกับแบบที่ดาวออกแบบไว้เลย ปรับปรุงเพิ่มเติมตามความต้องการของลูกค้าเข้าไปนิดหน่อยก็ใช้ได้เลยล่ะ”
“จริงเหรอคะดีใจจัง พี่ดินไม่ต้องเป็นห่วงนะ ดาวจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน รอรับงานใหญ่ได้เลย” หญิงสาวบอกอย่างมั่นใจ
“ทำให้เต็มที่ก็พอ ผลออกมาเป็นยังไงก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นประสบการณ์”
“ทราบแล้วค่ะ ดาวจะทำให้เต็มที่”
“พรุ่งนี้คุณพ่อมีนัดตรวจหัวใจนะครับ ผมจะให้กิตติพาไปพรุ่งนี้ผมติดประชุม” นคินทร์หันไปบอกบิดาที่นั่งทานข้าวอยู่ฝั่งหัวโต๊ะ
“ดาวพาคุณพ่อไปเองค่ะ” หญิงสาวเสนอ
“ไม่ได้! เราน่ะต้องเข้าประชุมด้วย เกี่ยวกับโปรเจกต์ที่ต้องไปเสนองานลูกค้านี่แหละ” นคินทร์ขัดพร้อมอธิบายเหตุผล
“ไม่ต้องห่วงพ่อหรอก พ่อไปกับเจ้าติได้ ไปทำงานกันเถอะ”
ประภาสรู้ว่าบุตรทั้งสองเป็นห่วง ทั้งงานที่บริษัทและเป็นห่วงทั้งสุขภาพของตนเอง เขารู้ดีว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาบุตรทั้งสองของเขาต้องเหนื่อยมากเพียงใดที่ต้องมาแบกรับภาระหนี้สินปัญหาของบริษัทที่เกิดจากการบริหารผิดพลาดของตน เขาไว้ใจเพื่อนสนิทมากเกินไป ทำให้เกิดการทุจริตยักยอกเงินครั้งใหญ่ จนทำให้บริษัทประสบปัญหาด้านการเงิน
นคินทร์บุตรชายคนโตต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวแทน และเข้ามาบริหารงานในบริษัทแบกรับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาพร้อม ๆ กัน มันเป็นเรื่องที่หนักมากสำหรับชายหนุ่มที่พึ่งเรียนจบ แต่เขาก็อดทนและใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมา ทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ จนสามารถทำให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตมาได้
นิศราต้องปรับตัวใหม่จากที่เคยมีเงินใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องมาประหยัดอะไรที่ไม่จำเป็นก็ต้องตัดทิ้งไป เธอตัดสินใจออกมาช่วยงานบริษัทอย่างเต็มตัว ทั้งที่บิดาและพี่ชายห้ามเธอก็ไม่ฟังถึงแม้เธอจะยังเรียนไม่จบ แต่เธอสามารถออกแบบงานได้อย่างกับมืออาชีพเพราะเป็นความชอบส่วนตัว
หลายงานที่เธอออกแบบ ไปเสนอขายลูกค้าได้ ทำให้บริษัทเกิดรายได้เข้ามาหมุนเวียน ต้องยอมรับว่ามีเธอมาช่วยมันแบ่งเบาภาระนคินทร์ได้มากเลยทีเดียว
สองพี่น้องช่วยกันหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาทีละอย่าง อันไหนเจรจากับซัพพลายเออร์ได้ก็ทำ การยอมรับปัญหาและเข้าไปอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นตรง ๆ กับลูกค้าทำให้คู่ค้าส่วนใหญ่เห็นใจเข้าใจและยอมช่วยเหลือโดยเลื่อนเวลาส่งมอบงานให้
ส่วนงานไหนที่ไม่สามารถเลื่อนได้ ทั้งสองจะชดเชยให้ลูกค้าในส่วนที่สามารถชดเชยได้ เพื่อขอเวลาในการแก้ปัญหาภายในเพิ่ม ความสามารถและความจริงใจของทั้งสองทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดู ทั้งมั่นใจในความสามารถ เชื่อใจพร้อมที่จะสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่อีกด้วย
ต้องยอมรับปัญหาครั้งนี้ ทำให้ภายในของบริษัทเกิดความไม่มั่นคง มีแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทำให้ทั้งสองต้องรับมือทั้งปัญหาภายในและภายนอกไปพร้อม ๆกัน ถือว่าเป็นเรื่องยากมากจริง ๆ สำหรับทั้งสองคนที่ยังอ่อนประสบการณ์
ประภาสหลังจากรู้ว่าถูกเพื่อนรักโกงจนบริษัทกำลังจะล้มละลาย ทำให้สุขภาพย่ำแย่ป่วยเป็นโรคหัวใจ ต้องหยุดทำงานกลายเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบทั้งหมด ตกเป็นของบุตรทั้งสองอย่างเต็มตัว งานหนักจึงตกมาอยู่ที่นคินทร์ลูกชายคนโต เพราะมีใบปริญญาจบจากเมืองนอกมา ทำให้พอเป็นที่ยอมรับของเหล่าพนักงานทั้งหลายและลูกค้า ถึงจะมีประสบการณ์ไม่มาก แต่เขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองจากผลงาน จนเป็นที่ยอมรับได้ในเวลาเพียงไม่นาน
ส่วนนิศราที่ยังเรียนไม่จบ แต่มีความสามารถในการเขียนแบบหญิงสาวช่วยในเรื่องงานออกแบบ ขายแบบเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนใช้จ่ายในบริษัทส่วนหนึ่ง ปัญหาของบริษัทในครั้งนี้ทำให้พนักงานหลายคนลาออก ด้วยกังวลว่าบริษัทจะไปไม่รอดในเร็ววัน แต่ก็ยังมีพนักงานเก่าแก่อีกหลายคนที่ยืนยันจะอยู่ต่อสู้ไปกับบริษัท เพราะเชื่อมั่นความสามารถของนคินทร์ที่จะสามารถแก้ปัญหาในครั้งนี้ได้ ถือเป็นการคัดคนงานไปในตัวด้วย เหลือไว้เพียงคนที่รักองค์กรและพร้อมต่อสู้ไปกับบริษัท
บัดนี้บริษัทของเธอได้กลับมาสู่ภาวะปกติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายใต้การบริหารงานของนคินทร์ เมธากุล อย่างเต็มตัว ทำให้บริษัทกำลังจะกลับมามั่นคงเช่นเดิมในอีกไม่นาน
“ดาว พี่ได้เอกสารเกี่ยวกับการโอนเงินเพิ่มเติมมาแล้ว กำลังส่งให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยตรวจสอบลายเซ็นให้อยู่ ถ้ายืนยันได้ว่าเป็นลายเซ็นปลอม เราจะมีหลักฐานที่จะนำไปใช้ในศาลเพิ่มขึ้น”
นคินทร์บอกน้องสาวขณะยืนล้างจานอยู่ หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ ดวงตาฉายแววเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ดิน เราจะชนะคดีมั้ยคะ ทำไมคนชั่วอย่างมันถึงมีคนช่วยเยอะขนาดนี้”
“เงินที่โกงคนอื่นไป สักวันเดี๋ยวมันก็หมด เราแค่อดทนรออีกหน่อย พี่สัญญาว่าพี่จะเอาทุกอย่างที่เป็นของเราคืนกลับมาให้ได้”
“ดาวเป็นห่วงพี่ดินนะ ไม่รู้มันจะทำอะไรชั่ว ๆอีกมั้ย พี่ดินต้องระวังตัวให้มาก ๆนะคะ”
“อืม ไม่ต้องห่วงพี่ เราเองก็ต้องระวังตัวด้วยอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วก็อย่าไว้ใจคนแปลกหน้าเข้าใจมั้ย”
“รู้น่า พรุ่งนี้เลิกงาน ดาวไปฉลองเรียนจบกับเพื่อน ๆ นะคะ พี่ดินไปด้วยกันนะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์
“พี่ดูก่อนแล้วกัน ถ้าไปได้จะแวะไป แต่ยังไม่รับปากนะ” ทำไมเขาจะไม่รู้ทันเธอ หลายครั้งที่นิศราพยายามจับคู่เขากับเพื่อนรักของเธอ
“ได้ค่าา ดาวส่งที่อยู่ร้านให้ในไลน์นะคะ ตามมาให้ได้นะ”
เช้าวันต่อมาประภาสเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี พร้อมนคินทร์ทั้งสองสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันพูดคุยอัปเดตชีวิตในช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกัน รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของลูก ๆ ช่วงที่ผ่านมาอย่างสนุกสนานทั้งรุ่นพ่อและรุ่นลูก“พวกเรามันแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ สิ่งที่ทำให้อยู่ต่อได้ก็คือเห็นลูก ๆ มีความสุขไม่มีเรื่องทุกข์ใจนั่นแหละ” ประภาสว่า“อืม เห็นพวกเขาเติบโตมีงานการที่ดีทำ พ่ออย่างเราก็สบายใจนอนตายตาหลับแล้ว”“ถ้าเจ้าโจกลับไปทำงาน แล้วแกเหงาไม่มีเพื่อนก็มาอยู่ด้วยกันก็ได้นะ ต่อไปยัยดาวก็ต้องออกเรือน ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน”“ฮ่า ๆ แบบนั้นก็ดีนะไม่เหงาดีด้วย แต่ฉันยังมีหลาน ๆทางโน้นไม่มีเวลาเหงาหรอก ถ้าจะให้มาอยู่กับแก ก็คงต้องคิดถึงหลานทางนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรเป็นแน่”“ก็ถ้าเหงาไง ให้มาอยู่ด้วยกัน”“ฮ่า ๆ ไอ้เรื่องอยู่ด้วยกันไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาคือ ตอนนี้แกน่าจะเหงานะเพื่อน ให้หนูดาวหรือตาดินรีบแต่งานสิ จะได้มีหลานมาวิ่
สามชั่วโมงที่นิศราหายออกจากห้องไป และไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ทำให้ธีรวัฒน์หงุดหงิดใส่ทุกคนเป็นการระบายอารมณ์ ไม่เคยมีใครปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้มาก่อนเธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับเขา แถมไปไม่บอกไม่อธิบายอะไรเลย เขาไม่พอใจเธอมากภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายไป หญิงสาวเดินจับมือชายอื่นต่อหน้าต่อตาเขาออกจากห้องไป ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาอยู่เลยตอนนี้เขานอนไม่เป็นสุข นั่งก็ไม่เป็นสุข ต้องลุกเดินไปมา นคินทร์ก็ไม่ได้บอกเพื่อนว่าหญิงสาวอยู่เพียงห้องข้าง ๆ เท่านั้นเอง แต่หากเขารู้ว่าเธออยู่ห้องข้าง ๆมีหวังได้เดินไปอาละวาดพาตัวน้องสาวเขากลับมาเป็นแน่นคินทร์เอาแต่นั่งยิ้มอย่างสะใจ มองคนป่วยวุ่นวายหัวใจเดินวนไปวนมาภายในห้องอย่างอารมณ์ดี“มึงหยุดเดินก่อนได้มั้ยว่ะไอ้ธีร์ กูเวียนหัว” เมื่อเห็นเพื่อนเดินไม่หยุดก็อดรำคาญไม่ได้“มึงไม่เห็น ดาวจับมือไอ้ผู้ชายคนนั้น เดินออกไปเลยนะเว้ยต่อหน้ากู จะให้กูนอนเฉย ๆได้ยังไง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“มึงอะ คิดมากเกินไปเขาบอกเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนสิวะ มึงพูดแบบนี้แสดงว่า
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มที่นั่งหน้าตึงรอเธอกลับเข้าไป แต่บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องก็ยืนมองทั้งสองคุยกันอย่างออกรส ใจก็ลุ้นให้นิศรารีบกลับเข้าไปในห้องโดยเร็ว เพราะพวกเขาก็ถูกคนในห้องกดดันมาให้รีบพาเธอเข้าไปแต่ก็ไม่มีใครกล้าแทรกกลางบทสนทนาของทั้งคู่ ที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ต่างเกี่ยงกันจนมีชายหนึ่งคนถูกเพื่อนผลักออกมาด้านหน้า ทำให้หญิงสาวหันไปมองและต้องสงสัยกับท่าทีที่แปลกไปของพวกเขา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” นิศราหยุดการสนทนาลงแล้วหันไปถามด้วยความสงสัย“เอ่อ คือเจ้านายรอคุณดาวอยู่ด้านในครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบอกเมื่อได้โอกาสที่เพื่อนทั้งสองสร้างให้ ด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่เสียมารยาทต่อเธอ“ค่ะ ดาวกำลังจะเข้าไปพอดี”เธอบอกอย่างอ่อนโยน บอดี้การ์ดหนุ่มจึงโค้งศีรษะรับอย่างสุภาพและโล่งใจที่หญิงสาวไม่ต่อว่า“โจงั้นเราเข้าไปข้างในก่อนนะ จะเข้าไปด้วยกันมั้ย” เธอหันมาถามเพื่อน“ยังดีกว่า เดี๋ยวเราจะไปคุยกับคุณหมอ เรื่องอาการของพ่อก่อน”“ถ้าอย่าง
เช้าวันที่สองของการอยู่โรงพยาบาลวันนี้นิศราตื่นเช้ากว่าคนป่วย จึงออกมาเดินสูดอากาศด้านนอก ปล่อยให้คนป่วยได้นอนหลับพักผ่อนยาว ๆขณะที่เดินเล่นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ทำให้ไม่ทันระวังเดินชนเข้ากับใครบางคน“อุ๊ย..”“ ขอโทษครับเป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่เป็นอะไรค่ะ แล้วคุณละคะ...เอ๊ะ” นิศราชะงักเมื่อใบหน้าของชายตรงหน้าช่างดูคุ้นชินอย่างกับเธอเคยเห็นเขามาก่อน“ดาวว” ชายที่เดินชนเธอเมื่อสักครู่เป็นฝ่ายจำได้ก่อนโดยตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยสีหน้าที่ดีใจ“โจ เหรอ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอก็จำได้ สีหน้าดีใจไม่แพ้กัน“ใช่นะสิ โชคดีจังที่เจอที่นี่” ชายหนุ่มตอบด้วยความดีใจ คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอเธอที่นี่ หลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปี“ฮ่าา โจจริง ๆด้วย กลับมาไทยตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอถามในขณะที่ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความคิดถึง หลังไม่ได้เจอกันนาน ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน สนิทสนมเป็นเหมือนคนในครอบครัวกันเลย“พึ่งลงเครื่อ
“ครับ ๆผมก็แค่ตอบคำถามเจ้านายเองนะครับ” พูดแล้วก็มองหน้าเจ้านายอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาที่แข็งกระด้างนั้นแล้ว เขาคิดว่าควรที่จะไปจากตรงนี้ก่อนเสียดีกว่า“ไม่แซวแล้วครับบบ ผมไม่กวนทั้งสองคนแล้ว” พูดจบก็เดินถอยออกมา ก่อนไปก็แวะกระซิบเตือนหญิงสาวเสียหน่อย แต่พูดเสียงดังตั้งใจให้คนถูกนินทาได้ยินด้วย“เจ้านายผมรุกเก่งนะครับ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี”“ไอ้วิทย์” ธีรวัฒน์เรียกเสียงเข้มเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย“ไปแล้วคร๊าบบบ”“ขอบคุณนะคะ ดาวจะระวังตัวให้มาก ๆ” นิศรารับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เลขาหนุ่มเป็นการลา“ถ้าอย่างนั้นผมฝากคุณดาวดูแลท่านด้วยนะครับ ผมจะให้บอดี้การ์ดอยู่เฝ้าหน้าห้องสองคน ขาดเหลืออะไรบอกพวกเขาได้เลย”“ค่ะ พี่วิทย์ไปพักเถอะ ดาวจะดูแลพี่ธีร์ให้เองสัญญาว่ายุงสักตัวก็จะไม่ให้มากัดเลย” เธอบอกเสียงใสจากนั้นวรวิทย์ก็กลับบ้านไปพักผ่อน เพราะตั้งแต่เมื่อคืนเขาเองก็ยังไม่ได้นอนเลย“แฟนพี่นี่ทั้งน่ารักและจิตใจดีจัง” ได
เย็นวันเดียวกันนิศราเดินทางกลับมายังโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าไข้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอมาในเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เตรียมมาสำหรับเฝ้าไข้คนป่วยอีกหลายวัน“นี่จะย้ายบ้านไปไหน ลากกระเป๋าใบใหญ่มาเชียว”นคินทร์แซวน้องสาวที่พึ่งเดินเข้ามาเขารู้ว่าเธอเตรียมมาเฝ้าไข้คนป่วย ที่ต้องรักษาตัวที่นี่อีกหลายวัน แต่ไม่จำเป็นต้องขนกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้มาก็ได้ นี่เธอกะว่าจะไม่ห่างจากเขาเลยหรือเนี่ย“ไม่ได้จะไปไหนคะ เตรียมมาเฝ้าคนป่วยนี่แหละ”“กะจะไม่กลับบ้านเลยหรือไง คนป่วยก็มีหมอมีพยาบาลดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาลำบากอยู่เฝ้าเลย” นคินทร์ให้เหตุผล“ดาวไม่ได้ลำบากอะไร อีกอย่างคุณหมอและพยาบาลก็ไม่ได้อยู่ดูแลตลอด24ชั่วโมงนี่คะ เกิดพี่ธีร์เป็นอะไรระหว่างที่พยาบาลไม่อยู่ขึ้นมาจะทำยังไง”“หรา”“ใช่ค่ะ อีกอย่างจะต้องเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลาทำไม”นิศราอธิบายเพิ่ม“แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือไงเรานะ” นคินทร์ยังพยา