จากนั้นลูกน้องอีกคนของมันก็วิ่งไปหมายจะจับสองสาวไปขึ้นรถ แต่มีเสียงทรงพลังดังจากทางด้านหลังขัดไว้เสียก่อน
“ถ้ามึงเข้าใกล้ผู้หญิงอีกก้าวเดียว กูก็จะยิงหัวพวกมึงทิ้งทันทีเหมือนกัน”
เสียงเหี้ยมบอกทำให้พวกมันทั้งสามคนหันไปมองพร้อมกัน แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ชายหนุ่มเบื้องหน้าคือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ในชุดสูทภูมิฐานแน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักเขา เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ข้างกายมีบอดี้การ์ดอีกสี่คน ที่ตอนนี้เล็งปืนมาทางพวกเขาอยู่
“วางปืนลงแล้วยกมือขึ้น รู้ใช่มั้ยว่ายิ่งขัดขืนจะยิ่งทำให้เจ็บตัว” วรวิทย์สั่งพร้อมขู่
เมื่อเห็นว่าเป็นรองกว่า พวกมันจึงยอมทำตามคำสั่งจากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างคาดไว้หลังศีรษะ ทันทีที่พวกมันทำตาม บอดี้การ์ดสามคนก็เข้าไปล็อกตัวพวกมันไว้
“พาพวกมันไปไว้ที่บ้านก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
ธีรวัฒน์สั่งเสียงเข้มกัดกรามแน่นด้วยความโกรธ แต่เขายังไม่อยากทำอะไรพวกมันตรงนี้ ก่อนจะเดินผ่านพวกมันทั้งสามคน ไปยังหญิงสาวด้านหลัง
“คุณธีร์ช่วยคุณดาวด้วยค่ะ คุณดาวโดนยิง”
พูดยังไม่ทันจบดีร่างบางที่ตอนนี้ใบหน้าซีดเซียวก็ทรุดตัวล้มลงเพราะความเหนื่อยและเพลียจากการเสียเลือดมาก
ชายหนุ่มรีบเข้าไปรับร่างบางที่กำลังจะล้มลงไปกองกับพื้น มาประคองไว้ ก่อนจะส่งปืนให้วรวิทย์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วช้อนอุ้มร่างที่ใกล้หมดสติพาไปขึ้นรถของเขา
15 นาทีก่อนหน้านั้น
เอี๊ยด...เสียงรถตู้คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วเบรกกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้นวิทย์”
“เกิดอุบัติเหตุข้างหน้าครับ ดูเหมือนว่ารถเก๋งจะชนต้นไม้”
เมื่อเห็นรถจอดสนิทเลขาหนุ่มก็เพ่งสายตากวาดมองไปยังรถทั้งสองคันที่ตกลงข้างทาง ภาพที่เขาเห็นคือผู้หญิงสองคนกำลังวิ่งหนี ชายฉกรรจ์สามคนที่วิ่งตาม ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น
ปัง! ปัง!
ภาพที่เขาเห็นคือหนึ่งในสองคนนั้นถูกยิง พอทั้งสองหันหน้ากลับมาทำเขาต้องตกใจ รีบเร่งเครื่องรถเดินหน้าต่อทันที
“คุณดาว! นายครับนั่นคุณดาวกับผู้ช่วยของเธอ”
วรวิทย์ร้องเสียงหลงรีบบอกผู้เป็นเจ้านาย เมื่อได้ยินเลขาหนุ่มร้องขึ้น เขาก็มองไปทางด้านหน้าอย่างพินิจก็ต้องตกใจไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้หนึ่งในสามคนนั้นกำลังเล็งปืนไปยังเธอ ชายหนุ่มสั่งให้จอดรถและรีบลงไป เมื่อเจ้านายลงไป ทุกคนก็รู้หน้าที่ รีบตามไปรักษาความปลอดภัยให้ บอดี้การ์ดในรถอีกคันก็เช่นกัน
ธีรวัฒน์ใช้ผ้ากดที่แผลช่วยห้ามเลือดให้หญิงสาวที่ใกล้หมดสติ เขาจ้องมองใบหน้าหวาน ที่ตอนนี้ซีดเซียวเต็มไปด้วยเลือดโชกที่ไหลออกมามือหนาค่อย ๆเช็ดเลือดออกให้อย่างเบามือ
“คุณเป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไหว” เธอตอบเสียงอ่อนเพลีย
“เกิดอะไรขึ้นครับ พวกนั้นเป็นใคร”
เขาพยายามชวนคุยเพื่อไม่ให้เธอหมดสติ ขณะที่ถามตาก็ไล่มองตามใบหน้าและร่างกายของหญิงสาว ดูว่ามีบาดแผลตรงไหนอีก ด้วยความอ่อนเพลียจากการเสียเลือด เธอได้เพียงแต่พยักหน้า
“เฮ่ เฮ่ คุณห้ามหลับนะครับ คุยกับผมก่อน” ไม่ทันที่เธอจะได้ยินคำถามของเขา สติที่เหลือน้อยนิดก็ดับไป
“วิทย์ขับเร็วกว่านี้หน่อย” เมื่อเห็นร่างบางตรงหน้าหมดสติไป ใจเขาก็กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
ระหว่างเดินทางไปยังโรงพยาบาล เขาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้ช่วยของเธอ ที่นั่งตัวสั่นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นิดก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเรื่องอะไร พวกนั้นขับรถตามเรามาตั้งแต่หน้างาน แล้วก็ชนท้ายรถจนรถเราตกถนนไปชนกับต้นไม้ คุณดาวพานิดวิ่งหนีหวังจะเจอคนให้ช่วยค่ะ แต่พวกมันก็ตามมาแล้วยิงคุณดาวจากนั้นคุณธีร์ก็มาเจอ”
ผู้ช่วยสาวเล่าด้วยความหวาดกลัว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ก่อนจะนึกขึ้นได้
“จริงด้วยค่ะ ตอนที่พวกมันยิงโดนคุณดาว พวกมันคนหนึ่งตะโกนบอกว่านายมันต้องการคุณดาวตัวเป็น ๆ” เธอเล่าเสริมจากสิ่งที่ได้ยินหวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง
ขณะที่คนโดนยิ่งนอนซบอกเขาอยู่นั้น เริ่มมีอาการหนาวสั่นจนเขาต้องเอาเสื้อมาห่มให้ พร้อมกอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้น
“แล้วคุณนิดบาดเจ็บตรงไหนมั้ยครับ” ธีรวัฒน์ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเอาแต่ถามเรื่องคนร้าย จนลืมถามอาการคนตรงหน้าไปเลย
“ไม่ค่ะ โชคดีที่พวกคุณมาช่วยไว้ทัน ขอบคุณนะคะ”
“คุณนิดพักก่อนเถอะครับ ถึงโรงพยาบาลแล้วให้หมอตรวจเช็กอาการอีกทีจะได้มั่นใจ”
“ค่ะ”
ไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ด้วยความร้อนใจชายหนุ่มอุ้มร่างหญิงสาวไปส่งถึงเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินทันที ไม่รอเวรเปลด้วยซ้ำ ก่อนจะออกมานั่งรอฟังอาการของเธอด้านนอกปล่อยให้หมอและพยาบาลทำหน้าที่ของตัวเองไป
“นายครับ” วรวิทย์เรียกพร้อมยื่นน้ำดื่มให้
“ขอบใจ พวกนั้นบอกอะไรหรือยัง” เมื่อรับน้ำดื่มมาก็ถามถึงไอ้พวกที่จะจับตัวนิศราไปทันที
“มันบอกแล้วครับ มีคนจ้างมันมาจับตัวคุณดาวอีกที”
“รู้มั้ยว่าเรื่องอะไร”
เรื่องคดีความบริษัทของคุณดินครับ ผมว่าเราควรบอกท่านประภาสให้ทราบด้วยนะครับ
“บอกอ่ะบอกแน่ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ว่าแต่โทรบอกไอ้ดินแล้วหรือยัง”
“โทรแล้วครับ คุณดินกำลังมาคาดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา นิศราถูกพาตัวไปยังห้องพักฟื้นไม่นานหลังจากนั้นนคินทร์ก็เดินทางมาถึง
“ไอ้ธีร์น้องกูเป็นยังไงบ้างวะ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว หมอผ่าตัดเอากระสุนออกให้แล้ว มีหัวแตกด้วยเอกซเรย์แล้วไม่มีเลือดคั่ง”
“แล้วคุณนิดล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“คุณนิดก็ปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ก็ตกใจมากเหมือนกัน กูให้คนไปส่งที่บ้านแล้ว”
“ขอบใจมากนะเพื่อน แล้วนี่ยัยดาวฟื้นมาบ้างหรือยัง”
“ยังน่าจะหลับยาวถึงพรุ่งนี้เลยหมอบอก ออกมาคุยกันข้างนอกหน่อย” ธีรวัฒน์บอกเพราะไม่อยากรบกวนคนป่วยที่นอนหลับอยู่
“ว่าไง”
“คนที่จ้างพวกนั้นมาลักพาตัวดาว คือไอ้เสี่ยเกรียงชัย ใช่คนเดียวกับที่มึงเล่าให้กูฟังครั้งก่อนมั้ย” ธีรวัฒน์ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่ มันนั่นแหละ มันหายตัวไปได้สักพักแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นดาวก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ ครอบครัวมึงก็ด้วย พวกที่กูจับได้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ที่ไหน คุยกันผ่านโทรศัพท์อย่างเดียว” เขาบอกด้วยความเป็นห่วง
“เฮ้อออ กูควรทำยังไงดีวะ”
“มึงต้องระวังตัวให้มาก ห้ามประมาทกูว่ามันคงส่งคนมาจับตาดูความเป็นไปของครอบครัวมึงอยู่”
ติ๊ง เสียงข้อความดังขึ้นนครินทร์ก้มมอง ก่อนทำหน้าเครียดขึ้นจนธีรวัฒน์สังเกตได้
“มีอะไรหรือเปล่า”
“พ่อกูไม่สบาย กูยังไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องนี้เลยวะ กลัวโรคหัวใจจะกำเริบ”
“งั้นก็ยังไม่ต้องบอก มึงกลับบ้านไปก่อนน้องมึงเดี๋ยวกูดูแลให้เอง มึงก็บอกคุณอาว่าให้ช่วยงานกูก็ได้ ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม ก็ได้ งั้นฝากดูด้วยนะเพื่อน”
“ไม่ต้องห่วงจะดูแลให้อย่างดี”
“ขอบใจมาก”
เช้าวันถัดมานิศรารู้สึกปวดที่แขน เมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่พบคือ ชายคนที่ช่วยเธอไว้เมื่อวาน ยืนกอดอกจ้องมองเธออยู่
“รู้สึกยังไงบ้างครับ ปวดหัวหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ แต่ปวดที่แขน” เธอตอบเสียงแหบแห้ง เขาจึงเดินไปหยิบน้ำรินใส่แก้วให้
“ขอบคุณค่ะ นี่กี่โมงแล้วคะ”
“8 โมง ครับ”
“ตายแล้ว! ฉันต้องโทรไปบอกที่บ้านก่อน ป่านนี้ที่บ้านเป็นห่วงกันแย่แล้ว”
“เมื่อคืนพี่คุณมาเยี่ยมแล้วตอนคุณหลับ”
“พี่ดินมาแล้ว แล้วทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าอยู่เฝ้าฉันน่ะ”
“ครับ”
“ครับ” เธอทวน
“ผมอยู่เฝ้าคุณทั้งคืน”
“จริงสิแล้วคุณนิดละคะ ผู้ช่วยของฉัน เธอเป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“เธอปลอดภัยดีครับ”
“เฮ้อออ” นิศราถอนหายใจอย่างโล่งอก ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ คุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว
“เป็นยังไงบ้างครับคนไข้ มีปวดหัวหรือรู้สึกเหมือนจะไม่สบายมั้ย”
“มีเจ็บที่หัวนิดหน่อย แต่ปวดแขนมากเลยค่ะ”
“แผลอักเสบนะครับ เดี๋ยวหมอจ่ายยาแก้ปวดกับลดอักเสบให้ ความดันปกติไม่มีไข้หมอจะให้พักดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนสักสองวันนะครับ”
“สองวันเลยหรือคะ”
“ครับ หมอกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ คนไข้ติดปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่ติดอะไร ขอบคุณครับคุณหมอ” ไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบ ธีรวัฒน์ก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวก่อนนะ พยายามอย่าพึ่งขยับแขนมากนะครับคนไข้” คุณหมอย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป ตามด้วยพยาบาล
“คุณติดปัญหาอะไร”
“ฉันกลัวคนที่บ้านเป็นห่วงนะค่ะ”
“เดี๋ยวผมโทรบอกที่บ้านคุณให้เอาเบอร์มา”
“ไม่ได้นะคะ บอกไม่ได้” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยเธอจึงรีบพูดต่อ “เดี๋ยวฉันโทรบอกที่บ้านเองค่ะ ไม่รบกวนคุณดีกว่า”
ว่าแล้วเธอก็มองหาโทรศัพท์มือถือของตนเอง
“หาไอ้นี่อยู่หรือครับ” เขาถามพร้อมยกมือถือของเธอขึ้นโชว์
“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอพยักหน้ายิ้มพร้อมกับยื่นมือหมายจะไปรับ แต่เขากับจับโยนทิ้งไปบนโซฟา
“แบตหมดนะครับ” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย
“นี่คุณ หมดก็เอามาตรงนี้สิ ฉันจะได้ชาร์จ”
“ไม่มีที่ชาร์จ”
เย็นวันนี้ธีรวัฒน์ให้ทุกคนในบ้านเลิกงานไว เพื่อเขาจะได้มีเวลาอยู่กับนิศราลำพัง เขาอยากใช้เวลากับเธอให้มากขึ้น“ทุกคนไปไหนกันหมดคะ” ถามเพราะสงสัยเธอไม่เจอใครเลยตั้งแต่กลับมา ปกติบ้านก็เงียบอยู่แล้ว ยิ่งไม่มีแม่บ้านอยู่ในบ้านยิ่งดูเงียบมากกว่าเดิม“พี่ให้เลิกงานแล้ว”“อ่าวแล้วมื้อเย็นล่ะคะ”“มื้อนี้ พี่จะทำให้ภรรยาพี่ทานเอง” เขาพูดแบบหน้าตาเฉยพร้อมส่งยิ้มหวานให้“พี่ธีร์” เรียกเขาเสียงดังด้วยความตกใจที่เขาเรียกเธอว่าภรรยา ก่อนจะหันไปมองซ้ายขวาว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่า กลัวว่าใครจะมาได้ยินเอา“ครับคุณภรรยา” เขาเน้นคำเดิมขานรับเธอด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทีกลัวคนอื่นจะรู้“เดี๋ยวก็มีใครมาได้ยินเข้าหรอกค่ะ”“ได้ยินก็ได้ยินสิ ไม่เห็นเป็นอะไรนิเรื่องจริงทั้งนั้น”“ไปทำอาหารได้แล้วค่ะดาวหิวแล้ว” เธอส่งสายตาดุใส่เขาก่อนจะไล่ให้เขาไปทำอาหารเสียเลย“แต่พี่ต้องมีผู้ช่วย จะได้เสร็จไว ๆไง&r
ธีรวัฒน์เริ่มขยับปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ พร้อมกับร่างกายของเธอที่เด้งแอ่นรับสัมผัสเขาอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ปลายนิ้วของเขาดันเข้าไปจนสุด ความคับแน่นของเธอแทบทำเขาคลั่ง ร่างกายเธอบิดเร้าด้วยความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น รู้สึกทรมานแต่สุขสมอย่างบอกไม่ถูก“อ๊ะ อืม” นิศราร้องคางเสียงหลง เมื่อเขาเร่งจังหวะนิ้วให้เร็วขึ้น ใบหน้าของเธอตอนนี้ช่างเซ็กซี่ ยั่วยวนเขาเสียเหลือเกิน“พี่ธีร์..ดาว...มะไม่เคย” เสียงหวานคางกระเส่าเมื่อรู้สึกกลัว“อือมม พี่รู้จ้ะคนดี สัญญาว่าจะนุ่มนวล”คำพูดของเขาทำเธอรู้สึกร้อนวูบวาบ บวกกับปลายนิ้วซุกซนของเขา ที่ตอนนี้กรีดขึ้นลงกลางรอยแยก และเริ่มมีน้ำหวานเปียกชุ่มไหลออกมาเพิ่ม มันทำให้สติของเธอเตลิดจนควบคุมไม่ได้ ร่างกายแอ่นรับสัมผัสเขาทุกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอต้องการเขามากเพียงใดชายหนุ่มจึงไม่รอช้าเขาใช้ลิ้นร้อนรากเลียปลายถันสลับกับดูดดึงหยอกล้อ ทำให้เธอรู้สึกเสียวสะท้านมากกว่าเดิม ตอนนี้เธอเหมือนกำลังจะขาดใจ เขาเองก็ไม่ต่างกันตอนนี้อารมณ์ปรารถนาของเขาได้พุ่งทะยานไปไกลเกินกว่าจะหยุดได้เสียแล้ว
ส่วนเขานึกโทษตัวเองที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ และทำแบบนั้นกับเธอไป เธอคงโกรธเขามาก แล้วเขาควรทำอย่างไร ครุ่นคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก่อนกลับไปนั่งทำงานต่อด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว กลัวว่าเธอจะโกรธเขาจนหนีไปแต่ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เดินกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะของตนเอง โดยไม่พูดไม่จาหรือแม้จะหันมามองหน้าเขาด้วยซ้ำธีรวัฒน์เงยหน้ามองเธอเป็นระยะ ทั้งสองต่างนั่งทำงานไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาต่างคนต่างเงียบล่วงเลยไปถึงเวลาเลิกงาน นิศราเงยหน้าขึ้นไปมองเขาที่นั่งเครียดอยู่กับกองเอกสารตรงหน้า อดเป็นห่วงเขาไม่ได้เพราะเขายังไม่หายดีในเมื่อเป็นแฟนกันเรื่องแบบนี้ก็คงต้องเกิดขึ้นบ้างเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ จึงไม่ใช่ความผิดของใคร เธอจึงเป็นฝ่ายพูดก่อน เพราะไม่อยากให้เขาหักโหมมากเกินไป“ห้าโมงแล้วค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”“พี่ขอเคลียร์เอกสารกองนี้ก่อนนะ”“งานด่วนเหรอคะ”“ไม่ด่วนครับ แต่พี่อยากทำให้เสร็จก่อน”“ถ้าไม่ด่วนงั้นก็กลับกันเถอะค่ะ ดาวหิวข้าวแล้ว” พูดพร้อมเอาม
เมื่อลูกค้ากลับไปแล้วนิศราจึงเปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่เธอรวบรวมไว้มาให้ เขาเปิดอ่านเอกสารที่เธอส่งมาให้ระหว่างรอทุกคน เปิดดูไปก็มองหน้าหญิงสาวไปด้วยความประหลาดใจ ไม่นานพนักงานแผนกต่าง ๆก็พากันทยอยเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นทุกคนนั่งประจำที่พร้อมแล้ว เขาก็เริ่มประชุมต่อ“สินค้าที่เสียหายไป ใครมีปัญหาเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าล็อตใหม่ไหมครับ” เปิดประชุมโดยการยิงคำถามทันที พนักงานคนหนึ่งยกมือขึ้นหลังจบคำถาม“งานตกแต่งภายในตอนนี้มีปัญหาเรื่องคิิวเข้าติดตั้งครับ อยู่ในช่วงเจรจากับซัพพลายเออร์”“เรื่องนี้ต้องรอช่างอาคารทำงานให้เรียบร้อยก่อน อาจต้องขอความร่วมมือกับเขาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นหากคุยไม่ได้ ให้รีบแจ้งผมทันที” ธีรวัฒน์เสริมก่อนถามต่อ“เรื่องประตูไม้ของโครงการT403 สองพันบาน สี่ร้อยหลังติดปัญหาอะไรครับ”“คือแบบที่ลูกค้าเลือก สินค้าไม่พอส่งครับ ทางบริษัทต้องผลิตใหม่ถึง 80% ซึ่งจากจำนวนดังกล่าวระยะเวลาในการผลิตรวมกับระยะเวลาในการจัดส่งมายังประเทศไทยอาจไม่ทันวันติดตั้ง และอาจมีผลกับการส่งมอบงานใ
ธีรวัฒน์เดินตามหญิงสาวลงมารับประทานอาหารด้านล่าง เขาพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่ก็ปิดไม่มิดเพราะอารมณ์ดีจนเผลอยิ้มออกมาตลอดเวลา“อะไรทำให้อารมณ์ดีจนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ได้ขนาดนี้คะ” นมบัวแสร้งถาม ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วเพราะก่อนที่เขาจะลงมา มีคนที่มีอาการเขินจัดเดินหน้าแดงรีบเดินลงมาก่อนแล้ว“ได้กลับมานอนพักที่บ้านแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นครับ” เขาตอบท่าทางสบายอารมณ์“หรือคะ ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะจะได้หายป่วยเร็ว ๆ” นมบัวยิ้มหวานให้อย่างรู้ทันให้“อ่าว ธีร์ลงมาแล้วหรือมาทานข้าวกัน” ประภาสที่นั่งรออยู่ก่อน เอ่ยเรียกคนมาที่พึ่งมา“ครับคุณอา แล้วนี่ดินละครับไม่มาทานด้วยกันหรือ”“วันนี้ดินกลับบ้าน ไปดูความเรียบร้อย อาคิดว่าถึงเวลาที่อาจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”“ที่จริงอยู่ต่อที่นี่เลยก็ได้นะครับคุณอา ผมยินดี”“เฮ้อ! อาก็อยากอยู่ด้วยนะ แต่บ้านหลังใหญ่เกินไปมันเหงา อีกอย่างอาก็คิดถึงบ้านด้วย อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านตัวเอง ยังไงอาก็ต้องขอบใจธ
หลายวันต่อมาธีรวัฒน์ได้ออกจากโรงพยาบาลกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน อาการของเขาดีขึ้นมากจนเรียกได้ว่าเกือบหายสนิทถ้าไม่ยืดแขนมากอาการก็จะเป็นปกติ และเขาเองยังอยากอ้อนพยาบาลส่วนตัวเลยต้องแกล้งเจ็บอยู่“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณท่าน” นมบัวผู้ดูแลบ้านระหว่างที่เขาไม่อยู่เป็นผู้กล่าวต้อนรับเช่นเคย“ขอบคุณครับนม”“เข้าบ้านกันก่อนเถอะค่ะ ไปคุยกันด้านในดีกว่า”“ทานอะไรมารึยังคะ”“ทานมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ ขอขึ้นไปพักข้างบนก่อนแล้วจะลงมาทานมื้อค่ำทีเดียว” เจ้านายพูดเช่นนั้นลูกน้องคนสนิทจึงรีบตรงเข้ามา หมายจะช่วยพยุงขึ้นไปส่งยังห้องนอนแต่กลับถูกสายตาคมไล่ให้พวกเขาออกไปวรวิทย์เห็นดังนั้นจึงแสร้งทำเป็นมีธุระเพื่อที่จะปล่อยให้เจ้านายหนุ่มได้อยู่กับหญิงสาวตามลำพัง“คุณดาวครับผมมีงานด่วนต้องไปจัดการแทนเจ้านาย ผมฝากเจ้านายไว้กับคุณดาวก่อนได้มั้ยครับ” วรวิทย์ทำหน้าขอร้องเธอ ทำราวกับว่ามีธุระสำคัญ“ได้ค่ะพี่วิทย์ไปเถอะ ทางนี้ดาวดูแลให้เอง”