จากนั้นลูกน้องอีกคนของมันก็วิ่งไปหมายจะจับสองสาวไปขึ้นรถ แต่มีเสียงทรงพลังดังจากทางด้านหลังขัดไว้เสียก่อน
“ถ้ามึงเข้าใกล้ผู้หญิงอีกก้าวเดียว กูก็จะยิงหัวพวกมึงทิ้งทันทีเหมือนกัน”
เสียงเหี้ยมบอกทำให้พวกมันทั้งสามคนหันไปมองพร้อมกัน แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ชายหนุ่มเบื้องหน้าคือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ในชุดสูทภูมิฐานแน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักเขา เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง แต่ข้างกายมีบอดี้การ์ดอีกสี่คน ที่ตอนนี้เล็งปืนมาทางพวกเขาอยู่
“วางปืนลงแล้วยกมือขึ้น รู้ใช่มั้ยว่ายิ่งขัดขืนจะยิ่งทำให้เจ็บตัว” วรวิทย์สั่งพร้อมขู่
เมื่อเห็นว่าเป็นรองกว่า พวกมันจึงยอมทำตามคำสั่งจากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างคาดไว้หลังศีรษะ ทันทีที่พวกมันทำตาม บอดี้การ์ดสามคนก็เข้าไปล็อกตัวพวกมันไว้
“พาพวกมันไปไว้ที่บ้านก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
ธีรวัฒน์สั่งเสียงเข้มกัดกรามแน่นด้วยความโกรธ แต่เขายังไม่อยากทำอะไรพวกมันตรงนี้ ก่อนจะเดินผ่านพวกมันทั้งสามคน ไปยังหญิงสาวด้านหลัง
“คุณธีร์ช่วยคุณดาวด้วยค่ะ คุณดาวโดนยิง”
พูดยังไม่ทันจบดีร่างบางที่ตอนนี้ใบหน้าซีดเซียวก็ทรุดตัวล้มลงเพราะความเหนื่อยและเพลียจากการเสียเลือดมาก
ชายหนุ่มรีบเข้าไปรับร่างบางที่กำลังจะล้มลงไปกองกับพื้น มาประคองไว้ ก่อนจะส่งปืนให้วรวิทย์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แล้วช้อนอุ้มร่างที่ใกล้หมดสติพาไปขึ้นรถของเขา
15 นาทีก่อนหน้านั้น
เอี๊ยด...เสียงรถตู้คันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วเบรกกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้นวิทย์”
“เกิดอุบัติเหตุข้างหน้าครับ ดูเหมือนว่ารถเก๋งจะชนต้นไม้”
เมื่อเห็นรถจอดสนิทเลขาหนุ่มก็เพ่งสายตากวาดมองไปยังรถทั้งสองคันที่ตกลงข้างทาง ภาพที่เขาเห็นคือผู้หญิงสองคนกำลังวิ่งหนี ชายฉกรรจ์สามคนที่วิ่งตาม ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น
ปัง! ปัง!
ภาพที่เขาเห็นคือหนึ่งในสองคนนั้นถูกยิง พอทั้งสองหันหน้ากลับมาทำเขาต้องตกใจ รีบเร่งเครื่องรถเดินหน้าต่อทันที
“คุณดาว! นายครับนั่นคุณดาวกับผู้ช่วยของเธอ”
วรวิทย์ร้องเสียงหลงรีบบอกผู้เป็นเจ้านาย เมื่อได้ยินเลขาหนุ่มร้องขึ้น เขาก็มองไปทางด้านหน้าอย่างพินิจก็ต้องตกใจไม่แพ้กัน เพราะตอนนี้หนึ่งในสามคนนั้นกำลังเล็งปืนไปยังเธอ ชายหนุ่มสั่งให้จอดรถและรีบลงไป เมื่อเจ้านายลงไป ทุกคนก็รู้หน้าที่ รีบตามไปรักษาความปลอดภัยให้ บอดี้การ์ดในรถอีกคันก็เช่นกัน
ธีรวัฒน์ใช้ผ้ากดที่แผลช่วยห้ามเลือดให้หญิงสาวที่ใกล้หมดสติ เขาจ้องมองใบหน้าหวาน ที่ตอนนี้ซีดเซียวเต็มไปด้วยเลือดโชกที่ไหลออกมามือหนาค่อย ๆเช็ดเลือดออกให้อย่างเบามือ
“คุณเป็นยังไงบ้าง” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไหว” เธอตอบเสียงอ่อนเพลีย
“เกิดอะไรขึ้นครับ พวกนั้นเป็นใคร”
เขาพยายามชวนคุยเพื่อไม่ให้เธอหมดสติ ขณะที่ถามตาก็ไล่มองตามใบหน้าและร่างกายของหญิงสาว ดูว่ามีบาดแผลตรงไหนอีก ด้วยความอ่อนเพลียจากการเสียเลือด เธอได้เพียงแต่พยักหน้า
“เฮ่ เฮ่ คุณห้ามหลับนะครับ คุยกับผมก่อน” ไม่ทันที่เธอจะได้ยินคำถามของเขา สติที่เหลือน้อยนิดก็ดับไป
“วิทย์ขับเร็วกว่านี้หน่อย” เมื่อเห็นร่างบางตรงหน้าหมดสติไป ใจเขาก็กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก
ระหว่างเดินทางไปยังโรงพยาบาล เขาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผู้ช่วยของเธอ ที่นั่งตัวสั่นจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“นิดก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าเรื่องอะไร พวกนั้นขับรถตามเรามาตั้งแต่หน้างาน แล้วก็ชนท้ายรถจนรถเราตกถนนไปชนกับต้นไม้ คุณดาวพานิดวิ่งหนีหวังจะเจอคนให้ช่วยค่ะ แต่พวกมันก็ตามมาแล้วยิงคุณดาวจากนั้นคุณธีร์ก็มาเจอ”
ผู้ช่วยสาวเล่าด้วยความหวาดกลัว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ก่อนจะนึกขึ้นได้
“จริงด้วยค่ะ ตอนที่พวกมันยิงโดนคุณดาว พวกมันคนหนึ่งตะโกนบอกว่านายมันต้องการคุณดาวตัวเป็น ๆ” เธอเล่าเสริมจากสิ่งที่ได้ยินหวังว่าจะมีประโยชน์บ้าง
ขณะที่คนโดนยิ่งนอนซบอกเขาอยู่นั้น เริ่มมีอาการหนาวสั่นจนเขาต้องเอาเสื้อมาห่มให้ พร้อมกอดกระชับร่างบางให้แน่นขึ้น
“แล้วคุณนิดบาดเจ็บตรงไหนมั้ยครับ” ธีรวัฒน์ถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเอาแต่ถามเรื่องคนร้าย จนลืมถามอาการคนตรงหน้าไปเลย
“ไม่ค่ะ โชคดีที่พวกคุณมาช่วยไว้ทัน ขอบคุณนะคะ”
“คุณนิดพักก่อนเถอะครับ ถึงโรงพยาบาลแล้วให้หมอตรวจเช็กอาการอีกทีจะได้มั่นใจ”
“ค่ะ”
ไม่นานทั้งหมดก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ด้วยความร้อนใจชายหนุ่มอุ้มร่างหญิงสาวไปส่งถึงเตียงผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินทันที ไม่รอเวรเปลด้วยซ้ำ ก่อนจะออกมานั่งรอฟังอาการของเธอด้านนอกปล่อยให้หมอและพยาบาลทำหน้าที่ของตัวเองไป
“นายครับ” วรวิทย์เรียกพร้อมยื่นน้ำดื่มให้
“ขอบใจ พวกนั้นบอกอะไรหรือยัง” เมื่อรับน้ำดื่มมาก็ถามถึงไอ้พวกที่จะจับตัวนิศราไปทันที
“มันบอกแล้วครับ มีคนจ้างมันมาจับตัวคุณดาวอีกที”
“รู้มั้ยว่าเรื่องอะไร”
เรื่องคดีความบริษัทของคุณดินครับ ผมว่าเราควรบอกท่านประภาสให้ทราบด้วยนะครับ
“บอกอ่ะบอกแน่ แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ท่านสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ว่าแต่โทรบอกไอ้ดินแล้วหรือยัง”
“โทรแล้วครับ คุณดินกำลังมาคาดว่าน่าจะใกล้ถึงแล้ว”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา นิศราถูกพาตัวไปยังห้องพักฟื้นไม่นานหลังจากนั้นนคินทร์ก็เดินทางมาถึง
“ไอ้ธีร์น้องกูเป็นยังไงบ้างวะ”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว หมอผ่าตัดเอากระสุนออกให้แล้ว มีหัวแตกด้วยเอกซเรย์แล้วไม่มีเลือดคั่ง”
“แล้วคุณนิดล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“คุณนิดก็ปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ก็ตกใจมากเหมือนกัน กูให้คนไปส่งที่บ้านแล้ว”
“ขอบใจมากนะเพื่อน แล้วนี่ยัยดาวฟื้นมาบ้างหรือยัง”
“ยังน่าจะหลับยาวถึงพรุ่งนี้เลยหมอบอก ออกมาคุยกันข้างนอกหน่อย” ธีรวัฒน์บอกเพราะไม่อยากรบกวนคนป่วยที่นอนหลับอยู่
“ว่าไง”
“คนที่จ้างพวกนั้นมาลักพาตัวดาว คือไอ้เสี่ยเกรียงชัย ใช่คนเดียวกับที่มึงเล่าให้กูฟังครั้งก่อนมั้ย” ธีรวัฒน์ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่ มันนั่นแหละ มันหายตัวไปได้สักพักแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นดาวก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ ครอบครัวมึงก็ด้วย พวกที่กูจับได้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ที่ไหน คุยกันผ่านโทรศัพท์อย่างเดียว” เขาบอกด้วยความเป็นห่วง
“เฮ้อออ กูควรทำยังไงดีวะ”
“มึงต้องระวังตัวให้มาก ห้ามประมาทกูว่ามันคงส่งคนมาจับตาดูความเป็นไปของครอบครัวมึงอยู่”
ติ๊ง เสียงข้อความดังขึ้นนครินทร์ก้มมอง ก่อนทำหน้าเครียดขึ้นจนธีรวัฒน์สังเกตได้
“มีอะไรหรือเปล่า”
“พ่อกูไม่สบาย กูยังไม่อยากให้พ่อรู้เรื่องนี้เลยวะ กลัวโรคหัวใจจะกำเริบ”
“งั้นก็ยังไม่ต้องบอก มึงกลับบ้านไปก่อนน้องมึงเดี๋ยวกูดูแลให้เอง มึงก็บอกคุณอาว่าให้ช่วยงานกูก็ได้ ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม ก็ได้ งั้นฝากดูด้วยนะเพื่อน”
“ไม่ต้องห่วงจะดูแลให้อย่างดี”
“ขอบใจมาก”
เช้าวันถัดมานิศรารู้สึกปวดที่แขน เมื่อลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่พบคือ ชายคนที่ช่วยเธอไว้เมื่อวาน ยืนกอดอกจ้องมองเธออยู่
“รู้สึกยังไงบ้างครับ ปวดหัวหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ แต่ปวดที่แขน” เธอตอบเสียงแหบแห้ง เขาจึงเดินไปหยิบน้ำรินใส่แก้วให้
“ขอบคุณค่ะ นี่กี่โมงแล้วคะ”
“8 โมง ครับ”
“ตายแล้ว! ฉันต้องโทรไปบอกที่บ้านก่อน ป่านนี้ที่บ้านเป็นห่วงกันแย่แล้ว”
“เมื่อคืนพี่คุณมาเยี่ยมแล้วตอนคุณหลับ”
“พี่ดินมาแล้ว แล้วทำไมคุณยังอยู่ที่นี่ล่ะ อย่าบอกนะว่าอยู่เฝ้าฉันน่ะ”
“ครับ”
“ครับ” เธอทวน
“ผมอยู่เฝ้าคุณทั้งคืน”
“จริงสิแล้วคุณนิดละคะ ผู้ช่วยของฉัน เธอเป็นยังไงบ้าง ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
“เธอปลอดภัยดีครับ”
“เฮ้อออ” นิศราถอนหายใจอย่างโล่งอก ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ คุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการของหญิงสาว
“เป็นยังไงบ้างครับคนไข้ มีปวดหัวหรือรู้สึกเหมือนจะไม่สบายมั้ย”
“มีเจ็บที่หัวนิดหน่อย แต่ปวดแขนมากเลยค่ะ”
“แผลอักเสบนะครับ เดี๋ยวหมอจ่ายยาแก้ปวดกับลดอักเสบให้ ความดันปกติไม่มีไข้หมอจะให้พักดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลก่อนสักสองวันนะครับ”
“สองวันเลยหรือคะ”
“ครับ หมอกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ คนไข้ติดปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่ติดอะไร ขอบคุณครับคุณหมอ” ไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบ ธีรวัฒน์ก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวก่อนนะ พยายามอย่าพึ่งขยับแขนมากนะครับคนไข้” คุณหมอย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไป ตามด้วยพยาบาล
“คุณติดปัญหาอะไร”
“ฉันกลัวคนที่บ้านเป็นห่วงนะค่ะ”
“เดี๋ยวผมโทรบอกที่บ้านคุณให้เอาเบอร์มา”
“ไม่ได้นะคะ บอกไม่ได้” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยเธอจึงรีบพูดต่อ “เดี๋ยวฉันโทรบอกที่บ้านเองค่ะ ไม่รบกวนคุณดีกว่า”
ว่าแล้วเธอก็มองหาโทรศัพท์มือถือของตนเอง
“หาไอ้นี่อยู่หรือครับ” เขาถามพร้อมยกมือถือของเธอขึ้นโชว์
“ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอพยักหน้ายิ้มพร้อมกับยื่นมือหมายจะไปรับ แต่เขากับจับโยนทิ้งไปบนโซฟา
“แบตหมดนะครับ” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย
“นี่คุณ หมดก็เอามาตรงนี้สิ ฉันจะได้ชาร์จ”
“ไม่มีที่ชาร์จ”
เช้าวันต่อมาประภาสเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี พร้อมนคินทร์ทั้งสองสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันพูดคุยอัปเดตชีวิตในช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกัน รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของลูก ๆ ช่วงที่ผ่านมาอย่างสนุกสนานทั้งรุ่นพ่อและรุ่นลูก“พวกเรามันแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ สิ่งที่ทำให้อยู่ต่อได้ก็คือเห็นลูก ๆ มีความสุขไม่มีเรื่องทุกข์ใจนั่นแหละ” ประภาสว่า“อืม เห็นพวกเขาเติบโตมีงานการที่ดีทำ พ่ออย่างเราก็สบายใจนอนตายตาหลับแล้ว”“ถ้าเจ้าโจกลับไปทำงาน แล้วแกเหงาไม่มีเพื่อนก็มาอยู่ด้วยกันก็ได้นะ ต่อไปยัยดาวก็ต้องออกเรือน ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน”“ฮ่า ๆ แบบนั้นก็ดีนะไม่เหงาดีด้วย แต่ฉันยังมีหลาน ๆทางโน้นไม่มีเวลาเหงาหรอก ถ้าจะให้มาอยู่กับแก ก็คงต้องคิดถึงหลานทางนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรเป็นแน่”“ก็ถ้าเหงาไง ให้มาอยู่ด้วยกัน”“ฮ่า ๆ ไอ้เรื่องอยู่ด้วยกันไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาคือ ตอนนี้แกน่าจะเหงานะเพื่อน ให้หนูดาวหรือตาดินรีบแต่งานสิ จะได้มีหลานมาวิ่
สามชั่วโมงที่นิศราหายออกจากห้องไป และไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ทำให้ธีรวัฒน์หงุดหงิดใส่ทุกคนเป็นการระบายอารมณ์ ไม่เคยมีใครปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้มาก่อนเธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับเขา แถมไปไม่บอกไม่อธิบายอะไรเลย เขาไม่พอใจเธอมากภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายไป หญิงสาวเดินจับมือชายอื่นต่อหน้าต่อตาเขาออกจากห้องไป ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาอยู่เลยตอนนี้เขานอนไม่เป็นสุข นั่งก็ไม่เป็นสุข ต้องลุกเดินไปมา นคินทร์ก็ไม่ได้บอกเพื่อนว่าหญิงสาวอยู่เพียงห้องข้าง ๆ เท่านั้นเอง แต่หากเขารู้ว่าเธออยู่ห้องข้าง ๆมีหวังได้เดินไปอาละวาดพาตัวน้องสาวเขากลับมาเป็นแน่นคินทร์เอาแต่นั่งยิ้มอย่างสะใจ มองคนป่วยวุ่นวายหัวใจเดินวนไปวนมาภายในห้องอย่างอารมณ์ดี“มึงหยุดเดินก่อนได้มั้ยว่ะไอ้ธีร์ กูเวียนหัว” เมื่อเห็นเพื่อนเดินไม่หยุดก็อดรำคาญไม่ได้“มึงไม่เห็น ดาวจับมือไอ้ผู้ชายคนนั้น เดินออกไปเลยนะเว้ยต่อหน้ากู จะให้กูนอนเฉย ๆได้ยังไง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“มึงอะ คิดมากเกินไปเขาบอกเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนสิวะ มึงพูดแบบนี้แสดงว่า
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มที่นั่งหน้าตึงรอเธอกลับเข้าไป แต่บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องก็ยืนมองทั้งสองคุยกันอย่างออกรส ใจก็ลุ้นให้นิศรารีบกลับเข้าไปในห้องโดยเร็ว เพราะพวกเขาก็ถูกคนในห้องกดดันมาให้รีบพาเธอเข้าไปแต่ก็ไม่มีใครกล้าแทรกกลางบทสนทนาของทั้งคู่ ที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ต่างเกี่ยงกันจนมีชายหนึ่งคนถูกเพื่อนผลักออกมาด้านหน้า ทำให้หญิงสาวหันไปมองและต้องสงสัยกับท่าทีที่แปลกไปของพวกเขา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” นิศราหยุดการสนทนาลงแล้วหันไปถามด้วยความสงสัย“เอ่อ คือเจ้านายรอคุณดาวอยู่ด้านในครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบอกเมื่อได้โอกาสที่เพื่อนทั้งสองสร้างให้ ด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่เสียมารยาทต่อเธอ“ค่ะ ดาวกำลังจะเข้าไปพอดี”เธอบอกอย่างอ่อนโยน บอดี้การ์ดหนุ่มจึงโค้งศีรษะรับอย่างสุภาพและโล่งใจที่หญิงสาวไม่ต่อว่า“โจงั้นเราเข้าไปข้างในก่อนนะ จะเข้าไปด้วยกันมั้ย” เธอหันมาถามเพื่อน“ยังดีกว่า เดี๋ยวเราจะไปคุยกับคุณหมอ เรื่องอาการของพ่อก่อน”“ถ้าอย่าง
เช้าวันที่สองของการอยู่โรงพยาบาลวันนี้นิศราตื่นเช้ากว่าคนป่วย จึงออกมาเดินสูดอากาศด้านนอก ปล่อยให้คนป่วยได้นอนหลับพักผ่อนยาว ๆขณะที่เดินเล่นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ทำให้ไม่ทันระวังเดินชนเข้ากับใครบางคน“อุ๊ย..”“ ขอโทษครับเป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่เป็นอะไรค่ะ แล้วคุณละคะ...เอ๊ะ” นิศราชะงักเมื่อใบหน้าของชายตรงหน้าช่างดูคุ้นชินอย่างกับเธอเคยเห็นเขามาก่อน“ดาวว” ชายที่เดินชนเธอเมื่อสักครู่เป็นฝ่ายจำได้ก่อนโดยตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยสีหน้าที่ดีใจ“โจ เหรอ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอก็จำได้ สีหน้าดีใจไม่แพ้กัน“ใช่นะสิ โชคดีจังที่เจอที่นี่” ชายหนุ่มตอบด้วยความดีใจ คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอเธอที่นี่ หลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปี“ฮ่าา โจจริง ๆด้วย กลับมาไทยตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอถามในขณะที่ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความคิดถึง หลังไม่ได้เจอกันนาน ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน สนิทสนมเป็นเหมือนคนในครอบครัวกันเลย“พึ่งลงเครื่อ
“ครับ ๆผมก็แค่ตอบคำถามเจ้านายเองนะครับ” พูดแล้วก็มองหน้าเจ้านายอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาที่แข็งกระด้างนั้นแล้ว เขาคิดว่าควรที่จะไปจากตรงนี้ก่อนเสียดีกว่า“ไม่แซวแล้วครับบบ ผมไม่กวนทั้งสองคนแล้ว” พูดจบก็เดินถอยออกมา ก่อนไปก็แวะกระซิบเตือนหญิงสาวเสียหน่อย แต่พูดเสียงดังตั้งใจให้คนถูกนินทาได้ยินด้วย“เจ้านายผมรุกเก่งนะครับ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี”“ไอ้วิทย์” ธีรวัฒน์เรียกเสียงเข้มเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย“ไปแล้วคร๊าบบบ”“ขอบคุณนะคะ ดาวจะระวังตัวให้มาก ๆ” นิศรารับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เลขาหนุ่มเป็นการลา“ถ้าอย่างนั้นผมฝากคุณดาวดูแลท่านด้วยนะครับ ผมจะให้บอดี้การ์ดอยู่เฝ้าหน้าห้องสองคน ขาดเหลืออะไรบอกพวกเขาได้เลย”“ค่ะ พี่วิทย์ไปพักเถอะ ดาวจะดูแลพี่ธีร์ให้เองสัญญาว่ายุงสักตัวก็จะไม่ให้มากัดเลย” เธอบอกเสียงใสจากนั้นวรวิทย์ก็กลับบ้านไปพักผ่อน เพราะตั้งแต่เมื่อคืนเขาเองก็ยังไม่ได้นอนเลย“แฟนพี่นี่ทั้งน่ารักและจิตใจดีจัง” ได
เย็นวันเดียวกันนิศราเดินทางกลับมายังโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าไข้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอมาในเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เตรียมมาสำหรับเฝ้าไข้คนป่วยอีกหลายวัน“นี่จะย้ายบ้านไปไหน ลากกระเป๋าใบใหญ่มาเชียว”นคินทร์แซวน้องสาวที่พึ่งเดินเข้ามาเขารู้ว่าเธอเตรียมมาเฝ้าไข้คนป่วย ที่ต้องรักษาตัวที่นี่อีกหลายวัน แต่ไม่จำเป็นต้องขนกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้มาก็ได้ นี่เธอกะว่าจะไม่ห่างจากเขาเลยหรือเนี่ย“ไม่ได้จะไปไหนคะ เตรียมมาเฝ้าคนป่วยนี่แหละ”“กะจะไม่กลับบ้านเลยหรือไง คนป่วยก็มีหมอมีพยาบาลดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาลำบากอยู่เฝ้าเลย” นคินทร์ให้เหตุผล“ดาวไม่ได้ลำบากอะไร อีกอย่างคุณหมอและพยาบาลก็ไม่ได้อยู่ดูแลตลอด24ชั่วโมงนี่คะ เกิดพี่ธีร์เป็นอะไรระหว่างที่พยาบาลไม่อยู่ขึ้นมาจะทำยังไง”“หรา”“ใช่ค่ะ อีกอย่างจะต้องเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลาทำไม”นิศราอธิบายเพิ่ม“แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือไงเรานะ” นคินทร์ยังพยา