หลังรู้ความจริงเรื่องสถานะของนิศรา ธีรวัฒน์จึงต้องเตือนสิ่งที่ตัวเองเห็น เพื่อให้อีกฝ่ายระวังตัว เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่นคินทร์ควรรู้
“ไอ้ดินวันก่อนกูเจอน้องมึงที่บาร์ กูเห็นผู้ชายสามคนคอยตามน้องมึงอยู่ตลอด น้องมึงไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า”
“บาร์ที่ไหน ท่าทางพวกมันเป็นยังไง” นคินทร์ถามด้วยความร้อนใจ
“สกายบาร์ ท่าทางเหมือนกำลังสะกดรอยตามน้องมึงอยู่ และวันนั้นก็มีผู้ชายเข้าไปจะทำมิดีมิร้ายน้องมึงด้วย ไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันหรือเปล่า กูเห็นเข้าพอดีเลยเข้าไปช่วยไว้ทัน”
ธีรวัฒน์บอกพร้อมกับถือโอกาสฟ้องไปในตัว ยิ่งเป็นคนที่รู้จักยิ่งน่าเป็นห่วง ไปดื่มเหล้าเมาทั้งที่ดูแลตัวเองไม่ได้แบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหน
“ไม่เห็นดาวเล่าเรื่องนี้ให้กูฟังเลย ยังไงก็ขอบใจมึงมากนะที่บอกเรื่องนี้”
“คงกลัวมึงต่อว่าเตือน ๆไว้หน่อยก็ดี มันอันตรายยิ่งกับที่แบบนั้น”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเพื่อน นคินทร์จึงเล่าเรื่องครอบครัวเขาที่กำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ให้เพื่อนฟัง เพราะไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบัง อาจเป็นผลดีกับเขาด้วยซ้ำเพราะอิทธิพลของธีรวัฒน์สามารถช่วยเขาและครอบครัวได้ ก่อนที่ทั้งสองจะวางสายจากกัน
วันถัดมาเป็นอีกวันที่นิศรามาตรวจความเรียบร้อยที่ไซต์งานตามปกติ งานที่เข้าไปตรวจในวันนี้เป็นงานออกแบบตกแต่งภายในร้านคาเฟ่ย่านชานเมือง เป็นงานที่ดำเนินการสำเร็จไปแล้ว 90% เหลือเพียงเก็บรายละเอียดงานอีกเพียงเล็กน้อย ก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า
เมื่อหญิงสาวมาถึงก็มีโฟร์แมนที่คุมงานอยู่ เข้ามาต้อนรับและพาเธอเดินดูตามจุดต่าง ๆไปเรื่อยเหมือนทุกครั้ง
“เอ๊ะ เคาน์เตอร์ตัวนี้ไม่ตรงตามแบบนี่คะ”
เธอชี้ไปยังเคาน์เตอร์ด้านหน้า พร้อมบอกโฟร์แมนและผู้ช่วยที่เดินตามมา
“อ๋อ พอดีทางร้านนำมาส่งผิดรุ่น เขาจะนำมาเปลี่ยนและติดตั้งให้ใหม่ในวันนี้ครับ”
โฟร์แมนรีบอธิบายให้หญิงสาวทราบ เพราะงานใกล้ส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว หากมีปัญหาหรือผิดพลาดจะทำให้เธอกังวล
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ หากติดตั้งเรียบร้อยแล้ว รบกวนถ่ายรูปอัปเดตให้ดาวทราบด้วยนะคะ”
“ครับผม”
“ส่วนตู้เก็บเอกสารอันนี้ไม่เข้าพวกเลย มีเวลาอีกห้าวันคุณนิดพอจะหาตู้แบบนี้ สีนี้มาเปลี่ยนแทนได้ทันมั้ยคะ”
หญิงสาวถามพร้อมส่งแบบตู้ในมือให้ผู้ช่วยสาวดู เมื่อเห็นอีกคนพยักหน้ารับ หญิงสาวจึงเอ่ยต่อ
“ส่วนอื่นงานเรียบร้อยดีค่ะ ส่วนไหนเก็บงานเรียบร้อยแล้วให้คนงานคลุมพลาสติกไว้ก่อนได้เลยนะคะ สัปดาห์หน้าลูกค้าจะเข้ามาตรวจแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เราก็ทำเรื่องส่งมอบงานให้ลูกค้าได้เลยค่ะ”
เธอบอกโฟร์แมนและผู้ช่วยสาวที่เดินตามมายังด้านหน้าคาเฟ่ หลังจากเดินตรวจงานเรียบร้อยแล้ว
“ครับคุณดาว ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปดูคนงานทางโน้นก่อนนะครับ”
โฟร์แมนกล่าวขออนุญาตพร้อมชี้ไปด้านในอาคารทางที่คนงานกำลังเก็บรายละเอียดสีตรงบันไดขึ้นชั้นสองอยู่
“ค่ะ วันนี้ขอบคุณมากนะคะ”
ใบหน้าสวยยิ้มหวานให้กับโฟร์แมนและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มาช่วยงานในวันนี้ เป็นปกติเวลาทำงานเธอจริงจังทุกคนรู้ แต่เวลาจบงานแล้วหญิงสาวก็ทำตัวปกติ เป็นกันเองกับเพื่อนร่วมงานและลูกน้องเสมอ ทำให้คนงานไม่รู้สึกเกร็งเวลาทำงานกับเธอ
“คุณนิดเราก็กลับกันเถอะค่ะ ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวรถจะติดเอา” ผู้ช่วยสาวพยักหน้ารับและเดินตรงไปที่รถ
หลังขับรถออกจากไซต์งาน นิศราสังเกตเห็นว่ามีรถกระบะคันสีดำ ขับตามเธอมาสักพักแล้ว ก่อนจะหันไปบอกผู้ช่วยที่นั่งข้าง ๆ
“คุณนิด ดาวว่ารถกระบะคันที่อยู่ด้านหลังขับตามเรามาได้สักพักแล้วนะคะ”
“จริงด้วยค่ะ นิดก็เห็นตั้งแต่ออกจากไซต์งานแล้ว แต่เขาอาจจะมาทางเดียวกันกับเราก็ได้นะคะ”
“อืม งั้นเดี๋ยวเราลองแวะเข้าปั๊มหน้ากันดู” นิศราเสนอไอเดีย
เมื่อถึงปั๊มนิศราก็ตบไฟเลี้ยวเข้าทันที แต่เธอก็ไม่ประมาท เพียงเลี้ยวเข้ามา และชะลอความเร็วทำท่าเหมือนกับว่ากำลังหาที่จอดรถ รถคันต้องสงสัยก็ขับตามเธอเข้าปั๊มมาด้วย
เธอจึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งขับออกไปเลย โดยที่ไม่จอด เพราะหากรถคันนั้นแวะเข้าปั๊ม ก็เพราะต้องเติมน้ำมันหรือพักรถเข้าห้องน้ำ
แต่แล้วรถคันเดิมกับขับตามรถของเธอออกมา ชัดเจนแล้วว่าพวกเธอถูกตามจริง ๆ นิศราเห็นดังนั้นจึงเร่งความเร็วรถขึ้นอีก
“คุณนิดโทรหาพี่ดินเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“ค่ะ คุณดาว”
“เป็นยังไงบ้างคะ”
“คุณดินไม่รับสายเลยค่ะ คุณติก็เหมือนกัน เอาไงต่อดีคะ นิดกลัวจังเลย”
“งั้นส่งข้อความและพิกัดเราทิ้งไว้ถ้าเกิดอะไรขึ้น สองคนนั้นจะได้รู้และตามมาช่วยถูก”
“ค่ะคุณดาว” ผู้ช่วยสาวรับคำเสียงสั่นระหว่างที่กำลังกดแชร์โลเคชั่น มือก็สั่นตามไปด้วย เพราะความกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“ใจเย็น ๆค่ะ ตั้งสติไว้อาจไม่ใช่อย่างที่พวกเราคิดไว้ก็ได้”
หญิงสาวกล่าวปลอบผู้ช่วยเสียงสั่นเช่นกัน เมื่อเห็นอาการประหม่าจนมือสั่นของผู้ช่วยสาว เธอคงกลัวเพราะในรถมีแต่ผู้หญิงเมื่อนึกขึ้นได้หญิงสาวจึงกดล็อกรถทันที
จากน้ำเสียงที่เปล่งออกไปผู้ช่วยสาวก็สัมผัสได้ว่านิศราเองก็กลัวมากอยู่ไม่น้อย แต่ด้วยความเป็นผู้นำจึงต้องมีสติไว้ เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมือง หญิงสาวเริ่มเบาใจขึ้นอย่างน้อยถ้าเกิดอะไรขึ้นก็น่าจะมีคนที่พอช่วยเหลือเธอได้
“คุณนิดคะ ถ้าข้างหน้าเจอจุดที่มีคนเยอะ ๆ ดาวจะจอดให้คุณนิดลงไปก่อนนะคะ คุณนิดลงแล้วรีบไปอยู่ในที่ปลอดภัย เมื่ออยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้วพยายามติดต่อพี่ดินให้มาช่วยดาวด้วยนะคะ”
“แล้วคุณดาวละคะ”
“พวกมันน่าจะตามดาวมา ดาวจะขับต่อไป ถ่วงเวลาให้คุณนิดปลอดภัยก่อน”
“ไม่ค่ะ ถ้ารอดก็ต้องรอดไปด้วยกัน จะให้นิดทิ้งคุณดาวไว้คนเดียวได้ยังไงคะ”
“ไม่ได้ค่ะ ดาวจะดึงคุณนิดมาอยู่ในอันตรายด้วยไม่ได้”
“แต่”
“ไม่มีแต่ค่ะ คุณนิดก็มีครอบครัวที่ต้องดูแลเหมือนกัน จะมาเสี่ยงอันตรายกับดาวได้ยังไงคะ ดาวรับผิดชอบไม่ไหวหรอก ทำตามที่ดาวบอกเถอะนะคะแล้วเจอกันที่ออฟฟิศ”
นิศราบอกน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง ผู้ช่วยสาวจึงได้เพียงพยักหน้ารับอย่างขัดไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้เห็นด้วยกับแผนนี้ของเธอสักเท่าไหร่
โครม เอี๊ยด... โครม.... เสียงชนท้ายและเบรกรากยาว
ยังไม่ทันได้ทำตามแผนที่วางไว้ เหมือนรถคันที่ขับตามมาจะรู้ว่าพ้นจากจุดนี้ไปแล้วจะเป็นเขตชุมชน จึงขับชนท้ายรถของพวกเธอจนเสียหลัก การถูกชนท้ายขณะที่รถแล่นมาด้วยความเร็วสูง ทำให้รถสะบัดตกข้างทางชนเข้ากับต้นไม้เข้าอย่างจัง ศีรษะของนิศรากระแทกเข้ากับพวงมาลัย
“โอ๊ยให้ตายสิ เจ็บจัง” นิศราอุทาน เมื่อรู้สึกถึงความเจ็บหญิงสาวใช้มือจับที่หน้าผากที่แล้วต้องตกใจ รู้สึกได้ถึงของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาจากหน้าผากแต่ไม่มาก ก่อนจะตั้งสติได้เรียกคนด้านข้าง
“คุณนิด คุณนิด พี่นิดคะ เป็นอะไรมั้ย”
“อืมมม”
“พี่นิดเป็นอะไรมากมั้ยคะ”
“นิดไม่เป็นอะไรค่ะ แล้วคุณดาวละคะเป็นอะไรมั้ย”
“หัวแตกนิดหน่อยค่ะ พี่นิดลุกไหวมั้ยเราต้องไปกันแล้ว”
“ไหวค่ะ” ทันทีที่ทั้งสองเปิดประตูลงจากรถ เธอเหลียวมองรถคันที่ขับชนรถของเธอเมื่อสักครู่ที่สะบัดไปอีกทาง จากแรงกระแทกเช่นกัน ก่อนจะพากันวิ่งไปทางด้านหน้าพยายามวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด หวังว่าจะมีใครผ่านมาเห็นและช่วยเหลือพวกเธอ
“พวกมันไปนั่นแล้ว” เสียงตะโกนของชายฉกรรจ์ ดังตามมาจากทางด้านหลัง
“ตามมันไป” ชายอีกคนที่เป็นหัวหน้าตะโกนขึ้น หญิงสาวที่เห็นรถของพวกมันพยายามถอยออกแต่ทำไม่ได้ พวกมันจึงกระโดดลงจากรถและวิ่งตามมา เมื่อเห็นว่าทั้งสองวิ่งไปไกลแล้วชายคนหนึ่งจึงยิงปืนขึ้นฟ้าหนึ่งนัด
เพื่อหวังให้ทั้งสองหยุดวิ่งแต่ไม่เป็นผล พวกเธอยังพากันวิ่งต่อไปข้างหน้า ชายคนเดิมจึงเล็งปืนยิงไปยังพวกเธออีกครั้ง ครั้งนี้ยิงเข้าที่หัวไหล่ของนิศราพอดี
“โอ๊ย” นิศราร้องอุทานด้วยความเจ็บ ผู้ช่วยที่วิ่งมาด้วยกันรีบหันไปมองก็ต้องตกใจ
“ว้าย คุณถูกยิง” ก่อนจะรีบเข้าไปประคองร่างหญิงสาวเอาไว้
“หยุดยิงเดี๋ยวนี้ นายต้องการมันตัวเป็น ๆ” ชายคนหนึ่งเอ่ยห้าม
“กูก็ไม่คิดว่าจะโดน กะว่าจะยิงขู่มันเฉย ๆ”
“ทำอะไรของพวกมึงว่ะ เดี๋ยวมันก็ตายห่าก่อนพอดี ไปเอาตัวมันมา”
“ทั้งสองคนเลยมั้ยพี่”
“ก็เออสิวะ อีนั่นมันเห็นหน้าพวกเราแล้ว จะปล่อยให้มันไปบอกพ่อมึงให้มาจับพวกเรารึไง ไป!”
เมื่อรับคำลูกน้องอีกคนก็ตะโกนใส่หญิงสาวทั้งสองที่ยังกึ่งวิ่งกึ่งเดินไม่ยอมหยุด
“ถ้ามึงไม่หยุดวิ่ง ครั้งนี้กูจะยิงที่หัวมึงสองคน แน่นอนว่าครั้งนี้กูไม่พลาดแน่” ชายฉกรรจ์คนเดิมขู่
เช้าวันต่อมาประภาสเดินทางมาเยี่ยมเพื่อนเก่า ที่ไม่ได้เจอกันมานานเป็นสิบปี พร้อมนคินทร์ทั้งสองสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันพูดคุยอัปเดตชีวิตในช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกัน รวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของลูก ๆ ช่วงที่ผ่านมาอย่างสนุกสนานทั้งรุ่นพ่อและรุ่นลูก“พวกเรามันแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ สิ่งที่ทำให้อยู่ต่อได้ก็คือเห็นลูก ๆ มีความสุขไม่มีเรื่องทุกข์ใจนั่นแหละ” ประภาสว่า“อืม เห็นพวกเขาเติบโตมีงานการที่ดีทำ พ่ออย่างเราก็สบายใจนอนตายตาหลับแล้ว”“ถ้าเจ้าโจกลับไปทำงาน แล้วแกเหงาไม่มีเพื่อนก็มาอยู่ด้วยกันก็ได้นะ ต่อไปยัยดาวก็ต้องออกเรือน ฉันก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนกัน”“ฮ่า ๆ แบบนั้นก็ดีนะไม่เหงาดีด้วย แต่ฉันยังมีหลาน ๆทางโน้นไม่มีเวลาเหงาหรอก ถ้าจะให้มาอยู่กับแก ก็คงต้องคิดถึงหลานทางนั้นจนไม่เป็นอันทำอะไรเป็นแน่”“ก็ถ้าเหงาไง ให้มาอยู่ด้วยกัน”“ฮ่า ๆ ไอ้เรื่องอยู่ด้วยกันไม่ใช่ปัญหาหรอก ปัญหาคือ ตอนนี้แกน่าจะเหงานะเพื่อน ให้หนูดาวหรือตาดินรีบแต่งานสิ จะได้มีหลานมาวิ่
สามชั่วโมงที่นิศราหายออกจากห้องไป และไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ทำให้ธีรวัฒน์หงุดหงิดใส่ทุกคนเป็นการระบายอารมณ์ ไม่เคยมีใครปล่อยให้เขารอนานขนาดนี้มาก่อนเธอเป็นคนแรกที่กล้าทำแบบนี้กับเขา แถมไปไม่บอกไม่อธิบายอะไรเลย เขาไม่พอใจเธอมากภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะหายไป หญิงสาวเดินจับมือชายอื่นต่อหน้าต่อตาเขาออกจากห้องไป ยังวนเวียนอยู่ในหัวเขาอยู่เลยตอนนี้เขานอนไม่เป็นสุข นั่งก็ไม่เป็นสุข ต้องลุกเดินไปมา นคินทร์ก็ไม่ได้บอกเพื่อนว่าหญิงสาวอยู่เพียงห้องข้าง ๆ เท่านั้นเอง แต่หากเขารู้ว่าเธออยู่ห้องข้าง ๆมีหวังได้เดินไปอาละวาดพาตัวน้องสาวเขากลับมาเป็นแน่นคินทร์เอาแต่นั่งยิ้มอย่างสะใจ มองคนป่วยวุ่นวายหัวใจเดินวนไปวนมาภายในห้องอย่างอารมณ์ดี“มึงหยุดเดินก่อนได้มั้ยว่ะไอ้ธีร์ กูเวียนหัว” เมื่อเห็นเพื่อนเดินไม่หยุดก็อดรำคาญไม่ได้“มึงไม่เห็น ดาวจับมือไอ้ผู้ชายคนนั้น เดินออกไปเลยนะเว้ยต่อหน้ากู จะให้กูนอนเฉย ๆได้ยังไง” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“มึงอะ คิดมากเกินไปเขาบอกเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อนสิวะ มึงพูดแบบนี้แสดงว่า
ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มที่นั่งหน้าตึงรอเธอกลับเข้าไป แต่บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องก็ยืนมองทั้งสองคุยกันอย่างออกรส ใจก็ลุ้นให้นิศรารีบกลับเข้าไปในห้องโดยเร็ว เพราะพวกเขาก็ถูกคนในห้องกดดันมาให้รีบพาเธอเข้าไปแต่ก็ไม่มีใครกล้าแทรกกลางบทสนทนาของทั้งคู่ ที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ต่างเกี่ยงกันจนมีชายหนึ่งคนถูกเพื่อนผลักออกมาด้านหน้า ทำให้หญิงสาวหันไปมองและต้องสงสัยกับท่าทีที่แปลกไปของพวกเขา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” นิศราหยุดการสนทนาลงแล้วหันไปถามด้วยความสงสัย“เอ่อ คือเจ้านายรอคุณดาวอยู่ด้านในครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งบอกเมื่อได้โอกาสที่เพื่อนทั้งสองสร้างให้ ด้วยสีหน้าสำนึกผิดที่เสียมารยาทต่อเธอ“ค่ะ ดาวกำลังจะเข้าไปพอดี”เธอบอกอย่างอ่อนโยน บอดี้การ์ดหนุ่มจึงโค้งศีรษะรับอย่างสุภาพและโล่งใจที่หญิงสาวไม่ต่อว่า“โจงั้นเราเข้าไปข้างในก่อนนะ จะเข้าไปด้วยกันมั้ย” เธอหันมาถามเพื่อน“ยังดีกว่า เดี๋ยวเราจะไปคุยกับคุณหมอ เรื่องอาการของพ่อก่อน”“ถ้าอย่าง
เช้าวันที่สองของการอยู่โรงพยาบาลวันนี้นิศราตื่นเช้ากว่าคนป่วย จึงออกมาเดินสูดอากาศด้านนอก ปล่อยให้คนป่วยได้นอนหลับพักผ่อนยาว ๆขณะที่เดินเล่นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อย ทำให้ไม่ทันระวังเดินชนเข้ากับใครบางคน“อุ๊ย..”“ ขอโทษครับเป็นอะไรหรือเปล่า”“ไม่เป็นอะไรค่ะ แล้วคุณละคะ...เอ๊ะ” นิศราชะงักเมื่อใบหน้าของชายตรงหน้าช่างดูคุ้นชินอย่างกับเธอเคยเห็นเขามาก่อน“ดาวว” ชายที่เดินชนเธอเมื่อสักครู่เป็นฝ่ายจำได้ก่อนโดยตะโกนเรียกชื่อเธอด้วยสีหน้าที่ดีใจ“โจ เหรอ” ทันทีที่ได้ยินเสียงเธอก็จำได้ สีหน้าดีใจไม่แพ้กัน“ใช่นะสิ โชคดีจังที่เจอที่นี่” ชายหนุ่มตอบด้วยความดีใจ คาดไม่ถึงว่าจะมาเจอเธอที่นี่ หลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายปี“ฮ่าา โจจริง ๆด้วย กลับมาไทยตั้งแต่เมื่อไหร่” เธอถามในขณะที่ทั้งสองสวมกอดกันด้วยความคิดถึง หลังไม่ได้เจอกันนาน ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน สนิทสนมเป็นเหมือนคนในครอบครัวกันเลย“พึ่งลงเครื่อ
“ครับ ๆผมก็แค่ตอบคำถามเจ้านายเองนะครับ” พูดแล้วก็มองหน้าเจ้านายอีกครั้ง เมื่อเห็นสายตาที่แข็งกระด้างนั้นแล้ว เขาคิดว่าควรที่จะไปจากตรงนี้ก่อนเสียดีกว่า“ไม่แซวแล้วครับบบ ผมไม่กวนทั้งสองคนแล้ว” พูดจบก็เดินถอยออกมา ก่อนไปก็แวะกระซิบเตือนหญิงสาวเสียหน่อย แต่พูดเสียงดังตั้งใจให้คนถูกนินทาได้ยินด้วย“เจ้านายผมรุกเก่งนะครับ ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี”“ไอ้วิทย์” ธีรวัฒน์เรียกเสียงเข้มเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย“ไปแล้วคร๊าบบบ”“ขอบคุณนะคะ ดาวจะระวังตัวให้มาก ๆ” นิศรารับคำอย่างว่าง่ายก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เลขาหนุ่มเป็นการลา“ถ้าอย่างนั้นผมฝากคุณดาวดูแลท่านด้วยนะครับ ผมจะให้บอดี้การ์ดอยู่เฝ้าหน้าห้องสองคน ขาดเหลืออะไรบอกพวกเขาได้เลย”“ค่ะ พี่วิทย์ไปพักเถอะ ดาวจะดูแลพี่ธีร์ให้เองสัญญาว่ายุงสักตัวก็จะไม่ให้มากัดเลย” เธอบอกเสียงใสจากนั้นวรวิทย์ก็กลับบ้านไปพักผ่อน เพราะตั้งแต่เมื่อคืนเขาเองก็ยังไม่ได้นอนเลย“แฟนพี่นี่ทั้งน่ารักและจิตใจดีจัง” ได
เย็นวันเดียวกันนิศราเดินทางกลับมายังโรงพยาบาล เพื่อเฝ้าไข้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอมาในเสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่มีเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว เตรียมมาสำหรับเฝ้าไข้คนป่วยอีกหลายวัน“นี่จะย้ายบ้านไปไหน ลากกระเป๋าใบใหญ่มาเชียว”นคินทร์แซวน้องสาวที่พึ่งเดินเข้ามาเขารู้ว่าเธอเตรียมมาเฝ้าไข้คนป่วย ที่ต้องรักษาตัวที่นี่อีกหลายวัน แต่ไม่จำเป็นต้องขนกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้มาก็ได้ นี่เธอกะว่าจะไม่ห่างจากเขาเลยหรือเนี่ย“ไม่ได้จะไปไหนคะ เตรียมมาเฝ้าคนป่วยนี่แหละ”“กะจะไม่กลับบ้านเลยหรือไง คนป่วยก็มีหมอมีพยาบาลดูแลอยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาลำบากอยู่เฝ้าเลย” นคินทร์ให้เหตุผล“ดาวไม่ได้ลำบากอะไร อีกอย่างคุณหมอและพยาบาลก็ไม่ได้อยู่ดูแลตลอด24ชั่วโมงนี่คะ เกิดพี่ธีร์เป็นอะไรระหว่างที่พยาบาลไม่อยู่ขึ้นมาจะทำยังไง”“หรา”“ใช่ค่ะ อีกอย่างจะต้องเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลาทำไม”นิศราอธิบายเพิ่ม“แล้วไม่ต้องไปทำงานหรือไงเรานะ” นคินทร์ยังพยา