เจเดนไปรับไพลินมาหาเมสันที่บริษัท ความรู้สึกประหม่ากลับมาอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงบริษัทของเมสัน เรื่องราวเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าเริ่มกลับมาทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอีกรอบระหว่างที่เดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ ขาทั้งสองข้างของไพลินสั่นจนแทบก้าวไม่ออกแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าห้องทำงานของคนที่เป็นเจ้าของบริษัทและเจ้าของตึกสไตล์โมเดริ์นที่สูงตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงวอชิงตัน
“เชิญคุณไพลินด้านในเลยครับ” ดีแลนพูดพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ไพลินมองเจเดนคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินนำเธอเข้าไปด้านในเหมือนครั้งก่อนแต่เจเดนที่ยืนหันข้างให้เธอกลับถอยหลังเหมือนเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปคนเดียว
“ให้หนูเข้าไปคนเดียวเหรอคะ?” ท่าทีไม่มั่นใจมองหน้าเลขาของเมสันและผู้ช่วยของเขา
“ครับ คุณเมสันบอกให้คุณไพลินเข้าไปหาถ้ามาถึงครับ” ดีแลนและเจเดนแอบมองหน้ากันด้วยสงสารหญิงสาวที่สีหน้าดูกังวลเมื่อต้องเข้าไปหาเจ้านายพวกตนคนเดียว
ระหว่างที่ไพลินกำลังยืนทำใจอยู่นั้นประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาจากด้านใน ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกำลังมองเอกสารบางอย่างในมือที่ถือออกมาให้ดีแลน แต่จังหวะที่กำลังเงยหน้ามาจะสั่งการบางอย่างนั้นก็เจอกับเลขาและผู้ช่วยพร้อมผู้หญิงที่เขากำลังรออยู่ยืนอยู่หน้าห้อง และทั้งหมดกำลังมองมาทางเขา
"มีอะไรกัน” เอกสารที่ถืออยู่ในมือถูกวางลงบนโต๊ะของเลขา ดวงตาคมกริบมองคนทั้งสามสลับกันไปมา
“เจเดนพึ่งพาคุณไพลินมาถึงครับ เรากำลังบอกเธอว่านายให้เข้าไปหาด้านใน” ดีแลนรีบตอบเจ้านาย
“เจเดน ขอกาแฟด้วย” เสียงเรียบบอกลูกน้องแต่สายตาไม่ได้ละไปจากผู้หญิงตรงหน้าที่ยืนก้มหน้าอย่างสงบเสงี่ยมอยู่เงียบ ๆ มือหนาเอื้อมมาคว้าข้อมือบางก่อนจะดึงเธอให้เข้าไปด้านในห้องด้วยกัน
“ทำไมมาถึงแล้วไม่เข้ามา ยืนทำอะไรตรงนั้น” เสียงทุ้มที่ฟังดูนุ่มนวลถามเมื่อเข้ามาในห้องทำงาน แต่สายตากลับคาดคั้นเอาคำตอบ
“เอ่อ…คือ…คือหนูกำลังจะเข้ามาแต่คุณออกไปพอดี” ไพลินไม่ได้โกหกเขาเพียงแต่เธอกำลังทำใจตอนที่เขาเดินออกไปก็เท่านั้นเอง
“ไม่ใช่ว่ากลัวฉันจนไม่กล้าเข้ามาหรอกเหรอ” หญิงสาวใจเต้นแรงที่เขารู้ทัน
“คุณให้หนูกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้นะคะ ให้หนูอยู่ที่นี่คุณจะทำงานไม่สะดวก”
“แน่ใจเหรอว่าถ้าฉันปล่อยให้เธอกลับเองเธอจะสามารถไปถึงที่บ้านเดวาลอฟถูก”
“ครั้งแรกลิน…เอ่อ…หนูอาจจะงงอยู่บ้างแต่ถ้านานไปหนูก็คงกลับถูกแล้วค่ะ”
“แทนตัวเองกับฉันว่าลินเฉย ๆ ไม่ต้องแทนตัวเองว่าหนูเข้าใจมั้ย” นัยน์ตาสีอำพันทอประกายลึกซึ้งแต่ให้ความรู้สึกว่ามีอำนาจที่เหนือกว่า ไพลินรวบรวมความกล้ามองสบนัยน์ตาคู่นั้นที่เหมือนมีพลังงานบางอย่างกำลังพยายามดูดความรู้สึกภายในใจของเธอออกไปและเธอก็ไม่อาจจะต้านมันได้ ความรู้สึกอ่อนไหวถูกถ่ายทอดผ่านแววตาไปยังชายหนุ่มแทบหมดสิ้น
“แล้วคุณจะอนุญาตให้หนู…เอ่อ…ให้ลินเดินทางไปเรียนและกลับเองหรือเปล่าคะ” ถึงแม้จะไม่มั่นใจว่าคำตอบที่ได้จะเป็นอย่างที่เธอต้องการแต่ไพลินก็ลองเสี่ยงถามดู
“ลองบอกเหตุผลของเธอมาสักข้อสิว่าทำไมฉันถึงต้องอนุญาตในสิ่งที่เธอขอ ไม่แน่ถ้าหากเป็นเหตุผลที่เข้าท่าฉันอาจจะอนุญาตก็ได้” เมสันหันหลังเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนเอง
ไพลินรู้สึกประหม่าอีกครั้งถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะทำให้เธอพอจะรู้คำตอบลาง ๆ แล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเขาจะให้เธอหาเหตุผลอีกทำไมเพราะยังไงเขาก็มีคำตอบมาหักล้างเหตุผลของเธอเหมือนทุกครั้งอยู่ดี
“คุณจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องไปส่งหนูที่มหาลัยยังไงคะหากว่าวันไหนคุณมีงานหรือมีประชุม ส่วนตอนเลิกเรียนหนูก็จะได้กลับบ้านไปเลย ไม่ต้องมานั่งรบกวนเวลางานคุณแบบนี้” หญิงสาวพูดไปแบบไม่ได้คาดหวังอะไรนัก
“มีสักข้อไหมที่เป็นเหตุผลเพื่อตัวเธอเองไม่ใช่เพราะเกรงใจฉัน” ไพลินส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเหตุผลของเธอก็ไม่ผ่าน เพราะที่เธอพูดมามันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับฉันแม้แต่น้อย เว้นแต่ว่าเธอเอามาเป็นข้ออ้างที่จะเลี่ยงฉัน” ประโยคสุดท้ายเมสันพูดช้า ๆ แต่ลงเสียงหนัก
“ลินเปล่านะคะ ลินเกรงใจคุณเมสันจริง ๆ” เธอรีบแย้ง แม้สิ่งที่ชายหนุ่มพูดจะเป็นความจริงอยู่บ้างแต่ไพลินก็ไม่กล้าที่จะรับตรง ๆ ว่าเธอรู้สึกประหม่าเขาจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองทุกครั้งเวลาที่เขาเข้าใกล้ และมันคงไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่หากจะปล่อยให้ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ
“ถ้าเกรงใจก็แค่เป็นเด็กดีกับฉัน เธอยังจำได้หรือเปล่าว่าเด็กดีสำหรับฉันคืออะไร”
“จำได้ค่ะ” ไพลินพยักหน้าตอบเสียงเบา ความทรงจำตอนเช้าวนเข้ามาในหัวอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำว่าเด็กดีที่เขาบอกเธอ เด็กดีในความหมายของเมสันคือต้องเชื่อฟัง ไม่ขัดใจ ตามใจและให้ความสำคัญกับเขาเป็นที่หนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นความคิดที่ว่าอยากจะไปเรียนเองและกลับเองก็ทิ้งไปได้เลยเพราะฉันไม่อนุญาต ฉันกำลังดูอยู่ว่าหลังจากเลิกเรียนจะหางานอะไรให้เธอทำที่นี่ดี” คำว่างานทำให้หญิงสาวหันมามองเขาด้วยประกายตาแบบมีความหวัง
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ คุณกำลังหางานให้หนูทำอย่างนั้นเหรอคะ” เธอถามน้ำเสียงตื่นเต้น
“ก็อยากทำไม่ใช่หรือไง หรือว่าเปลี่ยนใจไม่อยากทำแล้ว”
“อยากค่ะอยาก..อยากทำค่ะ” เสียงหวานลำล่ำละลักบอกแล้วเดินไปนั่งหน้าโต๊ะทำงานชายหนุ่ม
“เงินที่ฉันให้ไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวไม่พอหรือไง ทำไมถึงอยากหางานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนทำนัก” ไพลินหลุบตาลงเหมือนคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มอีกครั้งแล้วตอบในสิ่งที่เขาถาม
“เงินที่คุณให้ไว้ใช้ส่วนตัวมันมากเสียด้วยซ้ำค่ะ ถ้าเทียบกับรายจ่ายที่ลินแทบไม่ได้จ่ายอะไรเลย แต่ที่ลินอยากหางานพาร์ทไทม์ทำก็เพราะอยากส่งเงินไปช่วยพี่สาวที่อยู่ประเทศไทยค่ะ อยู่ที่นี่ลินได้รับการอุปถัมภ์จากคุณและได้รับการช่วยเหลือจากไมร่าเป็นอย่างดี ลินเลยอยากหาเงินเพื่อส่งไปให้พี่ของลินได้มีความเป็นอยู่ที่ดีเหมือนที่ลินได้รับตอนนี้” เมสันมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตานิ่งขรึม และมีความรู้สึกว่ายิ่งรู้จักเธอก็ยิ่งทำให้เขาอยากค้นหามากเรื่อย ๆ
“ขออนุญาตครับ กาแฟของนายและของว่างคุณไพลินพร้อมแล้วครับ” เจเดนที่เตรียมเบรคบ่ายเสร็จเดินเข้ามาบอก
“ฉันสั่งเค้กเหมือนวันก่อนมาให้เธอแต่เป็นหน้าใหม่ มาลองชิมดู” ร่างสูงเดินนำไปยังโต๊ะที่เจเดนเตรียมของว่างไว้
ไพลินลุกเดินตามไปอย่างว่าง่ายแล้วนั่งลงตรงข้ามชายหนุ่ม เธอวางโทรศัพท์เครื่องหรูที่พึ่งจะได้จากเมสันเมื่อวันก่อนลงบนโต๊ะและกำลังจะตักเค้กตรงหน้าขึ้นมาชิม แต่โทรศัพท์ที่วางไว้ใกล้มือเกิดสั่นเพราะมีสายเข้าเสียก่อน
สายเข้า»»» {Ryan}
ไพลินไม่ได้รับสายนั้นทันที สัญชาตญาณบอกเธอให้เงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้า
เมสันมองดูโทรศัพท์ของหญิงสาวด้วยสายตากร้าวราวกับมีเปลวเพลิงซ่อนอยู่ในนั้นและพร้อมจะแผดเผามันให้มอดไหม้ก่อนจะสลับสายตามองหญิงสาวและเบือนหน้าหนีไปอย่างหงุดหงิด
“ดูเหมือนเธอจะลืมนะว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มีเพียงฉันและไมร่าเท่านั้นที่มีสิทธิ์โทรหาเธอ” น้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกเย็นวาบไปถึงใจเอ่ยออกมา
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธอ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ