“พอดีเป็นเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักวันนี้ ในคลาสก็มีการแลกเบอร์กันเผื่อว่าต้องติดต่อกันเรื่องเรียน ลินก็เลยแลกกับเพื่อน ๆ ไปหลายคน ขอโทษนะคะถ้าหากว่าทำให้คุณไม่พอใจ”
“พึ่งไปเรียนวันแรกฉันนึกไม่ออกว่ามีเรื่องเรียนที่สำคัญอะไรที่ต้องโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาส” หญิงสาวไม่ตอบ เพราะก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ไรอันโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาสอย่างที่เมสันว่า
ไพลินรู้สึกว่าเค้กตรงหน้าที่ดูจะอร่อยในตอนแรกกร่อยไปทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ชิมเพราะอารมณ์ของผู้อุปถัมภ์ที่ตึงจนเธอรู้สึกได้
เมสันไม่ได้โกรธหญิงสาวเพียงแต่เขาหงุดหงิดตัวเองที่กำลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลควบคุมอารมณ์ไม่ได้ยามเมื่อมีชายอื่นเข้ามาพัวพันในชีวิตไพลิน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะตีกรอบไม่ให้เธอคุยกับผู้ชายอื่น
ไพลินเรียนมหาลัยและมหาลัยก็ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงเรียน เธอยังต้องมีสังคม..เมสันเตือนตัวเองใจใน
“ถ้าคุณไม่พอใจเดี๋ยวลินจะนั่งลบเบอร์ของเพื่อน ๆ ในวันนี้ออกให้หมดเหลือแต่เบอร์ของคุณกับไมร่าเหมือนเดิมค่ะ”
“ไม่เป็นไร…เธอยังต้องมีสังคม ฉันเป็นแค่ผู้ให้ทุนเรียน ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ” เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามและบังคับให้เธอลบเบอร์เพื่อนเหมือนที่คิด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณกำลังโกรธลินอยู่หรือเปล่าคะ” หญิงสาวตัดสินใจถาม สายตาที่คมกริบจ้องมายังเธอนิ่งทำเอาร่างกายเธอรู้สึกวูบวาบบอกไม่ถูก
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธอะไร”
“คุณกำลังไม่พอใจลินรู้ ถ้าการมีเบอร์เพื่อนในชั้นเรียนมันจะทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจลินยินดีที่จะไม่มีเพื่อแลกกับความสบายใจของคุณค่ะ เพราะหากมีแล้วมันทำคุณไม่ชอบใจลินก็คงไม่สบายใจ ยังไงลินก็ต้องเจอเพื่อนทุกวันอยู่แล้ว ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องติดต่อกันหลังเวลาเรียนลินจะขออนุญาตคุณเป็นเรื่อง ๆ ไปดีไหมคะ” เมสันถอนหายใจแล้วทอดสายตามองออกไปด้านนอกกระจกห้องทำงานชั่วครู่ก่อนจะหันมามองหญิงสาวอีกครั้ง
“เธอแคร์ฉันขนาดนั้นเลยหรือไง” เสียงทุ้มลึกแฝงไปด้วยความอ่อนโยนถามกลับ คนที่ใสซื่อไม่ได้มีความคิดอะไรที่ซับซ้อนพยักหน้าตอบเขาไปตามที่เธอรู้สึก
เมสันรู้สึกพึงพอใจอยู่ลึก ๆ ที่ความต้องการของเขาไม่ได้บังคับเธอและยังรู้สึกหัวใจพองโตเหมือนเด็ก ๆ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนที่ได้รู้ว่าหญิงสาวแคร์เขา
“เอ่อ…แล้วตอนนี้คุณอารมณ์ดีขึ้นหรือยังคะ”
“รู้ได้ยังไงว่าฉันอารมณ์ไม่ดี”
“ก็สีหน้าและแววตาคุณออกจะดุขนาดนั้น” ชายหนุ่มยกยิ้มน้อย ๆ กับท่าทางของคนพูด
“มานั่งนี่สิ” มือหนาตบที่นั่งข้างตัวเองเบา ๆ ไพลินทำท่าลังเลกับคำบอกนั้นแต่สุดท้ายก็ลุกเดินไปนั่งตามคำสั่งเขา
ทันทีที่หญิงสาวนั่งลงข้างกายชายหนุ่มก็คว้าเอวบางแล้วดึงเธอให้เข้ามาประชิดตัวเขาทันที ความตกใจทำให้ไพลินยกมือขึ้นกั้นระหว่างตัวเธอกับเมสันเอาไว้ แต่ก็กั้นได้เพียงแค่ช่วงอกเท่านั้น
“คุณกำลังจะรังแกลินอีกแล้วนะคะ” เธอว่าเสียงเบา
“แบบไหนล่ะที่เรียกว่ารังแก ฉันแค่ให้เธอมานั่งใกล้ ๆ แค่นั้น” ไพลินมองสู้ตาคนเจ้าเล่ห์ที่พูดกับเธออย่างหน้าตาย
“ลินพึ่งรู้นะคะว่าไมร่ามีพี่ชายที่เจ้าเล่ห์”
ฟอด!!
จูบหนัก ๆ ถูกกดลงมาบนแก้มหญิงสาวครั้งที่สองในรอบวัน ไพลินตกใจกับการกระทำของเขาอีกครั้งแม้จะไม่มากเท่าตอนเช้า แต่ก็ยังคงรู้สึกประหม่าและเขินอายอย่างบอกไม่ถูกที่ถูกจู่โจมเชิงรักใคร่จากเพศตรงข้าม
“แล้วอยากรู้หรือเปล่าว่านอกกจากเจ้าเล่ห์แล้วยังมีอะไรอีก”
“มะ…ไม่อยากรู้ค่ะ” เธอรีบตอบพร้อมส่ายหน้า
“แต่ฉันอยากให้เธอรู้ เธอจะต้องค่อย ๆ เรียนรู้ในความเป็นฉันให้ชิน” เสียงนุ่มนวลคล้ายออดอ้อนพูดชิดแก้มใส ไออุ่นจากลมปากสร้างความรู้สึกปั่นป่วนมวนท้องให้กับหญิงสาวไม่น้อย ไพลินพยายามเอียงหน้าหนีสัมผัสนั้นจากชายหนุ่มแต่ยิ่งพยายามกลับยิ่งเหมือนโดนล๊อคด้วยอ้อมแขนที่แข็งแกร่งจนต้องยอมปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ
เมสันใช้ความเหนือชั้นทุกด้านหาเศษหาเลยจากกายสาว จมูกโด่งซุกไซ้สูดดมไปทั่วแก้มทั้งสองข้างและซอกคอขาวจนดูเหมือนคนที่เก็บกดมานาน
ไพลินเหมือนคนที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเมื่อถูกจู่โจมจากคนที่ประสบการณ์โชกโชนจนไม่อาจต้านทานเขาได้ แม้ปฏิกิริยาทางร่างกายจะขัดขืนบ้างแต่ใจเธอกลับไม่ปฏิเสธเขา ร่างบางอ่อนระทวยพิงไปกับอกกว้าง อกสาวที่เหมือนจะใหญ่เกินตัวเบียดกับหน้าอกหนาจนเมสันได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นรัวของคนในอ้อมแขนอย่างชัดเจน
“พอเถอะค่ะ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีนะคะ” เสียงอู้อี้พูดแนบอกกว้าง
“ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
“ถ้าอย่างนั้นหนู….”
“เธอคือข้อยกเว้นเพียงคนเดียวของเขตหวงห้ามนี้” เมสันดักคอเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวจะพูดอะไร
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธอ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ