ไพลินเดินตามเพื่อนพนักงานไปยังจุดที่เมสันและซาร่ายืนอยู่เพื่อไปเชิญแขกวีไอพีไปยังโต๊ะที่พวกเธอจัดเตรียมไว้ตามที่ลูกค้าได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ จังหวะนั้นเมสันที่กำลังวางสายก็หันมาเห็นเธอเข้าพอดี
แววตาที่ดูลึกล้ำสุดจะหยั่งได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่มองมาที่เธอ แวบหนึ่งไพลินก็รู้สึกเหมือนกับว่าชายหนุ่มดีใจที่ได้เห็นเธอที่นี่ สายตาคู่นั้นเหมือนจะอ่อนโยนคล้ายกับกำลังยิ้มให้ แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้นจนเธอคิดว่าตัวเองตาฝาดและคิดไปเอง เพราะหลังจากนั้นนัยน์ตาสีอำพันคู่นั้นกลับดูเฉยเมยราวกับว่าเธอและเขาไม่เคยพบเจอกันมาก่อนในชาตินี้
“สวัสดีค่ะคุณซาร่า คุณเมสัน เชิญคุณทั้งสองตามเรามาทางด้านนี้ดีกว่าค่ะ ทางเราได้จัดโต๊ะเตรียมไว้ให้คุณทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว วันนี้เราสองคนจะคอยดูแลคุณทั้งสองนะคะ ดิฉันชื่อโรสส่วนคนนี้ชื่อลินค่ะ” คนที่ดูเชี่ยวชาญกว่าเพราะอยู่มาก่อนกล่าวต้อนรับลูกค้าอย่างคล่องแคล่ว
ไพลินเดินนำทุกคนไปยังโต๊ะที่เตรียมไว้ตามด้วยเพื่อนพนักงานของเธอและซาร่าโดยมีเมสันเดินตามมาเป็นคนสุดท้าย
แม้จะรู้สึกหนักใจและลำบากใจในการทำงานในวันนี้แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์เลือก อีกอย่างเรื่องของเธอกับเมสันก็จบไปแล้ว วันนี้เขาไม่ใช่คุณเมสันคนที่คอยใส่ใจและห่วงหาเธอเหมือนก่อน แต่คือมิสเตอร์เมสันคนรักของซาร่านางแบบสาวชาวอเมริกันที่โด่งดัง
“เธอเป็นพนักงานใหม่หรือเปล่าทำไมฉันไมเคยเห็นทั้งที่ฉันก็ออกจะมาบ่อย” ปากถามไพลินแต่สายตาของซาร่ากลับมองไปที่เมสัน
ไพลินที่กำลังตั้งสติในการบริการเครื่องดื่มให้กับคนทั้งคู่ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอ่อนให้ซาร่าแล้วตอบคำถามนั้น
“ฉันพึ่งมาทำงานได้หนึ่งอาทิตย์ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่วันนี้ได้มีโอกาสดูแลคุณทั้งสอง”
“ดูเธอยังเด็กอยู่เลยนะ เรียนจบนานหรือยัง” ซาร่าหาเรื่องถามและชวนไพลินคุยแม้เรื่องที่ถามจะเป็นสิ่งที่รู้อยู่แล้วจากการส่งคนไปสืบประวัติของหญิงสาวในมหาวิทยาลัย
“ฉันยังเรียนอยู่มหาลัยค่ะ มาทำงานหลังเลิกเรียนก็เท่านั้น”
“ถึงว่าทำไมยังดูเด็ก สมัยนี้หานักศึกษาที่ขยันแบบนี้และใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อย่างนี้หายากนะคะที่รักคุณว่ามั้ย” นางแบบสาวมองหน้าเมสันเหมือนอยากให้ชายหนุ่มสนับสนุนหรือแสดงท่าทีเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
เมสันไม่ได้ทำในสิ่งที่ซาร่าต้องการ สีหน้าที่เรียบนิ่งพร้อมสายตาแบบเดียวกันไม่มีใครสามารถล่วงรู้ถึงความคิดและอารมณ์ของเขาได้ แม้แต่ไพลินและซาร่ายังรู้สึกหวั่นกับท่าทีนั้น เพียงแต่นางแบบสาวพยายามโฟกัสแค่จุดประสงค์ของตัวเองโดยพยายามไม่ใส่ใจความรู้สึกกลัวผู้ชายตรงหน้าให้มากนัก แม้บางทีจะแอบหวั่นอยู่ไม่น้อยก็ตาม
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่ คุณอยากทานอะไรก็สั่งได้เลย” ร่างสูงเดินออกจากโต๊ะโดยไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะสนใจพนักงานสาวของร้านนามว่าลินแม้แต่น้อย ซาร่ามองตามหลังคู่ควงของเธอไปจนลับสายตาก่อนจะหันมามองไพลินด้วยสายตาพินิจ
นางแบบสาวยอมรับว่าเด็กสาวที่เธอกำลังนั่งมองอยู่ตอนนี้สวยจริง ๆ สวยหวานแบบน่าทะนุถนอมและดูไม่เบื่อ ขนาดที่ว่าเธอเองอยู่วงการนางแบบที่มีแต่ผู้หญิงหุ่นดีหน้าตาเด่นทั้งนั้น แต่ก็เทียบไม่ได้กับผู้หญิงตรงหน้าตอนนี้ แม้จะดูไม่สูงเท่าผู้หญิงอเมริกันแต่ก็สมส่วนชวนมอง ซาร่าคิดว่าหากสิ่งที่เธอสงสัยเป็นจริงก็ไม่แปลกสักนิดที่เมสันจะหลงเด็กคนนี้
และเพื่อต้องการจะจับพิรุธของเด็กสาวตรงหน้าและผู้ชายที่เธอควงมาวันนี้ซาร่าถึงกับต้องจ้างคนให้ไปชักชวนไพลินให้มาทำงานที่นี่เมื่อรู้ว่าร้านนี้กำลังต้องการพนักงานเพราะวางแผนที่จะชวนเมสันให้มาเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่เธอแคลงใจว่าเป็นศตรูหัวใจ
“เธอว่าผู้ชายที่มากับฉันเขาเป็นยังไงบ้าง” คำถามที่เหมือนจะหยั่งเชิงทำให้ไพลินมองลูกค้าสาวอย่างสงสัย
“คุณถามฉันเหรอคะ”
“แล้วนอกจากเธอตอนนี้มีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่าล่ะ”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร” หญิงสาวตอบ ในขณะที่มือวุ่นอยู่กับการจัดการเครื่องดื่ม ทั้งที่ภายในใจนั้นกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะไม่รู้ว่าคนถามมีเจตนาอะไร
“ฉันหมายถึงว่าหากเขาขอฉันแต่งงานเธอว่าฉันควรตอบตกลงดีหรือเปล่า เธอก็คงพอรู้นะว่าคุณเมสันน่ะใคร ๆ ก็อยากเป็นเจ้าของเขา ก็อย่างว่าแหละนะเขาทั้งหล่อ ทั้งรวย ใครไม่อยากได้ก็บ้าแล้ว เธอว่ามั้ย” คำว่าแต่งงานที่ซาร่าพูดมานั้นทำให้ไพลินรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบหัว ความชาแผ่ซ่านไปทั้งตัว ความรวดร้าวแล่นริ้วอยู่ในอกจนแทบจะอยู่บริการต่อไม่ไหว แม้เธอจะเคยผ่านความลำบากและเรื่องเลวร้ายมาแค่ไหนแต่สิ่งที่พึ่งได้ยินนี้ก็สั่นคลอนความรู้สึกเธอไม่น้อย หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตั้งสติโดยไม่ลืมที่จะตอบในสิ่งที่ลูกค้าสาวถาม
“คุณสองคนเหมาะสมกันมากค่ะ ถ้าหากเขาขอคุณแต่งงาน คุณคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด” คำตอบที่พูดไปแม้จะสวนทางกับความรู้สึกที่แท้จริงแต่ไพลินก็พยายามเตือนตัวเองว่าตอนนี้เธออยู่ในหน้าที่ เธอควรทำและพูดในสิ่งที่ควรไม่ใช่สิ่งที่รู้สึก
“พูดได้ดีนะ เดี๋ยวฉันจะให้คุณเมสันทิปให้หนัก ฉันคงต้องชวนเขามาที่ร้านนี้บ่อย ๆ เพราะนอกจากร้านจะดีแล้วพนักงานก็ยังพูดเอาใจลูกค้าเก่ง…โดยเฉพาะเธอ ทุกครั้งที่ฉันกับ เมสันมาฉันจะรีเควสแค่เธอเท่านั้นให้มาดูแลที่โต๊ะ เธอว่าดีหรือเปล่า” คำพูดและรอยยิ้มที่ดูไร้ธรรมชาตินั้นให้ความรู้สึกที่ไม่จริงใจจนไพลินรู้สึกได้ แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มก็เท่านั้น แม้จะเริ่มรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของลูกค้าสาวโต๊ะวีไอพี
ซาร่ามองเห็นถึงความเศร้าในแววตาของพนักงานสาวอย่างไพลินทุกครั้งที่เธอเอ่ยชื่อเมสัน แม้ไพลินจะพยายามทำตัวให้เป็นปกติแค่ไหนก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาหญิงที่ผ่านโลกมามากอย่างซาร่าได้
เมสันอาจจะไม่เผยความรู้สึกใดให้เธอได้เห็นว่าเขารู้สึกกับเด็กสาวคนนี้ แต่สำหรับเด็กสาวคนนี้ดูแล้วยังอ่อนต่อโลกยิ่งนักถึงไม่สามารถปกปิดความรู้สึกในใจได้มิด ไฟในอกของซาร่าจึงเริ่มลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเริ่มแน่ใจว่าเมสันและไพลินไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดาอย่างแน่นอน
“ลิน..เข้าไปในครัวหน่อย เชฟแจ้งว่าไม่เข้าใจออเดอร์ที่เธอส่งไปก่อนหน้านี้ เดี๋ยวฉันดูแลทางนี้เอง” เพื่อนพนักงานคู่กับหญิงสาวเดินเข้ามาบอก ไพลินรู้สึกโล่งใจอยางบอกไม่ถูกที่ไม่ต้องอึดอัดอยู่กับซาร่าจึงส่งต่อหน้าที่ให้เพื่อนพนักงานแล้วเดินห่างออกไป
หญิงสาวเดินไปยังห้องครัวตามที่เพื่อนพนักงานบอกแต่กลับไม่มีเชฟคนไหนเรียกเธอเหมือนที่เพื่อนพูด เธอจึงเดินเลี่ยงออกมาทางหลังร้านเพราะรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารและอยากมาตั้งหลักก่อนจะกลับเข้าไปบริการโต๊ะของเมสันและนางแบบสาวอีกครั้ง
เมื่ออยู่ตามลำพังไพลินก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป ความรู้สึกรวดร้าวที่อยู่ในอกตีวนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงคำพูดของซาร่าเรื่องแต่งงานของหล่อนและเมสัน
ร่างบางสั่นสะอื้นจนตัวโยนไม่คิดว่าการเดินทางมาเพื่อศึกษาหาความรู้ของเธอในต่างแดนครั้งนี้จะทำให้เธอต้องมาเจอเรื่องราวที่สร้างความเจ็บปวดมากมายเพียงนี้ ขนาดว่าหนีออกมาจากเขาเพราะไม่อยากเจ็บ แต่ความเจ็บก็ตามมาเสริ์ฟเธอจนถึงที่ บางทีเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะทนไปได้อีกสักกี่น้ำ
“เป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เจือไว้ด้วยความอาทรดังขึ้น
ไพลินรีบปาดน้ำตาทิ้ง อาการสะอื้นราวกับถูกดับสวิตซ์ลงทันทีเมื่อเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นทางด้านหลัง เธอไม่ได้เหลียวไปมองแต่ยืนสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์และจังหวะการหายใจของตัวเองให้คงที่
หญิงสาวใช้เวลาอยู่ชั่วครู่แล้วตั้งท่าจะหันหลังกลับโดยไม่มองชายหนุ่มสักนิด ตั้งใจจะเดินเลยเขาไปโดยไม่แม้แต่จะชายตามอง แต่ยังไม่ทันที่จะเดินห่างไปเกินช่วงแขน เรียวแขนของเธอก็ถูกมือหนายื่นมาคว้าไว้แล้วดึงตัวเธอเข้ามาปะทะกับอกเขา
“ฉันถามว่าเป็นอะไร ทำไมดูหน้าซีด ๆ” เสียงนิ่งถามอีกครั้งพร้อมสายตาตำหนิเมื่อเธอคิดเดินหนี
หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเธอแล้วให้นึกสมเพชตัวเองนัก แค่ได้ใกล้ชิดเขาร่างกายและใจเธอก็เหมือนจะยอมทุกสิ่ง ดีที่ยังคิดได้ว่าที่นี่คือที่ทำงาน เธอกำลังอยู่ในหน้าที่..และเขาคือลูกค้า
“ปล่อยค่ะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” หญิงสาวพยายามฝืนตัวเองให้ออกจากการแนบชิดนั้น
“ผัวกอดเมียมันไม่ดีตรงไหน”
“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน…หรือถ้าจะเคยเป็นหนูก็ลืมมันไปหมดแล้ว” ไพลินรู้สึกถึงแรงบีบที่ต้นแขนเธอแรงขึ้นกว่าเดิมจนคิดว่ากระดูกคงหักไปแล้ว
ชายหนุ่มมองผู้หญิงในอ้อมแขนด้วยสายตาดุดัน ความรู้สึกตอนนี้คืออยากจะจับเธอเขย่าแรง ๆ นัก เขย่าจนให้ได้สติว่าพูดอะไรออกมา
“ออกมาอยู่ข้างนอกได้ไม่เท่าไหร่ปากดีขึ้นเยอะ กล้าขนาดลืมว่ามีผัวแล้วงั้นเหรอ” น้ำเสียงที่เยือกเย็นนั้นทำเอาเธอเสียวสันหลังวาบ
“เธอจำเอาไว้อยางหนึ่งนะลิน..อย่าลองดีกับฉัน..อย่าคิดว่าการออกมาอยู่ข้างนอกแล้วฉันจะไม่มีสิทธิ์ในตัวเธอ เพราะถ้าเธอคิดอยางนั้นเธอกำลังคิดผิด” ไม่เพียงแค่แรงบีบที่ต้นแขนเท่านั้นที่ทำเธอกลัว แต่น้ำเสียงและแววตาของเขาตอนนี้ก็ทำเธอกลัวไม่แพ้กัน
“ปล่อยลิน…ปล่อย” เธอบอกเขาเมื่อเริ่มรู้สึกถึงอาการคลื่นไส้วิงเวียนจนอยากอาเจียน
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน” ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมปล่อยเพราะคิดว่าเธอจะเดินหนีเขา
“ปล่อยก่อน วะ..เวียนหัว” ใบหน้าที่ซีดเซียวบ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่ได้โกหกเขา ชายหนุ่มจำต้องปล่อยมือออก ทันทีที่เป็นอิสระไพลินก็พุ่งตัวไปที่อ่างล้างหน้าที่ใกล้ที่สุด เมสันแม้จะตกใจแต่ก็ถลาเข้าไปหาทันที
“เธอเป็นอะไรลิน!!” น้ำเสียงร้อนรนแฝงด้วยความห่วงใยถามพลางยกมือลูบหลังหญิงสาวเบา ๆ
ไพลินโก่งคออาเจียนออกมาจนเรี่ยวแรงหดหาย มือบางจับขอบอ่างล้างหน้าไว้มั่นเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้นโดยไม่ยอมให้เมสันประคอง
ชายหนุ่มหน้าเครียดกับท่าทีหวงตัวของภรรยาสาวและนึกสงสัยกับอาการที่เธอเป็นอยู่
“ทำไมไปนานนักคะ ซาร่านั่งดื่มคนเดียวจนมึนไปหมดแล้ว” เมสันเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยสีหน้าเรียบเช่นเคย ต่างจากซาร่าที่เริ่มออกอาการและส่งสายตาหยาดเยิ้มให้ชายหนุ่ม “พอดีมีสายจากรัฐมนตรีเรื่องการสั่งผลิตรถถังรุ่นใหม่เลยคุยนานไปหน่อย” “อย่างนี้นี่เอง ฉันก็นึกว่าคุณถูกสาวที่ไหนฉกตัวไปเสียอีก” เมสันหน้าตึงไม่พอใจกับคำพูดของนางแบบสาวก่อนจะย้อนกลับเบา ๆ ด้วยคำพูดที่ซาร่าแทบจะหายจากอาการมึน “ผมไม่ใช่ผู้ชายที่กินไม่เลือก หรือถ้าหากจะหลงผิดไปบ้างผมก็ถือเป็นสีสันชีวิต แต่รับรองว่าไม่คิดจะกลับไปกินอีกถ้าแน่ใจว่าของนั้นมันไม่สะอาด อะไรที่มันไม่สะอาดต่อชีวิตผมไม่เสียดายที่จะต้องทิ้ง” ซาร่าหน้าเปลี่ยนสีแต่ก็รีบกลบเกลื่อนให้เป็นปกติ “แหม…ฉันแค่พูดหยอกคุณก็จริงจังไปได้” นางแบบสาวพูดหัวเราะกลบเกลื่อนเสมองไปทางอื่น ใจคอรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของชายหนุ่ม เมสันยังคงเก็บอาการได้ดีแม้ในใจตอนนี้จะห่วงไพลินเป็นอย่างมาก หลังจากที่หญิงสาวมีอาการแปลก ๆ และอ้วกจนหมดไส้หมดพุงเขาก็ไม่รอที่จะหาคำตอบกับเจ้าตัวว่าเป็นอะไรแต่กลับโทรเรียกให้ดีแลนมาพาหญิงสาว
ห้องจัดงานที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรมชื่อดังกลางกรุงวอชิงตันกำลังคลาคล่ำไปด้วยสื่อมวลชน นางแบบ แมวมอง และนักธุรกิจที่ถูกเชิญมาร่วมงานโชว์ประจำปีของชุดชั้นในแบรนด์ดังระดับโลก ภายในงานมีบอดี้การ์ดกระจายอยู่ทั่วทุกแทบตารางนิ้วเพราะมีชุดชั้นในทองคำที่ราคากว่าสิบล้านดอลล่าร์ที่จะมาโชว์ด้วย เมสันคือหนึ่งในแขกวีไอพีที่ถูกเชิญมาร่วมงานในครั้งนี้รวมถึงลูคัสก็เช่นกัน “ซาร่าคือคนที่จะต้องสวมใส่ยกทรงทองคำในคืนนี้ โชว์รอบนั้นจะเป็นโชว์ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด” “ดี นั่นแหละที่กูต้องการ” “ไม่แรงไปหน่อยเหรอวะ อนาคตดับแบบไม่ได้เกิดแถมต้องเข้าซังเตอีก” ลูคัสว่า “มึงว่ากูอ่อนไม่ใช่หรือไงที่ยอมในคำขู่ของซาร่า” เมสันไม่ได้รู้สึกแม้แต่น้อยกับสิ่งที่ลูคัสพูด “เออ…ก็กูไม่รู้นี่หว่าว่ามึงทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้ผู้หญิงแบบนั้นมาบงการ แต่ตอนนี้รู้แล้ว”“บางเรื่องไม่ใช่ไม่ไว้ใจใคร แต่บางทีคนเราก็ไม่มีเวลาเอาข้อเสนอแนะของคนรอบข้างมาวิเคราะห์เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม กูไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น เดิมพันของกูคือไพลินมึงก็รู้ ” ลูคัสพยักหน้าเข้าใจในส
ไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลที่ขึ้นชื่อเรื่องการรักษาที่ดีที่สุดเป็นศูนย์รวมของแพทย์ที่เก่งที่สุดและค่ารักษาที่แพงที่สุดของกรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งมีตระกูลของลูคัสถือหุ้นใหญ่และบริหารอยู่ ลูคัสเดินทางมาถึงโรงพยาบาลในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงก็เจอกับเจเดนที่กำลังยืนรออยู่ “ไพลินเป็นยังไงบ้าง” “ยังอยู่ห้องฉุกเฉินครับ” เจเดนตอบเพื่อนเจ้านาย ลูคัสพยักหน้ารับรู้แล้วเดินหายเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินเพื่อติดตามอาการภรรยาตัวน้อยของเพื่อนทันที ถึงไมได้บริหารแต่ก็เป็นลูกหลานของผู้บริหารลูคัสจึงสามารถสั่งการได้ไม่ต่างจากผู้บริหารคนอื่นและชายหนุ่มก็เป็นที่คุ้นตาดีสำหรับเจ้าหน้าที่และแพทย์ของโรงพยาบาลเพราะเข้ามาประชุมผู้ถือหุ้นแทนบิดาอยู่บ่อยครั้ง “คนไข้เป็นยังไงบ้าง” หมอที่กำลังทำการรักษาเงยหน้าขึ้นมามองคนถาม ก่อนจะตรวจคนไข้อีกครั้งให้แน่ใจแล้วหันมาตอบ “เมื่อกี้เธอรู้สึกตัวแล้วครับแล้วก็หลับไปอีกเพราะความอ่อนเพลีย ตอนนี้ทางเราได้ให้น้ำเกลือและยาแก้แพ้ท้องแบบฉีดผ่านทางสายน้ำเกลือให้ คงต้องให้นอนรอดูอาการที่โรงพยาบาล
ลูคัสเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยด้วยความรู้สึกหนักใจแทนเมสัน ขนาดว่าเขาไม่ใช่พ่อของลูกในท้องของไพลินยังรู้สึกเคืองที่แม่ของลูกมีความคิดที่ไม่เข้าท่าแบบนั้น ดูแล้วเพื่อนของเขาคงต้องมีเรื่องที่ต้องรีบปรับความเข้าใจกับแม่ของลูกโดยด่วน ทางด้านเมสันหลังจากที่อยู่ให้ปากคำตำรวจในฐานะพยานผู้ส่งมอบหลักฐานสำคัญเสร็จก็รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลทันที ร่างสูงเปิดประตูลงจากรถทั้งที่ดีแลนยังจอดไม่สนิทด้วยซ้ำ “ลินอยู่ไหน” เสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความร้อนใจถามทันทีที่เดินเข้ามาในโรงพยาบาลแล้วเจอกับลูคัส เมื่อเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วลูคัสก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ที่ตอนนี้ทำเหมือนกับห่วงเมียจะเป็นจะตาย ผิดกับก่อนที่จะจัดการเรื่องนางแบบสาวอย่างซาร่า ขนาดรู้ว่าเมียลำบากยังใจเย็นทนดูได้ มาตอนนี้อย่างกับจะคลั่ง “จัดการเรื่องที่โรงแรมเรียบร้อยแล้วเหรอ” นอกจากจะไม่ตอบในสิ่งที่เมสันถามแล้วลูคัสยังตีหน้าเรียบถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คนถามอยากรู้ “ถ้าไม่เรียบร้อยมึงจะเห็นกูยืนทนโท่อยู่นี่หรือเปล่าล่ะ”น้ำเสียงหงุดหงิดตอบกลับอย่างไม่สบอาร
ร่างหนามีปฏิกิริยาเกร็งตัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อลูคัสบอกในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน สายตาคมที่ดูนิ่งก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นดุดันราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น บุหรี่ที่พึ่งถูกหยิบขึ้นมาใหม่ถูกมือหนาบีบบี้จนแหลกคามือลูคัสที่เห็นท่าปฏิกิริยาของเมสันก็รู้ได้ว่าตอนนี้เพื่อนตนกำลังโมโหหนัก“มึงใจเย็น ๆ ก่อน นี่แหละที่กูลากมึงออกมาคุยกันก่อนที่มึงจะไปเจอไพลิน ตอนนี้เมียมึงกำลังอยู่ในสภาวะจิตใจที่ไม่คงที่ มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะมีความคิดชั่ววูบแบบนั้น”“หึ..ความคิดชั่ววูบอย่างนั้นเหรอ เธอไม่ควรมีความคิดแบบนี้เลยต่างหาก ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด!!” เมสันตะคอก…เสียงตะคอกดังสาดใส่ลูคัสราวกับว่าลูคัสคือไพลินที่ทำให้เขากำลังโมโหกับความคิดงี่เง่าจนแทบควบคุมอามรมณ์ไม่ได้ลูคัสไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกรธแม้แต่น้อยเพราะเข้าใจความรู้สึกของเมสันดี และตอนนี้ก็เข้าใจความรู้สึกของไพลินด้วย“มึงอย่าลืมสิว่าไพลินไม่ได้รู้เรื่องซาร่า ตอนนี้เมียมึงคิดแต่ว่าตัวเองลำบาก ลำพังตัวคนเดียวก็ยังเอาแทบไม่รอด ไปทำงานที่ไหนมึงก็ใช้อิทธิพลมืดของมึงกีดกันเขาหมดเพื่อหวังให้เขาซมซานกลับมาหา แต่อีกด้านก็เป็นคนผลักเขาไปให้ไกลตัว
ไพลินแทบลืมความอ่อนเพลียที่มีเมื่อเมสันเอ่ยว่าจะคุยกับหมอที่ดูแลเธอ “ทำไม..ทำไมฉันถึงจะเจอหมอที่รักษาเธอไม่ได้ หรือเธอมีอะไรปิดบังฉันอยู่” เสียงเรียบถามพร้อมกับหรี่ตามองคนที่นอนบนเตียงคนป่วยด้วยสายตาจับผิด “ปละ…เปล่าค่ะ หนูแค่คิดว่ามันไม่จำเป็น จะเสียเวลาคุณเปล่า ๆ มันไม่ได้สำคัญอะไร” เมสันที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองภรรยาเด็กของตัวเองอยู่ก่อนหน้านี้ย้ายตัวเองขึ้นมานั่งเบียดบนเตียงคนป่วยอย่างช้า ๆ สายตาคมกริบโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าหวานที่ซีดเซียวแบบไม่ยอมกระพริบตาแม้แต่น้อย “พูดใหม่ซิ เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ” เสียงทุ้มถามอย่างนุ่มนวลแต่ฟังดูเหมือนบังคับอยู่ในที ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย ไพลินไม่ได้พูดซ้ำและไม่ยอมมองหน้าชายหนุ่มที่ตอนนี้โน้มเข้ามาใกล้กับใบหน้าเธอจนห่างกันแค่คืบ ความใกล้ทำให้หญิงสาวได้กลิ่นประจำกายของผู้ชายที่เธอโหยหามาตลอด มันเป็นกลิ่นที่ทำเธออ่อนระทวยทุกครั้งที่เขามาใกล้ แต่ว่าตอนนี้มันกลับเป็นกลิ่นที่ทำเธอรู้สึกเหม็นจนอยากจะอ้วกออกมา “คุณขยับตัวออกไปหน่อยได้มั้ยคะ” เธอบอกเขาพร้อมทำหน้าเห
หลังจากที่ไม่เข้าใจกันเมสันก็ไม่มาโรงพยาบาลให้ไพลินเห็นหน้าอีกเลย มีเพียงลูคัส ดีแลน และเจเดนเท่านั้นที่สลับกันมาคอยติดตามอาการของหญิงสาวอยู่ไม่ห่างตามคำสั่งของชายหนุ่ม“เป็นไงบ้างวันนี้” ลูคัสเดินเข้ามาทักทายระหว่างที่ไพลินกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากโรงพยาบาล“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มอ่อน“เดี๋ยวเจเดนจะพากลับนะ ช่วงนี้หมอห้ามทำอะไรหนักให้พักผ่อนเยอะ ๆ ก่อน เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์อ่อนมันจะกระทบต่อลูกในท้องได้ง่าย” เมื่อพูดถึงลูกแล้วไพลินก็หน้าจ๋อยลงไปอีก ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะทำยังไงดีกับอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้องถึงแม้จะเคยบอกว่าต้องการยุติการตั้งครรภ์แต่เอาเข้าจริงเธอกลับรู้สึกหวงแหนชีวิตน้อย ๆ นี้อย่างบอกไม่ถูก“แต่ลินต้องทำงานนะคะ แล้วแบบนี้….” เธอกังวลถึงความปลอดภัยของลูกน้อย “ก็ไม่ต้องทำ พ่อของลูกมันรวยจะตายทำไมต้องทำ อยู่เฉย ๆ ให้มันเลี้ยงน่ะดีแล้ว” ลูคัสพูดเล่นแต่หมายความตามนั้นจริง ๆไพลินได้แต่ยิ้มเศร้า ๆ ให้กับคำพูดของลูคัส ตั้งแต่วันนั้นที่เขามาหาเธอจนตอนนี้เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย แล้วสิ่งที่ลูคัสพูดมันจะเป็นไปได้ยังไง“เขาไม่สนใจลินหรอกค่ะ อีกอย่างลินกับเขาก็ไม่ได้เกี
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา