เวลาเดียวกันนางอรุณีก็กดโทรศัพท์ไปหาลูกชายที่คุมงานอยู่กลางสวน แต่ก็คอยสังเกตนภาพราวไปด้วย
“ครับแม่”
“กลับบ้านสักครู่ได้ไหมลูก มีคนมาสมัครเป็นครูพี่เลี้ยงให้หนูเล็ก”
คนที่กำลังยกเข่งส้มส่งให้ลูกน้องขมวดคิ้ว
“แม่ขอดูวุฒิหรือยังครับ ถ้ามีวุฒิครบมีประสบการณ์พร้อมผมจะเข้าไปครับ”
“มีครบจ้ะ แม่ดูแล้ว”
“โอเคครับ งั้นสักสิบห้านาทีนะแม่”
ธราดลวางสายจากมารดา แล้วยกเข่งอีกใบส่งให้ลูกน้องอีกคน ก่อนสั่งงานหัวหน้าคนงาน จากนั้นจึงตรงไปยังรถกระบะที่จอดอยู่ไม่ไกลเพื่อขับตรงไปยังบ้าน
เสียงรถยนต์ที่แล่นมาจอดบริเวณหน้าบ้านทำให้นางอรุณีกับนภาพราวหันไปมอง ไม่กี่อึดใจร่างสูงๆ ในชุดชาวสวนก็เดินเข้ามาภายในบ้าน
“พ่อจ๋ามาแล้ว” หนูน้อยลุกขึ้นไปหาพ่อจ๋าทันทีที่เห็นหน้าด้วยความดีใจ คนเป็นพ่ออ้าแขนรับลูกสาวตัวน้อยขึ้นไปอุ้มแล้วยิ้มกว้าง ใบหน้าคมเข้มภายใต้หมวกปีกกว้างดูอ่อนโยนลงทันทีเมื่อมีรอยยิ้มแต้ม
“หนูเล็กทำอะไรอยู่” เขาหลุบตามองของเล่นและหยุดนิ่งที่หญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
“สวัสดีค่ะ” นภาพราวยกมือขึ้นสวัสดีชายหนุ่มทันทีที่เขามองมา ธราดลวางลูกสาวพร้อมกับรับไหว้ และโน้มศีรษะให้เล็กน้อยพร้อมถอดหมวกออก ก่อนจะหันไปทางมารดาที่ส่งเอกสารให้เขา
“หนูเล็กอยู่กับย่าก่อนนะครับ พ่อขอสัมภาษณ์คุณครูก่อนแป๊บนึง โอเคไหมคะ” คนหน้าคมหันไปบอกกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“โอเคค่ะ หนูเล็กรอกะย่า พ่อจ๋าจะสัมพาดคุงคู”
ไม่เพียงธราดลที่ยิ้มกับความฉลาดของลูกสาว แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็อดจะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ชายหนุ่มจึงหันไปพยักหน้ากับสาวหน้าใสและเดินนำเข้าไปในห้องทำงาน แต่ยังไม่ทันที่ประตูจะปิด เสียงเล็กๆ ของแม่หนูก็ดังขึ้นว่า
“พ่อจ๋าคุยอะไรกับคุงคู” เสียงแม่หนูน้อยเอ่ยถามคุณย่า นั่นทำให้คนเป็นพ่ออดยิ้มออกมาไม่ได้ ลูกสาวของเขากำลังอยู่ในวัยช่างจ้อ เกิดความสงสัยทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นตรงหน้า แต่เฉพาะเวลาที่อยู่กับเขา คุณย่าหรือพี่เลี้ยงเท่านั้นจึงจะกล้าถามออกมา ถ้าอยู่กับคนอื่นแกจะเงียบ ดูไม่มั่นใจ
“เชิญนั่งครับ” ร่างสูงนั่งลงหลังโต๊ะตัวใหญ่ ภายในห้องทำงานของเขาไม่ได้เปิดแอร์ แต่เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ชายหนุ่มจึงหันไปเปิดพัดลมแทน ก่อนจะเริ่มกวาดตาอ่านเอกสารการสมัครงานตรงหน้า
นภาพราวเองก็ใช้เวลานั้นสำรวจเขาไปในตัว พี่โอ๋บอกกับหล่อนว่าคุณดลอายุสามสิบสามปี แต่พักหลังเขาชอบทำตัวเครียดเกินอายุ ก็อย่างที่รู้ๆ มีเรื่องมากมายให้คิด แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกว่าเขาดูดีกว่าที่แอบจินตนาการเอาไว้ก่อนหน้านี้เสียอีก พูดกันตามตรงก็คือเขาหล่อเชียวแหละ ถ้าไม่ขยันทำคิ้วชนกันจะดีกว่านี้มาก
สักพักคนที่ถูกสำรวจจึงเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของวุฒิ
“คุณเคยเป็นครูอนุบาลมาหลายปีแล้วนี่ ทำไมถึงลาออกล่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
หญิงสาวขยับตัวเล็กน้อย หลังจากลอบสังเกตเขาเงียบๆ มาสักพัก
“ไม่ได้มีปัญหากับงานหรือเพื่อนร่วมงานค่ะ แต่ที่ลาออกจากงานเพราะต้องการกลับมาดูแลแม่ด้วยค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงนิ่วหน้าแล้วมองหล่อนแวบหนึ่งก่อนจะพลิกหน้ากระดาษไล่สายตาอ่านประวัติอีกครั้ง ก่อนเอ่ยออกมาว่า
“คุณเป็นคนที่นี่” เมื่อชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง นภาพราวจึงยิ้มตอบ
“ใช่ค่ะ บ้านฉันอยู่ห่างออกไปจากสวนดวงใจดลประมาณสามกิโลเมตร”
“นอกจากแม่แล้วอยู่กับใครอีกหรือเปล่า”
“มีแค่ฉันกับแม่ค่ะ พี่สาวไปทำงานต่างประเทศ”
คำตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มหลุบตาอ่านเอกสารตรงหน้าอีกหน จากนั้นก็สอบถามเรื่องการสอนที่ผ่านมา เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนที่เฟ้นหาครูพี่เลี้ยงให้กับลูกสาวมานานจึงตกลงปลงใจที่แม่สาวหน้าใสตรงหน้า จากประวัติการทำงานมาพอสมควรทำให้เขามั่นใจในระดับหนึ่ง แต่ทุกอย่างจะกระจ่างยิ่งขึ้นว่าคนตรงหน้ามีความสามารถมากแค่ไหนก็หลังจากที่เขารับหล่อนเข้าทำงานแล้วนั่นแหละ
“เวลาเข้างานแปดโมง เลิกงานบ่ายสี่โมงเย็น ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ หน้าที่ที่ต้องทำก็คือดูแลหนูเล็ก สอนแบบฝึกหัดขั้นพื้นฐานต่างๆ ที่เหมาะสมกับวัยของแก เล่นกับแก คือเรียกว่าหน้าที่ดูแลแกตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงสี่โมงเย็นเป็นของคุณ เงินเดือนเริ่มต้นสองหมื่นบาท อาจมีบางครั้งที่ผมจะต้องรบกวนคุณมาดูแลหนูเล็กนอกเวลางานบ้าง แต่จะมีค่าล่วงเวลาให้ มีโบนัส มีเงินพิเศษตามโอกาสพิเศษ คุณโอเคไหม ส่วนสวัสดิการอื่นๆ อยู่ในสัญญา”
หญิงสาวนั่งฟังด้วยอาการมึนงง ก่อนกะพริบตาปริบๆ
“เอ่อ ค่ะ ไม่มีปัญหาค่ะ”
“งั้นดีครับ คุณจะเริ่มงานได้เมื่อไร”
คิ้วที่ขมวดนิดๆ ของนภาพราวคลายออกจากกัน ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“คุณรับฉันทำงานแล้วใช่ไหมคะ”
คำถามของหญิงสาวทำให้คนที่พูดโดยไม่มีช่องไฟให้หล่อนแทรกถึงกับนิ่งไปอึดใจ ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวราวกับเหนื่อยหน่าย ทำให้นภาพราวแอบขบริมฝีปากด้านในตนเองด้วยความหมั่นไส้เขาขึ้นมาบ้างนิดหน่อย
“ครับ ผมรับคุณเข้าทำงานเรียบร้อยแล้ว คุณพร้อมที่จะทำงานกับผมไหม”
ริมฝีปากสีอ่อนของหญิงสาวยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
“ฉันพร้อมค่ะ”
เมื่อดวงตากลมโตของหญิงสาวตรงหน้ามีประกายยินดี เขาได้เห็นเงาของเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่ใช่หญิงสาวอายุยี่สิบหกปีอย่างที่ควรจะเป็น
“จริงๆ อุ่นน่ะพอแล้วนะคะ แค่หนูเล็กกับนักรบอุ่นก็พอใจแล้ว ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง กำลังพอดีเลย”ตอบพลางลูบไล้อกของสามีไปด้วย แต่คนตัวโตรู้สึกว่ากำลังถูกปลุกเร้าอารมณ์ให้เตลิดจนต้องวางมือทาบทับมือเรียวของหญิงสาวให้อยู่นิ่ง จนอีกฝ่ายสบตาเขาเป็นคำถาม แต่เมื่อเห็นแววตาพร่ามัวที่เต็มไปด้วยความต้องการทางสายตาหัวใจดวงน้อยก็เต้นถี่รัวขึ้นมา“ผมอยากมีเพิ่มสักคนนะ แต่ถ้าอุ่นพอแค่นี้ ผมก็ตามใจอุ่น” เขาตอบด้วยความรู้สึกจากใจจริง เพราะทุกคำพูดและแววตาของนภาพราวทำให้เขาลืมไปว่าหนูเล็กไม่ใช่ลูกของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เขาอิ่มเอิบหัวใจอย่างบอกไม่ถูกหญิงสาวขยับตัวแล้วลูบแก้มของเขาแผ่วๆ ก่อนจะยื่นหน้าไปจูบริมฝีปากได้รูป ชายหนุ่มยกมือขึ้นกระชับต้นคอระหง แล้วกดน้ำหนักของริมฝีปากตนเองเข้าหา พลางสอดปลายลิ้นตวัดรัดปลายลิ้นอ่อนนุ่ม“อันที่จริงอุ่นไม่มีปัญหาเรื่องมีลูกเพิ่ม ไม่ว่าจะกี่คนอุ่นก็รักทั้งนั้น เพราะพวกเขาเป็นลูกๆ ของเรา แต่อุ่นห่วงความรู้สึกของหนูเล็กมากกว่า”ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวด้วยความรู้สึกแปลกใจแต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณ เพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไร นภาพราวจะคิดถึงผลกระทบที่จะส่งผลถึงลูกสาวของเขาเสมอชายห
หลังจากกรำงานมานาน ธราดลก็พาภรรยาและลูกๆ ไปเที่ยวทะเลในช่วงปิดเทอมใหญ่ ส่วนย่าและยายขอพักผ่อนอยู่บ้านเพราะไม่อยากเดินทางนานๆ ทริปท่องเที่ยวครั้งนี้จึงมีเพียงสี่คนพ่อแม่ลูกเท่านั้น “พ่อฮาฟ น้ำเยอะเลย” หนูน้อยนักรบทำปากจู๋ ดวงตาเป็นประกายสดใสขณะนั่งมองทิวน้ำอยู่บนคาร์ซีตเด็กด้านหลัง ส่วนพี่สาวนั่งคาร์ซีตข้างๆ กันก็พยักหน้าเห็นด้วย“พี่หนูเล็กเคยมาทะเลแล้วตั้งหลายครั้งนะน้องรบ ในนั้นมีเบบีชาร์กด้วยน้า”“หูว เบบี้ชักๆ ๆ ๆ” หนูน้อยนักรบครวญเบาๆ ถึงน้ำกับปลาฉลามพลางยกมือขึ้นประกบกันทำท่าฉลามประกอบเพลงไปด้วย แม้เขาจะเคยมาแล้วหลายครั้งแต่ก็จำไม่ได้เพราะตอนนั้นยังเล็กมากเกินไป ตอนนี้เริ่มรู้เรื่องมากแล้วจึงตื่นเต้นราวกับว่าเพิ่งมาเห็นครั้งแรกกระนั้นทั้งหมดมาถึงบ้านพักที่จองเอาไว้ในช่วงบ่าย หลังจากสำรวจบ้านเรียบร้อย นภาพราวก็พาเด็กๆ ลงไปเล่นน้ำ ธราดลคุยโทรศัพท์สักพักใหญ่จึงได้ตามลงไปทีหลัง พอลงไปถึงเขาก็เห็นลูกๆ กำลังวักน้ำใส่กันด้วยท่าทางสนุกมากเชียว“พ่อจ๋า มาเล่นน้ำกัน”ร่างสูงในชุดเสื้อสีสันแสบตากับกางเกงผ้าร่มขาสั้นพร้อมลงเล่นน้ำ เดินแกมวิ่งตรงไปหาลูกๆ ส่วนนภาพราวอยู่ในเสื้อยืดสีชมพูกับก
บทส่งท้ายเสียงของเด็กหญิงและเด็กชายกำลังถกเถียงอยู่กลางสวนส้ม ทำให้คนเป็นพ่อที่กำลังคุยอยู่กับหัวหน้าคนงานต้องก้าวออกมายืนกอดอกมอง ริมฝีปากข้างหนึ่งยกสูงอย่างขบขันยามยืนฟังเด็กสองคนพยายามงัดเอาเหตุผลของตนเองออกมาหักล้างกันและกัน“ไปดูไดโนเสาร์กันไหม” พี่สาวเอ่ยถาม“ไป” คนน้องรับคำ จากนั้นทั้งสองก็ปั่นจักรยานคนละคันซอกซอนไปตามโคนต้นไม้ เพื่อหาไดโนเสาร์ในจินตนาการของพวกเขา“รบเจอแล้ว” น้องชายร้องบอกพี่สาว ทำให้หนูเล็กที่กำลังส่ายตาหาหันขวับ พอเห็นน้องหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาพี่สาวก็ส่ายหน้าหวือ“ไม่ช้าย อันนั้นไม่ใช่ อันนั้นกิ่งไม้”“ช่าย นี้ไดโนเฉา” น้องชายตอบเสียงแจ่ม หน้าตาแลขึงขัง บ่งบอกว่าไม่ชอบใจที่พี่สาวตอบ“ไม่ใช่นะ อันนั้นกิ่งไม้ ไดโนเสาร์ต้องเป็นแบบนี้” ว่าแล้วทำท่าประกอบ แต่น้องชายเริ่มเบะปากส่ายหน้า“ไม่ช้าย นี่ไดโนเฉา” หนูน้อยยังยืนยันเสียงแข็ง“น้องรบหยุดพูดเลยนะ”“ไม่หยุด” คนตัวเล็กเถียงกลับทันที“หยุดซี ห้ามพูดเลย ห้ามเถียงพี่นะน้องรบ”“น้องจะพูด น้องมีปาก” นักรบร้องขึ้นหน้าแดงจัด แล้วทำท่าว่าจะเถียงต่อจนพ่อต้องเข้ามาห้ามทัพ“เดี๋ยวๆ หยุดทั้งคู่เลย ทะเลาะกันเรื่องอะไรเนี่ย”คน
หญิงสาวยอมให้เขาติดตะขอสร้อยให้ ก่อนจะจูบลงบนอกอิ่มที่มีล็อกเกตบรรจุรูปลูกๆ ของทั้งคู่พาดอยู่บนนั้น“คุณใส่แล้วน่ารักมากรู้ไหม” ชายหนุ่มชมภรรยาของเขา พลางกดริมฝีปากลงบนซอกคอระหง ฉกปลายลิ้นหยอกเย้าปลุกเร้าอารมณ์จนนภาพราวหัวเราะคิกออกมา“น่ารักแล้วรักไหมคะ”“รักสิ รักมาก” เขาตอบอย่างไม่อิดออด พลางดึงเสื้อนอนสายเดี่ยวออกไปทางศีรษะ เผยเนื้อตัวท่อนบนเปลือยเปล่า สายตาของเขาปลุกเร้าอารมณ์ของนภาพราวได้เป็นอย่างดี เพราะแค่สบตาขนกายของหล่อนก็ลุกชัน โดยเฉพาะเมื่อปลายนิ้วเรียวยาวของเขาลูบไล้เรือนร่างของหล่อนไม่หยุด หญิงสาวก็ยิ่งวาบหวาม เร่าร้อนในอก“คุณดล”“บอกรักผมก่อน หอมแก้มผมด้วย” เขาเอ่ยต่อรองอย่างเป็นต่อ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน และต้องการอะไรจากเขานภาพราวหยัดอกขึ้นอย่างเสียวซ่านเมื่อสามีตัวดีตวัดปลายลิ้นลงชิมปลายยอดที่ชูชันเรียกร้องให้เขาครอบครองอย่างล้ำลึกก่อนเปิดตามองเขา“ทำไมชอบถามตอนนี้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างข้องใจ ทำให้คนถามยกยิ้มขัน“ก็ตอนปกติอุ่นไม่ค่อยบอกรักผมเลยนี่”คำตอบของเขาทำเอาหญิงสาวยิ้มเขิน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของสามี แล้วรั้งเขาขึ้นมาจูบหน้
หญิงสาวเม้มปาก ก่อนจะมองเขาอย่างตัดพ้อ ธราดลยังคงเป็นผู้ชายที่อยู่ในใจของหล่อนเสมอมา แม้ทุกวันนี้จะมีสามีที่แสนดีและลูกสาวที่น่ารักแล้วก็ตาม“เด็กคนนี้ใช่ไหม ที่คุณเอามาอ้างกับผมในวันนั้น”จู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามเรื่องที่คาใจมานาน แสงตะวันนิ่งงันไปหลายอึดใจก่อนจะลากสายตาไปยังน้องพรีม ดวงตาอ่อนแสงยามมองลูกสาวที่กำลังหัวเราะเสียงใสกับลูกสาวของธราดลใช่แล้ว น้องพรีมคือเด็กที่หล่อนเคยคิดจะเอามาต่อรองกับเขาในวันนั้น ทุกอย่างเป็นเพราะเขา ส่วนพ่อของลูกคือคนที่เฝ้ารักเฝ้ารอหล่อนมาโดยตลอดเช่นกัน เขารู้ว่าหล่อนไม่เคยรักเขาเลย แต่ก็ไม่เคยสนใจ เขาขอแค่ได้รักหล่อน ทำให้หญิงสาวใจอ่อนยอมรับและตกลงปลงใจกับเขา จนเวลาผ่านเลยไป หล่อนพาลูกสาวมาเข้าเรียนที่นี่ มีโอกาสได้พบลูกสาวของเขาหลายครั้ง แล้ววันหนึ่งหล่อนได้เห็นว่าทั้งคู่มาส่งลูกสาวที่โรงเรียนพร้อมกัน หนูเล็กดูรักนภาพราวมาก เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ดูรักภรรยามากจนใครๆ ต้องอิจฉา ความรักของเขาชัดเจนทั้งในแววตาและการแสดงออก มันทำให้หล่อนอิจฉาจนไปลงกับเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง“ฉันขอโทษ”ชายหนุ่มหันไปมองลูกสาว ดวงตาคมกริบเย็นชายามมองแสงตะวันแปรเปลี่ยนเป็นอ
“คุณยังมีเบอร์ติดต่อคุณแสงอยู่หรือเปล่าคะ” นภาพราวเอ่ยถามหลังจากชายหนุ่มขับรถออกมาได้ไม่นานธราดลส่ายหน้า เขาไม่มีความจำเป็นต้องเก็บเบอร์ของผู้หญิงในอดีตเอาไว้ เพราะผู้หญิงคนเดียวที่เขาต้องการนั่งอยู่ข้างๆ แล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ อุ่นจะถามคุณครูให้ก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวจะเป็นคนนัดเธอเอง คุณโอเคไหม หรือคุณจะเป็นคนนัดเธอเองก็ได้นะคะ” หญิงสาวมองเขาอย่างขอความเห็น“ให้อุ่นเป็นคนนัดหมายก็แล้วกัน”หญิงสาวยิ้มเมื่อเขามอบหมายให้หล่อนเป็นคนจัดการ“โอเคค่ะ ก่อนกลับบ้านแวะซื้อของสักหน่อยนะคะ”“ได้จ้ะ” ธราดลตอบรับภรรยาอย่างน่ารัก จากนั้นเขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังห้างสรรพสินค้า ร่างสูงดันรถเข็นเดินตามภรรยาเข้าไปในแผนกเสื้อผ้าเด็ก หญิงสาวหยิบกางเกงกับเสื้อซับในสำหรับหนูเล็กขึ้นมาดู เพราะของเดิมที่มีอยู่เริ่มเก่าแล้ว จึงอยากซื้อใหม่ให้หนูน้อยสักครึ่งโหล เมื่อได้แล้วจึงเดินไปยังชั้นถุงเท้า หยิบมาดูเนื้อผ้าอย่างละเอียดพอเจอที่พอใจจึงหยิบมาอีกสองแพ็ก ก่อนจะเดินเข้าแผนกเด็กอ่อน หยิบของใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกชายตัวน้อย ก่อนตรงไปยังแผนกเครื่องสำอาง ก่อนจะหันไปมองสามีที่เดินตามมาไม่ห่าง“ครีมโกนหนวดของคุณใกล้หมดแล้ว ค