เมื่อรถม้าเดินทางมาได้พักใหญ่ หวังตันก็บอกกับซ่างเป่าเหลียน “คืนนี้ คงต้องนอนที่อารามข้างหน้า เป็นสำนักนางชี แม่นางเหลียนสะดวกหรือไม่”
เพราะสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ดังนั้นการนอนค้างคืนที่โรงเตี๊ยมดังกล่าว ยิ่งสร้างความยุ่งยากตามมา อีกทั้งคำสั่งตงเยี่ยหรงคือเดินทางไปให้ถึงเมืองหวางอินโดยด่วนที่สุด ทำให้หวังตันเลือกพักที่อื่น
“ข้ากินง่าย นอนง่าย ขอให้มีหลังคาคุ้มหัวก็หลับสบาย ส่วนพวกเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีเถิด”
ซ่างเป่าเหลียนบอกหวังตัน และหันไปทางสิงตู้เหยา จากนั้นนางก็สำรวจกระเป๋าปฐมพยาบาลของตน โดยยามนี้นางบอกให้ผู้อื่นเรียกว่า ‘หีบยาเทพธิดา’ ชื่อฟังดูเหมือนยกหางตนเองอยู่บ้าง แต่ทำให้มันไม่ถูกด้อยค่าหรือมองเป็นของประหลาดจนเกินไป ด้วยผู้คนในยุคสมัยนั้น เคารพเทพเซียน และบรรพบุรุษ
“บ่าวเห็นไป๋ฮูหยินมองหีบยาเทพธิดาตาเป็นมันเลยเจ้าค่ะ เช่นนี้ เราต้องจ้างหน่วยคุ้มกันมาดูแลด้วยหรือไม่”
สิ่งที่สิงตู้เหยากล่าวทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ นางไม่ควรเปิดเผยตนเองนัก โดยเฉพาะความรู้เรื่องการรักษาคน ซึ่งในตอนจับชีพจรรั่วจิ้งทำให้รู้ว่าฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ พออยากให้กินผงถ่านเพื่อเจือจางพิษ นางกลับปฏิเสธอีก
หวังตันขยับมาใกล้ๆ ซ่างเป่าเหลียน แล้วคุยพอกันให้ยินสองคน
“เสี่ยวเหยากล่าวมาถูกต้องแล้ว แม่นางเหลียน... อย่าลืมว่าท่าน ต้องไปอยู่เรือนสตรีหม้าย ใช้ชีวิตที่นั้นอย่างสันโดษ พร้อมเย็บปักผ้า กับเสื้อคลุมเพื่อส่งให้กับทหารไว้ใช้ในกองทัพ”
เรื่องนี้ซ่างเป่าเหลียนพอจะทราบ มันคือหน้าที่ซึ่งตงเยี่ยหรงมอบหมายให้ นางจะมีชีวิตต่อไป แต่ต้องทำงานแลกอาหาร และที่อยู่
ในขณะที่รถม้าเดินทางต่อไปเรื่อยๆ หวังตันฉุกคิดบางสิ่งได้ “โอ้ ข้าลืมเสียสนิท แม่นางเหลียน น้ำแกงถ้วยที่สองท่านยังไม่ทันได้ดื่ม แล้วหากช้าเกินไป เกรงว่า...”
หวังตันกลัวอีกฝ่ายจะตั้งครรภ์ และสิ่งนี้คงเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง ด้วยตงเยี่ยหรงกำชับว่า นางให้ซ่างเป่าเหลียนมีชีวิตต่อไปได้ แต่ห้ามมิให้อีกฝ่ายอุ้มท้อง และคลอดเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลตงเด็ดขาด !
อนิจจาสิ่งที่หวังตันกล่าว ได้ทำให้ซ่างเป่าเหลียนคล้ายได้ยินเสียงของตงเยี่ยหรงดังย้อนกลับมาอีกหน และมันคือรอบที่สามซึ่งเขาปรารถนาในเรือนกายนาง
“น้ำวิสุทธิ์ข้า เจ้ามีปัญญาได้ลิ้มรสก็จริง แต่อย่าหวังว่า จะมีโอกาส ใช้ล่อเลี้ยงตัวอ่อนในท้องเจ้าได้ หลังจากข้าอิ่มหนำแล้ว ข้าจะส่งตัวไปอาบน้ำดอกหญ้าม่วง และก็ให้เจ้ากลืนน้ำแกงขี้เถ้า ไม่คงสารหนูสักอึกสองอึก เช่นนี้ก็นับว่า คงทำให้สบายใจว่า เจ้าจะไม่สืบทอดทายาทแก่ข้า”
คนผู้นี้โรคจิต หรือไม่ สมองคงมีปัญหา ปากก็บอกนางอย่างนั้น แต่กลับไม่หยุดวุ่นวายกับเรือนกายที่แสนรัญจวน เดี๋ยวนวดคลึงหน้าอกงดงาม เดี๋ยวก็ใช้มือกับนิ้วเล่นสนุกกลีบงามฉ่ำแฉะที่ยามนี้เป็นสีชมพู พร้อมส่งกลิ่นหวานจัดให้เขาคลั่งไคล้
“ผู้น้อย... แต่งเข้าสกุลตง... ส่วนท่าน ย่อมเป็นพ่อสามี ไฉนถึงยังไม่หยุด... ข่มเหงกัน”
เมื่อความทรงจำของเจ้าของร่างย้อนกลับคืนมาทีละนิด นางก็บอกกับเขา อย่างน้อยคงยับยั้งคนผู้นี้เลิกสนใจนางและปล่อยตัวไปสักที เขาระบายตัณหา ทั้งส่งความใคร่อันรุนแรงใส่นางเกินจะรับไหวแล้ว
“หึๆ ๆ ลูกสะใภ้... พ่อสามี”
เขาทวนคำ แล้วก็หัวเราะเสียงห้าวใหญ่
“ผู้น้อยกล่าวผิดหรืออย่างไร ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณชายห้าต้องการ เขาบอกรักผู้น้อย และเรา กำลังจะดื่มเหล้ามงคลร่วมกัน แต่กับมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”
ตงเยี่ยหรงแยกเขี้ยวขาวๆ ใส่นาง นั่นเป็นเพราะซ่างเป่าเหลียน รื้อฟื้นเรื่องที่ทำให้เขา ปวดใจอีกหน
“เฮอะ... เจ้าเป็นได้แค่ เชลยอุ่นเตียง ที่สำคัญยามนี้หามิใครต้องการตัวคุณหนูเจ็ด ทั้งสกุลซ่างก็อยากลบชื่อเจ้าให้หายไป จำไว้ ซ่างเป่าเหลียนไม่เคยมีตัวตน และสำหรับซีเอ๋อร์ เจ้าคือตัวอัปมงคลที่ทำให้ลูกชายข้าถูกเผาทั้งเป็น!”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง นางไม่ยอมรับเรื่องที่เขากำลังปรักปรำ และอย่างไร ไคซีก็เป็นบุรุษที่ขอนางแต่งงาน อีกทั้งนางกำลังจะเข้าหอกับเขา หากสุดท้ายวิวาห์กับย้อมด้วยเลือด ทั้งหมดต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง
กระทั่งป่านนี้ยังคิดไม่ออกว่า ซ่างเป่าเหลียนไปสร้างความแค้นกับใคร ชีวิตถึงอาภัพนัก
“ข้าเป็นเพียงลูกอนุ ได้รับความรักกับคุณชายห้า นี่คือวาสนาอันสูงส่ง ผิดแต่... มีคนชั่วช้าทำให้ข้ากับเขาพลัดพรากกัน หรือเป็นเพราะเขามีแซ่ตง ถึงทำให้ข้าไม่อาจครองคู่กับไคซีได้”
ดวงคาคมของตงเยี่ยหรงมองมาที่หญิงสาว และมันเหมือนจะมีลูกไฟปะทุออกมา แล้วแผดเผาร่างนาง ชั่วประเดี๋ยว เขาจึงกระชากร่างบอบบางที่ไร้อาภรณ์มาแนบกาย ก่อนใช้ริมฝีปากบางชื้นๆ รั้งริมฝีปากร่างอวบอิ่ม พอนางครางขู่ คนชั่วใจร้ายก็ออกแรงใช้ฟันขบจนเกิดแผลเล็กๆ
กลิ่นคาวคละคลุ้งในปาก พร้อมกับเลือดที่ไหลเอ่ออย่างเร็ว
บ้า... สุนัขบ้า ไร้ความเมตตาย่อมเป็นเช่น ตงเยี่ยหรง
“ปากว่าตนเป็นผู้น้อย ฮึ แต่คำพูดเจ้าหาได้เป็นเช่นนั้น เสี่ยวเหลียน...ต่อจากนี้ สิ่งที่ทำได้คือ รองรับอารมณ์ข้า เมื่อคนแซ่ตงเบื่อแล้ว ก็จะเขี่ยทิ้งมิต่างจากเศษผ้าขี้ริ้ว ที่ขาด และเปรอะเปื้อน จากนั้น สถานที่ซึ่งเหมาะสมสำหรับเจ้าที่สุด ย่อมไม่พ้น... เรือนหญิงหม้าย ที่เมืองหวางอิน จงใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างเจียมตน พร้อมทำงานให้หนัก แลกที่นอน และอาหาร”
ดวงตากลมโตมองคนเผด็จการ และอีกมือก็เช็ดเลือดที่ไหลจากริมฝีปากอวบอิ่ม
นางไม่ได้เอ่ยคำใดตอบโต หรือแสดงท่าทางคัดค้าน และนั่นยิ่งทำให้เขาคลั่ง
“เจ้าต้องมีลมหายใจต่อไปอีกนานแสนนาน ข้าไม่ยอมให้ตาย เจ้าก็จะตายไม่ได้ ร่างกายนี้ รวมถึงวิญญาณซ่างเป่าเหลียน ข้าจะเป็นคนกำหนดเส้นทางต่อจากนี้ให้เอง”
ตงเยี่ยหรงกล่าวต่อ สีหน้าเขาเหมือนเด็กชายที่เอาแต่ใจ
โถ คนเช่นนี้หรือเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ในสายตาของซ่างเป่าเหลียน เขาน่ารำคาญยิ่ง
“ที่สำคัญ เจ้าเป็นได้แค่แม่นางเหลียน ไร้แซ่เดิมนับแต่นี้เป็นต้นไป”
ซ่างเป่าเหลียนไม่เข้าใจเจตนาที่เขากล่าว นางจึงมองเขา ค้นหาความหมายจากท่าทาง และดวงตาคมกริบ ฝ่ายเขาเหมือนเก็บซ่อนบางสิ่งไว้ ก่อนทำทีฉุนเฉียวจัด หวังกลบเกลื่อนความรู้สึกของตน มือใหญ่ๆ จับร่างงดงามพลิกหันหลัง แล้วซ้อนตัวเขามาแนบชิด ความใหญ่โตกลางลำตัว ถูไถส่วนหวานฉ่ำนาง ซ่างเป่าเหลียนยอมรับว่า ตนกำลังอ่อนแอ เจียนพ่ายแพ้ให้แรงสิเน่หาของเขา นั่นเป็นเพราะสิ่งที่เขาปรนเปรอก่อนหน้านี้ ส่งผลให้นางเป็นสตรีร่านสวาทเสียแล้ว และนี่ทำให้ซ่างเป่าเหลียนนึกเกลียดตนเองจับใจ
“หลับตาลงซะ อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้นอีก มิเช่นนั้นข้าจะควักมันทิ้งเสีย”
เขาข่มขู่ พร้อมกับออกแรงแทรกความใหญ่โตเข้ามาในร่างกายซ่างเป่าเหลียน
เข้าหาลูกสะใภ้ และหลังจากได้กินอาหารพอไม่ให้หิวเกินไป ซ่างเป่าเหลียนก็ได้พักสงบสติอารมณ์ นางไม่อยากพบผู้ใดเลย แต่ก็นั่นแหละ ได้มีสาวใช้ในค่ายผู้หนึ่งมาก่อนกวน สิงตู้เหยาคือคนที่มาปรากฏตัว พร้อมท่าทางที่ไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ อีกฝ่ายเรียกว่าจับตาดูซ่างเป่าหยวนตั้งแต่ถูกต้อนมาที่ค่ายเมืองเหนี่ยว โดยอยู่ในฐานะเชลย ทว่าพอถูกจับแต่งตัว แต่งหน้า นางก็งดงามจนผู้ใดพบเห็นก็ริษยา ซึ่งหนึ่งนั้นก็คือสิงตู้เหยา “เห็นว่าท่านคงอยากกินของหวาน ข้าเลยแอบนำของว่างมาให้ มีขนมถั่วกวน แล้วก็ลูกผลับแห้ง” สิงตู้เหยาประสงค์ดีเช่นนั้นหรือ ความจริงก็คือไม่เลย นางอยากมาเห็นสภาพซ่างเป่าเหลียนด้วยตาของตนมากกว่า ว่าเป็นที่โปรดปราณของตงเยี่ยหรงจริงหรือไม่ ด้วยนานแล้วที่เขาไม่เรียกหาใครให้มาปรนนิบัติ และส่วนมากหลังจากอุ่นเตียงด้วยกันแล้ว ก็มักจะถูกส่งตัวไปที่อื่น ไม่ก็หายสาบสูญ หาตัวไม่พบอีก ทว่าซ่างเป่าเหลียนผู้นี้ กลับได้มาพักผ่อนในกระโจมส่วนตัว ด้วยเหตุนี้คนงานอย่างสิงตู้เหยาจึงได้เงินค่าจ้างเล็กๆ น้อยๆ จากคณิกาคนอื่นในค่ายฯ ให้มาสืบเรื่องราว ดวงตากลมโตมองคนงานหญิง ก
มอบตัว หลังการพักผ่อนที่เรียบง่ายที่สำนักนางชี ซ่างเป่าเหลียนรู้สึกมีความสุข และผ่อนคลายอย่างแท้จริง นอกเหนือจากนั้นอาหารเจที่สำนักนางชีอร่อยถูกปาก ผักสด เต้าหู้เนื้อดี น้ำแกงหัวผักกาดขาวหวานหอมเลิศรส นางกินอาหารได้มากเช่นนั้น เลยง่วงเร็วสักหน่อย ฝ่ายหวังตันคอยสังเกต และหลายหนเหมือนต้องการอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมการตั้งครรภ์ของหญิงสาว “แม่บ้านหวัง...” หวังตันละอายใจเล็กน้อย นางเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ต้องคอยจับผิดคนที่อายุน้อยกว่า อีกทั้งใจนึกสงสารซ่างเป่าเหลียน ชะตาชีวิตคุณหนูเจ็ดผู้นี้ จะว่าไปก็อาภัพนัก “บอกข้ามาเถิด อาเหลียน” เมื่ออยู่กันตามลำพัง หวังตันเรียกหญิงสาวอย่างสนิทสนม นั่นคงเป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้รู้จักกัน ทำให้มั่นใจว่าสตรีคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ส่วนเรื่องเป็นสายลับให้แก่สกุลซ่างหรือไม่นั่น คงต้องพิสูจน์กันในภายหน้า อย่างไรก็ตามยามนี้หวังตันผ่อนปรนสิ่งต่างๆ ลงมากแล้ว อีกอย่างคำสั่งของตงเยี่ยหรงก็เคร่งครัด สตรีผู้นี้ห้ามไม่ให้ใครลบหลู่เกียรติ และส่งนางให้ถึงเมืองหวางอิน “เรื่องยับยั้งการตั้งครรภ์นั้น ข้าได้กินยาของต
“พวกท่านขวางทางรถนายหญิงข้า นับว่าถูกต้องแล้วหรือ” สิงตู้เหยาออกไปยืนหน้าด้านรถม้า สาวใช้ผ่านความตายมาหลายหน อายุน้อยก็จริง แต่นางติดตามกองทัพมาตั้งแต่ห้าขวบ ไฉนจะเกรงกลัวสิ่งใดง่ายๆ สมแล้วที่ตงเยี่ยหรงคัดเลือกมา โดยที่นางก็สมัครใจด้วย “แม่นางน้อย บอกให้นายหญิงของเจ้ามอบตัวเสียดีๆ” “มอบตัว!” สิงตู้เหยาโมโหจริงๆ แล้ว “ถูกต้อง คนงานหญิงที่โรงเตี๊ยมเสียชีวิต เช่นนี้นายหญิงของเจ้า ย่อมเป็นคนวางยา พยายามฆ่าทุกคน” นายทหารผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงจริงจัง สิงตู้เหยากำหมัดแน่น อยากช่วยนายหญิงตน ทว่าไม่ทันได้ทำสิ่งใด ซ่างเป่าเหลียนก็ก้าวลงจากรถม้า “มีเรื่องใดเยี่ยงนั้นหรือ” ซ่างเป่าเหลียนถาม และฝ่ายทหารเตรียมพุ่งเข้ามาจับตัวนาง “จับตัวนักโทษ อย่าให้นางหลบหนีไปได้!” เสียงเข้มดังขึ้น ทว่าเป็นตอนนั้นที่ หวังตันต้องขัดขวาง เพื่อรักษาเกียรติของซ่างเป่าเหลียน และสายตาโจวซ่งก็มองนาง เป็นการสื่อสาร ที่เรียกได้ว่าเฉพาะพวกที่ถูกฝึกฝนเท่านั้นจึงจะเข้าใจได้ “เจ้ารู้ใช่ไหมอาซ่งว่าต้องทำอย่างไรบ้าง” “ป้าหวัง ข้าถูกฝึก
ความสัมพันธ์ที่ผิดศีลธรรม เมื่อไป๋ฉูเกิดอาการเช่นนั้น ผู้ช่วยเขาและผู้ติดตาม ต่างเข้ามาประครองตัว ชายวัยกลางคน เหงื่อแตกท่วมหน้า ริมฝีปากคล้ำจัดอาการบอกให้รู้ว่า เขามีปัญหาเรื่องความดัน แลหัวใจ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมาที่ซ่างเป่าเหลียนดูเหมือนจะพยายามออกปากขอร้องให้นางช่วยเหลือ ตัวเขาเห็นว่านางมีความสามารถทางการแพทย์ ส่วนมากน้อยแค่ไหน ก็พิสูจน์แล้วว่านางสามารถชุบชีวิตหญิงคนงานในโรงเตี๊ยมให้ฟื้นได้ ทั้งที่ได้รับน้ำมันสกัดที่รุนแรง และในตอนนั้นจู่ๆ รั่วจิ้งก็ปรากฏตัว นางเป็นสะใภ้สกุลไป๋ ทว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานที่จวนผู้ว่า หรือศาลเมืองกุย แต่นางคงลืมบางสิ่ง ยิ่งเห็นว่าไป๋ฉูมีอาการแย่ก็หวีดร้องโวยวาย ทำอย่างไรได้น้องสามีผู้นี้ สำคัญกับนางยิ่งนัก ซ่างเป่าเหลียนถอยหลบ ทว่ามือของรั่งจิ้งเร็วมาก อีกฝ่ายฉุดแขนนาง แล้วออกแรงบีบด้วย ไม่ใช่แค่บีบหากเล็บแหลมคมจิกเข้าเนื้อ “แม่นางเหลียน มีความรู้เรื่องรักษาคนมิใช่หรือ เหตุใดถึงเพิกเฉยเช่นนี้” ซ่างเป่าเหลียนคนใหม่ มิใช่สตรีที่อ่อนแอ หรือ มีจิตใจสูงส่งช่วยคนจนตนเองต้องเดือดร้อน ดังนั้นจึงตอบว่า
เมื่ออยู่ในพื้นที่ส่วนตัว หวังตันนั้นไม่ค่อยสบายใจ นางเห็นว่าสิ่งต่างๆ ไม่ถูกต้อง ราวกับมีคนจงใจ อยากให้ซ่างเป่าเหลียนมีโทษสถานหนัก นอกจากนั้นทั้งไป๋ฉู กับรั่วจิ้ง สองคนนี้หากเป็นไปได้ก็ควรอยู่ให้ห่างๆ “อาเหลียน สถานการณ์ไม่ดีนัก แต่อย่ากังวล บ้านเมืองย่อมมีกฎหมาย อีกอย่างภายใต้การดูแลของท่านแม่ทัพ ตัวท่านย่อมปลอดภัย” “ข้าแค่ทำหน้าที่ของราษฎรที่ดีคนหนึ่ง การช่วยเหลือคนครัวผู้นั้นด้วยความบริสุทธิ์ การที่นางเสียชีวิตย่อมมีเงื่อนงำ” ซ่างเป่าเหลียนย่อมมั่นใจว่า คนครัวปลอดภัยจากน้ำมันสกัด แต่อาจถูกทำร้ายด้วยวิธีอื่นจนสิ้นชีวิต อีกอย่างนางไม่ทันได้เห็นศพ จึงวิเคราะห์สิ่งใดยังไม่ได้มากกว่านี้ “อาซ่งกำลังสืบเรื่องพวกนี้ คาดว่าไม่นานคงได้คำตอบ ถึงอย่างนั้นทั้งไป๋ฉู และรั่วจิ้ง ทั้งคู่ต่างประสงค์ร้ายต่อท่าน” “เรื่องนั้นข้าก็ห่วง และเท่าที่พอจะสังเกตจากน้ำเสียง และสีหน้ารองเจ้าเมืองไป๋ และความห่วงใยของรั่วจิ้งที่มีต่อเขา อย่างไรย่อมเชื่อได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์เกินพี่สะใภ้กับน้องสามี” หวังตันพยักหน้าตาม ก่อนเอ่ยต่อ “ที่โรงเตี๊ย
โลกปัจจุบัน (เป่าเหลียนเล่าเรื่อง) ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นกับฉัน ก่อนหน้านั้นภาพวูบวาบไปมา ดูคล้ายกับว่า ได้เห็นใบหน้าของสตรีนางหนึ่งที่เต็มไปด้วยความเศร้า ทว่าดวงตาที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก และส่งพลังบางอย่างที่แจ้งชัดว่านางจะก้าวผ่านอุปสรรคข้างหน้าไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้จะต้องสูญเสีย หลายสิ่ง...โดยเฉพาะคนที่รักไป เอ๋ คนรักหรอกหรือ สตรีคนดังกล่าวอายุยังน้อยนิด ถึงอย่างนั้นเรียกว่าเป็นคนงามล่มเมืองก็คงไม่ผิด “ข้าเสียคนรักไปแล้ว ชีวิตนี้ไม่เหลือใคร... การอยู่อย่างโดดเดี่ยว ช่างทรมานนัก เจ้าก็เช่นกัน เป่าเหลียน... ไม่อยากกลับมาเดินได้ และอยู่กับคนที่รักอีกสักครั้งหรือ” แน่นอนฉันไม่ได้พึมพำกับตนเอง ทว่าเป็นเสียงของสตรีผู้นั้นกำลังสื่อสารด้วย อีกฝ่ายพูดเพ้อเจ้ออะไร ร่างกายฉันยังครบสามสิบสอง ไม่มีส่วนใดสึกหรอ แต่พอเธอพูดถึงคนรัก ไม่รู้ด้วยเหตุใด หัวใจฉันถึงหดเกร็ง และรู้สึกเจ็บแปลบเป็นอย่างมาก สำหรับฉัน ความรักแบบหนุ่มสาวจบลงไปนานแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังเชื่อมั่นในความดี และความซื่อสัตย์ของมนุษย์ ดังนั้นความรักในตอนนี้คือ
เจ้าสาวของพ่อสามี ในยามเช้าของวันที่ท้องฟ้ามีเมฆหนาตา ซ่างเป่าเหลียนแต่งชุดเจ้าสาวงดงาม นางไม่คาดคิดว่าตนจะได้เป็นสตรีของไคซี และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นบุตรของตงเยี่ยหรง บุรุษที่ยิ่งใหญ่ ทั้งมากด้วยอำนาจ ซึ่งภายหน้ากลายเป็นทรราช เพราะทำการโค่นบัลลังก์ฮ่องเต้ที่อ่อนแอ ก่อนเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ และฝ่ายนางก็เพียงแต่เป็นที่ถูกใจของไคซี และเขาปรารถนาให้นางได้ผูกปมผมและใช้ชีวิตร่วมกัน เรื่องนี้นับว่ารวดเร็วสักหน่อย ด้วยทั้งคู่จะกล่าวไปแล้วก็พบกันเพียงแค่ไม่กี่เดือน แต่การได้พบกันกับอีกฝ่าย ล้วนเป็นการถูกจัดฉาก ทว่าสตรีที่อยู่เรือนนอก แม้อ่านออกเขียนได้ ฝึกวิชาต่าง ๆ พอสมควร กระนั้นนางก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของบุรุษ โดยเฉพาะคนผู้นั้นร่วมมือกับบิดา และก็คนที่มีอำนาจเป็นรองแก่แค่เจียงอ๋อง (ฮ่องเต้) “ข้าคือสตรีที่คุณชาย ต้องการจริงๆ หรือ... ข้านั้นเป็นเพียงลูกอนุ อีกทั้งอยู่เรือนนอกเท่านั้น แม้อ่านออกเขียนได้ หากไม่เป็นที่โปรดปราณของบิดา อีกอย่าง... การแต่งงานครั้งนี้ ผู้ใหญ่ฝ่ายท่านก็มิได้สนับสนุน” อย่างไรก็ตามนางก็มีหูตากว้างไกลอยู่บ้าง สกุลตงรับใช้บ้านเมืองมานาน ตงเ
ฉันยกมือบีบขมับของตนเอง สลัดเรื่องราวในหนังสือพักไว้ก่อน แล้วมองร่างของซ่างเป่าเหลียนที่ค่อยๆ โปร่งแสงจนแทบจะมองไม่เห็น “ข้าทำหน้าที่ของตนได้สำเร็จแล้ว จากนี้ก็ฝากเป่าเหลียนด้วย มีหลายชีวิตรอเจ้าอยู่ อย่าให้พวกเขาต้องคอยเก้อ อีกอย่างเจ้าจะไม่ได้ไปมือเปล่าแน่นอน การเดินทางครั้งนี้ จะมีตัวช่วยสำคัญติดตัวไปด้วย แต่... ความทรงจำบางอย่างจะไม่สมบูรณ์นัก กฎของสวรรค์ย่อมมี จากนี้จงรักษาตัวด้วย และข้าฝากดูแลพวกเขา... ทุกชีวิตที่อยู่รอบตัวเจ้าสำคัญยิ่ง” ซ่างเป่าเหลียนตัวละครในนิยายกล่าว และนางลูบหน้าท้องของตน ไม่รู้ทำไมเวลานั้นฉันเสียวที่หน้าท้องเหลือเกิน ทั้งปวดตุบๆ สลับการบิดไปมา ราวกับมีชีวิตน้อยๆ อยู่ในร่างกายฉันกระทั่งซ่างเป่าเหลียนหายไปแล้ว ฉันจึงหยิกแขนของตน ก่อนจะร้องโอ๊ย เป็นเพราะว่าไม่ได้ฝัน หากมันคือเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้น ย้อนไปเหตุการณ์ก่อนเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ก่อนเป่าเหลียนจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ฉันพบผู้ชายคนนั้นอีกหน ใบหน้าเขาคุ้นเคยมาก เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน และยอมรับว่าใจเต้นโครมคราม หล่อ... ใช่ หากต้องใช้คำนี้มันก็คงเปลืองทีเดี
“ไม่ทันได้เข้าหอ แต่เสี่ยวเหยา ก็ช่วยข้าด้วยมือและปากของเจ้าได้” “ทะ ท่านเอาเปรียบข้า” “แล้วเสี่ยวเหยายอมหรือไม่”เขาถาม และเตรียมจะจูบอย่างจริงจังมากว่าเดิม “ข้าจะเป็นสตรีคนเดียวของท่าน และท่านก็จะเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของลูก เช่นนี้ ยังต้องถามสิ่งใดอีก” ยามนี้คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ซ่างเป่าเหลียน หากเป็นสามีของนาง ซึ่งสลบไปหนที่สามแล้ว กระทั่งฟื้นคืนสติเขาก็คำรามเสียงดัง และให้คนไปถามหมอหลวง ทั้งหมอตำแยที่เตรียมการช่วยคลอดผู้เป็นภรรยา หูซีเกอเดินมาถึงหน้าของชายหนุ่ม ก็เข่าอ่อนลงไปนั่งบทพื้น “ท่านแม่ทัพคลอดแล้วขอรับ และฮูหยินฝากให้มาบอกท่านว่า หากไม่ดื่มหรือกินอะไรสักก่อน ห้ามเข้าไปดูหน้าลูกเด็ดขาด” “เหลียนเหลียนใจร้ายกับข้าเช่นนั้นหรือ” เขาว่า และใจอยากจะพุ่งเข้าไปประตูด้านในที่นางคลอดบุตร แต่ยามนี้มีทั้งเจี้ยนจาง และก็หวังตันขวางเอาไว้ “รักษาสุขภาพด้วยเถิดบิดา ไม่อย่างนั้นน้องชายข้า จะมีใครอุ้มและสอนเขาขี่ม้า และยิงธนูเล่า” “ไอ้ลูกเวร นั่นเจ้าแช่งข้าหรือ” ตงเยี่ยหรงพอมีแรงก็ชี้หน้าเจี้ยนจา
ตอนพิเศษ 2ลูกแฝดของท่านแม่ทัพ ยามนี้ ซ่างเป่าเหลียนอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวโตกำลังว้าวุ่นใจหนัก ตั้งแต่มาอยู่เมืองหลวงที่จวนแม่ทัพ ตงเยี่ยหรง ก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับนาง พอรู้ว่าเด็กในท้องเป็นฝาแฝด (หญิงสาวใช้เครื่องตรวจจากหีบยาเทพธิดา) เขาก็เฝ้าโทษตัวเองว่า เป็นพวกมักมากไม่รู้จักหักห้ามใจ ด้วยชวนนางอุ่นเตียงแบบไม่มีวันพัก “เหลียนเหลียน... ข้าผิดต่อเจ้า และสองแฝดนัก หักโหมเช่นนี้ เด็กน้อยอาจได้รับการกระทำกระเทือน” “ผิดต่อข้า... และสองแฝด” เขาบอกแล้วก็ลงไปนั่งคุกเข่า และใช้หูแนบกับครรภ์ของนาง ตั้งใจฟังเสียงของลูกที่อยู่ข้างใน “อีกไม่นานพวกเขาก็คลอด หากพวกเขาไม่แข็งแรง นั่นย่อมหมายความว่า ฟ้าดินโทษข้าผู้แซ่ตงแล้ว” น้ำเสียงเขาฟังแล้วก็เศร้าสร้อย หัวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ยามนี้ตงเยี่ยหรงคงมีความเครียดมิน้อย หญิงสาวมองเขา ยิ่งใกล้ชิด ก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของบุรุษผู้นี้ เขาอบอุ่นพึ่งพาได้ ที่สำคัญรักนางมาก จนบางครั้งอาจมากเกินกว่าคนปกติไปสักหน่อย “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หรงเกอชอบสิ่งใด ภรรยาท่านก็ปรารถนามีความสุขด้วย บางครั้งโลดโผนไปบ้าง นั่
เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้ และถูกจับโยนขึ้นหลังม้า โดยที่ร่างสูงใหญ่ประกบด้านหลัง เสียงหายใจของคนตัวโตเป็นจังหวะที่มั่นคง ร่างกายเขาแผ่ไอสังหารออกมาเป็นระยะๆ ยามนั้นนางคิดว่าเขาคงอยากหักกระดูกนาง ไม่ก็จับไปเซ่นไหว้ภูตผี สำหรับทำสงคราม หากความคิดทุกอย่างจบลงที่ เขากล่าวเสียงเข้มๆ ข้างหู “เป็นเจ้าใช่ไหม ที่มากับแม่บ้านหวัง แล้วเหตุใดถึงตกอยู่ในพวกมือสังหาร หรือเป็นสายลับให้กับพวกกบฏ” เมื่อนางไม่ตอบ มือใหญ่จึงบีบลำคอระหง เขาออกแรงหนักอยู่สักหน่อย และนั่นจึงทำให้ซ่างเป่าเหลียนเกิดความกลัวจับใจ “มดปลวกยังมีค่ามากกว่าชีวิตเจ้า” เสียงเขา และการแสดงออกนั้น ทำให้หญิงสาว นิ่งค้างและหัวสมองว่างเปล่า โอ้ โชคดีเท่าใด ที่นางไม่ได้เข้าหอกับไคซีผู้เป็นเจ้าบ่าว หาไม่แล้วการมีพ่อสามีที่เผด็จการ ทั้งชอบใช้กำลัง ย่อมเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง “ผะ ผู้น้อย ไม่ทราบสิ่งใด หลังจากพลัดหลงกับครอบครัว ก็ถูกต้อนไปเป็นเชลย แล้วเมื่ออยู่ตลาดผ้า ก็หลงทาง จนถูกจับเป็นตัวประกัน” “หึๆ ๆ เจ้ามีประโยชน์อันใดแก่พวกนั้น มันถึงคิดจับตัวไว้ หรือว่าเป็นความงามรึ” น้
การเป็นอยู่ที่ค่ายเชลยลำบากไม่น้อย แต่ซ่างเป่าเหลียนที่แกล้งทำเป็นสติไม่ดี ทำให้นางไม่ถูกรังแกหรือข่มเหงจากผู้อื่น วันนี้นางออกมาด้านนอก หวังตันต้องการแรงงาน ช่วยขนของจากตลาด และสิ่งที่อีกฝ่ายจัดหาคือ เกลือ น้ำตาล แล้วก็เครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร แล้วยังด้าย ผ้าต่างๆ นอกจากนั้นก็ของอื่นๆ ซึ่งทหารในค่ายฝากมาซื้ออีกหลายสิบรายการ ขณะที่ซ่างเป่าเหลียนรออยู่ที่ด้านข้างร้านขายของ ก็เป็นตอนนั้นที่ นางเห็นว่าตนพอจะมีโอกาสหลบหนี นางใช้ความคิดอยู่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น จึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อตน ในนั้นนางซ่อนเข็มเงินเอาไว้ “เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใด” คนที่ถามคือ สิงตู้เหยา ด้วยมั่นใจว่าซ่างเป่าเหลียนหยิบของบางออกมาจากแขนเสื้อ และกำลังซ่อนไว้ ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนไม่ตอบ นางใช้ความเร็วอย่างที่สุด แทงเข็มเงินเข้าที่ลำคอด้านข้างของสิงตู้เหยา ชั่วพริบตาเดียว ร่างของสิงตู้เหยาจึงโงนเงนไปมา ก่อนค่อยๆ ทรุดลงไปบนพื้น “จะ เจ้า... แกล้งความจำเสื่อม แล้วยังทำร้ายคนของแม่ทัพตง” สิงตู้เหยาพูดได้เท่านั้น นางก็สลบไป และนั่นคือโอกาสอันดีของซ่างเป่าเหลียน สองขานางรีบ
ตอนพิเศษ 1คำแนะนำก่อนอ่านเนื้อหาในตอนพิเศษนี้เล่าเรื่องซ่างเป่าเหลียนตามฉบับนิยายที่แพทย์หญิงห้องฉุกเฉิน(เป่าเหลียน)เคยอ่านผ่านตา เป็นตอนเสริมเพื่อเพิ่มความบันเทิง*** ดังนั้นบางส่วนจะไม่ต่อเนื่องกับนิยายเล่มหลัก ฉันจำได้ว่าอ่านนิยายที่มีแม่ทัพตงผู้เก่งกาจ กลายเป็นทรราชเมื่อนานมาแล้ว ทว่าช่วงนี้ได้ฝันต่อเนื่องถึงตัวละครที่ชอบบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่า อีกมุมหนึ่งเขามีความเผด็จการ ทั้งยังเข้าขั้นแบดบอย แบบฉบับที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน อีกอย่างทรราชแซ่ตง ช่างน่าค้นหากว่านิยายฉบับเดิมเสียอีก แน่นอนว่าในบางครั้งฉันอยากเป็นตัวละครอย่างซ่างเป่าเหลียน ที่ได้ท้าทายอำนาจเขา อีกอย่างสตรีผู้นี้ยังมีชื่อที่เหมือนฉันด้วย ซึ่งในขณะที่หลับๆ ตื่นๆ บนเตียงของผู้ป่วย ฉันได้เข้าไปโลดแล่นในเรื่องราวโลกคู่ขนาน มีตงเยี่ยหรงเป็นแม่ทัพใหญ่ และคือผู้พ่อสามีของซ่างเป่าเหลียนเรื่องราวในนิยาย หญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวเกิดความเครียดจัด เท่าที่นางรับรู้ ยามนี้เดินทางมาจวนจะถึงเรือนหอแล้ว ทว่ากับมีเรื่องชวนให้นางต้องประสบเหตุร้ายครั้งใหญ่ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะนางรักคนที่ไม่ควรรัก หรือไม่คงเกิดจาก นาง
กระทั่งเจี้ยนจางกล่าวเข้ามา และบอกว่า “บิดามาถึงแล้ว ท่านแม่...” ซ่างเป่าเหลียนดีใจ ผิดแต่ครรภ์ของนางใหญ่ขึ้นมาก จะให้รีบขยับตัวแล้วออกไปพบชายหนุ่มอย่างที่ใจปรารถนานั้นก็หาทำได้อย่างรวดเร็วไม่ “แล้วเหตุใด แม่ทัพตงยังเป็นตาแก่อืดอาด ไม่มาให้ข้าเห็นหน้าเสียที” เสียงนางเขียวสักหน่อย และไม่นาน เขาก็อุ้มเด็กทารกหญิงมา ท่าทางเขาทะมัดทะแมงทีเดียว ไม่ได้มีทีท่าเหมือนคนไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน “ลูกของรั่วจิ้ง... นางขี้เหร่เสียจริง” คำพูดเขาทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหัวเราะร่วน และเห็นจะเป็นจริง เด็กทารกหญิงหน้าตาผิดจากมารดา แต่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ทั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดังไม่เกรงกลัวใคร “ท่านไม่รังเกียจนาง หรือคิดทำร้าย ข้าก็เบาใจ” “เหลียนเหลียน นี่ภรรยาเห็นว่าข้าเป็นคนเช่นไร ถึงจะกินคนได้ และนี่เป็นเพียงตัวอ่อนเล็กๆ ข้าหาใช่คนอำมหิตสักหน่อย” เขาว่าจบก็ส่งทารกให้หูซีเกอรับไป จากนั้นก็เข้ามาหาผู้เป็นภรรยา คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรู้หน้าที่จึงค่อยๆ ถอยห่างออกไป “นอกจากยามนี้ ข้าได้ชัยชนะ ทั้งปราบกองกำลังของอี้อ๋องเรียบร้อย ยังมีข่
บอกรักลูกเมีย ไคซีไม่รู้ว่าเขาพลาดตรงไหน ทั้งที่หนีจากสกุลฟ่าน มาอยู่ในพื้นของตน และตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ สักระยะ ก่อนหาทางเดินทางไปให้ไกลจากอำนาจอี้อ๋อง หากสุดท้ายเขาก็ถูกแว้งกัดจนได้ ยามนี้พอกลับเข้าป้อมสกุลไค ก็ไม่มีเงาซ่างเป่าเหลียนแล้ว ส่วนรั่วจิ้งทั้งที่พึ่งคลอดลูก นางกับตัดช่องน้อยพอตัว คงเพราะกลัวมีภัยถึงตัวจึงชิงดื่มยาพิษตายตามพี่ชายไป ไคซีคลุ้มคลั่งหนัก เขาพาคนของตนที่ยังรอดชีวิต ออกตามหาซ่างเป่าเหลียน ใช้เวลาเข้าวันที่สาม คนของเขานั้นเหลือไม่ถึงยี่สิบชีวิต บ้างก็หลบหนีไป บ้างบาดเจ็บหนักจนทนพิษไม่ไหว ยามนี้ สิ่งที่เขาคาดไม่ถึง คณะของซ่างเป่าเหลียนเดินทางเข้าใกล้เมืองหลวงทุกที ซึ่งแทนที่จะถูกคนของอี้อ๋องเข้าสกัดแล้วจับกุม กลับกลายเป็นว่ารถม้าของนางผ่านทุกด่านได้อย่างไม่ติดขัด ความรู้สึกของชายหนุ่มยามนี้ เต็มไปด้วยความกลัว หรือเป็นไปได้ว่า แผ่นดินนี้สิ้นอี้อ๋องแล้ว ทั้งที่อีกฝ่ายพึ่งก้าวขึ้นบัลลังก์ได้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ ไคซีมองไปยังรถม้าที่กำลังมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ และเขาก็เร่งฝีเท้าม้า ควบทะยานมันอย่างเอาเป็นเอาตายหวังสกัดไม่ให้ซ
จางเจี้ยนสวมรอยเป็นไคซีต่อไป แล้วพาขบวนเล็กๆ ของซ่างเป่าเหลียนออกไปด้านนอกป้อมลับด้วยทางใต้ดิน การเดินทางไม่ได้ยาก หรือน่าหวาดหวั่นเกินไป เพราะมีอุโมงค์ยาวพาออกไปนอกพื้นที่ กระทั่งหมดเตรียมขึ้นรถม้าไปให้ไกลพื้นที่การต่อสู้ ร่างเด็กชายก็ปรากฏพร้อมมือสังหารกลุ่มหนึ่ง “เสี่ยวหรานหรอกหรือ” สิงตู้เหยาคันไม้คันมือ นางชอบเด็ก แต่เด็กปีศาจก่อเรื่องไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ สมควรได้รับโทษ “หมอเหลียน ข้ารู้ว่าท่านอยู่ในรถม้า โปรดแสดงตัว และมอบน้องสาวให้ข้าเสียเถอะ” ฝ่ายสิงตู้เหยาเข้ามารายงานสถานการณ์ด้านนอกต่อนายหญิงที่รถม้า และขออนุญาต จัดการเด็กชาย “อย่าให้เกิดสิ่งใดรุนแรง เราต้องผ่านพื้นที่นี้ให้ได้ ลดการสูญเสีย เพื่อความปลอดภัยตลอดการเดินทาง” ซ่างเป่าเหลียนบอกสิงตู้เหยา “บ่าวย่อมเชื่อฟังนายหญิง” พูดจบ สิงตู้เหยาจึงก้าวมาอยู่ตรงหน้าเด็กชาย “เสี่ยวหราน... น้องสาวเจ้านั้น นายหญิงส่งไปร่ำเรียนวิชาต่างๆ ที่สำนักนางชี บนเขาไป๋ซาน ไฉนยังมาตามที่นี่อีก และเท่าที่ข้าจำได้ เจ้าหายตัวไปพร้อมทำเรื่องผิดต่อนายหญิง” “เจี่ย
ทั้งใต้หล้านี้ ข้ากลัวคนผู้เดียว หลายวันผ่านไปกระทั่งถึงช่วงเวลาที่รั่วจิ้งคลอด ความโกลาหลต่างๆ ก็เกิดขึ้น ภายนอกป้อมลับ มีกองกำลังจะบุกเข้ามา คือกลุ่มคนที่เครียดแค้นต่อไคซี และฟ่านเทียนโหว หากยังนับว่าดีที่ มีมือสังหารช่วยตึงกำลังไว้ ยามนั้นโจวซ่งได้ส่งสัญญาณขอหน่วยเสริม พร้อมจัดเตรียมรถม้าสำหรับการหลบหนีของซ่างเป่าเหลียน “ฮูหยิน นับแต่ก้าวจากค่ายทหารของแม่ทัพตงครั้งนั้น ไม่หน้าเชื่อว่า อยู่ที่ใดก็ต้องเดินทางเสมอ” ซ่างเป่าเหลียนหันมาทางหวังตันแล้วตอบว่า “ฟ้าลิขิตไว้เช่นนี้ จำที่ข้าบอกไว้ได้หรือไม่ เมื่อกลับเมืองหลวงเมื่อใด ที่นั่นทุกคนจะอยู่อย่างสงบ และไม่ต้องลำบากหลบหนีศัตรูแน่นอน” “ฮูหยินมั่นใจเช่นนั้น ว่าเราจะได้ไปเมืองหลวง ข้าก็ตั้งตารอจริงๆ ทว่ายามนี้ แคว้นเจียงหนานมีอี้อ๋องเป็นใหญ่ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ หรือ” “ได้สิ แม่ทัพตงจะเป็นคนพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดี เขาไม่ลืมคำพูดที่ให้ไว้กับข้าแน่นอน” หญิงสาวว่า แล้วมองไปยังรั่วจิ้ง อีกฝ่ายซึ่งมีอาหารเจ็บครรภ์ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนสงบลง อีกทั้งนางใกล้คลอดเต็มที “ข