“แม่นางเหลียน”
หวังตันเรียกหญิงสาวเช่นนั้น ด้วยชื่อ และไม่ให้ใช้แซ่เดิม ตามความประสงค์ของตงเยี่ยหรง ซี่งนางไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งสะใภ้ห้า หรือภรรยาของไคซี ผู้ที่แม้หากตายไปแล้วกลับไม่พบศพ
ดังนั้นนางก็เป็นเพียง นางบำเรอผู้หนึ่งที่ได้หลับนอนกับตงเยี่ยหรง ทว่าหวังตันผู้นี้ เป็นคนเก่าแก่ของสกุลตง เคยเลี้ยงดูคุณชายหลายคน ร่วมถึงเป็นพี่เลี้ยงวัยเด็กแก่ตงเยี่ยหรงด้วย เขานับถือนางเป็นเสมือนพี่สาวคนหนึ่ง แม้อีกฝ่ายจะปากแข็ง ทั้งแสร้งทำใจร้ายต่อซ่างเป่าเหลียน แต่หากเขาไม่เมตตานาง ไฉนจะให้คนเรียกตัวหวังตัน เพื่อให้พาอีกฝ่ายไปยังเรือนห่างไกลที่เมืองหวางอิน
ซ่างเป่าเหลียนหันมามองหวังตัน ยามนี้แม้จะมีความเสียใจอยู่บ้าง แต่ได้สติคืนมาจนครบ ผิดแต่ผู้เป็นเจ้าของร่างปิดกั้นความทรงจำหลายสิ่งเอาไว้ จึงยากที่นางจะล่วงรู้สิ่งต่างๆ ในเวลานี้ ส่วนความทรงจำในภายหลังของโลกคู่ขนาน ก็ยังไม่เปิดเผยต่อนางอย่างเต็มที่ รู้แต่ว่าตนพอมีความสามารถด้านดูแลคนป่วย และบางครานางก็เห็นตนอยู่ท่ามกลางคนเจ็บที่กำลังรอรับการปฐมพยาบาล
“เมื่อถึงจุดพักม้าข้างหน้า ข้าจะให้สาวใช้ต้มยาให้ท่าน ดื่มจนหมดเทียบที่หมอสั่งไว้ จึงจะมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์” คำพูดของหวังตัน ยิ่งสะท้อนภาพและเสียงในคืนที่ผ่านมา ซ่างเป่าเหลียนอยากสลัดเรื่องร้ายๆ ให้พ้นตัว หากดูเหมือนว่า ตงเยี่ยหรงมีอิทธิพลต่อนางมากเหลือเกิน
“ข้าจะทำตามที่แม่บ้านหวังแนะนำ”
นางตอบอีกฝ่ายเสียงเรียบๆ และนั่งรถม้าไปสักพักก็ถึงจุดที่หวังตันบอก
สถานที่แห่งนั้นเป็นโรงเตี้ยมขนาดเล็ก ผู้คนสัญจรบางตา มีพ่อค้าเร่ กับข้าราชการเดินทางไกลไปตามเมืองต่างๆ รวมถึงคนหนุ่มที่ต้องการไปสอบวัดความรู้เพื่อเป็นขุนนาง
ซ่างเป่าเหลียนแม้จะแต่งชุดเสื้อผ้าสีเข้ม หากนางโดดเด่นยิ่ง ใบหน้าขาวสะอาดหมดจด ผิวกระจ่างใส ยิ่งกว่านั้นคือกลิ่นหอมละมุนอ่อนจากเรือนกาย เป็นกลิ่นคล้ายดอกเหมย สดชื่น เย้ายวน ทั้งสร้างความพิศวง
ขณะที่นางเตรียมรับถ้วยยาต้มที่มีกลิ่นเหม็นหืนจัดมาดื่ม หญิงสาวได้ยังมือไว้ และมองไปยังสาวใช้ที่มีนามว่า สิงตู้เหยา
“แม่บ้านหวัง... ยาถ้วยนี้ไม่เหมือนก่อนหน้าที่ได้ดื่ม”
ซ่างเป่าเหลียนเป็นลูกสาวของเจ้ากรมโยธา แม้ถูกเลี้ยงดูนอกเมือง ไม่ได้เข้าจวนหลัก ด้วยมีดาวหายนะ ต่อฮูหยินคนใหม่ของบิดา ทว่านางพอมีความรู้ อ่านออกเขียนได้ ฝ่ายวิญญาณสาวที่มาสวมร่างงดงามนี้ คือแพทย์หญิงห้องฉุกเฉิน อย่างไรก็แตกฉานหลายสิ่ง เช่นนี้จึงมีความช่างสังเกต
หวังตันนิ่วหน้า และตอนนั้นก็ล้วงหยิบเข็มเงินจากสาปเสื้อ แล้วตรวจสอบน้ำแกงระงับการตั้งครรภ์
ภาพที่ปรากฏในอึดใจต่อมาก็คือ ปลายเข็มนั้นเป็นสีดำ!
*****************************************
จากนั้น หวังตันส่งสัญญาณให้บ่าวชายรู้ เพื่อจับกุมตัวสิงตู้เหยาไว้ป้องกันการหลบหนี
“แม่นางเหลียน โปรดระวังตัว ดูเหมือนว่ามีคนคิดปองร้ายท่าน” หวังตันบอกเช่นนั้น ซ่างเป่าเหลียนจึงเพ่งสายตาไปที่สิงตู้เหยา หากไม่ใช่การจับผิด หรือคิดร้าย นางเพียงแค่สงสัย ทั้งไม่ปักใจเชื่อว่าสาวใช้ผู้นี้จะวางยาพิษตน เด็กสาวยังใสซื่อเกินไป ทั้งอ่อนด้อยในหลายสิ่ง
“ไม่ใช่บ่าวนะแม่นางเหลียน บะ บ่าว กลัวถ่านที่เตรียมมาจะหมดระหว่างทาง เลยไปขอใช้ห้องครัวของโรงเตี๊ยมด้านหลัง เพื่อต้มน้ำแกง และเฝ้าดูอยู่ตลอด คาดสายตาเพียงนิดเดียว เพราะชามที่จะใส่น้ำแกงตกแตก เลยไปขอยืมคนงานด้านใน พอกลับมาก็รีบยกหม้อยาลง แล้วนำมาให้ท่านดื่มทันที ดูสิเจ้าคะ ยังร้อนอยู่เลย”
ซ่างเป่าเหลียนฟังแล้ว สับสนอยู่สักหน่อย และใบหน้าที่ดื้อรั้น ทั้งยังอวดดีของสิงตู้เหยาที่เคยเห็นนั้นเปลี่ยนไป ยามนี้นางกลัวบ่าวชายที่ดูแลรถม้า คนผู้นั้นเป็นทั้งทหาร และมีฝีมือดี เรียกได้ว่าแม่ทัพตงโหดเหี้ยมเพียงใด ลูกน้องที่เขาฝึกมากับมือย่อมได้รับนิสัยเช่นนั้นมาไม่มากก็น้อย
“อยากถูกหักนิ้ว หรือตัดหูก่อนดี เจ้าถึงจะสารภาพเรื่องทั้งหมดให้ละเอียด” บ่าวชาย นามโจวซ่งกล่าวเสียงเข้มๆ และมันส่งผลให้สิงตู้เหยากลัวอย่างลนลาน จนนางเผลอถ่ายเบาเรี่ยราด
ทว่าทุกอย่างไม่จบเพียงเท่านั้น เกิดความวุ่นวายตามมา ราวกับเป็นหายนะที่ซ่างเป่าเหลียนต้องเผชิญ “แม่นางเหลียน ข้าว่าเรารีบกลับขึ้นรถม้าเถิด ชักช้าอาจมีคนโยนความผิดให้เราต้องติดคุกได้” หวังตันเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี นางวางเงินไว้ที่โต๊ะ พร้อมพยักเพยิดให้โจวซ่งลากตัวสิงตู้เหยาไป ทว่ามีเสียงเอะอะขึ้นพร้อมคนของโรงเตี้ยม ทหารอีกสามนาย มุ่งตรงมายังโต๊ะด้านนอกที่ซ่างเป่าเหลียนนั่งอยู่
“นั่น... นางออกมาจากห้องครัว ข้าสงสัยว่าจะเป็นผู้ใช้ยาพิษ จนทำให้มีคนป่วยในตอนนี้”
เด็กในครัวชี้มือมาทางสิงตู้เหยา เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เชื่อมโยงกับโต๊ะอาหารด้านใน ที่มีคนกินบะหมี่เนื้อเป็ด แล้วหมดสติไป ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผู้อาการหนักหายใจรวยริน
“ไม่ทันได้เข้าหอ แต่เสี่ยวเหยา ก็ช่วยข้าด้วยมือและปากของเจ้าได้” “ทะ ท่านเอาเปรียบข้า” “แล้วเสี่ยวเหยายอมหรือไม่”เขาถาม และเตรียมจะจูบอย่างจริงจังมากว่าเดิม “ข้าจะเป็นสตรีคนเดียวของท่าน และท่านก็จะเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของลูก เช่นนี้ ยังต้องถามสิ่งใดอีก” ยามนี้คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ซ่างเป่าเหลียน หากเป็นสามีของนาง ซึ่งสลบไปหนที่สามแล้ว กระทั่งฟื้นคืนสติเขาก็คำรามเสียงดัง และให้คนไปถามหมอหลวง ทั้งหมอตำแยที่เตรียมการช่วยคลอดผู้เป็นภรรยา หูซีเกอเดินมาถึงหน้าของชายหนุ่ม ก็เข่าอ่อนลงไปนั่งบทพื้น “ท่านแม่ทัพคลอดแล้วขอรับ และฮูหยินฝากให้มาบอกท่านว่า หากไม่ดื่มหรือกินอะไรสักก่อน ห้ามเข้าไปดูหน้าลูกเด็ดขาด” “เหลียนเหลียนใจร้ายกับข้าเช่นนั้นหรือ” เขาว่า และใจอยากจะพุ่งเข้าไปประตูด้านในที่นางคลอดบุตร แต่ยามนี้มีทั้งเจี้ยนจาง และก็หวังตันขวางเอาไว้ “รักษาสุขภาพด้วยเถิดบิดา ไม่อย่างนั้นน้องชายข้า จะมีใครอุ้มและสอนเขาขี่ม้า และยิงธนูเล่า” “ไอ้ลูกเวร นั่นเจ้าแช่งข้าหรือ” ตงเยี่ยหรงพอมีแรงก็ชี้หน้าเจี้ยนจา
ตอนพิเศษ 2ลูกแฝดของท่านแม่ทัพ ยามนี้ ซ่างเป่าเหลียนอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวโตกำลังว้าวุ่นใจหนัก ตั้งแต่มาอยู่เมืองหลวงที่จวนแม่ทัพ ตงเยี่ยหรง ก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับนาง พอรู้ว่าเด็กในท้องเป็นฝาแฝด (หญิงสาวใช้เครื่องตรวจจากหีบยาเทพธิดา) เขาก็เฝ้าโทษตัวเองว่า เป็นพวกมักมากไม่รู้จักหักห้ามใจ ด้วยชวนนางอุ่นเตียงแบบไม่มีวันพัก “เหลียนเหลียน... ข้าผิดต่อเจ้า และสองแฝดนัก หักโหมเช่นนี้ เด็กน้อยอาจได้รับการกระทำกระเทือน” “ผิดต่อข้า... และสองแฝด” เขาบอกแล้วก็ลงไปนั่งคุกเข่า และใช้หูแนบกับครรภ์ของนาง ตั้งใจฟังเสียงของลูกที่อยู่ข้างใน “อีกไม่นานพวกเขาก็คลอด หากพวกเขาไม่แข็งแรง นั่นย่อมหมายความว่า ฟ้าดินโทษข้าผู้แซ่ตงแล้ว” น้ำเสียงเขาฟังแล้วก็เศร้าสร้อย หัวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ยามนี้ตงเยี่ยหรงคงมีความเครียดมิน้อย หญิงสาวมองเขา ยิ่งใกล้ชิด ก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของบุรุษผู้นี้ เขาอบอุ่นพึ่งพาได้ ที่สำคัญรักนางมาก จนบางครั้งอาจมากเกินกว่าคนปกติไปสักหน่อย “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หรงเกอชอบสิ่งใด ภรรยาท่านก็ปรารถนามีความสุขด้วย บางครั้งโลดโผนไปบ้าง นั่
เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้ และถูกจับโยนขึ้นหลังม้า โดยที่ร่างสูงใหญ่ประกบด้านหลัง เสียงหายใจของคนตัวโตเป็นจังหวะที่มั่นคง ร่างกายเขาแผ่ไอสังหารออกมาเป็นระยะๆ ยามนั้นนางคิดว่าเขาคงอยากหักกระดูกนาง ไม่ก็จับไปเซ่นไหว้ภูตผี สำหรับทำสงคราม หากความคิดทุกอย่างจบลงที่ เขากล่าวเสียงเข้มๆ ข้างหู “เป็นเจ้าใช่ไหม ที่มากับแม่บ้านหวัง แล้วเหตุใดถึงตกอยู่ในพวกมือสังหาร หรือเป็นสายลับให้กับพวกกบฏ” เมื่อนางไม่ตอบ มือใหญ่จึงบีบลำคอระหง เขาออกแรงหนักอยู่สักหน่อย และนั่นจึงทำให้ซ่างเป่าเหลียนเกิดความกลัวจับใจ “มดปลวกยังมีค่ามากกว่าชีวิตเจ้า” เสียงเขา และการแสดงออกนั้น ทำให้หญิงสาว นิ่งค้างและหัวสมองว่างเปล่า โอ้ โชคดีเท่าใด ที่นางไม่ได้เข้าหอกับไคซีผู้เป็นเจ้าบ่าว หาไม่แล้วการมีพ่อสามีที่เผด็จการ ทั้งชอบใช้กำลัง ย่อมเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง “ผะ ผู้น้อย ไม่ทราบสิ่งใด หลังจากพลัดหลงกับครอบครัว ก็ถูกต้อนไปเป็นเชลย แล้วเมื่ออยู่ตลาดผ้า ก็หลงทาง จนถูกจับเป็นตัวประกัน” “หึๆ ๆ เจ้ามีประโยชน์อันใดแก่พวกนั้น มันถึงคิดจับตัวไว้ หรือว่าเป็นความงามรึ” น้
การเป็นอยู่ที่ค่ายเชลยลำบากไม่น้อย แต่ซ่างเป่าเหลียนที่แกล้งทำเป็นสติไม่ดี ทำให้นางไม่ถูกรังแกหรือข่มเหงจากผู้อื่น วันนี้นางออกมาด้านนอก หวังตันต้องการแรงงาน ช่วยขนของจากตลาด และสิ่งที่อีกฝ่ายจัดหาคือ เกลือ น้ำตาล แล้วก็เครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร แล้วยังด้าย ผ้าต่างๆ นอกจากนั้นก็ของอื่นๆ ซึ่งทหารในค่ายฝากมาซื้ออีกหลายสิบรายการ ขณะที่ซ่างเป่าเหลียนรออยู่ที่ด้านข้างร้านขายของ ก็เป็นตอนนั้นที่ นางเห็นว่าตนพอจะมีโอกาสหลบหนี นางใช้ความคิดอยู่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น จึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อตน ในนั้นนางซ่อนเข็มเงินเอาไว้ “เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใด” คนที่ถามคือ สิงตู้เหยา ด้วยมั่นใจว่าซ่างเป่าเหลียนหยิบของบางออกมาจากแขนเสื้อ และกำลังซ่อนไว้ ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนไม่ตอบ นางใช้ความเร็วอย่างที่สุด แทงเข็มเงินเข้าที่ลำคอด้านข้างของสิงตู้เหยา ชั่วพริบตาเดียว ร่างของสิงตู้เหยาจึงโงนเงนไปมา ก่อนค่อยๆ ทรุดลงไปบนพื้น “จะ เจ้า... แกล้งความจำเสื่อม แล้วยังทำร้ายคนของแม่ทัพตง” สิงตู้เหยาพูดได้เท่านั้น นางก็สลบไป และนั่นคือโอกาสอันดีของซ่างเป่าเหลียน สองขานางรีบ
ตอนพิเศษ 1คำแนะนำก่อนอ่านเนื้อหาในตอนพิเศษนี้เล่าเรื่องซ่างเป่าเหลียนตามฉบับนิยายที่แพทย์หญิงห้องฉุกเฉิน(เป่าเหลียน)เคยอ่านผ่านตา เป็นตอนเสริมเพื่อเพิ่มความบันเทิง*** ดังนั้นบางส่วนจะไม่ต่อเนื่องกับนิยายเล่มหลัก ฉันจำได้ว่าอ่านนิยายที่มีแม่ทัพตงผู้เก่งกาจ กลายเป็นทรราชเมื่อนานมาแล้ว ทว่าช่วงนี้ได้ฝันต่อเนื่องถึงตัวละครที่ชอบบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่า อีกมุมหนึ่งเขามีความเผด็จการ ทั้งยังเข้าขั้นแบดบอย แบบฉบับที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน อีกอย่างทรราชแซ่ตง ช่างน่าค้นหากว่านิยายฉบับเดิมเสียอีก แน่นอนว่าในบางครั้งฉันอยากเป็นตัวละครอย่างซ่างเป่าเหลียน ที่ได้ท้าทายอำนาจเขา อีกอย่างสตรีผู้นี้ยังมีชื่อที่เหมือนฉันด้วย ซึ่งในขณะที่หลับๆ ตื่นๆ บนเตียงของผู้ป่วย ฉันได้เข้าไปโลดแล่นในเรื่องราวโลกคู่ขนาน มีตงเยี่ยหรงเป็นแม่ทัพใหญ่ และคือผู้พ่อสามีของซ่างเป่าเหลียนเรื่องราวในนิยาย หญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวเกิดความเครียดจัด เท่าที่นางรับรู้ ยามนี้เดินทางมาจวนจะถึงเรือนหอแล้ว ทว่ากับมีเรื่องชวนให้นางต้องประสบเหตุร้ายครั้งใหญ่ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะนางรักคนที่ไม่ควรรัก หรือไม่คงเกิดจาก นาง
กระทั่งเจี้ยนจางกล่าวเข้ามา และบอกว่า “บิดามาถึงแล้ว ท่านแม่...” ซ่างเป่าเหลียนดีใจ ผิดแต่ครรภ์ของนางใหญ่ขึ้นมาก จะให้รีบขยับตัวแล้วออกไปพบชายหนุ่มอย่างที่ใจปรารถนานั้นก็หาทำได้อย่างรวดเร็วไม่ “แล้วเหตุใด แม่ทัพตงยังเป็นตาแก่อืดอาด ไม่มาให้ข้าเห็นหน้าเสียที” เสียงนางเขียวสักหน่อย และไม่นาน เขาก็อุ้มเด็กทารกหญิงมา ท่าทางเขาทะมัดทะแมงทีเดียว ไม่ได้มีทีท่าเหมือนคนไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน “ลูกของรั่วจิ้ง... นางขี้เหร่เสียจริง” คำพูดเขาทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหัวเราะร่วน และเห็นจะเป็นจริง เด็กทารกหญิงหน้าตาผิดจากมารดา แต่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ทั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดังไม่เกรงกลัวใคร “ท่านไม่รังเกียจนาง หรือคิดทำร้าย ข้าก็เบาใจ” “เหลียนเหลียน นี่ภรรยาเห็นว่าข้าเป็นคนเช่นไร ถึงจะกินคนได้ และนี่เป็นเพียงตัวอ่อนเล็กๆ ข้าหาใช่คนอำมหิตสักหน่อย” เขาว่าจบก็ส่งทารกให้หูซีเกอรับไป จากนั้นก็เข้ามาหาผู้เป็นภรรยา คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรู้หน้าที่จึงค่อยๆ ถอยห่างออกไป “นอกจากยามนี้ ข้าได้ชัยชนะ ทั้งปราบกองกำลังของอี้อ๋องเรียบร้อย ยังมีข่