ในขณะทหารกำลังจะเข้ามาจับกุมตัวสิงตู้เหยา และฝ่ายโจวซ่งก็ไม่ยินยอม ทว่าสถานการณ์นั้นอาจลุกลามใหญ่โต ซ่างเป่าเหลียนจึงต้องการเจรจาเสียก่อนใช้กำลัง
“พี่ชาย มีสิ่งใดค่อยพูดกัน”
ด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ สีหน้าไม่ได้ตื่นตกใจ อีกทั้งความงามของซ่างเป่าเหลียนสะกดสายตาทุกคน ผู้ที่มองนางจึงหยุด และเหมือนถูกมนตร์สะกดไว้ชั่วขณะ
“แม่นาง คนผู้นี้ก่อเรื่องด้านใน หากท่านไม่เกี่ยวข้อง อย่ายื่นมือเข้ามายุ่งเลย”
ซ่างเป่าเหลียนทบทวนสิ่งที่เจ้าของร่างรู้ รวมถึงตัวนางเองด้วย พอปะติดปะต่อบางอย่างได้ก็เอ่ยว่า
“ข้ากับเสี่ยวเหยา เดินทางมาด้วยกัน อีกอย่างข้าใช้นางไปต้มน้ำแกงเพื่อดื่ม ไฉนจะกลายเป็นคนใช้พิษทำร้ายผู้อื่นได้”
“เฮอะ มีนางเป็นคนนอกเพียงคนเดียว ที่เข้าไปวุ่นวายโรงครัวเรา เช่นนี้หากไม่ใช่นาง แล้วใครจะทำร้ายภรรยาของท่านอารักษ์ รวมถึงคนอื่นๆ ได้ โรงเตี๊ยมข้าเปิดมานาน ไม่เคยมีคดีความใดๆ โจรสักรายก็ไม่เคยเข้ามายุ่มย่าม”
เถ้าแก่โรงเตี้ยมว่าและชี้มือมายังสิงตู้เหยา พร้อมสั่งให้ทหารรีบจับกุมตัวไปสืบสวนและลงโทษเสีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ซ่างเป่าเหลียนต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน
ยามนั้น เสียงโอดครวญของคนที่ได้รับพิษดังมาจากด้านใน ทำให้รู้ว่า นอกจากผู้เป็นฮูหยินของอารักษ์ ที่มีอาการหนักสุด ยังมีผู้ที่ได้รับพิษจากบะหมี่เป็ดอีกสามคน นั่นก็คือตัวอารักษ์ น้องชายเขา อีกโต๊ะเป็นพ่อค้าหาบเร่ รวมถึงโต๊ะที่ชั้นสอง หากอาการไม่ได้หนัก เพียงแค่วิ่งเวียนศีรษะ
“ตอนนี้ช่วยชีวิตคนสำคัญที่สุด”
ซ่างเป่าเหลียนกล่าวจบก็เตรียมลุกก้าวไปดูคนที่ได้รับพิษจากอาหาร ทว่าตอนนั้นเองที่หวังตันจับข้อมือหญิงสาวและดึงรั้งไว้ก่อน
“แม่นางเหลียน อย่าได้แสดงตัวตนให้ผู้อื่นรู้ อีกอย่างท่านต้องเดินทางให้ถึงเมืองหวางอินเร็วที่สุด หากล้าช้าเกรงว่าจะทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่ขุ่นเคืองใจ อย่าลืมสิ ก่อนออกเดินทาง ท่านแม่ทัพ กำชับไว้อย่างไร”
หญิงสาวมองหวังตัน สายตาบอกให้รู้ว่า เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไม่ได้ ขณะเดียวกัน แม้เจ้าของร่างปิดกั้นหลายสิ่งเอาไว้ นั่นเพราะนางยังเสียใจอยู่ แต่ประตูอีกด้านหนึ่งได้เปิดออก ซ่างเป่าเหลียนพบว่า นางไม่ได้หลงเหลือแค่ความสามารถทางการแพทย์ไปเสียทั้งหมด อีกทั้งหลังการใช้เวลากับตงเยี่ยหรง นางได้รับกระเป๋าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สามารถเคลื่อนย้ายในห้วงมิติเวลาด้วย
เรื่องนี้น่าประหลาดใจยิ่ง ด้วยกระเป๋าดังกล่าวคือสิ่งที่นางใช้ครั้งสุดท้ายในฐานะแพทย์คนหนึ่ง นั่นหมายความว่าซ่างเป่าเหลียนไม่ได้มาเพียงลำพัง นางยังคงมีเครื่องมือที่จะทำให้ตนรอดเมื่อต้องใช้ชีวิตในโลกที่แตกต่าง
ซึ่งซ่างเป่าเหลียนจำได้ว่า ก่อนที่นางจะออกเดินทางจากค่ายทหาร ตงเยี่ยหรงขี่ม้าตัวโต และมอบของสำคัญแก่นาง วาบแรกนางเห็นของสำคัญที่แทบจะหลงลืมไปแล้ว น้ำตาก็ไหลอาบสองแก้ม
หญิงสาวโหยหาความรู้สึกที่อยู่ในอาชีพที่ตนรัก ภาพในความทรงจำย้อนกลับมาให้ระลึกถึง หลังจากรถยนต์ส่วนตัว เพื่อลงไปช่วยคนเจ็บในอุบัติเหตุรถชนหลายคัน ซ่างเป่าเหลียนก็ถูกรถที่ขับมาโดยไม่ระวังพุ่งเข้าใส่ร่างจนนางพลัดตกลงคลอง
สติดับวูบในทันที และจดจำหลายสิ่งไม่ได้มากนัก จากนั้นจึงกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา หลับๆ ตื่นๆ ภาพซ้อนทับไปมา ทั้งจากโลกแห่งความจริง และโลกคู่ขนาน สุดท้ายก็มาอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องราวที่เคยอ่านผ่านตา
การเป็นคนไร้ประโยชน์หลายปี ทำให้ทุกข์ใจเสมอ กระทั่งได้มีชีวิตอีกครั้ง แม้แรกเริ่มจะชวนให้ต้องอดสูสักหน่อย หากเมื่อยังมีลมหายใจ ซ่างเป่าเหลียนก็จะใช้ชีวิตใหม่นี้ให้คุ้มค่า
“กล่องของเจ้า ดูอัปมงคลและน่าตาอัปลักษณ์เหมือนแผลของข้าที่ถูกเจ้ากัดไม่มีผิด เป็นของตกทอดสกุลซ่างหรอกหรือ ทหารที่จับกุมตัวเจ้ามา ยึดเอาไว้ นับว่าดีไม่ถูกนำไปขายเสียก่อน ว่าแต่มันเป็นของประเภทใด หวังว่าคงไม่ใช่เครื่องมือทำไสยเวทหรอกนะ”
ตงเยี่ยหรงถาม สีหน้าเขาที่ติดเย็นชาอยู่ตลอด ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนพยายามระงับความดีใจเอาไว้ นางกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจไม่มอบกระเป๋าเครื่องมือทางการแพทย์แก่นาง
“มันมีไว้เพื่อการใด”
เขาถามอีกหน แววตาคมๆ คู่นั้นจับพิรุธซ่างเป่าเหลียน
“ใช้ยังชีพ และช่วยเหลือข้ากับผู้อื่นยามได้รับอันตราย ตัวข้า... พอมีความรู้เรื่องการปรุงสมุนไพรเล็กน้อย การทำแผลก็เช่นกัน ทั้งหมดนี้ข้าเรียนรู้ กับแม่ชีผู้หนึ่ง”
ได้ยินคำตอบนาง เขาก็เลิกคิ้วสูงทั้งสองข้าง คนผู้นี้ สมควรเป็นตัวร้ายกาจทั้งในนิยาย และโลกแห่งความจริง
แล้วหากประเมินให้ดี เขาคงมีอายุราวๆ เกือบสี่สิบปี ใกล้เคียงอายุของช่างเป่าเหลียนในโลกที่จากมา ผู้ชายประเภทนี้นางเคยพบมาบ้าง ซึ่งทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่ก็กัดไม่ปล่อย นิสัยเยี่ยงเด็กหวงของ ถึงอย่างนั้นเมื่อเขาอยากให้นางไปให้พ้นๆ หน้า นางก็ต้องเล่นไปตามบทบาทของตน จากนี้ย่อมต้องอยู่ให้ห่างคนแซ่ตง ที่เป็นทั้งบิดาของสามีผู้ล่วงลับ และทรราชในนิยายที่นางเคยอ่านนั่นเอง
“เดินทางถึงเรือนหญิงหม้ายแล้ว เจ้าจะรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ส่วนเรื่องอื่นๆ แต่ภายหลัง อย่าได้ใส่ใจ อีกอย่างการจากไปของเสี่ยวซี เจ้าย่อมมีความผิด และข้าจะไม่มีวันให้อภัย”
คนตัวโตกล่าวจบ ก็มองมาที่นาง และเขาคงอยากเห็นความอ่อนแอ เหมือนเวลาออกแรงกระทำหยาบช้าต่อร่างกายงดงามนี้
“เสี่ยวเหลียนจำไว้ เจ้าไร้วาสนาต่อสกุลตง และอย่าพยายามปีนขึ้นเตียงบุรุษคนใดอีก นี่คือสิ่งที่ข้าเตือน”
อันที่จริงซ่างเป่าเหลียนไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางอยากตอบโต้เขา แต่เลือกอดทนเข้าไว้ ตัวนางย่อมรู้แล้วว่า หมาบ้าที่ชอบเห่า และแยกเขี้ยวข่มขู่ หากเราไม่เต้นตกใจตาม มันคงคลั่งแค้นจนกระอักเลือดตายไปเอง
พอตงเยี่ยหรงไม่เห็นว่าสตรีที่เขาหลับนอนด้วย กล่าวคำใด เขาก็สั่งให้รถม้าออกเดินทาง และขี่ม้าจากไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด
เมื่อซ่างเป่าเหลียนรับกระเป๋าเครื่องมือแพทน์มา นางก็เปิดดู และพบว่า มันไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป เพราะด้านในเสมือนเป็นลิ้นชักที่เปิดออกแล้วมีของที่ต้องการใช้สอยมากมาย ยามนี้จึงประหนึ่งว่านางได้กลายเป็นหมอเทวาในโลกคู่ขนาน
หวังตันเป็นว่าซ่างเป่าเหลียนเงียบไป จึงฉุดแขนเรียกสติอีกหน
“ข้ารอดตายมาได้หนหนึ่งแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ หากพอยื่นมือช่วยผู้อื่นได้ ก็คงเป็นการสร้างความดีให้ตนเอง และผู้ที่อยู่ใกล้ชิด”
“เสี่ยงอันตรายเกินไปหรือไม่ ข้าคิดว่า คงไม่มีใครอยากให้สตรีแปลกหน้ายื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องผู้อื่นเป็นแน่แท้”
หวังตันเตือนอีกหน
“แม่บ้านหวัง ที่นี่อยู่ห่างไกลเมือง หมอก็คงหายากสักหน่อย ตัวข้าอย่างน้อยที่สุด ก็รู้เรื่องยา และสมุนไพร ดังนั้นหากได้ต่อลมหายใจให้คนได้ ข้าก็จะไม่รอช้า”
“ของสิ่งนั้น ท่านต้องการใช้มันหรือไม่”
“ใช่ ช่วยส่งเสริมให้ข้าได้เป็นหมอเทวดาเถิดแม่บ้านหวัง”
ซ่างเป่าเหลียนเอ่ยอย่างนั้นแล้ว หวังตันก็รู้หน้าที่ตน นางเบี่ยงตันเพื่อไปยังรถม้า เพื่อนนำกระเป๋าที่ดูเหมือนสิ่งอัปมงคล และดูอัปลักษณ์สักหน่อยมาให้ซ่างเป่าเหลียน
“ไม่ทันได้เข้าหอ แต่เสี่ยวเหยา ก็ช่วยข้าด้วยมือและปากของเจ้าได้” “ทะ ท่านเอาเปรียบข้า” “แล้วเสี่ยวเหยายอมหรือไม่”เขาถาม และเตรียมจะจูบอย่างจริงจังมากว่าเดิม “ข้าจะเป็นสตรีคนเดียวของท่าน และท่านก็จะเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของลูก เช่นนี้ ยังต้องถามสิ่งใดอีก” ยามนี้คนที่น่าเป็นห่วงไม่ใช่ซ่างเป่าเหลียน หากเป็นสามีของนาง ซึ่งสลบไปหนที่สามแล้ว กระทั่งฟื้นคืนสติเขาก็คำรามเสียงดัง และให้คนไปถามหมอหลวง ทั้งหมอตำแยที่เตรียมการช่วยคลอดผู้เป็นภรรยา หูซีเกอเดินมาถึงหน้าของชายหนุ่ม ก็เข่าอ่อนลงไปนั่งบทพื้น “ท่านแม่ทัพคลอดแล้วขอรับ และฮูหยินฝากให้มาบอกท่านว่า หากไม่ดื่มหรือกินอะไรสักก่อน ห้ามเข้าไปดูหน้าลูกเด็ดขาด” “เหลียนเหลียนใจร้ายกับข้าเช่นนั้นหรือ” เขาว่า และใจอยากจะพุ่งเข้าไปประตูด้านในที่นางคลอดบุตร แต่ยามนี้มีทั้งเจี้ยนจาง และก็หวังตันขวางเอาไว้ “รักษาสุขภาพด้วยเถิดบิดา ไม่อย่างนั้นน้องชายข้า จะมีใครอุ้มและสอนเขาขี่ม้า และยิงธนูเล่า” “ไอ้ลูกเวร นั่นเจ้าแช่งข้าหรือ” ตงเยี่ยหรงพอมีแรงก็ชี้หน้าเจี้ยนจา
ตอนพิเศษ 2ลูกแฝดของท่านแม่ทัพ ยามนี้ ซ่างเป่าเหลียนอดหัวเราะไม่ได้ คนตัวโตกำลังว้าวุ่นใจหนัก ตั้งแต่มาอยู่เมืองหลวงที่จวนแม่ทัพ ตงเยี่ยหรง ก็ใช้เวลาส่วนมากอยู่กับนาง พอรู้ว่าเด็กในท้องเป็นฝาแฝด (หญิงสาวใช้เครื่องตรวจจากหีบยาเทพธิดา) เขาก็เฝ้าโทษตัวเองว่า เป็นพวกมักมากไม่รู้จักหักห้ามใจ ด้วยชวนนางอุ่นเตียงแบบไม่มีวันพัก “เหลียนเหลียน... ข้าผิดต่อเจ้า และสองแฝดนัก หักโหมเช่นนี้ เด็กน้อยอาจได้รับการกระทำกระเทือน” “ผิดต่อข้า... และสองแฝด” เขาบอกแล้วก็ลงไปนั่งคุกเข่า และใช้หูแนบกับครรภ์ของนาง ตั้งใจฟังเสียงของลูกที่อยู่ข้างใน “อีกไม่นานพวกเขาก็คลอด หากพวกเขาไม่แข็งแรง นั่นย่อมหมายความว่า ฟ้าดินโทษข้าผู้แซ่ตงแล้ว” น้ำเสียงเขาฟังแล้วก็เศร้าสร้อย หัวคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากัน ยามนี้ตงเยี่ยหรงคงมีความเครียดมิน้อย หญิงสาวมองเขา ยิ่งใกล้ชิด ก็สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของบุรุษผู้นี้ เขาอบอุ่นพึ่งพาได้ ที่สำคัญรักนางมาก จนบางครั้งอาจมากเกินกว่าคนปกติไปสักหน่อย “อย่าได้กล่าวเช่นนั้น หรงเกอชอบสิ่งใด ภรรยาท่านก็ปรารถนามีความสุขด้วย บางครั้งโลดโผนไปบ้าง นั่
เมื่อขึ้นมาจากน้ำได้ และถูกจับโยนขึ้นหลังม้า โดยที่ร่างสูงใหญ่ประกบด้านหลัง เสียงหายใจของคนตัวโตเป็นจังหวะที่มั่นคง ร่างกายเขาแผ่ไอสังหารออกมาเป็นระยะๆ ยามนั้นนางคิดว่าเขาคงอยากหักกระดูกนาง ไม่ก็จับไปเซ่นไหว้ภูตผี สำหรับทำสงคราม หากความคิดทุกอย่างจบลงที่ เขากล่าวเสียงเข้มๆ ข้างหู “เป็นเจ้าใช่ไหม ที่มากับแม่บ้านหวัง แล้วเหตุใดถึงตกอยู่ในพวกมือสังหาร หรือเป็นสายลับให้กับพวกกบฏ” เมื่อนางไม่ตอบ มือใหญ่จึงบีบลำคอระหง เขาออกแรงหนักอยู่สักหน่อย และนั่นจึงทำให้ซ่างเป่าเหลียนเกิดความกลัวจับใจ “มดปลวกยังมีค่ามากกว่าชีวิตเจ้า” เสียงเขา และการแสดงออกนั้น ทำให้หญิงสาว นิ่งค้างและหัวสมองว่างเปล่า โอ้ โชคดีเท่าใด ที่นางไม่ได้เข้าหอกับไคซีผู้เป็นเจ้าบ่าว หาไม่แล้วการมีพ่อสามีที่เผด็จการ ทั้งชอบใช้กำลัง ย่อมเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง “ผะ ผู้น้อย ไม่ทราบสิ่งใด หลังจากพลัดหลงกับครอบครัว ก็ถูกต้อนไปเป็นเชลย แล้วเมื่ออยู่ตลาดผ้า ก็หลงทาง จนถูกจับเป็นตัวประกัน” “หึๆ ๆ เจ้ามีประโยชน์อันใดแก่พวกนั้น มันถึงคิดจับตัวไว้ หรือว่าเป็นความงามรึ” น้
การเป็นอยู่ที่ค่ายเชลยลำบากไม่น้อย แต่ซ่างเป่าเหลียนที่แกล้งทำเป็นสติไม่ดี ทำให้นางไม่ถูกรังแกหรือข่มเหงจากผู้อื่น วันนี้นางออกมาด้านนอก หวังตันต้องการแรงงาน ช่วยขนของจากตลาด และสิ่งที่อีกฝ่ายจัดหาคือ เกลือ น้ำตาล แล้วก็เครื่องปรุงสำหรับทำอาหาร แล้วยังด้าย ผ้าต่างๆ นอกจากนั้นก็ของอื่นๆ ซึ่งทหารในค่ายฝากมาซื้ออีกหลายสิบรายการ ขณะที่ซ่างเป่าเหลียนรออยู่ที่ด้านข้างร้านขายของ ก็เป็นตอนนั้นที่ นางเห็นว่าตนพอจะมีโอกาสหลบหนี นางใช้ความคิดอยู่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น จึงล้วงเข้าไปในแขนเสื้อตน ในนั้นนางซ่อนเข็มเงินเอาไว้ “เมื่อครู่เจ้าทำสิ่งใด” คนที่ถามคือ สิงตู้เหยา ด้วยมั่นใจว่าซ่างเป่าเหลียนหยิบของบางออกมาจากแขนเสื้อ และกำลังซ่อนไว้ ฝ่ายซ่างเป่าเหลียนไม่ตอบ นางใช้ความเร็วอย่างที่สุด แทงเข็มเงินเข้าที่ลำคอด้านข้างของสิงตู้เหยา ชั่วพริบตาเดียว ร่างของสิงตู้เหยาจึงโงนเงนไปมา ก่อนค่อยๆ ทรุดลงไปบนพื้น “จะ เจ้า... แกล้งความจำเสื่อม แล้วยังทำร้ายคนของแม่ทัพตง” สิงตู้เหยาพูดได้เท่านั้น นางก็สลบไป และนั่นคือโอกาสอันดีของซ่างเป่าเหลียน สองขานางรีบ
ตอนพิเศษ 1คำแนะนำก่อนอ่านเนื้อหาในตอนพิเศษนี้เล่าเรื่องซ่างเป่าเหลียนตามฉบับนิยายที่แพทย์หญิงห้องฉุกเฉิน(เป่าเหลียน)เคยอ่านผ่านตา เป็นตอนเสริมเพื่อเพิ่มความบันเทิง*** ดังนั้นบางส่วนจะไม่ต่อเนื่องกับนิยายเล่มหลัก ฉันจำได้ว่าอ่านนิยายที่มีแม่ทัพตงผู้เก่งกาจ กลายเป็นทรราชเมื่อนานมาแล้ว ทว่าช่วงนี้ได้ฝันต่อเนื่องถึงตัวละครที่ชอบบ่อยครั้ง ดูเหมือนว่า อีกมุมหนึ่งเขามีความเผด็จการ ทั้งยังเข้าขั้นแบดบอย แบบฉบับที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน อีกอย่างทรราชแซ่ตง ช่างน่าค้นหากว่านิยายฉบับเดิมเสียอีก แน่นอนว่าในบางครั้งฉันอยากเป็นตัวละครอย่างซ่างเป่าเหลียน ที่ได้ท้าทายอำนาจเขา อีกอย่างสตรีผู้นี้ยังมีชื่อที่เหมือนฉันด้วย ซึ่งในขณะที่หลับๆ ตื่นๆ บนเตียงของผู้ป่วย ฉันได้เข้าไปโลดแล่นในเรื่องราวโลกคู่ขนาน มีตงเยี่ยหรงเป็นแม่ทัพใหญ่ และคือผู้พ่อสามีของซ่างเป่าเหลียนเรื่องราวในนิยาย หญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวเกิดความเครียดจัด เท่าที่นางรับรู้ ยามนี้เดินทางมาจวนจะถึงเรือนหอแล้ว ทว่ากับมีเรื่องชวนให้นางต้องประสบเหตุร้ายครั้งใหญ่ สาเหตุนั้นอาจเป็นเพราะนางรักคนที่ไม่ควรรัก หรือไม่คงเกิดจาก นาง
กระทั่งเจี้ยนจางกล่าวเข้ามา และบอกว่า “บิดามาถึงแล้ว ท่านแม่...” ซ่างเป่าเหลียนดีใจ ผิดแต่ครรภ์ของนางใหญ่ขึ้นมาก จะให้รีบขยับตัวแล้วออกไปพบชายหนุ่มอย่างที่ใจปรารถนานั้นก็หาทำได้อย่างรวดเร็วไม่ “แล้วเหตุใด แม่ทัพตงยังเป็นตาแก่อืดอาด ไม่มาให้ข้าเห็นหน้าเสียที” เสียงนางเขียวสักหน่อย และไม่นาน เขาก็อุ้มเด็กทารกหญิงมา ท่าทางเขาทะมัดทะแมงทีเดียว ไม่ได้มีทีท่าเหมือนคนไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน “ลูกของรั่วจิ้ง... นางขี้เหร่เสียจริง” คำพูดเขาทำให้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหัวเราะร่วน และเห็นจะเป็นจริง เด็กทารกหญิงหน้าตาผิดจากมารดา แต่อ้วนท้วนสมบูรณ์ ทั้งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดังไม่เกรงกลัวใคร “ท่านไม่รังเกียจนาง หรือคิดทำร้าย ข้าก็เบาใจ” “เหลียนเหลียน นี่ภรรยาเห็นว่าข้าเป็นคนเช่นไร ถึงจะกินคนได้ และนี่เป็นเพียงตัวอ่อนเล็กๆ ข้าหาใช่คนอำมหิตสักหน่อย” เขาว่าจบก็ส่งทารกให้หูซีเกอรับไป จากนั้นก็เข้ามาหาผู้เป็นภรรยา คนอื่นที่อยู่บริเวณนั้น ต่างรู้หน้าที่จึงค่อยๆ ถอยห่างออกไป “นอกจากยามนี้ ข้าได้ชัยชนะ ทั้งปราบกองกำลังของอี้อ๋องเรียบร้อย ยังมีข่