โฉมงามนางร้ายถูกรังแก
สวีหรันเฟยที่กำลังตั้งครรภ์ และนางได้ซ่อนรูปร่างของตนไว้ในเสื้อผ้าเนื้อหยาบและสวมมันหลายชั้น อีกอย่างยามนี้นางเจ้าเนื้ออยู่สักหน่อย จึงดูเหมือนคนตัวอวบๆ มากกว่าจะมีทายาทให้บุรุษสักคน
ส่วนบิดาของเด็กๆ เป็นใคร ความจริงแล้ว ภาพทั้งหมดยังดำมืด ชวนให้ครั่นคร้ามใจ
แน่นอนนางฝันร้ายบ่อยครั้ง ทั้งเห็นแมวสีเทาตัวโต ที่มีร่างเป็นบุรุษสูงใหญ่ที่ชอบเปลือยกาย และทำสิ่งสัปดนกับนาง และภาพของคนที่นอนอยู่ในโลงศพศิลา ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ขนลุกได้เสมอ ฝ่ายนั้นสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ ทั้งยังส่งไอสังหารคุกคามนางแม้แต่อยู่ในห้วงความฝัน
และที่น่าเห็นใจ สวีหรันเฟยลืมหลายสิ่ง ส่วนวิชาการแพทย์ที่ในโลกคู่ขนาน นางยังดึงมันกลับมาใช้ไม่ได้อย่างเต็มที่ ทั้งที่เป็นคนเก่ง มากด้วยความรู้ ช่วยชีวิตผู้อื่นให้พ้นความตายมาหลายครั้งหลายหน
อนิจจา นับแต่เดินทางมาอยู่ในร่างนี้ สมองถูกปิดกั้น ด้วยเจ้าของร่างตั้งใจลืมสิ่งเลวร้ายที่ตนได้ก่อไว้ ประกอบกับน้ำแกงลืมเลือนที่ถูกกรอกปากนั้นก็ส่งผลร้ายถึงวันนี้
ยามนั้น หญิงสาวปวดข้อมือ มันคงระบมเป็นแน่ เพราะเผยอี้ฮุ่ยออกแรงบีบอย่างหนัก ทว่านางไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่จะยอมตกเป็นเบี้ยล่างผู้อื่น จึงพยายามดิ้นรนขัดขืน และแกะมือใหญ่ๆ ออก
เมื่อไม่เป็นผลก็เลยกัดหลังมืออีกฝ่ายไปหนึ่งที
เขี้ยวคมฝังลงที่ผิวรองแม่ทัพ อีกฝ่ายไม่ได้เจ็บ นอกจากนั้นยังอยากรู้ว่าคนเจ้าเนื้อ ผู้ที่มีกลิ่นกายหอมๆ จะมีความสามารถหลบหนีได้อย่างไร คิดได้ดังนั้น เผยอี้ฮุ่ยเลยยอมปล่อยสวีหรันเฟยเป็นอิสระ ดวงตาเรียวมองสตรีเจ้าเนื้อ เขาเป็นทหารมาหลายปี พวกที่ชอบปลอมตัว เพื่อปกปิดฐานะ เหตุใดจะมองไม่ออก ทั้งผิวซึ่งทาให้เข้มกว่าปกติ ถึงอย่างนั้นก็ดูนวลเนียน ชวนให้เขาลงลิ้นไล้ไปตามส่วนที่ไวต่อความรู้สึก
ยิ่งมอง ก็เรียกความทรงจำเขากลับคืนทีละนิด อีกฝ่ายมีใบหน้าตาคล้ายคนผู้หนึ่ง ทว่าเขากลับคิดไม่ออก นั่นเป็นเพราะบิดาของสวีหรันเฟยมักให้ลูกสาวคนนี้ซ่อนตัวอยู่ในเรือน และใช้งานยามจำเป็นเท่านั้น เนื่องจากความงามของสวีหรันเฟยเป็นที่เลื่องลือ เรียกได้ว่างามล่มเมืองก็ไม่ผิด ด้วยเป็นตัวต้นเหตุให้เหล่าองค์ชายเปิดศึกกันมาแล้ว
รองแม่ทัพยกยิ้ม หัวใจเขาเต้นแรงกกว่าปกติ คนงามย่อมเป็นเช่นนี้ งามจนเผลอมอง และหัวใจเขาถูกช่วงชิงไป
ดวงตาของอีกฝ่ายกลมโต แพขนตางอนดำ และริมฝีปากแม้จะดูซีดเซียวสักหน่อย แต่ชวนให้อยากดูด อยากส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปากด้านใน และแลกลิ้นด้วยความซ่านสยิว
ยิ่งกว่านั้น คนผู้นี้ มีน้ำมีนวล สองแก้มยุ้ยๆ น่าหยิก น่ากัด เรือนร่างดูคล้ายคนกินดีอยู่ดี ชั่วแวบหนึ่ง เขาเกิดความคิดว่า อีกฝ่ายอาจกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ สายตาอันแหลมคมของเผยอี้ฮุ่ย มองสำรวจสวีหรันเฟยอย่างพินิจ และทำให้เขากระสันปรารถนาในตัวอีกฝ่าย
ฝ่ายสวีหรันเฟยประเมินสถานการณ์แล้ว คาดคิดว่า ควรหาทางหลบเลี่ยงจากพื้นที่ตรงนี้ให้ไวที่สุด
“ข้าต้องการคนผู้นั้น หวังว่าใต้เท้าคงไม่ขัดขวาง”
สวีหรันเฟยบุ้ยใบ้ไปยังหนิงเจี้ยนซึ่งถูกทหารหลายคนสกัดเอาไว้ และทหารเหล่านั้นแสดงท่าทางกักขฬะ
“ฮ่ะๆ ๆ หากคิดซื้อทาสชั้นต่ำเหมือนข้า เรื่องนี้เห็นทีต้องมีการแย่งชิงกัน”
สวีหรันเฟยหรี่ตา มองคนตัวสูง พร้อมประเมินสถานการณ์อย่างเร็วรีบ เผยอี้ฮุ่ยคือรองแม่ทัพคนสำคัญขของแคว้นปู้โจว เป็นพวกคนสีเทาๆ และลุ่มหลงอำนาจ อีกทั้งอยู่ฝั่งรัชทายาท ในอดีตเจ้าของร่างไม่เคยพูดคุยด้วย พบปะกันไม่กี่ครั้ง ตามงานสำคัญ
“ไม่ ข้าต้องการให้นาง มีชีวิตที่ดีกว่านี้”
“ช่างเป็นคนที่มีเมตตา แต่แม่นางรู้หรือไม่ หากทาสผู้นี้ เข้าไปอยู่ในค่ายทหารและแขวนป้ายรับแขก มันคงใช้เวลาปีสองปีเท่านั้น ก็จะสามารถมีชีวิตสุขสบาย และรับเงินทองมากโข”
ได้ฟังคำพูดดังกล่าวก็ระคายหู แน่นอนนางรู้ว่า สิ่งที่เผยอี้ฮุ่ยกล่าว ย่อมหมายถึงการเป็นโสเภณีในค่ายทหาร คอยปรนเปรอความสุขให้ทหารกลัดมัน
“เมื่อข้ายื่นมือไปเพื่อต้องการสิ่งใด ผู้อื่นก็จงหย่าแส่!”
เมื่อสวีหรันเฟยยื่นมือไปช่วยผู้อื่นแล้ว หากไม่สำเร็จนางย่อมไม่วางมือ...........
บทส่งท้าย สามเดือนผ่านไป เหยาหรูอวี้อยู่ไม่เป็นสุข นางไม่ได้อึดอัดในการอยู่เรือนรับรองสกุลหยาง ซึ่งตอนนี้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างจนกลายเป็นตำหนักนอกวังหลวงของมู่ชิงเฉินเฮ่อไปโดยปริยาย ตอนนี้สถานะของนางคือพระชายาของอีกฝ่าย หากกล่าวไปแล้วก็ตลก ด้วยตั้งใจขอหย่า แต่มู่ชิงเฉินเฮ่อถามว่า แล้วใครจะดูแลนาง ได้ยินคำถามแบบนั้น เหยาหรูอวี้ทั้งสับสน มึนงง และทำตัวไม่ถูก “หม่อมฉันอยากเป็นอิสระ และไม่จำเป็นต้องมีบุรุษใดคอยให้ความช่วยเหลือ” “ฮ่าๆ ๆ ฝีปากกล้า แต่ดูเหมือนไม่ได้มีความมั่นใจเลย หรูอวี้” “เฉินอ๋อง... สงสารลูกนกสักตัวเถิด ท่านกำลังทำให้หม่อมฉันสับสน และอย่างไรตอนนี้ ท่านก็ต้องดูแลอนุอี้ ไม่นานนางก็คลอดปีศาจน้อย เอ๊ย คลอดองค์ชายแสนน่ารักให้ท่านเลี้ยง” “หรูอวี้ รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้ากลับแคว้นของตนไม่ได้แล้ว” อ๋องหนุ่มใช้คำถามง่ายๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงดุดัน ทว่าเป็นยามนั้นที่เหยาหรูอวี้กลั้นน้ำตาไม่ไหว นางน้อยใจเป็นทุน และคิดถึงถิ่นฐานของตนด้วย “หม่อมฉันกลัว จากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่มีคนรัก ไม่มีใครสนใจ เป็นได้แค่ท่านหญิงโง่เขลาผู้
จ้าวหว่านอี้และคนของนาง รวมถึงเหยาหรูอวี้แต่งตัวเป็นชาวเมืองทั่วไป เพื่อมาส่งอาหารและยารักษาโรค และเมื่ออยู่ด้านนอก หลายสิ่งบอกให้รู้ว่าไม่ปกติ หลี่จิ้งอยู่ไม่ห่างจ้าวหว่านอี้ ฝ่ายเหยาหรูอวี้มีคนอารักขาตลอดเวลา “สังเกตหรือไม่ว่า แม้เราปลอมตัวออกมายังมีคนรู้ นั่นย่อมหมายความว่า ในเมืองเจี้ยนมีสายให้คนพวกนี้” เหยาหรูอวี้พยักหน้ารับ พอเดินผ่านกลุ่มผู้คน เข้าไปในส่วนที่ลึกสักหน่อย ก็คนมาล้อมหน้าล้อมหลัง “ดี ข้าขี้เกียจเสียเวลา” จ้าวหว่านอี้ไม่ได้ท้าทาย นางรอให้คนร้ายเผยตัวนั่นเอง อึดใจต่อมา มีระเบิดควันพวยพุง และมือสังหารหมายเข้ามาชิงตัวจ้าวหว่านอี้ ทว่าเป็นคนของมู่ชิงเฉินเฮ่อ และทหารอารักขาปกป้องนางไว้อย่างสุดกำลัง ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีมาก “คุณหนู!” พอรู้ว่ามีผู้ที่พุ่งเข้ามาหาตนคือใคร จ้าวหว่านอี้ก็หมุนตัวไปอีกด้าน แล้วพยักหน้าให้หลี่จิ้งช่วยจับตัวไว้ คนผู้นั้นเป็นวรยุทธ์ ฝ่ายหลี่จิ้งก็พอมีฝีมือบ้าง ทั้งคู่ปะมือกันอยู่สามสี่กระบวนท่า จ้าวหว่านอี้เห็นว่าคนของตนสูงวัย กว่าอาจเพลี่ยงพล้ำเลยตะโกนไปว่า
เช้าวันใหม่เกิดความโกลาหลที่หน้าประตูเมือง จ้าวหว่านอี้ขึ้นไปบนกำแพง มองลงไปด้านนอก เห็นว่ามีชาวบ้านทยอยเดินทางมาที่เมืองเจี้ยนอย่างไม่ขาดสาย ส่วนมากเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยามนี้ไม่มีการเปิดให้คนเข้ามาด้านใน เนื่องจากป้องกันภัยและโรคติดต่อราษฎร รวมถึงพวกที่แอบอ้างปะปนเข้ามาเพื่อสร้างความก่อก่อนดังนั้นทางการจึงจัดหาที่พักด้านนอก สร้างกระโจม หรือที่นอนชั่วคราว และให้มีโรงทานแจกจ่ายนอกประตูเมืองด้วย เหยาหรูอวี้ตามมาสมทบบนกำแพงเมือง นางเห็นผู้คนมากมายก็ใจเสีย “พวกเขาอพยพมาไม่หยุด ความหิวทำให้เกิดเรื่องมากมาย และข้าเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังแน่นอน” “ดังนั้นขจัดต้นตอของปัญหา แล้วดูแลปากท้อง เมืองรอบๆ นี้ส่วนมากไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม คงต้องการแรงงานเพาะปลูก อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมด แต่ดีกว่าการป้อนอาหารให้พวกเขาอยู่เช่นนี้” จ้าวหว่านอี้กล่าวจบ เหยาหรูอวี้ก็ทึ่งจัด “อนุอี้มองการณ์ไกล ข้าไม่แปลกใจเลย หากเจ้าจะเป็นผู้มอบทายาทให้แก่เฉินอ๋อง” หญิงสาวยิ้ม แล้วตอบกลับ “แต่คนที่ฮ่องเต้อยากให้เป็นพระชายาของเฉินอ๋องคือเจ้า” เหยาหรูอวี้โบกมือไปมา พ
สถานการณ์แจกจ่ายอาหารเป็นไปตามที่จ้าวหว่านอี้คาดเดาไว้ คนที่หิวโหยรอรับของกิน ไม่มีการบ่น หรือแสดงกิริยาให้คนของจ้าวหว่านอี้ต้องปวดหัว ทว่าเวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ฝ่ายของรองเจ้าเมืองก็แจ้งว่า ด้านนอกประตูเมือง มีชาวบ้านหลั่งไหลมามากกว่าเดิม ยามนี้นับแล้วเพิ่มขึ้นนับห้าร้อยชีวิต จ้าวหว่านอี้คิดถึงเรื่องในนิยายที่ตนเขียน และวางแผนรับมือให้ได้ จากนี้คือสิ่งที่ศัตรูนางกำลังก่อความวุ่นวาย จงใจให้มีผู้คนอดยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ภายในห้าวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเจี้ยน ให้เราต้องหาอาหารให้พวกเขาไม่ต่ำกว่าสองพันคน” “โอ้ คุณหนูหากมากมายถึงเพียงนั้น เกรงว่าข้าวที่ซื้อไว้คงไม่พอ อีกทั้งเสื้อผ้า ยารักษาโรคที่พวกเขาร้องขออีก” “ข้าเข้าใจ ตอนนี้มีคนวางแผนให้เราใช้เสบียงของสกุลหยางที่กำลังผ่านมาทางนี้ และข้าจะแบ่งมาสักส่วนหนึ่ง แล้วค่อยเติมกลับ” “หากทำเช่นนั้นจะไม่เป็นตามความต้องการของคนที่คิดร้ายต่อเราหรือเจ้าคะ” ซินเยว่ถามด้วยความอยากรู้ “เราต้องช่วยคนก่อน และข้าจะให้พวกที่ก่อกวน ชดใช้อย่างสาสม เพราะภัยน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากพวกเขาทำลายเขื่อน และย
หลี่จิ้งเข้ามาหาหญิงสาว รายงานสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น “คุณหนูเช้ามืดต้องออกเดินทาง คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อยก็ราวๆ สองวันเจ้าค่ะ สกุลหยางเลือกจัดงานเลี้ยงที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวง ดังนั้นแขกที่ไปจึงไม่ได้มากนัก แต่อย่างไรเสีย มีสตรีหลายคนที่ได้รับเชิญ รวมถึงคุณหนูเซียง” “เฮ้อ ตัวข้าตั้งแต่ถูกเฉินอ๋องฉุดตัวมา ก็ชอบอยู่ที่นี่ อีกอย่างเดินทางไกลๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ” “มิได้หรอกเจ้าคะ องค์ชายสามเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว นอกจากนั้นยังมีทหาร และบ่าวอีกไม่น้อย หากจะว่าไปก็เกินความจำเป็นอยู่มาก” เมื่อหลี่จิ้งกล่าวเช่นนั้น จ้าวหว่านอี้ก็ฉุกคิดหลายสิ่ง นางมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เป็นเรือนร้างอย่างที่มู่ชิงเฉินเฮ่อบอกก็จริง หากทุกอย่างสะดวกสบาย ท่าทางเขาไม่ได้ต้องการอนุเพิ่ม อีกอย่างในไม่ช้าเหยาหรูอวี้จะมาเป็นพระชายาของอีกฝ่าย ยามนี้มีหลายสิ่งที่จ้าวหว่านอี้ไม่เข้าใจ แต่นางจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ด้วยรับรู้ว่า เนื้อหาในนิยายยามนี้สามีเก่านางคือผู้ควบคุม นอกเหนือจากนั้น เรื่องสำคัญคือนางตั้งครรภ์ และไม่ใช่กับชายชู้ หากเป็นมู่ชิงเฉินเฮ่อ แล้วที่หวานชื่น อีกฝ่ายคลั่งรั
จ้าวหว่านอี้ไม่ได้โทษคนตัวโตสักนิด เป็นนางต่างหากที่อดทนต่อความซ่านสยิวไม่ได้ เสียแต่ว่าก่อนที่เขาจะปลดปล่อย ชายหนุ่มยังไม่พานางขึ้นสวรรค์ และน้ำอุ่นขาวข้นก็ทะลักออกมามากมาย จนนางกับเขาต่างอึ้งพอๆ กัน “เอ่อ ข้าเครียดไปสักหน่อย ภาระก็มาก เลย...อยากผ่อนคลายไวๆ” เขาเขิน ใช่... เหตุใดนางจะไม่รู้ การให้นางชักท่อนลำ แล้วใช้ลิ้น ปาก ดูดเล้าโลม สลับการครอบริมฝีปากเข้าออกลำอุ่นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ฝ่ายเขาก็หลั่งไหล ถึงนางจะมีความสุข แต่อดน้อยใจไม่ได้ “หม่อมฉันไม่ยอม ท่านพี่กินอิ่มคนเดียว แล้วยังทำท่าเหมือนจะหมดแรงด้วย” นางว่าและส่งสายออดอ้อน ด้วยความสิเน่หามากล้น ทั้งห่วงใยที่นางถูกขังคุกมู่ชิงเฉินเฮ่อเลยไม่ทันยั้งมือ เผลอสาดน้ำรักอย่างบ้าคลั่ง เปรอะทั้งใบหน้างาม และลูกกรงเหล็ก “เสี่ยวอี้ ข้าอึดและมีพลังมากแค่ไหน เจ้ารู้ดี เมื่อครู่แค่ตื่นเต้นมากไปสักหน่อย” “เช่นนั้นจงแสดงให้หม่อมฉันเห็นใหม่เถิดเพคะ” มู่ชิงเฉินเฮ่อ สูดลมหายใจลึก แน่นอนเขาจะทำเรื่องขายหน้าให้ตนเองด้วยการปลดปล่อยราวกับเด็กหนุ่มเข้าหอครั้งแรกไม่ได้อีกเป็นอันขาด “ปากเจ้า หน้าอ