คนติดตามเปิดกระเป๋าหยิบสัญญาที่มีนับสิบแผ่นขึ้นมา ยื่นให้เหรินเหมย
ที่คว้าปากกามาจรดปากกาเซ็นสัญญาทันที
“ไม่อ่านก่อนหรือ”ถงไฉ่ถาม เหรินเหมยส่ายหน้า ยิ้มกว้างถงไฉ่รู้ดีว่าเหรินเหมยดีใจที่จะได้พาแม่ไปรักษาตัวจึงไม่ลังเลที่จะเซ็นสัญญา
เฉิงซีหยวนทำสีหน้าเรียบเฉย
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม สัญญานี้จะเก็บไว้ที่ฉันหนึ่งฉบับกับเธออีกหนึ่งฉบับ อยากจะอ่านเมื่อไหร่ค่อยมาอ่าน อ่อลืมถามไปเสียได้ ยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า แต่ความจริงไม่ถามก็น่าจะได้คำตอบใช่ไหม ผู้หญิงสมัยนี้ยิ่งสวยๆอย่างเธอ หาคนที่บริสุทธิ์สะอาดยาก แบบนี้ก็ดี ก็จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากับตรงนั้นว่าทำให้ไม่ประทับใจของสามีตอนที่เข้าหอเพราะฉันอยากให้คลอดแบบวิธีธรรมชาติไม่มีการผ่าตัดเอาเด็กออกมาจากท้อง”
เหรินเหมยถอนหายใจยาวนี่ไปหาข้อมูลมาหมดเลยหรือเรื่องการคลอดลูก คนอะไรก่อน แล้วนอกจากเมียคงไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนในด้านดีดีแน่
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกคุณนี่มันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขแต่แรกอยู่แล้ว และฉันขอเปลี่ยนเงื่อนไขข้อนี้ฉันต้องการผ่าเอาเด็กออก ไม่อยากคลอดเองตามธรรมชาติเพราะอย่างที่คุณพูดฉันไม่อยากให้สามีที่ฉันรักหรือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยไม่ประทับใจในครั้งแรกที่ร่วมหอกัน”
บอกเป็นนัยๆ
เฉิงซีหยวนขมวดคิ้วกับคำพูดของเหรินเหมย
“จีเหรินเหมย ความจริงตอนคลอดฉันจะเย็บให้เธอก็ได้จะเอา…แคบเอาคับขนาดไหนก็ได้นะ อย่าห่วงเรื่องแบบนั้นเอาเรื่องสำคัญก่อน”ถงไฉ่พูดขัดขึ้นกล้วว่ากำลัง
จะเกิดสงครามย่อมๆ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดพูดเรื่องอะไรแบบนี้ได้แล้ว”หน้าแดงแป๊ด เฉิงซีหยวนถอนหายใจ
“แต่เอาจริงนะครับหมอว่า คุณเฉิงควรให้ผ่าตัดดีกว่านะครับ เพราะปลอดภัยและรับรองผลได้ดีกว่าว่าเด็กทั้งสองคนจะได้รับการช่วยเหลือทันท่วงทีหากว่ามีอาการผิดปกติตอนคลอด”ถงไฉ่พยายามอธิบาย
เหรินเหมยเอามืออุดหูไว้แน่น
“ก็ได้ถ้าคุณหมอพููดแบบนี้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ความจริงแล้วเรื่องนั้นก็ไม่ได้สำคัญอะไรในเมื่อเราจ่ายแพงมากและผมเองก็ไม่อยากให้ คนอุ้มท้องลูกของผมเครียดไปกว่านี้”หมอถงยิ้มเอามือดันหลังเหรินเหมย
“จริงด้วยได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว กินให้ตรงเวลาพักผ่อนให้พอลูกในท้องจึงจะแข็งแรง”
“อย่าเรียกว่าลูกในท้องนั่นมันคือลูกของผมกับซูจ่าย”หมอถงส่ายหน้าไปมา จีเหรินเหมยถอนหายเดินเข้าไปด้านในเลยไปเป็นโต๊ะอาหารสำหรับหมอถงที่เวลา ทำงานดึกไว้ได้สั่งอาหารเย็นมากินที่นี่เลย
“คุณหมอดูแลเรื่อง สุขอนามัยทุกอย่างให้พร้อมกันเลยทีเดียว ทั้งหมวดหมู่อาหารรวมทั้งของว่าง อ่อพรุ่งนี้ผมจะให้รถมารับคุณทั้งสองยังบ้านใหม่ที่ผมซื้อไว้ให้วันนี้คาดว่าจะตบแต่งเสร็จเรียบร้อยพอดี”
คนติดตามวางเอกสารลงบนโต๊ะ จีเหรินเหมยหันมาสบตากับหมอถงไฉ่ รู้สึกเหมือนตัวเองขึ้นไปนั่งบนหลังเสือแล้ว
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เธอจะต้องใจเย็นๆอย่าเอาแต่อารมณ์คุณเฉิงเขาคนละเอียดรอบคอบไม่น้อยเธอก็ยอมๆเขาหน่อยอย่างน้อยก็คิดว่าคุณนายปิงปิงแม่ของเธอจะได้มีเงินสำหรับรักษาตัวอย่างสบายที่สุด หมอที่ดีที่สุด และการดูแลที่ดีที่สุดจนหายดี”เหรินเหมยถอนหายใจ
“ฉันสัญญาจะใจเย็นแล้วจะไม่ชวนหมอนั่นไม่สิคนฝากสเปริ์ม ทะเลาะ”
“เขาก็มีชื่อไปเรียกเขาอะไรแบบนั้น”
“ทีเขายังเรียกฉันว่าคนอุ้มท้องเลย”ถงไฉ่ยิ้ม
“เอาจริงนะ เธอกับเขานี่ไม่น่ามาร่วมงานกันเลยคนหนึ่งรวยและหยิ่งยะโสอีกคนจนแต่หยิ่ง”
“ก็ได้ฉันสัญญาจะอดทนให้มากเพื่อคุณแม่ ได้รับการรักษาที่ดีที่สุดเงินมันซื้อได้ทุกอย่างทั้งการรักษาที่ดีและความเกลียดที่เขาใช้เงินซื้อจากฉันไป”หมอถงยิ้มบางๆ
“นั่นล่ะคือสิ่งที่เธอจะต้องทำ มันจะสำคัญอะไรมันก็แค่งานเราจะชอบมันหรือไม่ทางเดียวที่ทำได้ก็คือตั้งใจทำมันให้ออกมาเที่สุดแล้วรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากงานที่ทำให้เรามีชีวิตรอดต่อไปเพราะการทำงาน แค่เก้าเดือนเพื่อแม่และเงินสำหรับตั้งตัวเพื่อชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม”จีเหรินเหมยยิ้มพยักหน้าขึ้นลง
จีเหรินเหมย ย่อกายลงข้างๆคุณปิงปิง
“คุณแม่ขาอีกแค่เก้าเดือนก็พบกันแล้วค่ะ หนูอยู่ทางนี้จะดูแลตัวเองคุณแม่ก็อย่าดื้อคุณหมอนะคะ รักษาตัวให้หายใจแล้วเหมยเหมยจะพาคุณแม่ไปเที่ยวด้วยกันเราจะกลับมาเป็นคู่หูกันเหมือนเดิม”ซ่อนน้ำตาเสียกลัวมาคุณปิงปิงจะเห็นมัน
“หนูจะไปไหนไม่ไปกับแม่หรือ”
“ไม่ได้ค่ะ อยู่ที่นั้นค่าใช้จ่ายเยอะมากอยุ่ทางนี้หนูยังพอทำงานหาเงินตอนนี้หนูได้งานดีดีแล้วนะ ถงไฉ่เขาหางานให้หนู พอทำงานมีเงินก็ส่งเงินไปเป็นค่ารักษาคุณแม่อย่างไรเล่าค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะงานสบายทีเดียวค่ะแค่หนูจะต้องอยู่ทำงานที่นี่ แล้วพอคุณแม่หายหนูจะลาออกจากงานคอยดูแลคุณแม่ตอนฟักฟื้นดีไหมคะ”
คุณปิงปิงยกมือซีดขึ้นหยิบปอยผมที่ระใบหน้าขาวสะอาดไร้การแต่งแต้มทว่ากลับมองว่าน่ารักน่าเอ็นดูที่สุด
“หนูทำงานหนักเพื่อแม่ ความจริงแล้ว..”เหรินเหมยยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปากคุณปิงปิงเสียไม่ให้พูด
“เรามีกันแค่สองคนหนูอดทนเพื่อหาเงินคุณแม่ก็ต้องอดทน เพื่อรักษาตัวเองอย่าท้อนะคะเพื่ออยู่ต่อเป็นกำลังใจให้หนูถ้าไม่มีคุณแม่หนูก็ไม่มีทางอยากจะอดทนต่อเรื่องแย่ๆในแต่ละวันแน่ๆ เพราะฉะนั้นคุณแม่ต้องเห็นแก่หนูอยู่กับหนูต่อไปรักษาตัวให้หายดีแล้วกลับมาเป็นกำลังใจของหนู”ยกมือซีดมาลูบที่แก้มเนียน
เฉิงซีหยวนยืนเอามือไพล่หลังมองลงมาจากศูนย์อำนวยการของโรงพยาบาล
“คุณเฉิง…อย่า…อย่าทำแบบนี้” เหรินเหมยร้องเสียงสั่น“ทำไมเธออยากให้ฉันเป็นสามีไม่ใช่เหรอ ฉันมานี่แล้วไงมาเป็นสามีอย่าที่เธอต้องการ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะบดริมฝีปากลงอย่างรุนแรง เหรินเหมยส่ายหน้าไปมาจูบแสนวาบหวาม รุนแรงจนแทบขาดใจ…มือของเขาลูบไล้แผ่นหลังเธอ ไล่ต่ำลงเรื่อย ๆ จนหญิงสาวสะท้านเฮือก น้ำตาร่วงทั้งที่ริมฝีปากยังจูบถูกรุกล้ำเธอสั่นไปทั้งตัว ทั้งกลัว ทั้งเจ็บเฉิงซีหยวนล้วงมือเข้าไปในกระโปรงดึงกางเกงในตัวจิ๋วทิ้งไปเหรินเหมยสะดุ้งเฺฮือก“คุณเฉิงได้โปรดอย่าทำแบบนี้…” เธอร้องไห้เบาๆเฉิงซีหยวนลากเหรินเหมยขึ้นไปบนเตียง กดข้อมือตรึงร่างอวบไว้ใต้ร่างแกร่งของเขา“อย่าทำแบบนี้ ฉันมีลูกของคุณในท้อง” เฉิงซีหยวนยิ้มหยันกดปิดริมฝีปากแดงไม่สนใจรอยน้ำตา“ได้โปรด” เหรินเหมยสะอื้นอย่างหนัก“จะร้องทำไมกำลังจะสมใจแล้วเธออยากให้เป็นแบบนี้นี่ อยากเป็นเมียฉันจนตัวสั่นลงทุนอุ้มท้อง”“ไม่…ฉันเกลียดคุณไม่ได้อยากเป็นของคุณ” เฉิงซีหยวนก้มลงปิดปากบางไว้เสียเหรินเหมยทุบกำปั้นลงบนอกแกร่งดังหินผาที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยจังหวะนั้นเองเหรินเหมยกำลังจะกรีดร้องด้วยความกลัวประตูถูกผลักเข้ามาอีกครั้ง ร่า
เสียงฝนตกพรำลงบนกระจกหน้าต่างของบ้านเฉิงอย่างช้า ๆ แต่ไม่มีเสียงใดดังเท่ากับเสียงลมหายใจหอบถี่ของหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ในห้องนอนชั้นบนสุดซูจ๋ายกำมือแน่นเมื่อความปวดหนึบแล่นไปทั่วช่องท้อง เธอก้มลงกอดตัวเอง ร่างบางสั่นสะท้าน ริมฝีปากซีดเผือด มือที่เคยประณีตประดับแหวนเพชรในอดีตบัดนี้เย็นเฉียบและไร้เรี่ยวแรง“ซูจิง… ซูจิง…!” เสียงแหบพร่าเรียกน้องสาวของตนเบา ๆ ก่อนที่ร่างจะทรุดลงกับพื้นพรมในห้องนอนอย่างหมดแรงเสียงเรียกรถพยาบาลด่วน เสียงฝีเท้าของคนรับใช้ และเสียงร้องไห้ของซูจิงประสานกันกลายเป็นฉากโกลาหลในค่ำคืนอันหนาวเหน็บเมื่อเฉิงซีหยวนมาถึงโรงพยาบาล เขาถอดสูทลวก ๆ แล้วรีบตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ร่างสูงหยุดชะงักที่หน้าประตู ดวงตาเขามืดมน ดวงใจหนักอึ้งเหมือนมีหินพันก้อนถ่วงไว้“ซูจ๋ายเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาแหบพร่า ถามซูจิงที่หน้าตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา“หมอบอกว่าเธอเครียดเกินไป... ทั้งเรื่องอาการป่วยและเรื่องของพี่เขย... ทั้งหมดพี่สาวเขาเก็บไว้คนเดียวหมดเลย” ซูจิงพูดเสียงสั่น “พี่เขยรู้ไหม...ช่วงนี้พี่เขยไม่เคยมองพี่ซูจ๋ายเลย ไม่แม้แต่จะถามว่าพี่ซูจ๋ายกินข้าวหรือยัง...”เฉิงซีหยวนกำมื
ค่ำคืนในบ้านตระกูลเฉิงเงียบสงบจนน่าประหลาด แสงไฟสีอุ่นในห้องนั่งเล่นสาดส่องเงาบางๆ บนผนังที่เคยมีแต่เสียงหัวเราะของครอบครัว…บัดนี้มีเพียงเสียงถอนหายใจสลับกับกลิ่นบรั่นดีเจือจางในอากาศเฉิงซีหยวนนั่งกอดอกบนโซฟา แก้วบรั่นดีอยู่ในมือ สายตาเหม่อลอยไปยังเงาสะท้อนในกระจกข้างห้อง ข้างกายเขาคือชาไช้…ซึ่งนั่งเงียบๆ อยู่อีกมุมหนึ่ง มือถือแก้วบรั่นดีที่เกือบหมดแก้วแน่นราวกับยึดเหนี่ยวความอดทนของตัวเองไว้"นายเชื่อชาไช้…" เสียงเฉิงซีหยวนขาดห้วงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่ออย่างแผ่วเบา “…ว่าคนอย่างฉันจะหวั่นไหวกับใครบางคนได้อีกคนในเมื่อตลอดมาฉันมีแต่ซูจ๋ายคนเดียวในใจ"ชาไช้หันมองพี่ชาย ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นกับเขาเฉิงซีหยวนหลับตาแล้วพูดต่อ “จีเหรินเหมย…เธอไม่ได้พยายามทำอะไรเลย แค่ยืนอยู่ตรงนั้น เงียบๆ …แต่ใจฉันมันโคลงเคลงทุกครั้งที่เห็นเธอเจ็บ หรือแม้แต่ยิ้ม...นายว่ามันเป็นไปได้หรือ"น้ำเสียงเขาแผ่วลงอีกขณะสบตากับชาไช้ที่เอาแต่ถอนหายใจ ยกแก้วบรั่นดีในมือขึ้นกระดกราวกับจะกลั่นความจริงจากความเมา"บางคืน…ที่ฉันสะดุ้งตื่นเพียงแค่อยากจะไปที่บ้านบนเขา ไปหาเหรินเหมย อยากจะบอกว่าฉันที่กลับทำเหมือนเป็นหน้าที
“ผมขอโทษ ผมสัญญาจะไม่ทำให้คุณต้องคิดมากอีกแล้ว ขอโทษที่ทิ้งคุณให้จมอยู่กับความเศร้า” ซูจ๋ายยิ้มบางๆ ยกมือเฉิงซีหยวนขึ้นแนบที่แก้มขาวซีด“ไม่ต้องขอโทษ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณที่คุณยังอยู่ด้วยกันคุณยังไม่ทิ้งกัน” เฉิงซีหยวนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ก้มลงจูบที่หน้าผากของซูจ่ายเบาๆ“ไม่มีทางผมไม่มีทางจะทิ้งคุณ เชื่อเถอะผมยังมีคุณคนเดียวในใจ” กอดรวบร่างซูบซีดของซูจ่ายไว้ในอ้อมแขนซูจ๋ายปล่อยน้ำตาไหลรินในแบบที่ไม่ต้องกักเก็บมันอีกต่อไปณ บ้านบนเขา ชาไช้กำลังช่วยเหรินเหมยรดน้ำดอกไม้วันนี้เหรินเหมยไม่มีอาการแพ้ท้องตื่นมาด้วยสีหน้าสดใส หรืออาจเพราะทำใจได้บ้างแล้วว่าเฉิงซีหยวนไม่มา บัวรดน้ำอยู่ในมือ ชาไช้รีบคว้าบัวรดน้ำไว้เพราะกลัวว่าจะหนักเกินไปเกินกว่าคุณแม่อุ้มท้องจะยกไหวมือของทั้งสองเกือบจะสัมผัสกันในจังหวะหนึ่ง เหรินเหมยชะงัก แต่ก็ไม่ได้ดึงมือกลับในทันที ชาไช้ยิ้ม“เฮ้อ ….กลัวผมขนาดนั้นเลยหรือ” ชาไช้พูดขึ้นดังๆ“คุณน่ากลัวนี่” พูดยิ้มๆ“เอาน่าถือว่าช่วยๆ กันงานดูแลคุณนี่คืองานแรกของผมเลยนะ” เหรินเหมยอมยิ้ม“จะไม่ผ่านโปรเอาน้าาา” เหรินเหมยยิ้ม รู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ผ่านมาและกำลังจะผ่านไป มีเพียงชาไ
ในเช้าวันฝนตกพรำๆ เธอกำลังเลือกดอกคาร์เนชั่นสีขาวเพื่อนำไปเยี่ยมสุสานของแม่ มือหนึ่งถือร่ม อีกมือแตะกลีบดอกอย่างอ่อนโยน“เหรินเหมย”เสียงเรียกที่คุ้นหูดังขึ้นจากข้างหลัง เสียงทุ้มต่ำที่ทำให้ขมวดคิ้วเฉิงซีหยวนอย่างนั้นหรือ เธอหันกลับมา พลันสบตากับชาไช้ในชุดสูทที่เปียกฝนเล็กน้อยจากการวิ่ง“คุณมาที่นี่ได้ยังไง” เหรินเหมยถามน้ำเสียงแผ่ว“ผมแวะผ่านมา…และคิดว่าคุณน่าจะอยู่ตรงนี้” เขาตอบเรียบง่าย ก่อนจะเดินเข้ามากางร่มให้เธอแทน“คุณมาคนเดียวอีกแล้ว” เขาว่า พลางช่วยถือช่อดอกไม้จากมือเธอเหรินเหมยไม่ตอบ แค่ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง“คุณมาคนเดียวใช่ไหม” เธอพูดเบา ๆ เหมือนกับบอกกับตัวเองมากกว่าตอบเขาชาไช้ไม่ซักถาม ไม่ตำหนิ ไม่แม้แต่จะปลอบประโลมด้วยถ้อยคำพร่ำเพรื่อ เขาแค่ยืนข้างเธอ ยื่นร่มให้ครอบหัวทั้งสองไว้ไม่ให้เปียกฝน“ผมจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ” เขาพูดเบาๆ“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ…”“แต่ผมอยากจะยืนข้างๆ คุณ” ชาไช้พูด สีหน้าของเขานิ่งแต่ชัดเจนเหรินเหมยมองเขาอย่างลังเล ก่อนจะยอมปล่อยให้เขายืนเคียงข้างที่หน้าหลุมศพเรียบง่ายในสุสานชานเมือง สองคนยืนเงียบงัน ฝนยังโปรยปราย ราวกับท้องฟ้าเองก็รั
เหรินเหมยเดินช้าๆ มาตามทางดินปูด้วยหินเล็ก เสียงรองเท้ากระทบพื้นแผ่วเบา ในมืออุ้มกล่องพัสดุที่คนส่งไม่ได้ลงชื่อ แต่เธอรู้ทันทีตั้งแต่เห็นลายมือบนโน้ตแผ่นเล็ก“ดื่มก่อนนอน สบายท้องดี”ข้อความสั้นๆ แต่ทำให้หัวใจเหรินเหมยไหววูบกล่องใบนี้คือหนึ่งในหลายกล่องที่ส่งมาทุกๆวัน บ้างเป็นขนมที่เธอชอบ บ้างเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ บางครั้งเป็นหมอนรองขา หรือเทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ที่ช่วยให้นอนหลับง่ายยามแพ้ท้องหนักเขาไม่เคยมาด้วยตัวเองอีกเลยนับจากคืนนั้นแต่การหายไปของเขา ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกว่าเขา หายไปจริงๆทุกกล่อง ทุกข้อความ ทุกความใส่ใจจากระยะไกล คือหลักฐานว่าหัวใจของเขายังวนเวียนอยู่รอบเธอไม่ห่าง“คุณจีขา คุณเฉิงส่งของมามากขนาดนี้เกือบจะเต็มบ้านแล้ว คุรเแิงเขาห่วงคุณจีจริงๆนะคะ”เสี้ยวจี้พูดขึ้น เหรินเหมยถอนหายใจยาว“เขาแค่ทำไปตามหน้าที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันใช้จริงหรือเปล่ามีเงินก็แค่ซื้อแล้วก็ส่งเงินเขาเยอะอยู่แล้วเรื่องแค่นี้ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก”“แต่คุณจีขาเขาใจดีจริงๆนะคะแต่ก่อนเสี่ยวจี้ตกงานเขาก็รับอย่างไม่ลังเลทั้งที่ไม่รู้ว่าจะรับไปทำไมด้วยซ้ำ”เหรินเหมยพักหน้าขึ้นลงอี