เข้าสู่ระบบตอนที่ 5
ยังไม่รู้ใจตัวเอง........
“คุณพ่อครับทำไมบ้านเงียบจัง”
ธีภพกลับมาถึงบ้านพร้อมกับบิดาปกติเวลานี้จะต้องได้ยินเสียงภรรยาทำกับข้าวอยู่ในครัวแต่ในบ้านกลับเงียบมากมีเพียงแค่คนสวนเท่านั้นที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ด้านนอกเพราะแม่บ้านของที่นี่จะมาแบบไปกลับไม่ได้มีใครค้างคืน
“ไม่สบายหรือเปล่าเมื่อตอนสายเห็นทำท่าแปลก ๆ พ่อจะถามว่าไม่สบายหรือเปล่าก็ไม่ทันขึ้นบ้านไปเสียก่อน”
ธีภพรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านและเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนด้วยความรู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบ้างอย่าง
ห้องนอนที่ปิดไฟมืดสนิททำเอาชายหนุ่มที่ใจคอไม่ดีอยู่แล้วรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดร่วงลงไปอยู่กับพื้น ประตูตู้เสื้อผ้าที่ปิดไม่สนิทกระเป๋าเดินทางที่หายไป ธีภพทรุดตัวลงนั่งบนเตียงทันทีเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มอ่อนแรง
“ธิชา ธิชา”
เทวนาถรีบวิ่งตามเสียงตะโกนเรียกหาภรรยาของลูกชายที่ดังจนไปถึงชั้นล่างด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นธี”
“ธิชาไปแล้ว เธอไปแล้วครับทำไมต้องเป็นแบบนี้ในที่สุดเธอก็ทิ้งผมไปเหมือนคุณแม่”
คนเป็นพ่อได้แต่นั่งลงข้าง ๆ โอบกอดลูกชายไว้ด้วย ความเข้าใจ ภาพในอดีตย้อนกลับมา นาทีที่วิกานดาทิ้งทุกอย่างไปมันไม่ต่างอะไรกับตอนนี้
“มันอาจไม่ใช่อย่างที่ลูกคิดบางทีธิชาอาจจะมีเหตุผลลองโทรศัพท์หาเธอหรือยัง”
ธีภพรีบกดเบอร์โทรศัพท์หาภรรยาทันทีแต่สุดท้าย ปลายสายก็ปิดเครื่อง
“ธีลูกพ่อ ทำใจนะลูก”
เทวนาถไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรถึงจะทำให้ลูกชายรู้สึกดีขึ้นเพราะตัวเขาเองไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีบาดแผลก็ยังไม่เคยหายถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่เคยโทษอดีตภรรยาเลยเพราะเขารู้ว่าตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาเป็นคนทำให้ครอบครัวไม่มีความสุขเพียงเพราะคำว่าไม่เคยเชื่อใจ
“จดหมายอะไร”
คนเป็นพ่อหยิบจดหมายที่วางอยู่บนที่นอนส่งให้ลูกชาย เทวนาถคิดว่าต้องเป็นจดหมายของลูกสะใภ้แน่ ๆ เขาจึงอยากให้ ลูกชายเป็นคนอ่านเอง
ธีภพเปิดซองจดหมายอย่างช้า ๆ เพราะเขากลัวความจริงที่อยู่ในนั้น เขาไม่อยากยอมรับว่าวันนี้ภรรยาของเขาไม่อยู่แล้ว
น้ำตาที่ไหลออกมาตลอดในขณะที่กำลังอ่านจดหมาย เทวนาถเดาได้ไม่ยากว่าลูกสะใภ้ของเขาไปจากลูกชายแล้วจริง ๆ สองมือเหี่ยวหย่นรีบเช็ดน้ำตาของตัวเองที่กำลังจะหยดลงมาเพราะเวลานี้เขาต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับลูกชาย
“ธิชาไปจากเราแล้วจริง ๆ ครับ เธอบอกว่าไม่มีความสุขที่อยู่ที่นี่และเธอก็เพิ่งจะมารู้สึกว่าเธอและผมไม่ได้รักกัน”
ธีภพเช็ดน้ำตาบนหน้าเขาไม่ร้องไห้แล้วทั้งที่แววตายังคงมีแต่ความเสียใจอยู่ในนั้น
“ธีลูกรักธิชาไหม พ่อขอโทษที่ถามแบบนี้เพราะบางครั้งพ่อเองก็อดคิดไม่ได้ที่ลูกรีบแต่งงานทั้งที่รู้จักกับเธอได้ไม่นานเป็นเพราะพ่อบีบลูกเรื่องมีครอบครัวหรือเปล่า”
เทวนาถคิดแบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่ลูกชายบอกว่าจะแต่งงานแล้วเพราะปกติธีภพคบกับผู้หญิงแต่ละคนใช้เวลานานแต่ก็ไม่เคยเห็นจะพูดเรื่องแต่งงานจนสาว ๆ พากันเดินออกจากชีวิตกันไปเองเพราะมองไม่เห็นอนาคตของความรัก
“ไม่เกี่ยวกับคุณพ่อหรอกครับ ผมเลือกเธอแล้วมันไม่สำคัญว่าผมจะรักหรือไม่รักแต่ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้วมันคือคำว่าครอบครัว ผู้หญิงสุดท้ายก็เหมือนกันทุกคน”
ธีภพเปลี่ยนจากแววตาที่เศร้ากลายเป็นแววตาแห่งความผิดหวังแทนทั้งที่น้ำตายังคงไม่แห้งไปจากดวงตาคมเข้มก็ตาม
“มันไม่ใช่อย่าที่ลูกคิดนะ” คนเป็นพ่อไม่สบายใจที่ลูกชายมองโลกในแง่ร้ายแบบนี้
“พอเถอะครับ ผมไม่เชื่อใครแล้วทุกอย่างมันชัดเจน ”
เทวนาถได้แต่มองลูกชายด้วยความเป็นห่วงแต่ในเวลาและอารมณ์แบบนี้ธีภพคงไม่พร้อมที่จะฟังอะไร เขาจึงเลือกที่จะให้ ลูกชายได้มีเวลาอยู่คนเดียว บางทีเวลาอาจจะทำให้ปัญหาทุกอย่างมีทางออกก็ได้
ณภัทรถูกเพื่อนชายตามตัวด่วนเพราะเวลาแบบนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ธีภพจะสามารถพูดทุกเรื่องได้
“ฉันบอกแกแล้วว่าผู้หญิงเหมือนกันทุกคน เห็นไหมว่าสุดท้ายยังไม่ถึงปีเลยธิชาก็หนีไปทั้งที่ฉันทำดีกับเธอทุกอย่าง”
ธีภพยกแก้วดื่มเหมือนว่าน้ำสีเหลืองเข้มในแก้วเป็นแค่เพียงน้ำชาเท่านั้น ปากก็พร่ำรำพรรรต่อว่าภรรยาไม่มีสักคำที่เขาจะโทษตัวเอง
“ก็ดีแล้ว ธิชาเขาดูไม่มีดีในสายตาแกเลย เธอไปแบบนี้แกก็จะได้ไม่ต้องลำบากใจตอนที่อยากจะเลิกกับเธอหรือว่าจริง ๆ แล้วที่เครียดแบบนี้เพราะยังไม่ได้ลูก”
ณภัทรเป็นเพื่อนสนิทของธีภพก็จริงแต่เขาไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนทำเขาพยายามทัดทานตั้งแต่เพื่อนจะแต่งงานแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล
“แกประชดฉันใช่ไหม”
คนเมาหันมามองหน้าเพื่อนด้วยสายตาที่เป็นคำถามเพราะเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนกำลังหลอกว่าเขาอยู่
“ฉันไม่ได้ประชดแต่ฉันว่าแกตรง ๆ ผู้ชายอะไรมานั่งเมาเพราะเสียใจที่ถูกเมียทิ้งแต่กลับนั่งว่าเมียนั่งชมตัวเองตลอดแบบนี้มันก็สมควรแล้วที่ธิชาเธอจะไป”
คนฟังไม่อาจจะแค่รับฟังได้อย่างเดียวเพราะณภัทรไม่อยากให้เพื่อนต้องทำผิดซ้ำซากอีกแล้ว
“ตกลงฉันผิด !”
“ใช่ แกผิด ผิดตั้งแต่ที่แกไม่ได้รักธิชาแต่กลับไปขอเธอแต่งงานแล้วพอวันนี้เธอไป แกกลับจะมานั่งโทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง แกคิดว่าผู้หญิงไม่รู้หรือว่าแกไม่ได้รัก ไหนแกลองบอกมาสิตั้งแต่แต่งงานกันมาแกเคยบอกว่ารักเมียแกบ้างไหม”
แก้วเหล้าในมื้อถูกดื่มที่เดียวหมดแก้วเมื่อได้ยินเพื่อนถามแบบนี้เพราะคำตอบมันคือ ไม่ เขาไม่เคยบอกรักภรรยาตัวเองเลยสักครั้งแม้แต่ในวันแต่งงาน
“ฉันให้ทุกอย่างไม่ว่าจะข้าวของเงินทอง ทะเบียนสมรส ให้เกียรติในฐานะภรรยา มันยังไม่พออีกใช่ไหม”
ชายหนุ่มที่กำลังเมาได้ที่ถามเพื่อนสนิทด้วยความอยากรู้ จริง ๆ เพราะสำหรับเขา ทุกอย่างที่เขาให้ได้เขาก็ให้ธิชาหมดแล้ว
ณภัทรคว้าแก้วเหล้าจากมือของเพื่อนเอามาถือไว้เพราะเขาต้องการพูดเรื่องนี้แบบจริงจังไม่อยากให้คนฟัง ฟังไปดื่มไปแบบนี้
“ถ้าที่ให้ธิชามันมากพอแล้ว ทุกอย่างที่พ่อนายให้มันมากกว่านั้นมากทำไมทุกวันนี้นายถึงอยากจะมีแม่เหมือนคนอื่นไม่ใช่เพราะนายต้องการความรักหรอกหรือ ตอบตัวเองให้ได้นะ อย่าให้ทุกอย่างมันสายเกินไป อดีตก็คืออดีตอย่าให้มันมาทำลายปัจจุบัน กลับบ้านไปนอนเดี๋ยวฉันไปส่ง”
ธีภพนั่งคิดคำถามที่เพื่อนของเขาถามให้คิดไปตลอดทางแต่ด้วยสมองที่ไร้สติมีแต่ความเมาจากฤทธิ์ของสุราทำให้เขายังคิดได้แค่เพียงเขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้ายครอบครัวเขาก็พังเหมือนเมื่อครั้งอดีตที่เขายังเด็กอยู่ก็แค่นั้น
ธิชาเริ่มจัดของทุกอย่างให้เป็นที่เป็นทาง เธอพยายามทำตัวให้ไม่ว่างเพราะเมื่อไหร่ที่หยุดทำงานภาพความสุขเมื่อครั้งที่เธออยู่กับสามีจะผ่านเข้ามาในความทรงจำ หญิงสาวไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว
ชีวิตน้อย ๆ ในท้องที่ตอนนี้คงเป็นเพียงแค่ก้อนเลือดแต่มีความหมายและเป็นกำลังใจสำหรับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ยิ่งนัก ธิชาตัดสินใจทำแบบนี้เพราะเธอไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเป็นเพียงแค่เครื่องมือสร้างความสุขให้กับคนเป็นพ่อแต่หญิสาวอยากให้ชีวิตน้อย ๆ เกิดมาจากความรักในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ต้องการคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริง เธอก็เลือกที่จะสร้างครอบครัวกับลูกแค่ สองคนดีกว่า
คอนโดมิเนียมห้องที่เธอเลือกเช่าเล็กมากกว่าห้องนอนที่เธอเคยอยู่ที่บ้านของสามีเสียอีกแต่สำหรับตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันใหญ่เกินไปกับการอยู่คนเดียวมองไปทางไหนก็ให้ความรู้สึกเหงาไปหมด
“ไม่เอาธิชา เลือกแล้วก็ต้องสู้ต่อไปจะกลับไปอยู่กับคนที่เขาไม่รักเราเพื่ออะไร”
คนตัวเล็กต้องปลอบตัวเองอีกครั้งเมื่อความพ่ายแพ้เริ่มกลับเข้ามาในหัวใจ ท้องฟ้าข้างนอกที่มืดลง ลมพัดแรงที่แสดงว่าฝนใกล้จะตกยิ่งทำให้หญิงสาวคิดถึงที่ที่เธอทิ้งมา น้ำตาเริ่มไหลแต่สุดท้าย ธิชาก็กอดและปลอบตัวเองให้กลับมาเข้มแข็งให้ไวที่สุด
ตอนที่2งานวิวาห์ของคุณหนู งานแต่งานถูกจัดขึ้นหลังจากที่หนูนายอมตกลงไม่ถึงเดือน เพราะทางภูษิตยินยอมพร้อมใจตั้งแต่แรก เพราะแอบชอบหนูนามาตั้งนาน โดยที่ตัวหญิงสาวไม่เคยรู้เลย กนกวรรณไม่คิดว่าข่าวการแต่งงานของลูกสาวเธอจะโด่งดังไปทั่วภาคเหนือ บรรดาเชื้อเจ้าเก่า พ่อเลี้ยงจากจังหวัดต่าง นักการเมืองท้องถิ่นต่างก็ถูกพ่อเลี้ยงเชิญมาร่วมงาน กนกวรรณอดคิดไม่ได้ ว่านี่คือการประกาศตัวว่าพ่อเลี้ยงชนินทร์กำลังมีใบเบิกทางในวงราชการ “ตื่นเต้นเหรอ” เจ้าบ่าวที่สาวๆทั้งจังหวัดต่างหมายปอง ถามเจ้าสาวเพราะสัมผัสได้ถึงมือที่สั่นของหนูนาเมื่อเขาจับมือเธออยู่กลางเวที “พี่ภูคะ หนูนาตาลายไปหมดเลย” ปกติก็ไม่ใช
ตอนที่5มาทีหลังแต่ถูกต้อง “ได้กี่หน้าแล้ว พี่เห็นเราทำงานเลยยังไม่อยากขึ้นมากวน” ภูษิตคิดแบบที่พูดด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่ง เขายังไม่กล้าเจอหน้าภรรยาเพราะรู้สึกว่าตัวเองผิดที่ไปแอบคุยโทรศัพท์กับคนรักเก่า “ได้นิดหน่อยค่ะ ยังไม่ค่อยมีสมาธิ” พูดจบหนูนาก็ลุกจากโต๊ะทำงานลงมานอนบนเตียง พร้องกับทำท่ากระดิกนิ้วให้อีกฝ่ายตามมานอนข้าง ๆ เธอ ถึงแม้จะรู้สึกงง ๆ แต่ก็ภูษิตก็ยอมทำตาม เพราะใจจริงก็อยากนอนกอดภรรยาให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างอยู่แล้ว “หนูนาแค่เรียกมานอนเฉยๆ แต่มาถึงมานอนกอดได้อย่างไรกันคะ” ยิ่งคนตัวเล็กในอ้อม
ตอนที่1คุณหนูจะแต่งงาน “ป้าศรีฉันล่ะเหนื่อยกับการสอนหนูนาจัง ยังเล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ แล้วเมื่อไหร่จะโตกับเขาเสียที” กนกวรรณระอากับกนิษฐาลูกสาวคนเล็กของเธอเหลือเกินที่วันๆเอาแต่นั่งเขียนนิยายและวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆทั้งที่อายุก็ยี่สิบสามแล้ว “คุณหนูเธอก็ยังไม่โตนะคะ ป้ามองดูกี่ทีก็ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ ตัวเล็กๆ ที่ชอบวิ่งตามคุณท่านไปทำงานตลอด” ป้าศรีเป็นคนเก่าแก่ของบ้าน ตั้งแต่สมัยมารดาของกนกวรรณอีกทีและยังเป็นคนเลี้ยงหนูนามาตั้งแต่เกิดอีกด้วย“ก็เข้าข้างกันแบบนี้ ถึงได้ไม่ยอมฟังฉันเลย” กนกวรรณไม่เคยเถียงสองคนนี้ชนะ เพราะป้าศรีกับหนูนาจะอยู่ฝ่ายเดียวกันตลอด “คุณท่านคะแล้วเรื่องที่พ่อเลี้ยงชนินทร์อยากจะให้ลูกชายของ
ตอนที่3เพื่อนหญิงคนสนิท วันนี้ภูชิตตั้งใจจะพาหนูนากลับบ้านไปหาแม่ของเธอ เพื่อค่อยๆให้เธอหายคิดถึง เพราะชายหนุ่มเข้าใจดีว่าภรรยาของเขาเป็นคนอ่อนไหว “แม่ฝากขนมไปให้กนกวรรณด้วยนะ เมื่อเช้าแม่ไปตลาดมาเจอขนมโบราณหลายอย่าง” ภาวิณีมารดาของภูชิตเธอเป็นแม่บ้านตัวจริง ที่ชีวิตมีแต่งานบ้านดูแลลูกและสามี ส่วนเรื่องนอกบ้านต่าง ๆพ่อเลี้ยงชนินทร์ไม่เคยให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย “ขอบคุณนะคะ” ลูกสะใภ้ยกมือไว้อย่างนอบน้อม “คุณแม่ครับน้องล่ะ” ภูชิตถามหาสมิตา เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามายังไม่เห็นน้องสาวเลย “น้องกลับไปมหาวิทยา
ตอนที่6คนที่ถูกต้อง “ภู ในที่สุดคุณก็มาเยี่ยมเมย์” หญิงสาวหน้าตาสวยในชุดคนป่วย รีบลุกจากที่นอนขึ้นมานั่งเมื่อเห็นอดีตคนรักมาเยี่ยม “เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะหนูเมย์” ยังไม่ทันที่ภูษิตจะได้ตอบอะไร ภาวิณีก็ทำหน้าที่แม่สามีที่ดี ส่งเสียงตามมา “สวัสดีค่ะคุณแม่ เมย์คิดว่าภูมาคนเดียว” คนป่วยชักสีหน้าไม่พอใจ “เข้ามาเลยหนูนา” ภาวิณีหันไปข้างหลังและกวักมือเรียกลูกสะใภ้ที่กำลังถอดรองเท้าอยู่ “มากันหมดเลยทั้งแม่และเมียตาภู ตอนงานแต่งงานหนูเมย์ไม
ตอนที่4เมื่อคนเก่าอยากมีบทบาท “ขนของอะไรเยอะเลย” ภาวิณีรีบเดินออกมาที่หน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถของลูกชายวิ่งเข้ามาจอดที่โรงรถ “หนังสือนิยายของหนูนาเองค่ะ” ลูกสะใภ้ส่งยิ้มหวานให้แม่สามี เพราะเธอคิดว่า ภาวิณีคงรู้สึกขำที่เธอขนนิยายมาเสียหลายลัง “เป็นนักเขียนก็ต้องชอบอ่านก่อนใช่ไหม ไว้วันหลังแม่จะขออ่านผลงานของหนูนาบ้างนะลูก” บ้านของครอบครัวพ่อเลี้ยงชนินทร์ วันทั้งวันแทบจะดูเงียบเหงา หนูนาแอบคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอไม่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงกลางวันคงมีแค่ภาวิณีกับแม่บ้านเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน&nb







