"หึ"
ส้มมองห้องที่ถูกจัดเป็นห้องหอ บนเตียงโรยด้วยกลีบกุหลาบเป็นรูปหัวใจอย่างสวยงามด้วยแววตาว่างเปล่าพร้อมกับเค้นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน เธอช่างเป็นเจ้าสาวที่น่าสมเพชสิ้นดีนอกจากจะโดนเจ้าบ่าวพูดจาจิกกัดตลอดงานแล้ว ในคืนเข้าหอเจ้าบ่าวก็หายตัวไปอีก หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันกลับไปหมดเจ้าบ่าวของเธอก็หายตัวไปด้วยเช่นกัน เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเขาหายไปตั้งแต่ตอนไหน ยอมรับว่าเสียใจไม่น้อยต่อให้นี่จะเป็นการแต่งงานปลอม ๆ เขาก็ควรให้เกียรติเธอกับครอบครัวหน่อย หากคนอื่นรู้คงเอาไปนินทากันสนุกปาก เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนทำการปัดกลีบกุหลาบบนที่นอนออกจนเกลี้ยง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังสวมชุดแต่งงานอยู่เพราะรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ๆ เปลือกตาก็แทบปิดอยู่รอมร่อ ทันทีที่หัวถึงหมอนนุ่ม ๆ เพียงไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไป ติ้ง~ ติ้ง~ ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอหลับไปกระทั่งเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา ยกมือขึ้นขยี้ตาไล่อาการงัวเงียเบา ๆ ก่อนจะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่หน้าโต๊ะกระจกมาดู คิ้วสวยขมวดชนกันเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าข้อความที่ถูกส่งมาจากไลน์แปลก ๆ โปรไฟล์เป็นรูปตัวการ์ตูน ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนานรีบกดเข้าไปแอปพลิเคชันไลน์เปิดดูข้อความทันที ขอบตาพลันร้อนผ่าวพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกจากหางตาวินาทีที่เห็นรูปที่ถูกส่งมา มันเป็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงกับเจ้าบ่าวของเธอในสภาพเปลือยท่อนบนทั้งสองโดยเจ้าบ่าวของเธอกำลังหลับอยู่พร้อมกับข้อความว่า'ขอยืมตัวเจ้าบ่าวหน่อยนะคะคืนนี้คุณคงต้องเข้าหอคนเดียวไปก่อน' มันเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดพัน ๆ ด้ามปักลงกลางอกหากเธอไม่ได้รักเขาก็คงไม่รู้อะไรกับเรื่องแบบนี้เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องจอมปลอม แต่เธอรักเขามันจึงเจ็บมาก ๆ เขารู้ทั้งรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงแต่ก็ยังเหยียบย่ำได้ลงคอ เขาเหยียบย่ำทั้งเกียรติ เหยียบย่ำทั้งหน้า เหยียบย่ำทั้งหัวใจ และความรู้สึกของเธอได้อย่างเลือดเย็นทำไมถึงใจร้ายใจดำได้ถึงขนาดนี้กัน น้ำตาแห่งความเจ็บปวดรินไหลลงอาบสองแก้มนวลไม่ขาดสายเพื่อระบายความชอกช้ำที่มันอัดอั้นอยู่ในอก คืนนี้เธอจะขอร้องไห้ให้พอแล้วพรุ่งนี้จะพยายามกลับมาเป็นส้มคนที่เข้มแข็งเพื่อลูกในท้อง เธอปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปเองจึงหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดพรืดใหญ่เรียกแรงฮึดสู้ให้ตัวเอง หยัดกายลุกขึ้นยืนจัดการถอดชุดแต่งงาน อาบน้ำแต่งตัวแล้วนอนพักผ่อนเก็บแรงไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้ต่อเพราะไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรอีกบ้างเช้าวันต่อมา
ส้มตื่นนอนตั้งแต่เช้าตามนิสัยของตัวเอง ภายในห้องยังคงมีแค่เธอคนเดียว ส่วนอีกคนคงกำลังนอนกกกอดผู้หญิงคนอื่นอยู่อย่างมีความสุข เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ สลัดความคิดบ้า ๆ ออกแล้วลุกลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ใช้เวลาอาบน้ำประมาณยี่สิบนาทีก็เสร็จ เท้าเล็กชะงักเล็กน้อยในตอนที่เดินออกจากห้องน้ำแล้วเห็นเพื่อนชายนั่งอยู่ริมเตียง มือเรียวยกขึ้นจับปมผ้าเช็ดตัวที่นุ้งกระโจมอกแน่นเธอไม่ได้คิดว่าเขาจะพิศวาสอะไรหรอก แต่เป็นธรรมดาที่จะไม่ชินเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่นุ้งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวต่อหน้าผู้ชาย ถึงเธอกับเขาจะเป็นเพื่อนสนิทกันก็ไม่เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งในตอนนี้สายตาที่เขามองมามันยังแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างซึ่งเธอไม่ชอบเอาเสียเลย แบงค์ไล่สายตามองร่างบางที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบอก ตามไรผมตลอดจนถึงเนินหน้ามีหยดน้ำเกาะอยู่บาง ๆ ด้วยแววตายากเกินคาดเดาได้ ก่อนจะค่อย ๆ ลุกเดินตรงเข้าไปหาช้า ๆ ทำเอาอีกคนใจเต้นแรงแทบจะทะลุออกมานอกอก ยิ่งกำปมผ้าเช็ดตัวแน่นครั้นร่างสูงเดินมาหยุดยืนตรงหน้า เว้นระยะห่างเพียงนิดจนเป็นเธอที่ต้องก้าวถอยหลังเล็กน้อย ดวงตากลมพลันไหวระริกเมื่อบังเอิญเห็นรอยจ่ำแดง ๆ บนลำคอขาวของคนตรงหน้าไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นรอยอะไร จากที่คิดว่าจะไม่ร้องไห้อีกขอบตากลับร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ ก้อนสะอื้นตีขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ กระนั้นก็พยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเย้ยหยันได้ หลับตาพรูลมหายใจเข้าออกเบา ๆ แล้วปรือตาขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "จะทำอะไรก็ควรไว้หน้าส้มกับครอบครัวหน่อย ถึงเราจะแต่งงานกันปลอม ๆ ก็ตาม" "ทำไม? เธอโกรธเหรอที่ไม่ได้เข้าหอกับฉันเมื่อคืน" แบงค์ตีความคำพูดของหญิงสาวไปอีกอย่างเพราะใจของเขามันมีแต่อคติ ดวงตาคมกริบมองใบหน้าเรียวอย่างสมเพช "ถ้าเธอต้องการเข้าหอตอนนี้ก็ยังทันนะ ฉันช่วยสงเคราะห์ให้" เพียะ!! "ทุเรศ! ส้มไม่คิดเลยว่าแบงค์จะมีความคิดสกปรกได้มากขนาดนี้" คำพูดจาเหยียดหยามจากริมฝีปากหนาทำให้ส้มโกรธจนคุมอารมณ์ไม่อยู่ฟาดฝ่ามือลงบนแก้มเกลี้ยงเกลาสุดแรงจนใบหน้าหล่อเหลาหันไปตามแรงมือ แววตาไหวระริกที่มีน้ำสีใสเออคลอจ้องมองด้วยความผิดหวังไม่คิดว่าเพื่อนชายจะเอ่ยคำพูดสกปรก ๆ ออกมาได้อย่างไม่อายปาก "รู้ไว้นะว่าส้มไม่ได้อยากมีอะไรกับคนที่สกปรกทั้งความคิด สกปรกทั้งร่างกาย แบงค์อยากจะไปเกลือกกลั้วกับผู้หญิงอีกสักกี่คนก็เชิญ แต่อย่าเอาความสกปรกมาแปดเปื้อนส้มกับลูก" แบงค์ถึงกับกัดกรามกรอดโกรธจนหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหู ใช้ลิ้นดันมุมปากข้างโดนตบไว้หันมองร่างบางตรงหน้าด้วยแววตาวาวโรจน์ ขณะที่อีกคนเริ่มรู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยฝ่ามือบนแก้มเกลี้ยงเกลา มุมปากหนามีเลือดซิบออกมามือไม้พานสั่นไปหมด เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเขาเลยสักนิด แต่อารมณ์โกรธมันพาไป "สะ..ส้มขะ..ว้าย!" มือเรียวกำหมัดแน่นพยายามข่มอาการสั่นเทาเอาไว้ พยายามเค้นเสียงในลำคอเอ่ยขอโทษไป ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยจบก็ต้องร้องอุทานเสียงหลงเพราะถูกคนตรงหน้าพุ่งเข้าหาแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทันเมื่อตั้งตัวได้ก็รีบจับปมผ้าเช็ดตัวไว้แน่นกลัวมันจะหลุดออกจากตัว อีกมือเกาะเกี่ยวลำคอแกร่งไว้กลัวจะร่วงลงพื้น "แบงค์จะทำอะไรปล่อยส้มลงนะ" สายตาจ้องมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาด้วยความตื่นตระหนกตอนนี้เธอไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ สีหน้าเขาดูโกรธมากสัญชาตญาณเธอมันบอกว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ@บ้านวิสุทธิ์ภักดี"ว้าย!" ส้มร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกพ่อของลูกยกขึ้นอุ้มในท่าเจ้าสาวขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้านวิสุทธิ์ภักดี "จะอุ้มทำไมแบงค์ส้มก็กำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นี่ไง" ครั้นตั้งตัวได้เธก็โวยวายใส่ร่างสูงพลางใช้มือทุบอกเขาแรง ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาอุ้มทำไมกันในเมื่อเธอก็ยอมเดินเข้าบ้านดี ๆ ไม่ได้จะวิ่งหนีกลับบ้านสักหน่อยแบงค์เพียงยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรตั้งหน้าอุ้มเธอเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้าน ก่อนจะพาเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทำเอาส้มต้องขมวดคิ้วเป็นปม รีบเปล่งเสียงถามทันที "แบงค์จะพาส้มไปไหน ปล่อยส้มลงเดี๋ยวนี้นะ""พาขึ้นไปดูทะเบียนสมรส แล้วก็ใบหย่าไงเพื่อยืนยันว่าแบงค์ยังไม่ได้เซ็นมันจริง ๆ เพราะฉะนั้นเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่" สิ้นประโยคใบหน้าหล่อเหลาก็เคลือบไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาทอประกายเจ้าเล่ห์จนส้มอดหัวใจเต้นแรงไม่ได้รู้สึกว่ามันไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย พยายามข่มอาการเอาไว้แล้วเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงดุหวังว่าอีกคนจะเกรงขึ้นมาบ้าง "แบงค์ก็ขึ้นไปหยิบลงมาให้ดูสิ จะอุ้มส้มขึ้นไปด้วยทำไม" "อยากพาขึ้นไปดูให้ถึงที่ไง" "มันใช่เรื่องไหม
หลายปีต่อมา"คุณพ่อคะเมื่อวานตอนไปห้างมีหนุ่ม ๆ มาจีบคุณแม่ด้วยค่ะ" ทันทีที่แบงค์ย่างกรายเข้ามาภายในบ้านเอกวิโรจน์บุตรสาวที่นั่งรอการมาของเขาในห้องโถงก็รีบเอ่ยฟ้องเสียงเจื้อยแจ๋ว"จริงเหรอครับ" ทำเอาแบงค์ถึงกับหูผึ่งรีบเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้างบุตรสาว ถามไถ่ด้วยความร้อนรนใจ "แล้วผู้ชายคนนั้นหล่อไหม แล้วแม่เขาตอบผู้ชายคนนั้นไปว่ายังไงบ้าง""เขาก็หล่อนะคะ แต่น้อยกว่าคุณพ่อ" ภริตาเด็กน้อยวัยย่างเข้าเก้าขวบตอบไปตามความจริงเพราะสำหรับเธอแล้วไม่มีใครหล่อกว่าพ่อตัวเอง "ส่วนคุณแม่แค่ยิ้มหวานให้ผู้ชายคนนั้นค่ะไม่ได้ตอบอะไร น้องริตาเลยตอบแทนคุณแม่ไปว่ามีลูกแล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินหนีไปเลย""ทำดีมากลูกรัก ไม่เสียแรงที่พ่อให้ลูกช่วยดูแลแม่จากผู้ชายคนอื่น" ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยบึ้งตึงก่อนหน้านี้เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏให้เห็นเมื่อได้ยินประโยคต่อมาจากบุตรสาว ก่อนเขาจะเอื้อมมือไปหยีเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาสี่ปีเกือบห้าปีแล้วอีกแค่วันเดียวเท่านั้นก็จะคบห้าปีพอดี บุตรสาวของเขาอายุย่างเข้าเก้าปีเริ่มเติบโตเป็นสาวแล้วรู้เรื่องทุกอย่างจึงเป็นตัวช่วยของเขาได้ดีงานที่เขามอ
จากวันนั้นเวลาก็ดำเนินมาหนึ่งปีเต็ม ๆแบงค์ยังคงคอยดูแลลูกในฐานะคุณอาที่แสนดี ซึ่งเขาก็เต็มใจยอมรับไม่คิดเรียกร้องอะไรแค่ได้อยู่ในชีวิตผู้หญิงที่รักทั้งสองคนเขาก็มีความสุขแล้วครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้แบงค์ที่กำลังเดินไปขึ้นรถเพื่อเดินทางไปหาบุตรสาวที่บ้านเอกวิโรจน์เหมือนเช่นทุกวันต้องหยุดชะงัก ก่อนจะล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาดูคิ้วเข้มพลันขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามาคือแม่ของลูกอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติเธอจะไม่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ จึงกดรับสายด้วยความอยากรู้"โทรมาแต่เช้าเลยมีอะไรรึเปล่าส้ม"(ส้มจะโทรมาบอกว่าวันนี้ให้มาหาลูกตอนเย็น ๆ นะ เพราะช่วงเช้าพ่อกับแม่ส้มจะพาน้องริตาไปข้างนอก)พอได้ฟังประโยคจากปลายสายเขาก็หน้าหงอยลงฉับพลันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะกะไว้ว่าจะไปรับสองแม่ลูกไปทำบุญด้วยกันที่วัดสักหน่อยเนื่องในวันนี้เป็นวันเกิดของเขา อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคงจะลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่ทั้งสองไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันตั้งแต่เกิดเรื่องนั่น"อ๋อ..ได้ ๆ" เขาได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจแล้วเปล่งเสียงตอบปลายสายไ
ส้มทอดสายตามองบรรยากาศยามค่ำคืนริมระเบียงห้องพักด้วยความรู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่พาบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับเรื่องชายหนุ่มและลูก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนสายลมเย็นยะเยือกลอยสัมผัสผิวเรียบเนียนทำให้เธอต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดตัวเอง ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำนิลที่มีดวงดาวน้อยใหญ่ลอยประดับประดาอย่างสวยงาม แต่นาทีต่อมาเธอก็ต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรนุ่ม ๆ อุ่น ๆ ที่คลุมลงมาบนไหล่ ครั้นเอี่ยวหน้ามองก็พบว่าเป็นพ่อของลูกนั่นเองที่เอาผ้ามาคลุมไหล่ให้เธอ จึงเอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท "ขอบคุณ"แบงค์เพียงยกยิ้มให้เพื่อนสาวบาง ๆ แล้วเดินไปยืนริมระเบียงข้าง ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกท้องทะเลอันมืดสลัวโดยไม่พูดอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกับส้มที่มองออกไปยังทะเลอีกครั้งโดยไม่พูดอะไรทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ปกคลุมไปด้วยความเงียบมีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาเป็นระยะไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ก่อนแบงค์จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นชวนคุยขณะที่สายตายังคงจดจ่อกับทะเลเบื้องหน้า "บรรยากาศดีเนาะ ส้มว่าไหม
เช้าวันต่อมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันลงไปทานอาหาร ครั้นทานอาหารเสร็จก็เช่ารถของโรงแรมพาบุตรสาวไปเล่นที่สวนน้ำกระทั่งเที่ยงจึงพากันไปทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดังของภูเก็ต"กินข้าวเสร็จคุณอาใจดีจะพาน้องริตาไปเที่ยวไหนต่อคะ" เด็กน้อยภริตาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ๋วระหว่างที่นั่งรออาหารมาเสิร์ฟพร้อมกับเอียงหน้าขึ้นมองคุณอาใจดีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขณะที่ส้มนั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งจ้องมองบุตรสาวด้วยความรู้สึกเอ็นดูระคนมันเขี้ยวเพราะยิ่งนับวันบุตรสาวก็ยิ่งติดคนเป็นพ่อมากขึ้น ดูอย่างตอนนี้สิแทนที่จะนั่งข้างเธอ กลับเลือกไปนั่งข้างชายหนุ่มแต่ก็คงไม่แปลกอะไรเพราะเขาเล่นตามใจบุตรสาวไปเสียทุกอย่างไม่ว่าบุตรสาวจะบอกจะขออะไรก็ทำให้หมดไม่เคยขัดจึงทำให้บุตรสาวชอบอยู่กับเขา"อืม..เราไปดูเครื่องบินที่หาดไม้ขาวกันไหมครับ พอแดดร่มหน่อยเดี๋ยวเราค่อยไปเล่นน้ำทะเลกัน" คนถูกถามอย่างแบงค์นั่งใช้ความคิดชั่วครู่ ก่อนเสนอความคิดเห็นให้บุตรสาวพร้อมกับยกมือลูบเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเบา ๆ ด้วยความรักใคร่เอ็นดู"ได้ค่ะ"เด็กน้อยภริตายิ้มรับจนตาหยีพลอยทำให้คนเป็นพ่อแม่ยิ้มตามไปด้วย ก่อนแบงค์จะเล
นับจากวันนั้นเวลาก็ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็ม ๆ แล้วที่แบงค์ได้กลับเข้ามาในชีวิตเพื่อนสาวกับลูกอีกครั้ง ตอนเช้าของทุกวันก่อนไปทำงานเขาจะแวะมาหาบุตรสาวก่อนเสมอ และหลังเลิกงานตอนเย็นก็แวะมาเล่นกับบุตรสาวอีกครั้ง หากเป็นวันหยุดเขาก็จะมารับบุตรสาวพาไปเที่ยวเป็นประจำ บางครั้งก็พาไปนอนค้างคืนที่บ้านด้วยกัน ส่วนความสัมพันธ์กับแม่ของลูกก็ไม่มีอะไรคืบหน้ามากกว่าเดิมเพราะเธอปิดกั้นเขาทุกทางคงจะมีแค่เรื่องลูกที่ทำให้เธอยอมเกี่ยวข้องกับเขา ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ถอดใจหวังว่าสักวันจะแทรกซึมเข้าไปในใจเธอได้อีกครั้งวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยชวนบุตรสาวไปเที่ยวทะเลตามที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้ และเขายังแอบพูดกับบุตรสาวว่าให้ชวนแม่ไปด้วยเพราะหวังว่าจะได้สร้างโมเม้นท์ดี ๆ กับแม่ของลูกเผื่ออะไร ๆ จะดีขึ้นกว่าเดิม และทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนส้มยอมไปเที่ยวทะเลด้วยเพราะทนแรงออดอ้อนจากบุตรสาวไม่ไหว ทะเลที่เขาจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวก็คือภูเก็ตนั่นเองเพราะเขาไปมาครั้งที่แล้วมันสวยมาก ที่เที่ยวก็มีเยอะแยะจึงอยากให้บุตรสาวได้เที่ยวบ้าง ทั้งสามออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยรถส่วนตัวโดยแบงค์ทำหน้าที่เป็นคนขับ เขาอยากจะ