Share

อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง
อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง
Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ

บทที่ 1

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
“เจียงเสวียนซื่อรูปโฉมงดงามราวกับดอกไม้เช่นนี้ หากไม่ฉวยโอกาสงานเลี้ยงในวังคืนนี้แสดงความสามารถถวายฝ่าบาทสักหน่อย เกรงว่าภายภาคหน้าคงไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าอีกแล้วกระมัง”

ในงานเลี้ยงของพระราชวัง เจียงหวนถูกผลักให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จนปวดหัวไปหมด

“น้องหญิงเจียง ฝ่าบาททอดพระเนตรเจ้าอยู่นะ ยังไม่รีบขึ้นไปอีกหรือ?”

อวี๋ผินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แฝงไว้ด้วยเจตนาร้ายอย่างชัดเจน

อวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักที่นางอาศัยอยู่ เมื่อครึ่งเดือนก่อน นางทำอาหารกินกลางดึก กลิ่นหอมลอยไปถึงตำหนักบรรทมของอวี๋ผินเข้า

ตอนนั้นนางก็ถูกต่อว่าด่าทอว่าไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่เรื่องนี้ถึงกับต้องมาเจาะจงเล่นงานนางในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวังหลวงเชียวหรือ?

เจียงหวนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วเหลือบไปเห็นสายพระเนตรของฮั่วหลินที่มองมายังนางพอดี จึงกำผ้าเช็ดหน้าแน่น

ฮั่วหลินคือทรราชผู้เลื่องชื่อ เขาปลงพระชนม์พี่ชายและขึ้นครองราชย์เมื่ออายุเพียงยี่สิบสี่ปี อารมณ์แปรปรวนคาดเดายาก สังหารคนได้โดยไม่กะพริบตา ในหนึ่งปีไม่รู้ว่าเปลี่ยนข้ารับใช้ในวังไปมากน้อยเพียงใดแล้ว

เขาสวมชุดคลุมมังกรสีม่วงทอง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน เพียงแค่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นได้แล้ว

เมื่อดวงตาสีดำขลับที่คมกริบและเย็นชาคู่นั้นมองมา เจียงหวนทำได้เพียงฝืนใจลุกยืนขึ้น

เจียงหวนทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่อง ‘ราชวงศ์ของทรราช’ เมื่อสามเดือนก่อน นิยายเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตการปกครองราชวงศ์ของทรราชฮั่วหลิน ส่วนเจียงหวนนั้นกลายเป็นตัวประกอบในนิยายที่มีบทพูดเพียงแค่ประโยคเดียว

เจ้าของร่างเดิมนามว่าเจียงหวน ผ่านการคัดเลือกเข้าวังมาเมื่อสามปีก่อน บิดาของนางเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดเล็ก ๆ แต่เพราะใบหน้าที่งดงามโดดเด่นนี้ จึงถูกเลือกให้เข้ามาเป็นสนมในวังหลัง

ท่ามกลางบรรดาพระสนมที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์มากมาย เจียงหวนเป็นคนที่โดดเด่นน้อยที่สุด และเพราะเป็นคนขี้ขลาดตาขาว จึงทำได้เพียงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว

จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อน กุ้ยเฟยอารมณ์ไม่ดีจึงตบหน้าเจียงหวนต่อหน้าธารกำนัล ทำให้นางตกใจจนไข้ขึ้นสูงไม่หยุดและเสียชีวิต ทำให้เจียงหวนคนปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาในหนังสือนิยาย

แต่เจียงหวนก็ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรติดตัว ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะแย่งชิงตำแหน่ง ขอเพียงได้เป็นคนไร้ตัวตนที่อยู่อย่างสงบสุข พร้อมกับออกไปจากตำหนักจิ่นหวา จะได้ไม่ต้องถูกอวี๋ผินข่มเหงรังแกอีก!

แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยแล้ว

“หม่อมฉันไร้ความสามารถ รูปโฉมไม่งดงาม ไม่กล้าแสดงความสามารถอันต่ำต้อยต่อหน้าฝ่าบาทเพคะ”

ขณะพูด เจียงหวนก็ทำท่าจะหยิบจอกสุราขึ้นมาเพื่อถวายพระพร แต่ยังไม่ทันที่นางจะยกจอกขึ้น ก็ได้ยินเสียงของฮั่วหลินที่อยู่เบื้องบนตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราวกับกำลังกัดฟันกรอด

[จะถวายสุราอวยพรอีกแล้วใช่หรือไม่? สนมทุกคนเอาแต่จะถวายสุราอวยพร ข้าไม่ได้กินข้าวเลยทั้งคืน ดื่มไปตั้งสิบกว่าจอกแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ดื่มจนข้าตายไปเลยล่ะ? ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะตัดหัวคนในวังหลังพวกนี้ให้หมด!]

มือของเจียงหวนสั่นเทา ตกใจเสียจนทำสุราหกไปกว่าครึ่ง

อันที่จริง เมื่อครู่ตอนที่เหล่าสนมแสดงความสามารถ เจียงหวนก็ได้ยินฮั่วหลินวิจารณ์มาสักพักแล้ว

“ร่ายรำราวกับลิงยักษ์ คางคกในอุทยานหลวงร่ายรำยังจะดูงดงามเสียกว่า”

“เจ้าลองฟังเพลงที่ตัวเองบรรเลงดูสิว่ามันไพเราะหรือไม่? ยังกล้าส่งสายตาให้ข้าอีก ข้าจะควักลูกตาพวกเจ้าออกมา!”

“จัดการงานราชกิจมาทั้งวันแล้ว ยังต้องมาฟังพวกเจ้าแก่งแย่งชิงดีกันอีก เป็นฮ่องเต้เขาเป็นกันแบบนี้หรือ?”

เจียงหวนได้ยินมานานเท่าไร ก็ได้ดูเรื่องสนุกมานานเท่านั้น อย่างไรเสีย เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง แต่นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ฮ่องเต้ปากร้ายถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดบรรดาสนมพวกนี้ ยังผลัดกันขึ้นไปแสดงความสามารถอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีก?

จนกระทั่งเมื่อครู่ที่ฮั่วหลินตรัสว่า “จะตัดหัวคนพวกนี้ให้หมด”

ดวงตาของเจียงหวนสั่นระริก นางมองไปยังร่างที่สวมชุดสีเหลืองอร่ามที่อยู่ไกลออกไปด้วยความหวาดหวั่น

นางทะลุมิติมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ด้วยความสามารถในการสังเกตสีหน้าผู้คนของนาง นางรู้สึกว่าฝ่าบาทในตอนนี้ไม่น่าจะพิโรธจริง ๆ เพราะเขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารใคร

ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาสนมด้านล่าง ก็ยังคงยืนดูเหตุการณ์อย่างไม่สะทกสะท้าน พวกนางส่งเสียงโห่ร้องให้เจียงหวนแสดงความสามารถด้วยความสนุกสนาน

ทันใดนั้น ในหัวของเจียงหวนก็เกิดความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา คำพูดเหล่านั้นของฝ่าบาทเมื่อครู่ คงไม่ได้มีเพียงนางคนเดียวที่ได้ยินหรอกกระมัง?

เจียงหวนจึงเปลี่ยนจากจอกสุราเป็นกล่องอาหารที่นางนำติดตัวมาแทน

“หม่อมฉันไม่ถนัดการร้องรำทำเพลง แต่ถนัดเรื่องการทำอาหารเพคะ บัวลอยสาโทถ้วยนี้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ฝ่าบาทโปรดเสวยเพคะ”

ขันทีใหญ่คนสนิทของฮั่วหลินได้รับสายพระเนตร จึงก้าวออกมารับกล่องอาหารไป ใช้เข็มเงินทดสอบพิษก่อนจะยกไปถวายเบื้องหน้าพระพักตร์

“ฝ่าบาทเชิญเสวยพ่ะย่ะค่ะ~”

ดวงตาเย็นชาของฮั่วหลินเหลือบมองบัวลอยสาโทที่ส่งไอร้อนกรุ่นในถ้วยนั้นแวบหนึ่ง แล้วยกพระหัตถ์ขึ้นอย่างช้า ๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจนัก

เจียงหวนยังคงยืนก้มหน้าลงรอให้ฮ่องเต้รับสั่ง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของอวี๋ผินดังขึ้น

“ในวังมีห้องเครื่องคอยดูแลเรื่องอาหารของฝ่าบาทอยู่แล้ว เจียงเสวียนซื่อนำของต่ำต้อยเช่นนี้ออกมา ไม่เท่ากับสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกหรือ?”

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะประปรายดังขึ้นในงานเลี้ยงทันที ทุกสายตาต่างมุ่งเป้ามาที่เจียงหวนโดยเฉพาะ ในวังหลังของฮั่วหลินเต็มไปด้วยพระสนมจากตระกูลสูงศักดิ์ มีเพียงเจียงหวนคนเดียวที่ได้เข้าวังมาเพราะหน้าตา แต่ฮั่วหลินกลับมัวแต่กังวลเรื่องราชสำนัก ไม่เคยย่างเหยียบเข้ามาในวังหลังเลย

เหล่าพระสนมผู้สูงศักดิ์เหล่านี้อัดอั้นจนแทบคลั่ง จึงรวมหัวกันเลือกหาตัวซวยขึ้นมาคนหนึ่งไว้สำหรับรังแกโดยเฉพาะ และเจียงหวนก็คือตัวซวยคนนั้น!

วันนี้เพื่อจะได้มีโอกาสแสดงตัวต่อหน้าฮ่องเต้ เหล่าสนมจึงงัดความสามารถทุกอย่างออกมา แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ฮั่วหลินทอดพระเนตรเป็นพิเศษได้

เมื่อตนเองไม่ได้ดี พวกนางก็หวังเพียงว่าให้ชะตากรรมของเจียงหวนย่ำแย่ยิ่งกว่า แต่ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน เจียงหวนก็คงจะเชื่อไปแล้วจริง ๆ

[ของกินหรือ? นี่คืออาหารร้อน ๆ ที่ต้องเคี้ยวถึงจะกลืนลงท้องได้อย่างนั้นหรือ? ที่แท้บนโลกนี้ยังมีอาหารร้อน ๆ อยู่ด้วย แล้วข้าวต้มเย็น ๆ กับผักสีเขียวที่ห้องเครื่องทำมาให้ข้ากินทุกวันนั่นมันอะไรกัน?]

[ยอดเยี่ยม~ ฝีมือการทำอาหารนี้ดีกว่าห้องเครื่องตั้งเยอะ ในวังมีคนมากมายเช่นนี้ มีเพียงนางคนเดียวที่มีสายตาเฉียบแหลม รู้จักส่งของกินมาให้ข้า นางเป็นใครกัน? เหตุใดข้าจำไม่ได้เลยว่าในวังมีคนชื่อเจียงเสวียนซื่อด้วย?]

เจียงหวนยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนหูจะระเบิดออกมา นางพยายามอดกลั้นความอยากที่จะเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม

ฮ่องเต้ผู้นี้ เหตุใดจึงพูดมากขนาดนี้นะ?

“ก็พอใช้ได้”

ฮั่วหลินชิมบัวลอยสาโทไปหนึ่งคำ สีพระพักตร์ยังคงเย็นชา เขาวางช้อนลงแล้วให้คำวิจารณ์อย่างเป็นกลาง

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” เจียงหวนย่อตัวคารวะ แต่ในใจกลับบ่นพึมพำ

ยังจะแสร้งทำเป็นเย็นชาอีก พอใช้ได้อย่างนั้นหรือ? ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ใครกันที่บอก “ยอดเยี่ยม~” ในใจ

นับตั้งแต่ทะลุมิติมาในนิยาย เจียงหวนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ โชคดีที่นางมีฝีมือทำอาหารชั้นเลิศ เงินเดือนทุกเดือนจึงหมดไปกับการซื้อของเข้าครัวเล็ก ๆ เพื่อหาของกินใส่ท้องของตัวเอง

เจียงหวนรู้ว่างานเลี้ยงพระราชวังคืนนี้คงไม่ได้กินอะไรเต็มที่ จึงตั้งใจทำบัวลอยสาโทเครื่องแน่น ๆ มาหนึ่งถ้วย ผลสุดท้ายกลับลงไปอยู่ในท้องของฝ่าบาทหมด!

“เจียงเสวียนซื่อ มานั่งข้างเรา”

ขณะที่เบื้องล่างยังคงหัวเราะคิกคักกันอยู่ ฮั่วหลินก็ตรัสขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้ทั้งงานเลี้ยงเงียบกริบทันที เจียงหวนมองไปยังเจียกุ้ยเฟยที่ประทับอยู่ด้านซ้ายของฮั่วหลิน ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

บัวลอยสาโทของนางอร่อยจนถึงขั้นที่ทำให้นางได้รับอภิสิทธิ์เทียบเท่าสนมคนโปรดเชียวหรือ?

แต่เมื่อฝ่าบาทมีรับสั่ง เจียงหวนก็ไม่กล้าสงสัย ทำได้เพียงฝืนใจเดินไปนั่งทางด้านขวาของฮั่วหลินท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เหล่าสนมที่อยู่เบื้องล่างแทบจะกัดฟันจนแหลกละเอียด

หากรู้ตั้งแต่แรกว่าแค่ถวายบัวลอยถ้วยเดียวจะทำให้ฝ่าบาทสนใจได้ พวกนางจะทนฝึกฝนความสามารถมาตั้งหลายเดือนไปทำไมกัน?

[ก้อนหิน]

ขณะที่เจียงหวนกำลังนั่งตัวเกร็ง ก็ได้ยินเสียงในใจอันเย็นชาของฮั่วหลินดังขึ้นอีกครั้ง

ก้อนหิน หมายถึงนางอย่างนั้นหรือ?

เจียงหวนเหลือบมองเจียกุ้ยเฟยที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานกับฮั่วหลินแล้วหัวเราะจนตัวสั่น นางก็ยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีก

จะเป็นก้อนหินก็ช่างเถอะ นางไม่ได้มีบิดาเป็นแม่ทัพที่ออกไปทำสงครามเสียหน่อย จะไปเอาความกล้าที่ไหนมาหยอกล้อฝ่าบาทได้กัน?

ถึงแม้จะทะลุมิติมาในนิยายได้ไม่นาน แต่เมื่อก่อนเจียงหวนก็ดูซีรีส์แย่งชิงอำนาจในวังมาไม่น้อย คนที่ไม่มีความสามารถ ไม่เป็นที่โปรดปรานอย่างนาง ทั้งยังไม่มีตระกูลคอยหนุนหลัง หากโดดเด่นขึ้นมา ก็มีแต่จะต้องกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว

เจียงหวนยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนาน ๆ

ด้านล่างเริ่มมีการแสดงความสามารถอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเย่หรงหวาที่กำลังร่ายรำอย่างกล้าหาญและมีความแปลกใหม่ นางสวมชุดจากดินแดนตะวันตก ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม เผยให้เห็นผิวขาวนวลผืนใหญ่บนร่างกาย หน้าอกอวบอิ่มเย้ายวน แม้แต่เจียงหวนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากซบลงไป

เจียงหวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจอีกครั้ง ฮ่องเต้ผู้นี้คงไม่ใช่ว่าไม่ชอบสตรีหรอกนะ?

นับตั้งแต่นางทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก็ไม่เคยเห็นฮั่วหลินถูกใจใครเลย

ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น เสียงทุ้มและแหบแห้งก็ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง

[ใหญ่จริง น่ากินชะมัด!]

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 235

    “เรายังมีฎีกาที่ต้องพิจารณาอีกบางส่วน ดึกหน่อยค่อยมาเยี่ยมเจ้า”ฮั่วหลินวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวกับเจียงหวน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความสงบในยามปกติ[นางคงจะมีความสุขมากกระมัง?][เราพยายามแสดงออกมากแล้วนะ]เจียงหวนพยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เพคะ ฝ่าบาทค่อยๆ เสด็จนะเพคะ”ฮั่วหลินถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกจากตำหนักเว่ยยางไปเมื่อประตูตำหนักปิดลง ทั่วทั้งตำหนักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงเจียงหวนและเติ้งหมอม่อที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นางคล้ายอยากจะกล่าวสิ่งใดแต่ก็ลังเลเจียงหวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนอย่างช้าๆเมื่อเติ้งหมอม่อเห็นว่าพระสนมของตนดูอารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเก่านางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง หลังไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังคงตัดสินใจเอ่ยปากพระสนมทรงพระปรีชาและมีเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังทรงเยาว์วัย ทั้งยังตกอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จึงมีบางคำพูดที่นางในฐานะหมอม่อผู้ดูแลจำเป็นต้องพูด“พระสนมเพคะ” เสียงที่ถูกลดจนเบาอย่างยิ่งของเติ้งหมอม่อเต็มไปด้วยความกังวลอันเข้มข้น“พระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อพระสนมเมื่อครู่นั้น เป็นความโปรดปรานสูงสุดอย่างหาได้ยากยิ่ง”เจี

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 234

    หลังจากเดินเล่นในสวนกับเจียงหวนไปสักพัก ฮั่วหลินก็อยู่รับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเป็นธรรมชาติเหล่าข้าราชบริพารจัดอาหารอันงามประณีตลงบนโต๊ะทรงกลมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมตะเกียบ จาน ชามครบถ้วนพร้อมสรรพฮั่วหลินนั่งตัวตรงอยู่ที่หัวโต๊ะ รถเข็นของเจียงหวนถูกเข็นมาอยู่ในตำแหน่งข้างกายเขาส่วนเติ้งหมอม่อก็ยืนค้อมศีรษะอยู่ใกล้ๆ อย่างเคารพ เตรียมปรนนิบัติในทุกเมื่ออาหารเพิ่งขึ้นโต๊ะหมด ฮั่วหลินมิได้รีบขยับตะเกียบ แต่กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะรอบหนึ่งแทน[หึ ให้ทำตัวเป็น ‘น้ำฝนน้ำค้าง’ ที่ตกต้องถ้วนหน้างั้นหรือ? วันนี้เราจะให้นางได้เห็นว่า “น้ำพระเมตตา” ของเราจะไปตกอยู่ที่ใด][เราจะคีบอาหารให้นางเอง แบบนี้คงชัดเจนพอแล้วกระมัง? มาดูกันว่าเติ้งหมอม่อจะมีสิ่งใดมาพูดอีก]เจียงหวนเพิ่งหยิบชามใบเล็กตรงหน้าของตนขึ้นมา ก็ได้ยินคำพูดเต็มไปด้วย “ปณิธานอันแรงกล้า” ของฮั่วหลินพอดีนางฝืนกลั้นยิ้ม หลุบตาทอดมองปลายจมูก ตาจ้องจมูกจมูกจ้องใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินจากนั้นก็เห็นฮั่วหลินคีบเนื้อปลานึ่งชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้ววางลงในชามของเจียงหวนอย่างมั่นคง“ปลานี้ทั้งสดทั้งนุ่ม เจ้ากินให้มาก

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 233

    ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาเมื่อเจียงหวนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮั่วหลินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าสวนดอกไม้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างน่ากลัว[อะไรที่เรียกว่า “มอบพระเมตตาอย่างเท่าเทียม”? เราเคยไป “เมตตา” ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?][เหตุใดเติ้งหมอม่อจึงปรักปรำเราโดยไร้หลักฐานเช่นนี้?][เราเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาดไร้ราคี กลับถูกนางพูดจนเหมือนคนเจ้าชู้ประตูดินไปเสียได้]เสียงความในใจที่เดือดดาลและเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูของเจียงหวนนางมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของฮั่วหลิน พร้อมกับฟังคำบ่นในใจของเขา แล้วก็จะเกือบหัวเราะออกมาฮั่วหลินสาวเท้ายาวเข้ามา เขาตวัดตามองเติ้งหมอม่ออย่างเย็นชาแม้เติ้งหมอม่อถูกถลึงตาใส่จนงุนงง แต่ก็ยังรีบถวายคำนับ“บ่าวถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง และหันไปมองเจียงหวนแทน“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรือ?”เจียงหวนฝืนกลั้นรอยยิ้มที่มุมปาก พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติ“ทูลฝ่าบาท เติ้งหมอม่อกำลังสอนหม่อมฉันเรื่อง...เอ่อ กฎระเบียบของวังหลังเพคะ”[สอนอะไร? สอนให้นางยอม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 232

    เจียงหวนมองนางกำนัลน้อยที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในใจก็ถอนใจออกมาดูแล้วอายุยังไม่มาก ทำไมไม่รู้จักเรียนรู้แบบอย่างดีๆ กันนะ?“การขโมยทรัพย์สินในวังเป็นความผิดร้ายแรง ตามกฎสมควรได้รับโทษโบย 20 ครั้ง แล้วขับออกจากวัง”เจียงหวนจงใจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงก็ตั้งใจกดให้ต่ำลงหลายส่วนเมื่อนางกำนัลน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบโขกศีรษะทันที หน้าผากกระแทกพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดังตุบๆ“พระสนมโปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ขอพระสนมโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งเถิด!”เจียงหวนเหลือบมองเติ้งหมอม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับรอให้ตนตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวต่อว่า “แต่ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจงลองบอกมา ว่าเหตุใดจึงต้องขโมยปิ่นปักผมของผู้อื่น?”นางกำนัลน้อยตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ของบ่าวป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีเงินซื้อยาจริงๆ บ่าวได้ยินมาว่าปิ่นของพี่อวี้เป็นเงิน จึง... จึง...”เจียงหวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนมือที่หยาบกร้านของนางกำนัลน้อย มือคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยด้านและบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าทำงานหนักมาไม่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 231

    นางกำนัลน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางส่ายหน้าสุดกำลัง “ไม่ใช่เพคะพระสนม! เช้านี้ตอนบ่าวตื่นมาแล้วจัดเตียงพับผ้าห่ม ก็ยังไม่เห็นปิ่นปักผมอะไรเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายบ่าวแน่เพคะ ขอพระสนมโปรดให้ความเป็นธรรมแก่บ่าวด้วยเถิดเพคะ”นางร้องไห้อย่างหนักจนลมหายใจขาดห้วง ท่าทางโดดเดี่ยวไร้คนช่วยที่น่าเวทนาของนาง ทำให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกเห็นใจใบหน้าของเสี่ยวเจาเริ่มแสดงความสงสารออกมาแล้ว “พระสนม นางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้งเลยเพคะ...”ไม่เหมือนหรือ?เจียงหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยครู่หนึ่งอื้ม น้ำตาเป็นของจริง ความหวาดกลัวก็เป็นของจริง แต่ความเคียดแค้นกับความลนลานในส่วนลึกของดวงตาก็เป็นของจริงเหมือนกันชาติก่อน นางเคยเห็น ‘พวกไม่ยอมหยุดงาน’ ทะเลาะหยุมหัวกับ ‘พวกหยุดงานประท้วง’ ที่ทำงานทุกวัน แกแทงฉันทีหนึ่ง ฉันแทงแกหนึ่งที สลับกันไปมาพอเจ้านายมาถึงก็จะร้องไห้โฮ อ้างว่าตัวเองเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกใส่ความเหมือนตัวเอกในนิยายนางน่ะฝึกสายตามาจนมองออกหมดแล้ว โอเคไหม?แววตาของคนตรงหน้าล่อกแล่กไม่น

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 230

    เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status