Share

อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง
อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง
Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ

บทที่ 1

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
“เจียงเสวียนซื่อรูปโฉมงดงามราวกับดอกไม้เช่นนี้ หากไม่ฉวยโอกาสงานเลี้ยงในวังคืนนี้แสดงความสามารถถวายฝ่าบาทสักหน่อย เกรงว่าภายภาคหน้าคงไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าอีกแล้วกระมัง”

ในงานเลี้ยงของพระราชวัง เจียงหวนถูกผลักให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก จนปวดหัวไปหมด

“น้องหญิงเจียง ฝ่าบาททอดพระเนตรเจ้าอยู่นะ ยังไม่รีบขึ้นไปอีกหรือ?”

อวี๋ผินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่แฝงไว้ด้วยเจตนาร้ายอย่างชัดเจน

อวี๋ผินคือพระสนมเจ้าของตำหนักที่นางอาศัยอยู่ เมื่อครึ่งเดือนก่อน นางทำอาหารกินกลางดึก กลิ่นหอมลอยไปถึงตำหนักบรรทมของอวี๋ผินเข้า

ตอนนั้นนางก็ถูกต่อว่าด่าทอว่าไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัว แต่เรื่องนี้ถึงกับต้องมาเจาะจงเล่นงานนางในงานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์ของวังหลวงเชียวหรือ?

เจียงหวนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว แล้วเหลือบไปเห็นสายพระเนตรของฮั่วหลินที่มองมายังนางพอดี จึงกำผ้าเช็ดหน้าแน่น

ฮั่วหลินคือทรราชผู้เลื่องชื่อ เขาปลงพระชนม์พี่ชายและขึ้นครองราชย์เมื่ออายุเพียงยี่สิบสี่ปี อารมณ์แปรปรวนคาดเดายาก สังหารคนได้โดยไม่กะพริบตา ในหนึ่งปีไม่รู้ว่าเปลี่ยนข้ารับใช้ในวังไปมากน้อยเพียงใดแล้ว

เขาสวมชุดคลุมมังกรสีม่วงทอง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพเซียน เพียงแค่เชิดคางขึ้นเล็กน้อย ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นได้แล้ว

เมื่อดวงตาสีดำขลับที่คมกริบและเย็นชาคู่นั้นมองมา เจียงหวนทำได้เพียงฝืนใจลุกยืนขึ้น

เจียงหวนทะลุมิติเข้ามาในนิยายเรื่อง ‘ราชวงศ์ของทรราช’ เมื่อสามเดือนก่อน นิยายเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตการปกครองราชวงศ์ของทรราชฮั่วหลิน ส่วนเจียงหวนนั้นกลายเป็นตัวประกอบในนิยายที่มีบทพูดเพียงแค่ประโยคเดียว

เจ้าของร่างเดิมนามว่าเจียงหวน ผ่านการคัดเลือกเข้าวังมาเมื่อสามปีก่อน บิดาของนางเป็นเพียงขุนนางขั้นเจ็ดเล็ก ๆ แต่เพราะใบหน้าที่งดงามโดดเด่นนี้ จึงถูกเลือกให้เข้ามาเป็นสนมในวังหลัง

ท่ามกลางบรรดาพระสนมที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์มากมาย เจียงหวนเป็นคนที่โดดเด่นน้อยที่สุด และเพราะเป็นคนขี้ขลาดตาขาว จึงทำได้เพียงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว

จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อน กุ้ยเฟยอารมณ์ไม่ดีจึงตบหน้าเจียงหวนต่อหน้าธารกำนัล ทำให้นางตกใจจนไข้ขึ้นสูงไม่หยุดและเสียชีวิต ทำให้เจียงหวนคนปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาในหนังสือนิยาย

แต่เจียงหวนก็ไม่มีความสามารถพิเศษอะไรติดตัว ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะแย่งชิงตำแหน่ง ขอเพียงได้เป็นคนไร้ตัวตนที่อยู่อย่างสงบสุข พร้อมกับออกไปจากตำหนักจิ่นหวา จะได้ไม่ต้องถูกอวี๋ผินข่มเหงรังแกอีก!

แต่เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยแล้ว

“หม่อมฉันไร้ความสามารถ รูปโฉมไม่งดงาม ไม่กล้าแสดงความสามารถอันต่ำต้อยต่อหน้าฝ่าบาทเพคะ”

ขณะพูด เจียงหวนก็ทำท่าจะหยิบจอกสุราขึ้นมาเพื่อถวายพระพร แต่ยังไม่ทันที่นางจะยกจอกขึ้น ก็ได้ยินเสียงของฮั่วหลินที่อยู่เบื้องบนตรัสออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราวกับกำลังกัดฟันกรอด

[จะถวายสุราอวยพรอีกแล้วใช่หรือไม่? สนมทุกคนเอาแต่จะถวายสุราอวยพร ข้าไม่ได้กินข้าวเลยทั้งคืน ดื่มไปตั้งสิบกว่าจอกแล้ว เหตุใดพวกเจ้าไม่ดื่มจนข้าตายไปเลยล่ะ? ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะตัดหัวคนในวังหลังพวกนี้ให้หมด!]

มือของเจียงหวนสั่นเทา ตกใจเสียจนทำสุราหกไปกว่าครึ่ง

อันที่จริง เมื่อครู่ตอนที่เหล่าสนมแสดงความสามารถ เจียงหวนก็ได้ยินฮั่วหลินวิจารณ์มาสักพักแล้ว

“ร่ายรำราวกับลิงยักษ์ คางคกในอุทยานหลวงร่ายรำยังจะดูงดงามเสียกว่า”

“เจ้าลองฟังเพลงที่ตัวเองบรรเลงดูสิว่ามันไพเราะหรือไม่? ยังกล้าส่งสายตาให้ข้าอีก ข้าจะควักลูกตาพวกเจ้าออกมา!”

“จัดการงานราชกิจมาทั้งวันแล้ว ยังต้องมาฟังพวกเจ้าแก่งแย่งชิงดีกันอีก เป็นฮ่องเต้เขาเป็นกันแบบนี้หรือ?”

เจียงหวนได้ยินมานานเท่าไร ก็ได้ดูเรื่องสนุกมานานเท่านั้น อย่างไรเสีย เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกี่ยวกับนาง แต่นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ฮ่องเต้ปากร้ายถึงเพียงนี้แล้ว เหตุใดบรรดาสนมพวกนี้ ยังผลัดกันขึ้นไปแสดงความสามารถอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีก?

จนกระทั่งเมื่อครู่ที่ฮั่วหลินตรัสว่า “จะตัดหัวคนพวกนี้ให้หมด”

ดวงตาของเจียงหวนสั่นระริก นางมองไปยังร่างที่สวมชุดสีเหลืองอร่ามที่อยู่ไกลออกไปด้วยความหวาดหวั่น

นางทะลุมิติมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท แต่ด้วยความสามารถในการสังเกตสีหน้าผู้คนของนาง นางรู้สึกว่าฝ่าบาทในตอนนี้ไม่น่าจะพิโรธจริง ๆ เพราะเขาก็ไม่ได้ลงมือสังหารใคร

ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาสนมด้านล่าง ก็ยังคงยืนดูเหตุการณ์อย่างไม่สะทกสะท้าน พวกนางส่งเสียงโห่ร้องให้เจียงหวนแสดงความสามารถด้วยความสนุกสนาน

ทันใดนั้น ในหัวของเจียงหวนก็เกิดความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา คำพูดเหล่านั้นของฝ่าบาทเมื่อครู่ คงไม่ได้มีเพียงนางคนเดียวที่ได้ยินหรอกกระมัง?

เจียงหวนจึงเปลี่ยนจากจอกสุราเป็นกล่องอาหารที่นางนำติดตัวมาแทน

“หม่อมฉันไม่ถนัดการร้องรำทำเพลง แต่ถนัดเรื่องการทำอาหารเพคะ บัวลอยสาโทถ้วยนี้ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ฝ่าบาทโปรดเสวยเพคะ”

ขันทีใหญ่คนสนิทของฮั่วหลินได้รับสายพระเนตร จึงก้าวออกมารับกล่องอาหารไป ใช้เข็มเงินทดสอบพิษก่อนจะยกไปถวายเบื้องหน้าพระพักตร์

“ฝ่าบาทเชิญเสวยพ่ะย่ะค่ะ~”

ดวงตาเย็นชาของฮั่วหลินเหลือบมองบัวลอยสาโทที่ส่งไอร้อนกรุ่นในถ้วยนั้นแวบหนึ่ง แล้วยกพระหัตถ์ขึ้นอย่างช้า ๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจนัก

เจียงหวนยังคงยืนก้มหน้าลงรอให้ฮ่องเต้รับสั่ง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของอวี๋ผินดังขึ้น

“ในวังมีห้องเครื่องคอยดูแลเรื่องอาหารของฝ่าบาทอยู่แล้ว เจียงเสวียนซื่อนำของต่ำต้อยเช่นนี้ออกมา ไม่เท่ากับสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำหรอกหรือ?”

จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะประปรายดังขึ้นในงานเลี้ยงทันที ทุกสายตาต่างมุ่งเป้ามาที่เจียงหวนโดยเฉพาะ ในวังหลังของฮั่วหลินเต็มไปด้วยพระสนมจากตระกูลสูงศักดิ์ มีเพียงเจียงหวนคนเดียวที่ได้เข้าวังมาเพราะหน้าตา แต่ฮั่วหลินกลับมัวแต่กังวลเรื่องราชสำนัก ไม่เคยย่างเหยียบเข้ามาในวังหลังเลย

เหล่าพระสนมผู้สูงศักดิ์เหล่านี้อัดอั้นจนแทบคลั่ง จึงรวมหัวกันเลือกหาตัวซวยขึ้นมาคนหนึ่งไว้สำหรับรังแกโดยเฉพาะ และเจียงหวนก็คือตัวซวยคนนั้น!

วันนี้เพื่อจะได้มีโอกาสแสดงตัวต่อหน้าฮ่องเต้ เหล่าสนมจึงงัดความสามารถทุกอย่างออกมา แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำให้ฮั่วหลินทอดพระเนตรเป็นพิเศษได้

เมื่อตนเองไม่ได้ดี พวกนางก็หวังเพียงว่าให้ชะตากรรมของเจียงหวนย่ำแย่ยิ่งกว่า แต่ถ้าหากไม่ได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน เจียงหวนก็คงจะเชื่อไปแล้วจริง ๆ

[ของกินหรือ? นี่คืออาหารร้อน ๆ ที่ต้องเคี้ยวถึงจะกลืนลงท้องได้อย่างนั้นหรือ? ที่แท้บนโลกนี้ยังมีอาหารร้อน ๆ อยู่ด้วย แล้วข้าวต้มเย็น ๆ กับผักสีเขียวที่ห้องเครื่องทำมาให้ข้ากินทุกวันนั่นมันอะไรกัน?]

[ยอดเยี่ยม~ ฝีมือการทำอาหารนี้ดีกว่าห้องเครื่องตั้งเยอะ ในวังมีคนมากมายเช่นนี้ มีเพียงนางคนเดียวที่มีสายตาเฉียบแหลม รู้จักส่งของกินมาให้ข้า นางเป็นใครกัน? เหตุใดข้าจำไม่ได้เลยว่าในวังมีคนชื่อเจียงเสวียนซื่อด้วย?]

เจียงหวนยืนนิ่งอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนหูจะระเบิดออกมา นางพยายามอดกลั้นความอยากที่จะเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม

ฮ่องเต้ผู้นี้ เหตุใดจึงพูดมากขนาดนี้นะ?

“ก็พอใช้ได้”

ฮั่วหลินชิมบัวลอยสาโทไปหนึ่งคำ สีพระพักตร์ยังคงเย็นชา เขาวางช้อนลงแล้วให้คำวิจารณ์อย่างเป็นกลาง

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท” เจียงหวนย่อตัวคารวะ แต่ในใจกลับบ่นพึมพำ

ยังจะแสร้งทำเป็นเย็นชาอีก พอใช้ได้อย่างนั้นหรือ? ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ใครกันที่บอก “ยอดเยี่ยม~” ในใจ

นับตั้งแต่ทะลุมิติมาในนิยาย เจียงหวนก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ โชคดีที่นางมีฝีมือทำอาหารชั้นเลิศ เงินเดือนทุกเดือนจึงหมดไปกับการซื้อของเข้าครัวเล็ก ๆ เพื่อหาของกินใส่ท้องของตัวเอง

เจียงหวนรู้ว่างานเลี้ยงพระราชวังคืนนี้คงไม่ได้กินอะไรเต็มที่ จึงตั้งใจทำบัวลอยสาโทเครื่องแน่น ๆ มาหนึ่งถ้วย ผลสุดท้ายกลับลงไปอยู่ในท้องของฝ่าบาทหมด!

“เจียงเสวียนซื่อ มานั่งข้างเรา”

ขณะที่เบื้องล่างยังคงหัวเราะคิกคักกันอยู่ ฮั่วหลินก็ตรัสขึ้นมาประโยคหนึ่ง ทำให้ทั้งงานเลี้ยงเงียบกริบทันที เจียงหวนมองไปยังเจียกุ้ยเฟยที่ประทับอยู่ด้านซ้ายของฮั่วหลิน ในหัวเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

บัวลอยสาโทของนางอร่อยจนถึงขั้นที่ทำให้นางได้รับอภิสิทธิ์เทียบเท่าสนมคนโปรดเชียวหรือ?

แต่เมื่อฝ่าบาทมีรับสั่ง เจียงหวนก็ไม่กล้าสงสัย ทำได้เพียงฝืนใจเดินไปนั่งทางด้านขวาของฮั่วหลินท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เหล่าสนมที่อยู่เบื้องล่างแทบจะกัดฟันจนแหลกละเอียด

หากรู้ตั้งแต่แรกว่าแค่ถวายบัวลอยถ้วยเดียวจะทำให้ฝ่าบาทสนใจได้ พวกนางจะทนฝึกฝนความสามารถมาตั้งหลายเดือนไปทำไมกัน?

[ก้อนหิน]

ขณะที่เจียงหวนกำลังนั่งตัวเกร็ง ก็ได้ยินเสียงในใจอันเย็นชาของฮั่วหลินดังขึ้นอีกครั้ง

ก้อนหิน หมายถึงนางอย่างนั้นหรือ?

เจียงหวนเหลือบมองเจียกุ้ยเฟยที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานกับฮั่วหลินแล้วหัวเราะจนตัวสั่น นางก็ยิ่งก้มหน้าต่ำลงไปอีก

จะเป็นก้อนหินก็ช่างเถอะ นางไม่ได้มีบิดาเป็นแม่ทัพที่ออกไปทำสงครามเสียหน่อย จะไปเอาความกล้าที่ไหนมาหยอกล้อฝ่าบาทได้กัน?

ถึงแม้จะทะลุมิติมาในนิยายได้ไม่นาน แต่เมื่อก่อนเจียงหวนก็ดูซีรีส์แย่งชิงอำนาจในวังมาไม่น้อย คนที่ไม่มีความสามารถ ไม่เป็นที่โปรดปรานอย่างนาง ทั้งยังไม่มีตระกูลคอยหนุนหลัง หากโดดเด่นขึ้นมา ก็มีแต่จะต้องกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว

เจียงหวนยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกนาน ๆ

ด้านล่างเริ่มมีการแสดงความสามารถอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นเย่หรงหวาที่กำลังร่ายรำอย่างกล้าหาญและมีความแปลกใหม่ นางสวมชุดจากดินแดนตะวันตก ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม เผยให้เห็นผิวขาวนวลผืนใหญ่บนร่างกาย หน้าอกอวบอิ่มเย้ายวน แม้แต่เจียงหวนที่เป็นผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากซบลงไป

เจียงหวนอดไม่ได้ที่จะพึมพำในใจอีกครั้ง ฮ่องเต้ผู้นี้คงไม่ใช่ว่าไม่ชอบสตรีหรอกนะ?

นับตั้งแต่นางทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก็ไม่เคยเห็นฮั่วหลินถูกใจใครเลย

ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น เสียงทุ้มและแหบแห้งก็ดังขึ้นในหัวอีกครั้ง

[ใหญ่จริง น่ากินชะมัด!]

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 382

    เจียงหวนเห็นท่าทางสับสนมึนงงของนาง ก็รู้สึกอดขำไม่ได้การตอบสนองนี้ ช้าจนอ้อมโลกได้สองรอบครึ่งแล้วกระมังแต่ดูจากที่เปลี่ยนเรื่องพูดแล้ว แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ“อืม” เจียงหวนรับคำ “ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลินกุ้ยผิน รับสั่งให้ย้ายเข้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตะวันตก ภายหน้าเจ้าก็รักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ”“ฮือ ๆ ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระสนม”เหอหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา นางกอดแขนของเจียงหวนไว้แน่น หากไม่ใช่ว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว นางยังอยากคุกเข่าโขกหัวให้ด้วยซ้ำ“พระสนม พระสนมดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉัน… วันหน้าไม่ว่าสิ่งใดหม่อมฉันล้วนเชื่อฟังพระสนมเพคะ”เจียงหวนถูกนางกอดจนรู้สึกอึดอัด อยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิมครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายของเหอหลิงที่สั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายนางจึงกอดตอบเบาๆเหมือนปลาหมึกน้อยขี้กลัวไม่มีผิดเลยกอดแน่นขนาดนี้ กระดูกแทบจะหักอยู่แล้วแต่เห็นแก่ที่นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญหนีดีฝ่อมา ปล่อยให้กอดสักครู่ก็ได้ในขณะเดียวกัน เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยดังมาจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ฮั่วหลินสะสางเรื่องราววุ่นวายใน

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 381

    [ฮั่วถิง! เจ้าปีศาจชั่วนั่น!] เหอหลิงจมอยู่ในความอัดอั้นตันใจและความหวาดผวาอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเม็ดใหญ่ๆ พรั่งพรูไม่ขาดสาย“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงหวนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางเอ่ยหยอกล้อจากนั้นก็ตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าให้หายร้อนเล็กน้อย ก่อนจะป้อนให้นาง “มีอะไรประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดื่มยาก่อนเถิด”เหอหลิงอ้าปากอย่างว่าง่าย ยาขมๆ ไหลลงคอ ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้[ขมจัง][แต่พระสนมเป็นคนป้อน ต่อให้ขมอีกแค่ไหนก็กลายเป็นหวานแล้ว]นางดื่มยาทีละคำๆ ขณะที่น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ผสมเข้ากับยา ทั้งขมทั้งเค็มเจียงหวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ก็อดทอนถอนใจไม่ได้ร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว น้ำหูน้ำตาไหลลงมาผสมกับยาแล้ว นี่คิดจะเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพของยา’ หรืออย่างไรช่างเถิด อย่างไรก็ควรระบายออกมาบ้างหลังจากป้อนยาถ้วยหนึ่งหมดอย่างยากลำบาก สีหน้าของเหอหลิงคล้ายว่าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลทะลักออกมาจนน่ากลัวนางมองเจียงหวน ริมฝีปากสั่นเทา คล้ายมีคำพูดในใจเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงที่ใด“เอาล่ะๆ ร้องไห้จนตาบวมแล้ว เหมือนกบในอุทยานหลวงเลย”เจียงหวนวางถ้วยยาลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status