Share

บทที่ 2

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เจียงหวนพลันสะดุ้งเล็กน้อย นึกว่าฝ่าบาททรงตื่นรู้และคิดจะเรียกใช้เย่หรงหวาแล้ว แต่เมื่อหันกลับไป เจียงหวนกลับพบว่า ฮั่วหลินกำลังจ้องเขม็งไปยังจานปูที่อยู่เบื้องหน้า

ในฐานะฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น สายพระเนตรที่ฮั่วหลินใช้มองปูในยามนี้ ช่างเต็มไปด้วยความอยากได้อยากครอบครอง ราวกับกำลังละโมบในดินแดนของแคว้นข้างเคียงอย่างไรอย่างนั้น

[ไม่ได้กินปูมานานแล้ว หวังเต๋อกุ้ยนี่ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย แกะปูให้เรากินสักตัวไม่ได้หรือไร?]

หวังเต๋อกุ้ยเป็นหัวหน้าขันทีที่รับใช้ฮั่วหลินมานานหลายปี กิจวัตรประจำวันและเรื่องอาหารการกินล้วนผ่านมือเขามาทั้งสิ้น เจียงหวนเห็นสายพระเนตรอันขุ่นเคืองของฮั่วหลินแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจในใจว่าฝ่าบาทช่างน่าสงสารเสียจริง

เป็นถึงฮ่องเต้แต่กลับถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา จะให้ลงมือแทะปูเองต่อหน้าธารกำนัลก็ทำไม่ได้ การเป็นฮ่องเต้แบบนี้ช่างน่าอึดอัดเสียจริง

“การร่ายรำของน้องหญิงเย่ก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่เครื่องแต่งกายกลับเปิดเผยเกินไป ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย”

หลังจากการร่ายรำจบลง เจียกุ้ยเฟยก็เป็นคนแรกที่ตำหนิการร่ายรำของเย่หรงหวา ตอนนี้ทุกคนต่างแย่งชิงกันเพื่อจะได้เป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว ต่อให้ปกติจะแสร้งทำเป็นพี่น้องรักใคร่กันเพียงใด แต่เมื่อถึงยามนี้ ก็ต้องห้ำหั่นกันจนหัวร้างข้างแตก

เจียกุ้ยเฟยคว้าแขนของฮั่วหลินไว้แน่น ไม่ยอมให้สายพระเนตรของพระองค์จับจ้องอยู่ที่ร่างของเย่หรงหวานานเกินไป

“คืนนี้ฝ่าบาทยังไม่ค่อยได้เสวยอะไรเลย ผักบุ้งนี้รสชาติดีเพคะ ฝ่าบาทรีบชิมเถิด”

ขณะพูด เจียกุ้ยเฟยก็คีบผักสองสามเส้นลงในจานของฮั่วหลิน เครื่องเสวยในวังมักจะมีรสชาติจืดชืด โดยเฉพาะเมื่อถวายแด่ฮ่องเต้ เพื่อไม่ให้จิตใจว้าวุ่น อาหารมันเลี่ยนจึงไม่เคยถูกยกขึ้นโต๊ะเสวยเลย

[เราไม่อยากกินผัก! ตอนนี้พอเห็นอะไรสีเขียว ๆ แล้วปวดหัวไปหมด เราเป็นถึงฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น จะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกินเนื้อสัตว์เลยหรือไร?]

[แล้วปูที่ยกมาในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี่เป็นแค่ของประดับหรือไร?]

[ปูของเราล่ะ?]

ฮั่วหลินเหลือบพระเนตรไปอีกครั้ง ก็ทรงเห็นว่าปูในจานหายไปสองสามตัว ในวินาทีต่อมา มือเรียวขาวผ่องข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามา

เนื้อปูสีขาวราวหิมะกับมันปูสีส้มแดงถูกแกะออกมาอย่างหมดจด บรรจุรวมกันไว้ในกระดองปู กลิ่นหอมของเนื้อปูที่ยังอุ่น ๆ นั้นช่างเย้ายวน เจียงหวนเองก็ออกแรงไปไม่น้อยกว่าจะใช้เครื่องมือสำหรับแกะปูทั้งแปดชิ้นเลาะเนื้อออกมาได้อย่างหมดจด

ถ้าเป็นนางน่ะหรือ? คงใช้ปากแทะไปแล้ว!

“เชิญฝ่าบาทเสวยเพคะ”

เจียงหวนยื่นกระดองปูไปเบื้องหน้าด้วยความนอบน้อม สีหน้าและแววตาแสดงความเคารพ ไม่มีความประจบประแจงแม้แต่น้อย

นางไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งชิงความโปรดปรานเหมือนคนอื่น ทำไปก็เพียงเพราะได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน แล้วรู้สึกว่าเขาน่าสงสารอยู่บ้าง

นอกเหนือจากนั้น ก็แอบหวังว่าหากฝ่าบาททรงอารมณ์ดีขึ้นมา จะทรงย้ายนางออกจากตำหนักจิ่นหวาได้หรือไม่ อย่าให้นางต้องทนถูกอวี๋ผินกลั่นแกล้งอยู่ทุกวัน?

[หวังเต๋อกุ้ย เสียแรงที่เจ้าอยู่กับเรามานานหลายปี สายตายังไม่เฉียบแหลมเท่าสนมขั้นเสวี่ยนซื่อคนหนึ่งเลย!]

[ยังไม่รีบแกะเพิ่มอีก แค่ตัวเดียวจะพอให้เรากินได้อย่างไร?]

เจียงหวนได้ยินเสียงในใจของเขาอย่างชัดเจน แต่ขณะที่รับกระดองปูไปนั้น ฮั่วหลินยังคงมีสีพระพักตร์เรียบเฉย พระพักตร์อันคมคายนั้นไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายใด ๆ ทรงคีบเนื้อปูขึ้นเสวยด้วยท่าทีสง่างามเชื่องช้า ไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนเสียงในพระทัยเลยแม้แต่น้อย

“ตั้งใจประจบประแจง ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”

เจียกุ้ยเฟยเห็นว่าผักบุ้งที่ตนคีบให้ถูกเมิน ก็โกรธจนกัดฟันกรอด ปกติแล้วฝ่าบาททรงโปรดเสวยผักมิใช่หรือ ไม่รู้ว่าเจียงหวนใช้วิธีมารยาใดยั่วยวนกันแน่!

เจียงหวนไม่ได้พูดอะไร และเริ่มลงมือแกะปูที่เหลือให้ฮั่วหลินต่อ

อย่างไรเสีย ด้วยฐานะของนาง ของแบบนี้ก็คงไม่ตกถึงท้องนางอยู่แล้ว รอจนงานเลี้ยงเลิก ค่อยแอบดูดนิ้วตัวเองก็ยังดีกว่ามองตาปริบ ๆ

ฮั่วหลินเสวยช้ามาก

ช่วงเวลาที่พระองค์เสวยปูหนึ่งตัว เจียงหวนก็แกะเสร็จไปอีกสามตัวแล้ว

เสวยช้าขนาดนี้ ใครจะไปดูออกว่าทรงโปรดกันเล่า? มิน่าล่ะผู้ดูแลหวังถึงไม่แกะปูให้เขา!

ตอนที่ฮั่วหลินกำลังจะหยิบปูตัวที่สอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันเหมือนเพิ่งได้สติ รีบก้าวเข้ามาห้ามปราม

“ฝ่าบาท ปูมีฤทธิ์เย็น ไม่ควรเสวยมากนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เพียงประโยคเดียว ฮั่วหลินก็ชักพระหัตถ์กลับทันที ไม่ทรงชายพระเนตรแลปูอีกเลย เจียงหวนก้มหน้าลงนวดนิ้วที่เริ่มแดงบวมของตนเอง ขณะที่ในหัวก็แทบจะระเบิดอีกครั้ง

[ไม่ช้าก็เร็วเราจะสั่งตัดหัวหวังเต๋อกุ้ย! เป็นฮ่องเต้จะให้คนอื่นเดาความชอบไม่ชอบออกไม่ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เราหิวท้องกิ่วได้นี่!]

[เจียงเสวี่ยนซื่อแกะปูไว้ตั้งสามตัวแล้ว อีกเดี๋ยวไม่รู้ว่าจะไปตกอยู่ในท้องของใครกัน]

เฮ้อ น่าสงสารนางที่อุตส่าห์แกะปูมาตั้งนาน ถูกหวังเต๋อกุ้ยพูดประโยคเดียวก็จบสิ้นแล้ว

แล้วเรื่องที่นางจะขอย้ายตำหนักยังจะพอมีหวังอยู่บ้างหรือไม่?

งานเลี้ยงใกล้จะสิ้นสุดลง และใกล้จะถึงยามค่ำแล้ว เจียงหวนง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่กำชายแขนเสื้อของตัวเองไว้แน่น เมื่อครู่ตอนที่ไม่มีใครสังเกต นางแอบยัดปูทั้งสามตัวเข้าไปในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว

ทะลุมิติเข้ามาในนิยายสามเดือนแล้ว วันนี้พอกลับตำหนักไป ในที่สุดก็จะได้กินของดี ๆ เสียที!

“ฝ่าบาท ไทเฮามีรับสั่งว่า คืนนี้พระองค์ต้องทรงพลิกป้ายเลือกสนมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีจากกรมวังฝ่ายในถือถาดไม้เข้ามา บนถาดเรียงรายไปด้วยป้ายชื่อสีเขียวกว่าสิบยี่สิบป้าย ฮั่วหลินครองบัลลังก์มาสามปี นอกจากญาติพี่น้องที่เหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักส่งเข้ามาแล้ว ยังมีการคัดเลือกสนมอีกหนึ่งครั้ง วังหลังจึงนับว่าเต็มไปด้วยสนม

แต่ฮั่วหลินกลับอ้างว่าเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ ฐานอำนาจยังไม่มั่นคง จึงบรรทมอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรตลอดทั้งวัน ทำให้ไม่มีสนมคนใดเคยเห็นว่าชุดบรรทมของฮั่วหลินหน้าตาเป็นอย่างไร

แม้ว่าไทเฮาจะไม่ใช่พระราชมารดาแท้ ๆ แต่ก็ทรงเป็นห่วงเรื่องการสืบราชสมบัติเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน คืนนี้จึงทรงนำเรื่องการเลือกป้ายชื่อสนมมาพูดกันอย่างเปิดเผย

“ค่อยว่ากันทีหลัง กลับตำหนัก!”

ฮั่วหลินทรงแสดงสีพระพักตร์รำคาญอย่างชัดเจน ทรงลุกขึ้นสะบัดฉลองพระองค์แล้วเสด็จจากไปทันที เหล่าสนมที่เมื่อครู่ยังคงตั้งตารอคอยว่าจะถูกเลือกป้าย ต่างก็หน้าซีดเผือดลงทันที เต็มไปด้วยความผิดหวัง

พวกนางล้วนถูกเลือกเข้าวังมาตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะได้ยศศักดิ์และความร่ำรวย แต่จะให้ทนเป็นแม่ม่ายทั้งที่ยังมีชีวิตได้อย่างไรกัน?

“เสี่ยวเจา มานวดเอวให้ข้าหน่อย เมื่อยจะตายอยู่แล้ว!”

ทันทีที่กลับมาถึงตำหนักฝั่งตะวันตกของตนเอง เจียงหวนก็ร้องเรียกสาวใช้ที่ติดตามนางมาพร้อมกับสินสมรสให้มารับใช้ทันที เสี่ยวเจาเป็นสาวใช้ที่เจ้าของร่างเดิมพามาจากบ้านที่เจียงหนาน แม้จะไม่ฉลาดหลักแหลม แต่ก็มีความภักดีอย่างยิ่ง

“มาแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดนายหญิงน้อยถึงได้เหนื่อยเช่นนี้เจ้าคะ”

ตำแหน่งของเจียงหวนนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เรียกได้ว่าต่ำเป็นอันดับสองจากท้ายสุด คืนนี้ไปร่วมงานเลี้ยงในวังจึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพาสาวใช้ไปด้วย เสี่ยวเจาจึงไม่รู้เรื่องที่นางต้องนั่งอยู่ข้างกายฝ่าบาทนานนับชั่วยาม โดยไม่กล้าขยับเขยื้อน

แต่ยังไม่ทันที่มือของเสี่ยวเจาจะได้แตะลงบนตัวของเจียงหวน ประตูตำหนักก็ถูกใครบางคนถีบเปิดออก

“เจียงเสวี่ยนซื่อ อวี๋ผินมีรับสั่งให้ไปเข้าพบ!”

ผู้ที่มาคือชุ่ยอิง นางกำนัลคนสนิทของอวี๋ผิน นางเชิดหน้ามองเจียงหวนอย่างหยิ่งผยอง ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิง

เสี่ยวเจาโกรธจนกระทืบเท้า “นี่เป็นตำหนักบรรทมของนายหญิง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้บุกเข้ามาตามใจชอบ!”

เจียงหวนเบ้ปาก ดึงเสี่ยวเจามาหลบอยู่ข้างหลังตน นางดูละครวังหลังมามากพอแล้ว ย่อมรู้ดีว่าสนมตำแหน่งต่ำที่ไม่เป็นที่โปรดปราน ในสายตาของข้ารับใช้ก็ไม่นับว่าเป็นเจ้านายด้วยซ้ำ

นางเดาได้ว่าอวี๋ผินเรียกนางไปย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ก็คงเป็นเพราะเรื่องที่นางได้นั่งข้างกายฮั่วหลินในงานเลี้ยงคืนนี้นั่นแหละ

หนึ่งเค่อต่อมา เจียงหวนก็ต้องคุกเข่าลงบนพรมในตำหนักใหญ่ของตำหนักจิ่นหวา โชคดีที่มีพรมรองอยู่ หัวเข่าจึงไม่เจ็บมากนัก

“เจียงเสวี่ยนซื่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เจ้าทำผิดอะไร?”

อวี๋ผินนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน มองเจียงหวนที่แม้จะแต่งกายเรียบง่าย แต่ก็ไม่อาจปิดบังความงดงามน่ามองนั้นได้ด้วยสายตาดูแคลน นางอุตส่าห์ตัดงบค่าใช้จ่ายของเจียงหวนไปกว่าครึ่ง ทั้งปิ่นปักผมและเสื้อผ้าล้วนเรียบง่ายถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดฝ่าบาทยังทอดพระเนตรเห็นและเรียกไปนั่งข้างกายได้อีก?

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!

“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ ขออวี๋ผินโปรดชี้แนะ”

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น “เจ้าผิดที่คิดแย่งชิงความโปรดปราน ประจบประแจงเบื้องสูง ไม่รู้จักเจียมตน!”

เจียงหวนแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนตามแบบฉบับของลูกจ้างที่ดี “อวี๋ผินสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วเพคะ”

แต่ในใจนางไม่ยอมรับ นางแค่ถวายบัวลอยถ้วยเดียว แกะปูให้ไม่กี่ตัว กลายเป็นแย่งชิงความโปรดปรานไปได้อย่างไร? พวกนางไม่มีไหวพริบเอง ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงหิว พอมีคนส่งของกินให้กลับหาว่าขวางหูขวางตาพวกนางอย่างนั้นหรือ?

“ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าผิด เช่นนั้นก็จงออกไปคุกเข่าสำนึกผิดที่นอกตำหนักทั้งคืน!”

ทั้งคืนเลยหรือ?!

เจียงหวนไม่เต็มใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงทำหน้าสลดรับคำ นางจะต้องหาโอกาสย้ายออกจากตำหนักจิ่นหวาให้ได้!

แต่ยังไม่ทันที่เจียงหวนจะได้ลุกขึ้นไปคุกเข่ารับโทษนอกตำหนัก ขันทีจากกรมวังฝ่ายในก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา

“นายหญิงน้อยเจียงมิได้อยู่ที่ตำหนักตนเอง เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ของอวี๋ผินได้เล่า ทำเอาบ่าวตามหาเสียให้วุ่น ขอแสดงความยินดีกับนายหญิงน้อยด้วย คืนนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นายหญิงน้อยถวายตัวพ่ะย่ะค่ะ!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 235

    “เรายังมีฎีกาที่ต้องพิจารณาอีกบางส่วน ดึกหน่อยค่อยมาเยี่ยมเจ้า”ฮั่วหลินวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวกับเจียงหวน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความสงบในยามปกติ[นางคงจะมีความสุขมากกระมัง?][เราพยายามแสดงออกมากแล้วนะ]เจียงหวนพยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เพคะ ฝ่าบาทค่อยๆ เสด็จนะเพคะ”ฮั่วหลินถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกจากตำหนักเว่ยยางไปเมื่อประตูตำหนักปิดลง ทั่วทั้งตำหนักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงเจียงหวนและเติ้งหมอม่อที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นางคล้ายอยากจะกล่าวสิ่งใดแต่ก็ลังเลเจียงหวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนอย่างช้าๆเมื่อเติ้งหมอม่อเห็นว่าพระสนมของตนดูอารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเก่านางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง หลังไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังคงตัดสินใจเอ่ยปากพระสนมทรงพระปรีชาและมีเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังทรงเยาว์วัย ทั้งยังตกอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จึงมีบางคำพูดที่นางในฐานะหมอม่อผู้ดูแลจำเป็นต้องพูด“พระสนมเพคะ” เสียงที่ถูกลดจนเบาอย่างยิ่งของเติ้งหมอม่อเต็มไปด้วยความกังวลอันเข้มข้น“พระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อพระสนมเมื่อครู่นั้น เป็นความโปรดปรานสูงสุดอย่างหาได้ยากยิ่ง”เจี

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 234

    หลังจากเดินเล่นในสวนกับเจียงหวนไปสักพัก ฮั่วหลินก็อยู่รับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเป็นธรรมชาติเหล่าข้าราชบริพารจัดอาหารอันงามประณีตลงบนโต๊ะทรงกลมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมตะเกียบ จาน ชามครบถ้วนพร้อมสรรพฮั่วหลินนั่งตัวตรงอยู่ที่หัวโต๊ะ รถเข็นของเจียงหวนถูกเข็นมาอยู่ในตำแหน่งข้างกายเขาส่วนเติ้งหมอม่อก็ยืนค้อมศีรษะอยู่ใกล้ๆ อย่างเคารพ เตรียมปรนนิบัติในทุกเมื่ออาหารเพิ่งขึ้นโต๊ะหมด ฮั่วหลินมิได้รีบขยับตะเกียบ แต่กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะรอบหนึ่งแทน[หึ ให้ทำตัวเป็น ‘น้ำฝนน้ำค้าง’ ที่ตกต้องถ้วนหน้างั้นหรือ? วันนี้เราจะให้นางได้เห็นว่า “น้ำพระเมตตา” ของเราจะไปตกอยู่ที่ใด][เราจะคีบอาหารให้นางเอง แบบนี้คงชัดเจนพอแล้วกระมัง? มาดูกันว่าเติ้งหมอม่อจะมีสิ่งใดมาพูดอีก]เจียงหวนเพิ่งหยิบชามใบเล็กตรงหน้าของตนขึ้นมา ก็ได้ยินคำพูดเต็มไปด้วย “ปณิธานอันแรงกล้า” ของฮั่วหลินพอดีนางฝืนกลั้นยิ้ม หลุบตาทอดมองปลายจมูก ตาจ้องจมูกจมูกจ้องใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินจากนั้นก็เห็นฮั่วหลินคีบเนื้อปลานึ่งชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้ววางลงในชามของเจียงหวนอย่างมั่นคง“ปลานี้ทั้งสดทั้งนุ่ม เจ้ากินให้มาก

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 233

    ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาเมื่อเจียงหวนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮั่วหลินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าสวนดอกไม้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างน่ากลัว[อะไรที่เรียกว่า “มอบพระเมตตาอย่างเท่าเทียม”? เราเคยไป “เมตตา” ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?][เหตุใดเติ้งหมอม่อจึงปรักปรำเราโดยไร้หลักฐานเช่นนี้?][เราเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาดไร้ราคี กลับถูกนางพูดจนเหมือนคนเจ้าชู้ประตูดินไปเสียได้]เสียงความในใจที่เดือดดาลและเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูของเจียงหวนนางมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของฮั่วหลิน พร้อมกับฟังคำบ่นในใจของเขา แล้วก็จะเกือบหัวเราะออกมาฮั่วหลินสาวเท้ายาวเข้ามา เขาตวัดตามองเติ้งหมอม่ออย่างเย็นชาแม้เติ้งหมอม่อถูกถลึงตาใส่จนงุนงง แต่ก็ยังรีบถวายคำนับ“บ่าวถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง และหันไปมองเจียงหวนแทน“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรือ?”เจียงหวนฝืนกลั้นรอยยิ้มที่มุมปาก พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติ“ทูลฝ่าบาท เติ้งหมอม่อกำลังสอนหม่อมฉันเรื่อง...เอ่อ กฎระเบียบของวังหลังเพคะ”[สอนอะไร? สอนให้นางยอม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 232

    เจียงหวนมองนางกำนัลน้อยที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในใจก็ถอนใจออกมาดูแล้วอายุยังไม่มาก ทำไมไม่รู้จักเรียนรู้แบบอย่างดีๆ กันนะ?“การขโมยทรัพย์สินในวังเป็นความผิดร้ายแรง ตามกฎสมควรได้รับโทษโบย 20 ครั้ง แล้วขับออกจากวัง”เจียงหวนจงใจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงก็ตั้งใจกดให้ต่ำลงหลายส่วนเมื่อนางกำนัลน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบโขกศีรษะทันที หน้าผากกระแทกพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดังตุบๆ“พระสนมโปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ขอพระสนมโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งเถิด!”เจียงหวนเหลือบมองเติ้งหมอม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับรอให้ตนตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวต่อว่า “แต่ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจงลองบอกมา ว่าเหตุใดจึงต้องขโมยปิ่นปักผมของผู้อื่น?”นางกำนัลน้อยตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ของบ่าวป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีเงินซื้อยาจริงๆ บ่าวได้ยินมาว่าปิ่นของพี่อวี้เป็นเงิน จึง... จึง...”เจียงหวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนมือที่หยาบกร้านของนางกำนัลน้อย มือคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยด้านและบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าทำงานหนักมาไม่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 231

    นางกำนัลน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางส่ายหน้าสุดกำลัง “ไม่ใช่เพคะพระสนม! เช้านี้ตอนบ่าวตื่นมาแล้วจัดเตียงพับผ้าห่ม ก็ยังไม่เห็นปิ่นปักผมอะไรเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายบ่าวแน่เพคะ ขอพระสนมโปรดให้ความเป็นธรรมแก่บ่าวด้วยเถิดเพคะ”นางร้องไห้อย่างหนักจนลมหายใจขาดห้วง ท่าทางโดดเดี่ยวไร้คนช่วยที่น่าเวทนาของนาง ทำให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกเห็นใจใบหน้าของเสี่ยวเจาเริ่มแสดงความสงสารออกมาแล้ว “พระสนม นางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้งเลยเพคะ...”ไม่เหมือนหรือ?เจียงหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยครู่หนึ่งอื้ม น้ำตาเป็นของจริง ความหวาดกลัวก็เป็นของจริง แต่ความเคียดแค้นกับความลนลานในส่วนลึกของดวงตาก็เป็นของจริงเหมือนกันชาติก่อน นางเคยเห็น ‘พวกไม่ยอมหยุดงาน’ ทะเลาะหยุมหัวกับ ‘พวกหยุดงานประท้วง’ ที่ทำงานทุกวัน แกแทงฉันทีหนึ่ง ฉันแทงแกหนึ่งที สลับกันไปมาพอเจ้านายมาถึงก็จะร้องไห้โฮ อ้างว่าตัวเองเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกใส่ความเหมือนตัวเอกในนิยายนางน่ะฝึกสายตามาจนมองออกหมดแล้ว โอเคไหม?แววตาของคนตรงหน้าล่อกแล่กไม่น

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 230

    เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status