Share

บทที่ 2

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เจียงหวนพลันสะดุ้งเล็กน้อย นึกว่าฝ่าบาททรงตื่นรู้และคิดจะเรียกใช้เย่หรงหวาแล้ว แต่เมื่อหันกลับไป เจียงหวนกลับพบว่า ฮั่วหลินกำลังจ้องเขม็งไปยังจานปูที่อยู่เบื้องหน้า

ในฐานะฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น สายพระเนตรที่ฮั่วหลินใช้มองปูในยามนี้ ช่างเต็มไปด้วยความอยากได้อยากครอบครอง ราวกับกำลังละโมบในดินแดนของแคว้นข้างเคียงอย่างไรอย่างนั้น

[ไม่ได้กินปูมานานแล้ว หวังเต๋อกุ้ยนี่ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย แกะปูให้เรากินสักตัวไม่ได้หรือไร?]

หวังเต๋อกุ้ยเป็นหัวหน้าขันทีที่รับใช้ฮั่วหลินมานานหลายปี กิจวัตรประจำวันและเรื่องอาหารการกินล้วนผ่านมือเขามาทั้งสิ้น เจียงหวนเห็นสายพระเนตรอันขุ่นเคืองของฮั่วหลินแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจในใจว่าฝ่าบาทช่างน่าสงสารเสียจริง

เป็นถึงฮ่องเต้แต่กลับถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา จะให้ลงมือแทะปูเองต่อหน้าธารกำนัลก็ทำไม่ได้ การเป็นฮ่องเต้แบบนี้ช่างน่าอึดอัดเสียจริง

“การร่ายรำของน้องหญิงเย่ก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่เครื่องแต่งกายกลับเปิดเผยเกินไป ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย”

หลังจากการร่ายรำจบลง เจียกุ้ยเฟยก็เป็นคนแรกที่ตำหนิการร่ายรำของเย่หรงหวา ตอนนี้ทุกคนต่างแย่งชิงกันเพื่อจะได้เป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว ต่อให้ปกติจะแสร้งทำเป็นพี่น้องรักใคร่กันเพียงใด แต่เมื่อถึงยามนี้ ก็ต้องห้ำหั่นกันจนหัวร้างข้างแตก

เจียกุ้ยเฟยคว้าแขนของฮั่วหลินไว้แน่น ไม่ยอมให้สายพระเนตรของพระองค์จับจ้องอยู่ที่ร่างของเย่หรงหวานานเกินไป

“คืนนี้ฝ่าบาทยังไม่ค่อยได้เสวยอะไรเลย ผักบุ้งนี้รสชาติดีเพคะ ฝ่าบาทรีบชิมเถิด”

ขณะพูด เจียกุ้ยเฟยก็คีบผักสองสามเส้นลงในจานของฮั่วหลิน เครื่องเสวยในวังมักจะมีรสชาติจืดชืด โดยเฉพาะเมื่อถวายแด่ฮ่องเต้ เพื่อไม่ให้จิตใจว้าวุ่น อาหารมันเลี่ยนจึงไม่เคยถูกยกขึ้นโต๊ะเสวยเลย

[เราไม่อยากกินผัก! ตอนนี้พอเห็นอะไรสีเขียว ๆ แล้วปวดหัวไปหมด เราเป็นถึงฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น จะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกินเนื้อสัตว์เลยหรือไร?]

[แล้วปูที่ยกมาในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี่เป็นแค่ของประดับหรือไร?]

[ปูของเราล่ะ?]

ฮั่วหลินเหลือบพระเนตรไปอีกครั้ง ก็ทรงเห็นว่าปูในจานหายไปสองสามตัว ในวินาทีต่อมา มือเรียวขาวผ่องข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามา

เนื้อปูสีขาวราวหิมะกับมันปูสีส้มแดงถูกแกะออกมาอย่างหมดจด บรรจุรวมกันไว้ในกระดองปู กลิ่นหอมของเนื้อปูที่ยังอุ่น ๆ นั้นช่างเย้ายวน เจียงหวนเองก็ออกแรงไปไม่น้อยกว่าจะใช้เครื่องมือสำหรับแกะปูทั้งแปดชิ้นเลาะเนื้อออกมาได้อย่างหมดจด

ถ้าเป็นนางน่ะหรือ? คงใช้ปากแทะไปแล้ว!

“เชิญฝ่าบาทเสวยเพคะ”

เจียงหวนยื่นกระดองปูไปเบื้องหน้าด้วยความนอบน้อม สีหน้าและแววตาแสดงความเคารพ ไม่มีความประจบประแจงแม้แต่น้อย

นางไม่ได้มีความคิดที่จะแย่งชิงความโปรดปรานเหมือนคนอื่น ทำไปก็เพียงเพราะได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน แล้วรู้สึกว่าเขาน่าสงสารอยู่บ้าง

นอกเหนือจากนั้น ก็แอบหวังว่าหากฝ่าบาททรงอารมณ์ดีขึ้นมา จะทรงย้ายนางออกจากตำหนักจิ่นหวาได้หรือไม่ อย่าให้นางต้องทนถูกอวี๋ผินกลั่นแกล้งอยู่ทุกวัน?

[หวังเต๋อกุ้ย เสียแรงที่เจ้าอยู่กับเรามานานหลายปี สายตายังไม่เฉียบแหลมเท่าสนมขั้นเสวี่ยนซื่อคนหนึ่งเลย!]

[ยังไม่รีบแกะเพิ่มอีก แค่ตัวเดียวจะพอให้เรากินได้อย่างไร?]

เจียงหวนได้ยินเสียงในใจของเขาอย่างชัดเจน แต่ขณะที่รับกระดองปูไปนั้น ฮั่วหลินยังคงมีสีพระพักตร์เรียบเฉย พระพักตร์อันคมคายนั้นไม่แสดงอารมณ์ยินดียินร้ายใด ๆ ทรงคีบเนื้อปูขึ้นเสวยด้วยท่าทีสง่างามเชื่องช้า ไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนเสียงในพระทัยเลยแม้แต่น้อย

“ตั้งใจประจบประแจง ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!”

เจียกุ้ยเฟยเห็นว่าผักบุ้งที่ตนคีบให้ถูกเมิน ก็โกรธจนกัดฟันกรอด ปกติแล้วฝ่าบาททรงโปรดเสวยผักมิใช่หรือ ไม่รู้ว่าเจียงหวนใช้วิธีมารยาใดยั่วยวนกันแน่!

เจียงหวนไม่ได้พูดอะไร และเริ่มลงมือแกะปูที่เหลือให้ฮั่วหลินต่อ

อย่างไรเสีย ด้วยฐานะของนาง ของแบบนี้ก็คงไม่ตกถึงท้องนางอยู่แล้ว รอจนงานเลี้ยงเลิก ค่อยแอบดูดนิ้วตัวเองก็ยังดีกว่ามองตาปริบ ๆ

ฮั่วหลินเสวยช้ามาก

ช่วงเวลาที่พระองค์เสวยปูหนึ่งตัว เจียงหวนก็แกะเสร็จไปอีกสามตัวแล้ว

เสวยช้าขนาดนี้ ใครจะไปดูออกว่าทรงโปรดกันเล่า? มิน่าล่ะผู้ดูแลหวังถึงไม่แกะปูให้เขา!

ตอนที่ฮั่วหลินกำลังจะหยิบปูตัวที่สอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันเหมือนเพิ่งได้สติ รีบก้าวเข้ามาห้ามปราม

“ฝ่าบาท ปูมีฤทธิ์เย็น ไม่ควรเสวยมากนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เพียงประโยคเดียว ฮั่วหลินก็ชักพระหัตถ์กลับทันที ไม่ทรงชายพระเนตรแลปูอีกเลย เจียงหวนก้มหน้าลงนวดนิ้วที่เริ่มแดงบวมของตนเอง ขณะที่ในหัวก็แทบจะระเบิดอีกครั้ง

[ไม่ช้าก็เร็วเราจะสั่งตัดหัวหวังเต๋อกุ้ย! เป็นฮ่องเต้จะให้คนอื่นเดาความชอบไม่ชอบออกไม่ได้ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปล่อยให้เราหิวท้องกิ่วได้นี่!]

[เจียงเสวี่ยนซื่อแกะปูไว้ตั้งสามตัวแล้ว อีกเดี๋ยวไม่รู้ว่าจะไปตกอยู่ในท้องของใครกัน]

เฮ้อ น่าสงสารนางที่อุตส่าห์แกะปูมาตั้งนาน ถูกหวังเต๋อกุ้ยพูดประโยคเดียวก็จบสิ้นแล้ว

แล้วเรื่องที่นางจะขอย้ายตำหนักยังจะพอมีหวังอยู่บ้างหรือไม่?

งานเลี้ยงใกล้จะสิ้นสุดลง และใกล้จะถึงยามค่ำแล้ว เจียงหวนง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น ได้แต่กำชายแขนเสื้อของตัวเองไว้แน่น เมื่อครู่ตอนที่ไม่มีใครสังเกต นางแอบยัดปูทั้งสามตัวเข้าไปในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว

ทะลุมิติเข้ามาในนิยายสามเดือนแล้ว วันนี้พอกลับตำหนักไป ในที่สุดก็จะได้กินของดี ๆ เสียที!

“ฝ่าบาท ไทเฮามีรับสั่งว่า คืนนี้พระองค์ต้องทรงพลิกป้ายเลือกสนมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีจากกรมวังฝ่ายในถือถาดไม้เข้ามา บนถาดเรียงรายไปด้วยป้ายชื่อสีเขียวกว่าสิบยี่สิบป้าย ฮั่วหลินครองบัลลังก์มาสามปี นอกจากญาติพี่น้องที่เหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักส่งเข้ามาแล้ว ยังมีการคัดเลือกสนมอีกหนึ่งครั้ง วังหลังจึงนับว่าเต็มไปด้วยสนม

แต่ฮั่วหลินกลับอ้างว่าเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ ฐานอำนาจยังไม่มั่นคง จึงบรรทมอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรตลอดทั้งวัน ทำให้ไม่มีสนมคนใดเคยเห็นว่าชุดบรรทมของฮั่วหลินหน้าตาเป็นอย่างไร

แม้ว่าไทเฮาจะไม่ใช่พระราชมารดาแท้ ๆ แต่ก็ทรงเป็นห่วงเรื่องการสืบราชสมบัติเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน คืนนี้จึงทรงนำเรื่องการเลือกป้ายชื่อสนมมาพูดกันอย่างเปิดเผย

“ค่อยว่ากันทีหลัง กลับตำหนัก!”

ฮั่วหลินทรงแสดงสีพระพักตร์รำคาญอย่างชัดเจน ทรงลุกขึ้นสะบัดฉลองพระองค์แล้วเสด็จจากไปทันที เหล่าสนมที่เมื่อครู่ยังคงตั้งตารอคอยว่าจะถูกเลือกป้าย ต่างก็หน้าซีดเผือดลงทันที เต็มไปด้วยความผิดหวัง

พวกนางล้วนถูกเลือกเข้าวังมาตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะได้ยศศักดิ์และความร่ำรวย แต่จะให้ทนเป็นแม่ม่ายทั้งที่ยังมีชีวิตได้อย่างไรกัน?

“เสี่ยวเจา มานวดเอวให้ข้าหน่อย เมื่อยจะตายอยู่แล้ว!”

ทันทีที่กลับมาถึงตำหนักฝั่งตะวันตกของตนเอง เจียงหวนก็ร้องเรียกสาวใช้ที่ติดตามนางมาพร้อมกับสินสมรสให้มารับใช้ทันที เสี่ยวเจาเป็นสาวใช้ที่เจ้าของร่างเดิมพามาจากบ้านที่เจียงหนาน แม้จะไม่ฉลาดหลักแหลม แต่ก็มีความภักดีอย่างยิ่ง

“มาแล้วเจ้าค่ะ เหตุใดนายหญิงน้อยถึงได้เหนื่อยเช่นนี้เจ้าคะ”

ตำแหน่งของเจียงหวนนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เรียกได้ว่าต่ำเป็นอันดับสองจากท้ายสุด คืนนี้ไปร่วมงานเลี้ยงในวังจึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพาสาวใช้ไปด้วย เสี่ยวเจาจึงไม่รู้เรื่องที่นางต้องนั่งอยู่ข้างกายฝ่าบาทนานนับชั่วยาม โดยไม่กล้าขยับเขยื้อน

แต่ยังไม่ทันที่มือของเสี่ยวเจาจะได้แตะลงบนตัวของเจียงหวน ประตูตำหนักก็ถูกใครบางคนถีบเปิดออก

“เจียงเสวี่ยนซื่อ อวี๋ผินมีรับสั่งให้ไปเข้าพบ!”

ผู้ที่มาคือชุ่ยอิง นางกำนัลคนสนิทของอวี๋ผิน นางเชิดหน้ามองเจียงหวนอย่างหยิ่งผยอง ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนายหญิง

เสี่ยวเจาโกรธจนกระทืบเท้า “นี่เป็นตำหนักบรรทมของนายหญิง เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้บุกเข้ามาตามใจชอบ!”

เจียงหวนเบ้ปาก ดึงเสี่ยวเจามาหลบอยู่ข้างหลังตน นางดูละครวังหลังมามากพอแล้ว ย่อมรู้ดีว่าสนมตำแหน่งต่ำที่ไม่เป็นที่โปรดปราน ในสายตาของข้ารับใช้ก็ไม่นับว่าเป็นเจ้านายด้วยซ้ำ

นางเดาได้ว่าอวี๋ผินเรียกนางไปย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ก็คงเป็นเพราะเรื่องที่นางได้นั่งข้างกายฮั่วหลินในงานเลี้ยงคืนนี้นั่นแหละ

หนึ่งเค่อต่อมา เจียงหวนก็ต้องคุกเข่าลงบนพรมในตำหนักใหญ่ของตำหนักจิ่นหวา โชคดีที่มีพรมรองอยู่ หัวเข่าจึงไม่เจ็บมากนัก

“เจียงเสวี่ยนซื่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เจ้าทำผิดอะไร?”

อวี๋ผินนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน มองเจียงหวนที่แม้จะแต่งกายเรียบง่าย แต่ก็ไม่อาจปิดบังความงดงามน่ามองนั้นได้ด้วยสายตาดูแคลน นางอุตส่าห์ตัดงบค่าใช้จ่ายของเจียงหวนไปกว่าครึ่ง ทั้งปิ่นปักผมและเสื้อผ้าล้วนเรียบง่ายถึงเพียงนี้ แล้วเหตุใดฝ่าบาทยังทอดพระเนตรเห็นและเรียกไปนั่งข้างกายได้อีก?

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห!

“หม่อมฉันไม่ทราบเพคะ ขออวี๋ผินโปรดชี้แนะ”

อวี๋ผินแค่นเสียงเย็น “เจ้าผิดที่คิดแย่งชิงความโปรดปราน ประจบประแจงเบื้องสูง ไม่รู้จักเจียมตน!”

เจียงหวนแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนตามแบบฉบับของลูกจ้างที่ดี “อวี๋ผินสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วเพคะ”

แต่ในใจนางไม่ยอมรับ นางแค่ถวายบัวลอยถ้วยเดียว แกะปูให้ไม่กี่ตัว กลายเป็นแย่งชิงความโปรดปรานไปได้อย่างไร? พวกนางไม่มีไหวพริบเอง ไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงหิว พอมีคนส่งของกินให้กลับหาว่าขวางหูขวางตาพวกนางอย่างนั้นหรือ?

“ในเมื่อเจ้ารู้ตัวว่าผิด เช่นนั้นก็จงออกไปคุกเข่าสำนึกผิดที่นอกตำหนักทั้งคืน!”

ทั้งคืนเลยหรือ?!

เจียงหวนไม่เต็มใจนัก แต่ก็ทำได้เพียงทำหน้าสลดรับคำ นางจะต้องหาโอกาสย้ายออกจากตำหนักจิ่นหวาให้ได้!

แต่ยังไม่ทันที่เจียงหวนจะได้ลุกขึ้นไปคุกเข่ารับโทษนอกตำหนัก ขันทีจากกรมวังฝ่ายในก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา

“นายหญิงน้อยเจียงมิได้อยู่ที่ตำหนักตนเอง เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ของอวี๋ผินได้เล่า ทำเอาบ่าวตามหาเสียให้วุ่น ขอแสดงความยินดีกับนายหญิงน้อยด้วย คืนนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นายหญิงน้อยถวายตัวพ่ะย่ะค่ะ!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status