Share

บทที่ 3

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
หา? ถวายตัว?

สมองของเจียงหวนพลันระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่หันกลับไปก็สบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาของอวี๋ผินเข้าพอดี

แค่ส่งบัวลอยถ้วยเดียวก็ถูกหาว่าแย่งชิงความโปรดปราน ประจบประแจงเบื้องสูงแล้ว หากถวายตัวกลับมา นางจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการก่อความวุ่นวายในวังหลังหรอกหรือ?

“นายหญิงน้อย อย่ามัวชักช้าอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ ทางฝ่าบาททรงเร่งมาแล้ว!”

ขันทีน้อยเร่งเร้าอีกครั้ง เจียงหวนจึงลุกขึ้น เดินตามเขาออกไปข้างนอกทั้งที่ในสมองยังว่างเปล่า นางแค่อยากจะย้ายออกจากตำหนักจิ่นหวา ไปอยู่คนเดียวไกล ๆ ให้พ้นจากเรื่องวุ่นวาย ฝ่าบาทไม่ได้เหยียบย่างเข้ามาในวังหลังตั้งสามปีแล้ว เพียงเพราะบัวลอยถ้วยเดียวถึงกับเรียกนางถวายตัว มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ?

พอเดินมาได้ครึ่งทาง เจียงหวนก็พลันนึกขึ้นได้

เดี๋ยวนะ นางยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และการถวายตัวก็ไม่ได้ขึ้นเกี้ยวเฟิ่งหลวนชุนเอิน ฝ่าบาททรงเรียกสนมมาปรนนิบัติเป็นครั้งแรกง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?

ระหว่างทาง ขันทีน้อยอธิบายว่า “นายหญิงน้อยอย่าได้คิดมากไปเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้อาจจะเร่งด่วนไปบ้าง แต่ท่านก็เป็นคนเดียวที่ได้รับความโปรดปรานมิใช่หรือ?”

“บ่าวขอเตือนท่านสักหน่อย ตอนนี้ฝ่าบาททรงอารมณ์ไม่ดีนัก ไม่ว่าท่านจะพูดหรือทำอะไรก็ระวังหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีน้อยกลืนน้ำลาย มองร่างเล็ก ๆ ของเจียงหวนด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย คืนนี้ฝ่าบาททรงขัดพระประสงค์ของไทเฮาไม่ได้จริง ๆ หลังจากทอดพระเนตรป้ายชื่อในกรมวังฝ่ายในแล้ว สุดท้ายก็ทรงระบุชื่อเจียงเสวี่ยนซื่อแต่เพียงผู้เดียว

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้อวี๋ผินเคยใช้เงินยัดใต้โต๊ะเพื่อถอดป้ายชื่อสีเขียวของเจียงหวนออกไปแล้ว แต่หลังจากคืนนี้ไป ไม่รู้ว่าเจียงหวนจะโด่งดังในชั่วข้ามคืน หรือจะถูกส่งไปที่ตำหนักเย็นกันแน่

อย่างไรเสีย ตอนนี้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่งจริง ๆ ยามปกติพระองค์ก็อารมณ์ร้ายอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทุบตีหรือสังหารข้ารับใช้ แต่เวลาพิโรธขึ้นมาก็มีการทุ่มข้าวของหรือใช้พระบาทถีบบ้างเป็นครั้งคราว

ร่างกายของเจียงเสวี่ยนซื่อผู้นี้ เกรงว่าจะทนแรงถีบของฝ่าบาทแม้เพียงครึ่งเดียวก็ไม่ไหว...

“อืม เจ้าค่ะ ขอบคุณกงกงที่ชี้แนะ”

เจียงหวนก้าวเข้าสู่ตำหนักหย่างซิน ในหัวยังคงมึนงงไม่กระจ่างนัก

“ในเมื่อมาแล้ว ยังจะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม?”

จนกระทั่งฮั่วหลินตรัสด้วยเสียงทุ้มต่ำ เจียงหวนจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าอันหนักอึ้งเข้าไปข้างหน้า

[น่ารำคาญชะมัด! วัน ๆ เอาแต่จะให้เลือกป้ายชื่อ ๆ ข้ายังกินไม่อิ่มท้องเลย แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปมีหลานให้ไทเฮา?]

[ชีวิตนี้คงได้แค่นี้แหละ ไม่เป็นบุรุษก็ช่างเถิด ข้าไม่มีแรงจะมีลูก เจียงเสวี่ยนซื่อคนนี้ทำบัวลอยให้เรา แกะปูให้เรา ก็ถือว่าเป็นคนดี]

[หรือว่าจะหาข้ออ้างให้อวี๋ผินมารับนางกลับไปดีกว่า เราไม่มีแรงจริง ๆ ต้องขอโทษเจ้าด้วย]

ยังไม่ทันจะได้ฟังจนจบ เจียงหวนก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นเสียงดัง “ตุบ” ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ฝ่าบาท ท่านไม่อยากเรียกสนมมาปรนนิบัติ ก็ไม่ควรจะมาล้อหม่อมฉันเล่นแบบนี้สิเพคะ?

ตอนนี้อวี๋ผินก็มองนางเป็นหนามยอกอกอยู่แล้ว หากถูกอวี๋ผินรับตัวกลับไป เกรงว่าในอนาคตนางจะไม่มีเงินแม้แต่จะเข้าครัวเล็กไปทำอาหารกินแล้ว!

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยเพคะ วันนี้หม่อมฉันมาอย่างเร่งรีบ มิได้อาบน้ำแต่งตัว ไม่กล้าทำให้เบื้องพระพักตร์และพระกรรณต้องมัวหมอง มิสู้ให้หม่อมฉันนวดพระอังสาและบีบพระเพลา ปรนนิบัติให้ท่านพักผ่อนดีกว่านะเพคะ”

หัวใจดวงน้อยของเจียงหวนเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมา ความกล้าแทบจะมลายหายสิ้น นางรู้เพียงว่า คืนนี้หากกลับไปที่ตำหนักจิ่นหวาจริง ๆ คงไม่ได้จบแค่การคุกเข่าทั้งคืนแน่

เจียงหวนไม่ได้คิดจะถวายตัวจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น แค่ได้มาคลุกคลีอยู่ในตำหนักฝ่าบาทหนึ่งคืน...

หากได้ชื่อว่าเป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว ชีวิตในวันข้างหน้าย่อมดีขึ้นอย่างแน่นอน!

[เจียงเสวี่ยนซื่อคนนี้ยังนับว่ารู้จักกาละเทศะ แต่เราหิวจนตาลายแล้ว ไม่อยากจะมาเสียเวลากับสตรีอีก รีบไล่ไปเสียดีกว่า]

เมื่อได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน เจียงหวนก็กัดฟันหลับตาแน่น ควักปูสามตัวที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อมานานครึ่งชั่วยามออกมา

“วันนี้หม่อมฉันนำของบางอย่างกลับมาจากงานเลี้ยงในวัง ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะสนพระทัยหรือไม่เพคะ?”

เมื่อเจียงหวนเผยให้เห็นปูสามตัวนั้น ดวงพระเนตรของฮั่วหลินก็พลันสว่างวาบขึ้นมาอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า

[ปู? เจียงเสวี่ยนซื่อเอาปูกลับมาด้วยหรือ? แถมยังแกะไว้แล้วด้วย?]

[ยังต้องถามอีกหรือ? คุกเข่าโง่ ๆ อยู่ตรงนั้นทำไม ไม่รีบยื่นมาให้เรา หรือจะรอให้เราเดินไปหยิบเอง?]

เจียงหวนฟังแล้วปวดหัวตุบ ๆ ฝ่าบาท พระองค์ไม่ได้ตรัสอะไรออกมาเลย หม่อมฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าทรงต้องการหรือไม่?

ยามปกติพระองค์ก็ทรงเงียบแบบนี้ ข้ารับใช้คนไหนจะไปเดาพระทัยถูกกันเล่า?

เจียงหวนยื่นปูทั้งสามตัวให้ มองดูฮั่วหลินเสวยอย่างเชื่องช้า ท่วงท่าสง่างาม มีเพียงเสียงในหัวเท่านั้นที่กำลังโหวกเหวกโวยวาย

[ปูมีฤทธิ์เย็นแล้วจะทำไม? เราจะกิน เราจะกินให้หมดในคราวเดียว ให้หวังเต๋อกุ้ยมันโมโหตายไปเลย!]

[น่าเสียดาย มีปูแค่สามตัวเอง ท้องยังไม่อิ่มเลย แต่ก็ดีกว่าเมื่อครู่มากแล้ว]

[ทั้งวังมีคนตั้งมากมาย มีแค่เจียงเสวี่ยนซื่อคนเดียวที่รู้จักหาของกินมาป้อนเรา ไว้วันหลังจะสั่งตัดหัวให้หมด!]

นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่เจียงหวนได้ยินฮั่วหลินคิดจะสั่งตัดหัวคนในวัง แม้จะรู้ว่าฮั่วหลินอาจจะแค่พูดระบายอารมณ์ แต่เจียงหวนก็ยังอดที่จะกลัวไม่ได้อยู่ดี

อย่างไรเสียนี่ก็คือฮ่องเต้ ส่วนนางเป็นเพียงสนมเสวี่ยนซื่อตำแหน่งปลายแถวที่ต่ำต้อยสุด ๆ ไม่มีบิดาเป็นแม่ทัพคอยหนุนหลัง หากปรนนิบัติไม่ดีพอ อย่าว่าแต่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย แค่รักษาชีวิตรอดก็ยากแล้ว

ตอนนี้ฮั่วหลินเสวยเสร็จแล้ว กระดองปูถูกโยนทิ้งไว้ข้าง ๆ แล้ววางพระหัตถ์ทั้งสองข้างไว้บนพระชานุ

[เจียงเสวี่ยนซื่อตาบอดหรือไร ไม่รู้จักเช็ดมือให้เราบ้างหรือ? เดี๋ยวจะไล่นางออกไปเลย!]

หัวใจดวงน้อยของเจียงหวนเต้นไม่เป็นจังหวะ นางอุตส่าห์ซ่อนปูมาตั้งนาน ตัวเองยังไม่ได้กินสักคำ ทั้งหมดให้ฝ่าบาทเสวยไปแล้ว เหตุใดพระองค์ถึงได้พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ คิดจะไล่นางไปอีกเล่า?

เจียงหวนรีบยกอ่างน้ำเข้ามา ปรนนิบัติฮั่วหลินล้างพระหัตถ์ แล้วใช้ผ้าเช็ดจนแห้งสะอาดหมดจด จึงจะกล้าเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัว

“เช่นนั้นให้หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาทเข้าบรรทม แล้วหม่อมฉันจะไปพักที่ตั่งเล็กในห้องโถงด้านนอกนะเพคะ?”

ก่อนที่ฮั่วหลินจะได้เอ่ยปากไล่นาง เจียงหวนก็ชิงเสนอทางออกขึ้นมาก่อน

[เจียงเสวี่ยนซื่อไม่อยากถวายตัว? หรือว่านางมีคนรักในวังอยู่แล้ว?]

เสียงในใจประโยคนี้ เกือบจะทำให้เจียงหวนเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ถวายตัวก็ไม่ได้ ไม่ถวายตัวก็ไม่ได้

ฝ่าบาท หากจะทรงสังหารกันก็โปรดบอกมาตรง ๆ เถิดเพคะ!

“วันนี้ฝ่าบาททรงเหนื่อยล้าจากราชกิจ ในงานเลี้ยงก็ทรงดื่มไปไม่น้อย หม่อมฉันฐานะต้อยต่ำ ไม่กล้ารบกวนพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์เพคะ”

เจียงหวนรู้สึกว่าตัวเองช่างต่ำต้อยเสียเหลือเกิน ยิ่งกว่าตอนเป็นทาสแรงงานในชาติที่แล้วอีก อย่างไรเสีย ถ้าทำพลาดในวังหลวง นั่นหมายถึงเสียชีวิตจริง ๆ

ภายใต้สายพระเนตรอันร้อนแรงของฮั่วหลิน เจียงหวนกัดฟันฝืนทนอยู่นาน กว่าจะได้ยินเขาเอ่ยออกมา

“เช่นนั้นก็ไปพักที่ห้องโถงด้านนอกเถิด เรื่องในคืนนี้ ห้ามนำไปพูดกับคนนอก”

เจียงหวนถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบคุกเข่าขอบพระทัยทันที

“ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้ หม่อมฉันจะไม่แพร่งพรายแม้แต่ครึ่งคำเพคะ!”

ได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลินมานานขนาดนี้ มีหรือที่เจียงหวนจะไม่รู้ว่าในใจของเขากังวลเรื่องอะไร?

ก็แค่ไม่อยากให้ไทเฮาทรงทราบว่า สนมที่เขาเรียกมาถวายตัว สุดท้ายกลับไปนอนอยู่ที่ห้องโถงด้านนอก แต่ทันทีที่หันหลังเดินจากไป เจียงหวนก็ได้ยินเสียงพึมพำในหัวอีกครั้ง

[วันนี้กินปูไปตั้งสามตัวรวด ถ้าหวังเต๋อกุ้ยรู้เข้า ทางไทเฮาคงได้บ่นอีกยาว]

[ดูท่าเจียงเสวี่ยนซื่อก็ไม่น่าจะเป็นคนปากสว่าง หากนางกล้าพูดจาเหลวไหล เราจะเย็บปิดปากนางเสียเลย!]

เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเจียงหวน

อ้อ ที่แท้ฝ่าบาทกังวลว่าเรื่องที่ทรงเสวยปูจะไปถึงพระกรรณไทเฮานี่เอง...

นอนที่ห้องโถงด้านนอก เจียงหวนนอนหลับไม่สนิทเลย ตลอดทั้งคืนเสียงในหัวของเจียงหวนก็ไม่เคยหยุดลง

เดี๋ยวก็ร้องว่า “หิว” เดี๋ยวก็ว่า “พวกผู้หญิงในวังหลังนี่น่ารำคาญเสียจริง ถ้าตายพร้อมกันหมดได้ก็ดี” แล้วก็ “พวกขุนนางนั่นถ้าไม่ทำให้เราโมโหจะตายหรือไร? วัน ๆ เอาแต่ร้องว่าราษฎรทุกข์ยากลำบาก เราเองก็กินไม่อิ่มเหมือนกันนะ!”

ถูกรบกวนเช่นนี้ทั้งคืน เจียงหวนก็ลุกขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ขอบตาคล้ำยิ่งกว่าหมีแพนด้าเสียอีก ก่อนที่เหล่านางกำนัลขันทีที่อยู่ด้านนอกจะเข้ามาปรนนิบัติอาบน้ำ เจียงหวนก็เข้าไปในตำหนักเพื่อปรนนิบัติให้ฮั่วหลินตื่นบรรทม

“ฝ่าบาท ได้เวลาแล้วเพคะ ถึงเวลาต้องไปว่าราชการแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status