Share

บทที่ 3

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
หา? ถวายตัว?

สมองของเจียงหวนพลันระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ ในขณะที่หันกลับไปก็สบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาของอวี๋ผินเข้าพอดี

แค่ส่งบัวลอยถ้วยเดียวก็ถูกหาว่าแย่งชิงความโปรดปราน ประจบประแจงเบื้องสูงแล้ว หากถวายตัวกลับมา นางจะไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการก่อความวุ่นวายในวังหลังหรอกหรือ?

“นายหญิงน้อย อย่ามัวชักช้าอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ ทางฝ่าบาททรงเร่งมาแล้ว!”

ขันทีน้อยเร่งเร้าอีกครั้ง เจียงหวนจึงลุกขึ้น เดินตามเขาออกไปข้างนอกทั้งที่ในสมองยังว่างเปล่า นางแค่อยากจะย้ายออกจากตำหนักจิ่นหวา ไปอยู่คนเดียวไกล ๆ ให้พ้นจากเรื่องวุ่นวาย ฝ่าบาทไม่ได้เหยียบย่างเข้ามาในวังหลังตั้งสามปีแล้ว เพียงเพราะบัวลอยถ้วยเดียวถึงกับเรียกนางถวายตัว มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ?

พอเดินมาได้ครึ่งทาง เจียงหวนก็พลันนึกขึ้นได้

เดี๋ยวนะ นางยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และการถวายตัวก็ไม่ได้ขึ้นเกี้ยวเฟิ่งหลวนชุนเอิน ฝ่าบาททรงเรียกสนมมาปรนนิบัติเป็นครั้งแรกง่าย ๆ แบบนี้เลยหรือ?

ระหว่างทาง ขันทีน้อยอธิบายว่า “นายหญิงน้อยอย่าได้คิดมากไปเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คืนนี้อาจจะเร่งด่วนไปบ้าง แต่ท่านก็เป็นคนเดียวที่ได้รับความโปรดปรานมิใช่หรือ?”

“บ่าวขอเตือนท่านสักหน่อย ตอนนี้ฝ่าบาททรงอารมณ์ไม่ดีนัก ไม่ว่าท่านจะพูดหรือทำอะไรก็ระวังหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ”

ขันทีน้อยกลืนน้ำลาย มองร่างเล็ก ๆ ของเจียงหวนด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย คืนนี้ฝ่าบาททรงขัดพระประสงค์ของไทเฮาไม่ได้จริง ๆ หลังจากทอดพระเนตรป้ายชื่อในกรมวังฝ่ายในแล้ว สุดท้ายก็ทรงระบุชื่อเจียงเสวี่ยนซื่อแต่เพียงผู้เดียว

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้อวี๋ผินเคยใช้เงินยัดใต้โต๊ะเพื่อถอดป้ายชื่อสีเขียวของเจียงหวนออกไปแล้ว แต่หลังจากคืนนี้ไป ไม่รู้ว่าเจียงหวนจะโด่งดังในชั่วข้ามคืน หรือจะถูกส่งไปที่ตำหนักเย็นกันแน่

อย่างไรเสีย ตอนนี้ฝ่าบาททรงไม่พอพระทัยอย่างยิ่งจริง ๆ ยามปกติพระองค์ก็อารมณ์ร้ายอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นทุบตีหรือสังหารข้ารับใช้ แต่เวลาพิโรธขึ้นมาก็มีการทุ่มข้าวของหรือใช้พระบาทถีบบ้างเป็นครั้งคราว

ร่างกายของเจียงเสวี่ยนซื่อผู้นี้ เกรงว่าจะทนแรงถีบของฝ่าบาทแม้เพียงครึ่งเดียวก็ไม่ไหว...

“อืม เจ้าค่ะ ขอบคุณกงกงที่ชี้แนะ”

เจียงหวนก้าวเข้าสู่ตำหนักหย่างซิน ในหัวยังคงมึนงงไม่กระจ่างนัก

“ในเมื่อมาแล้ว ยังจะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นทำไม?”

จนกระทั่งฮั่วหลินตรัสด้วยเสียงทุ้มต่ำ เจียงหวนจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าอันหนักอึ้งเข้าไปข้างหน้า

[น่ารำคาญชะมัด! วัน ๆ เอาแต่จะให้เลือกป้ายชื่อ ๆ ข้ายังกินไม่อิ่มท้องเลย แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปมีหลานให้ไทเฮา?]

[ชีวิตนี้คงได้แค่นี้แหละ ไม่เป็นบุรุษก็ช่างเถิด ข้าไม่มีแรงจะมีลูก เจียงเสวี่ยนซื่อคนนี้ทำบัวลอยให้เรา แกะปูให้เรา ก็ถือว่าเป็นคนดี]

[หรือว่าจะหาข้ออ้างให้อวี๋ผินมารับนางกลับไปดีกว่า เราไม่มีแรงจริง ๆ ต้องขอโทษเจ้าด้วย]

ยังไม่ทันจะได้ฟังจนจบ เจียงหวนก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นเสียงดัง “ตุบ” ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ฝ่าบาท ท่านไม่อยากเรียกสนมมาปรนนิบัติ ก็ไม่ควรจะมาล้อหม่อมฉันเล่นแบบนี้สิเพคะ?

ตอนนี้อวี๋ผินก็มองนางเป็นหนามยอกอกอยู่แล้ว หากถูกอวี๋ผินรับตัวกลับไป เกรงว่าในอนาคตนางจะไม่มีเงินแม้แต่จะเข้าครัวเล็กไปทำอาหารกินแล้ว!

“ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วยเพคะ วันนี้หม่อมฉันมาอย่างเร่งรีบ มิได้อาบน้ำแต่งตัว ไม่กล้าทำให้เบื้องพระพักตร์และพระกรรณต้องมัวหมอง มิสู้ให้หม่อมฉันนวดพระอังสาและบีบพระเพลา ปรนนิบัติให้ท่านพักผ่อนดีกว่านะเพคะ”

หัวใจดวงน้อยของเจียงหวนเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมา ความกล้าแทบจะมลายหายสิ้น นางรู้เพียงว่า คืนนี้หากกลับไปที่ตำหนักจิ่นหวาจริง ๆ คงไม่ได้จบแค่การคุกเข่าทั้งคืนแน่

เจียงหวนไม่ได้คิดจะถวายตัวจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น แค่ได้มาคลุกคลีอยู่ในตำหนักฝ่าบาทหนึ่งคืน...

หากได้ชื่อว่าเป็นสนมคนแรกที่ได้ถวายตัว ชีวิตในวันข้างหน้าย่อมดีขึ้นอย่างแน่นอน!

[เจียงเสวี่ยนซื่อคนนี้ยังนับว่ารู้จักกาละเทศะ แต่เราหิวจนตาลายแล้ว ไม่อยากจะมาเสียเวลากับสตรีอีก รีบไล่ไปเสียดีกว่า]

เมื่อได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลิน เจียงหวนก็กัดฟันหลับตาแน่น ควักปูสามตัวที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อมานานครึ่งชั่วยามออกมา

“วันนี้หม่อมฉันนำของบางอย่างกลับมาจากงานเลี้ยงในวัง ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะสนพระทัยหรือไม่เพคะ?”

เมื่อเจียงหวนเผยให้เห็นปูสามตัวนั้น ดวงพระเนตรของฮั่วหลินก็พลันสว่างวาบขึ้นมาอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า

[ปู? เจียงเสวี่ยนซื่อเอาปูกลับมาด้วยหรือ? แถมยังแกะไว้แล้วด้วย?]

[ยังต้องถามอีกหรือ? คุกเข่าโง่ ๆ อยู่ตรงนั้นทำไม ไม่รีบยื่นมาให้เรา หรือจะรอให้เราเดินไปหยิบเอง?]

เจียงหวนฟังแล้วปวดหัวตุบ ๆ ฝ่าบาท พระองค์ไม่ได้ตรัสอะไรออกมาเลย หม่อมฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าทรงต้องการหรือไม่?

ยามปกติพระองค์ก็ทรงเงียบแบบนี้ ข้ารับใช้คนไหนจะไปเดาพระทัยถูกกันเล่า?

เจียงหวนยื่นปูทั้งสามตัวให้ มองดูฮั่วหลินเสวยอย่างเชื่องช้า ท่วงท่าสง่างาม มีเพียงเสียงในหัวเท่านั้นที่กำลังโหวกเหวกโวยวาย

[ปูมีฤทธิ์เย็นแล้วจะทำไม? เราจะกิน เราจะกินให้หมดในคราวเดียว ให้หวังเต๋อกุ้ยมันโมโหตายไปเลย!]

[น่าเสียดาย มีปูแค่สามตัวเอง ท้องยังไม่อิ่มเลย แต่ก็ดีกว่าเมื่อครู่มากแล้ว]

[ทั้งวังมีคนตั้งมากมาย มีแค่เจียงเสวี่ยนซื่อคนเดียวที่รู้จักหาของกินมาป้อนเรา ไว้วันหลังจะสั่งตัดหัวให้หมด!]

นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่เจียงหวนได้ยินฮั่วหลินคิดจะสั่งตัดหัวคนในวัง แม้จะรู้ว่าฮั่วหลินอาจจะแค่พูดระบายอารมณ์ แต่เจียงหวนก็ยังอดที่จะกลัวไม่ได้อยู่ดี

อย่างไรเสียนี่ก็คือฮ่องเต้ ส่วนนางเป็นเพียงสนมเสวี่ยนซื่อตำแหน่งปลายแถวที่ต่ำต้อยสุด ๆ ไม่มีบิดาเป็นแม่ทัพคอยหนุนหลัง หากปรนนิบัติไม่ดีพอ อย่าว่าแต่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเลย แค่รักษาชีวิตรอดก็ยากแล้ว

ตอนนี้ฮั่วหลินเสวยเสร็จแล้ว กระดองปูถูกโยนทิ้งไว้ข้าง ๆ แล้ววางพระหัตถ์ทั้งสองข้างไว้บนพระชานุ

[เจียงเสวี่ยนซื่อตาบอดหรือไร ไม่รู้จักเช็ดมือให้เราบ้างหรือ? เดี๋ยวจะไล่นางออกไปเลย!]

หัวใจดวงน้อยของเจียงหวนเต้นไม่เป็นจังหวะ นางอุตส่าห์ซ่อนปูมาตั้งนาน ตัวเองยังไม่ได้กินสักคำ ทั้งหมดให้ฝ่าบาทเสวยไปแล้ว เหตุใดพระองค์ถึงได้พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ คิดจะไล่นางไปอีกเล่า?

เจียงหวนรีบยกอ่างน้ำเข้ามา ปรนนิบัติฮั่วหลินล้างพระหัตถ์ แล้วใช้ผ้าเช็ดจนแห้งสะอาดหมดจด จึงจะกล้าเงยหน้าขึ้นด้วยความหวาดกลัว

“เช่นนั้นให้หม่อมฉันปรนนิบัติฝ่าบาทเข้าบรรทม แล้วหม่อมฉันจะไปพักที่ตั่งเล็กในห้องโถงด้านนอกนะเพคะ?”

ก่อนที่ฮั่วหลินจะได้เอ่ยปากไล่นาง เจียงหวนก็ชิงเสนอทางออกขึ้นมาก่อน

[เจียงเสวี่ยนซื่อไม่อยากถวายตัว? หรือว่านางมีคนรักในวังอยู่แล้ว?]

เสียงในใจประโยคนี้ เกือบจะทำให้เจียงหวนเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น ถวายตัวก็ไม่ได้ ไม่ถวายตัวก็ไม่ได้

ฝ่าบาท หากจะทรงสังหารกันก็โปรดบอกมาตรง ๆ เถิดเพคะ!

“วันนี้ฝ่าบาททรงเหนื่อยล้าจากราชกิจ ในงานเลี้ยงก็ทรงดื่มไปไม่น้อย หม่อมฉันฐานะต้อยต่ำ ไม่กล้ารบกวนพระวรกายอันศักดิ์สิทธิ์เพคะ”

เจียงหวนรู้สึกว่าตัวเองช่างต่ำต้อยเสียเหลือเกิน ยิ่งกว่าตอนเป็นทาสแรงงานในชาติที่แล้วอีก อย่างไรเสีย ถ้าทำพลาดในวังหลวง นั่นหมายถึงเสียชีวิตจริง ๆ

ภายใต้สายพระเนตรอันร้อนแรงของฮั่วหลิน เจียงหวนกัดฟันฝืนทนอยู่นาน กว่าจะได้ยินเขาเอ่ยออกมา

“เช่นนั้นก็ไปพักที่ห้องโถงด้านนอกเถิด เรื่องในคืนนี้ ห้ามนำไปพูดกับคนนอก”

เจียงหวนถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบคุกเข่าขอบพระทัยทันที

“ฝ่าบาททรงวางพระทัยได้ หม่อมฉันจะไม่แพร่งพรายแม้แต่ครึ่งคำเพคะ!”

ได้ยินเสียงในใจของฮั่วหลินมานานขนาดนี้ มีหรือที่เจียงหวนจะไม่รู้ว่าในใจของเขากังวลเรื่องอะไร?

ก็แค่ไม่อยากให้ไทเฮาทรงทราบว่า สนมที่เขาเรียกมาถวายตัว สุดท้ายกลับไปนอนอยู่ที่ห้องโถงด้านนอก แต่ทันทีที่หันหลังเดินจากไป เจียงหวนก็ได้ยินเสียงพึมพำในหัวอีกครั้ง

[วันนี้กินปูไปตั้งสามตัวรวด ถ้าหวังเต๋อกุ้ยรู้เข้า ทางไทเฮาคงได้บ่นอีกยาว]

[ดูท่าเจียงเสวี่ยนซื่อก็ไม่น่าจะเป็นคนปากสว่าง หากนางกล้าพูดจาเหลวไหล เราจะเย็บปิดปากนางเสียเลย!]

เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของเจียงหวน

อ้อ ที่แท้ฝ่าบาทกังวลว่าเรื่องที่ทรงเสวยปูจะไปถึงพระกรรณไทเฮานี่เอง...

นอนที่ห้องโถงด้านนอก เจียงหวนนอนหลับไม่สนิทเลย ตลอดทั้งคืนเสียงในหัวของเจียงหวนก็ไม่เคยหยุดลง

เดี๋ยวก็ร้องว่า “หิว” เดี๋ยวก็ว่า “พวกผู้หญิงในวังหลังนี่น่ารำคาญเสียจริง ถ้าตายพร้อมกันหมดได้ก็ดี” แล้วก็ “พวกขุนนางนั่นถ้าไม่ทำให้เราโมโหจะตายหรือไร? วัน ๆ เอาแต่ร้องว่าราษฎรทุกข์ยากลำบาก เราเองก็กินไม่อิ่มเหมือนกันนะ!”

ถูกรบกวนเช่นนี้ทั้งคืน เจียงหวนก็ลุกขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ขอบตาคล้ำยิ่งกว่าหมีแพนด้าเสียอีก ก่อนที่เหล่านางกำนัลขันทีที่อยู่ด้านนอกจะเข้ามาปรนนิบัติอาบน้ำ เจียงหวนก็เข้าไปในตำหนักเพื่อปรนนิบัติให้ฮั่วหลินตื่นบรรทม

“ฝ่าบาท ได้เวลาแล้วเพคะ ถึงเวลาต้องไปว่าราชการแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 382

    เจียงหวนเห็นท่าทางสับสนมึนงงของนาง ก็รู้สึกอดขำไม่ได้การตอบสนองนี้ ช้าจนอ้อมโลกได้สองรอบครึ่งแล้วกระมังแต่ดูจากที่เปลี่ยนเรื่องพูดแล้ว แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ“อืม” เจียงหวนรับคำ “ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลินกุ้ยผิน รับสั่งให้ย้ายเข้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตะวันตก ภายหน้าเจ้าก็รักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ”“ฮือ ๆ ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระสนม”เหอหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา นางกอดแขนของเจียงหวนไว้แน่น หากไม่ใช่ว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว นางยังอยากคุกเข่าโขกหัวให้ด้วยซ้ำ“พระสนม พระสนมดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉัน… วันหน้าไม่ว่าสิ่งใดหม่อมฉันล้วนเชื่อฟังพระสนมเพคะ”เจียงหวนถูกนางกอดจนรู้สึกอึดอัด อยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิมครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายของเหอหลิงที่สั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายนางจึงกอดตอบเบาๆเหมือนปลาหมึกน้อยขี้กลัวไม่มีผิดเลยกอดแน่นขนาดนี้ กระดูกแทบจะหักอยู่แล้วแต่เห็นแก่ที่นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญหนีดีฝ่อมา ปล่อยให้กอดสักครู่ก็ได้ในขณะเดียวกัน เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยดังมาจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ฮั่วหลินสะสางเรื่องราววุ่นวายใน

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 381

    [ฮั่วถิง! เจ้าปีศาจชั่วนั่น!] เหอหลิงจมอยู่ในความอัดอั้นตันใจและความหวาดผวาอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเม็ดใหญ่ๆ พรั่งพรูไม่ขาดสาย“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงหวนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางเอ่ยหยอกล้อจากนั้นก็ตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าให้หายร้อนเล็กน้อย ก่อนจะป้อนให้นาง “มีอะไรประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดื่มยาก่อนเถิด”เหอหลิงอ้าปากอย่างว่าง่าย ยาขมๆ ไหลลงคอ ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้[ขมจัง][แต่พระสนมเป็นคนป้อน ต่อให้ขมอีกแค่ไหนก็กลายเป็นหวานแล้ว]นางดื่มยาทีละคำๆ ขณะที่น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ผสมเข้ากับยา ทั้งขมทั้งเค็มเจียงหวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ก็อดทอนถอนใจไม่ได้ร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว น้ำหูน้ำตาไหลลงมาผสมกับยาแล้ว นี่คิดจะเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพของยา’ หรืออย่างไรช่างเถิด อย่างไรก็ควรระบายออกมาบ้างหลังจากป้อนยาถ้วยหนึ่งหมดอย่างยากลำบาก สีหน้าของเหอหลิงคล้ายว่าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลทะลักออกมาจนน่ากลัวนางมองเจียงหวน ริมฝีปากสั่นเทา คล้ายมีคำพูดในใจเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงที่ใด“เอาล่ะๆ ร้องไห้จนตาบวมแล้ว เหมือนกบในอุทยานหลวงเลย”เจียงหวนวางถ้วยยาลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status