Share

บทที่ 6

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
“นายหญิงน้อยผู้แสนดีของบ่าว นี่มันเวลาไหนแล้ว ท่านยังจะคิดเรื่องกินอยู่อีกหรือ!”

เมื่อเสี่ยวเจาได้ยินว่านางยังคงคิดถึงหม้อเหล็กใบใหญ่นั่นอยู่ ก็ร้อนใจจนเดินวนไปวนมา

พวกคนในวังหลังเลือกปฏิบัติกับคนอื่นตามฐานะ ไม่ใช่เพิ่งจะเป็นแค่วันสองวันนี้ พอมีเรื่องไม่สบอารมณ์เข้าหน่อย ก็เอานายหญิงน้อยของนางมาเป็นที่ระบาย

ตอนนี้อุตส่าห์ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ไม่ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน แต่กลับจะมาจุดไฟทำกับข้าวตอนร้อน ๆ เนี่ยนะ???

“หากปล่อยให้อวี๋ผินได้รับความโปรดปรานขึ้นมา หางของนางได้ชี้ขึ้นฟ้าจนทิ่มหน้านายหญิงน้อยแน่เพคะ”

เจียงหวนเท้าคางมองนางอย่างเฉยเมย

“พูดจบแล้วหรือยัง?”

เสี่ยวเจาชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า

“เช่นนั้นก็รีบไปยกหม้อเหล็กมาเถอะ”

เสี่ยวเจาแทบจะมืดไปแปดด้าน เหตุใดนายหญิงน้อยของนางถึงได้ดื้อรั้นพูดอะไรก็ไม่ฟังเช่นนี้!

เจียงหวนกลับแหงนหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจ ตอนนี้นางถูกกักบริเวณ จะให้ทำอย่างไรได้อีก?

จะให้ร้องไห้ฟูมฟายไปอ้อนวอนฮั่วหลินอย่างนั้นหรือ?

เกรงว่าน้ำมูกน้ำตายังไม่ทันได้เช็ดให้แห้ง ผ้าแพรขาวคงได้มาพันรอบคอตายเสียก่อน

“ไหน ๆ ก็ออกไปไม่ได้แล้ว สู้เติมท้องให้อิ่มก่อนดีกว่า”

ขณะพูด นางก็หยิบขนมจากในจานขึ้นมาอีกชิ้นแล้วยัดเข้าปาก จนแก้มตุ่ยเหมือนกระรอกที่กำลังแอบกินอาหาร

เสี่ยวเจายังคงทำหน้าเศร้า มองเจียงหวนตาแป๋ว

เจียงหวนจึงต้องใช้ไม้ตายสุดท้าย

“ถ้าข้ากินไม่อิ่ม ผอมโซจนดูซูบซีดแล้ว อวี๋ผินจะไม่หัวเราะจนปากจะฉีกถึงหูเลยหรือ?”

“พอฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นว่าข้างกายมีหญิงแก่หน้าโทรมอยู่คนหนึ่ง เกิดไม่พอพระทัยขึ้นมาแล้วสั่งให้ข้าไปอยู่ตำหนักเย็น ชีวิตครึ่งหลังของพวกเราสองคนก็จบสิ้นกันพอดี”

ปากพูดไปอย่างนั้น แต่ในใจเจียงหวนกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น

นางไม่ได้อยากจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เลยแม้แต่น้อย!

ชาติที่แล้วดูละคร ในวังหลังมีสตรีมากมายเท่าไรที่ต้องตายเพราะแย่งชิงความโปรดปราน ส่วนนางก็เป็นแค่คนที่อยากใช้ชีวิตไปวัน ๆ

แก่งแย่งชิงดีในวัง?

ไม่ ๆ ๆ นั่นไม่เหมาะกับนาง!

ทางที่ดีที่สุดคือให้ฮ่องเต้ลืมนางไปให้หมดสิ้น ปล่อยให้นางอยู่ในตำหนักเล็ก ๆ แห่งนี้ ทุกวันได้ไปทำอาหารกินกับเสี่ยวเจาที่ครัวเล็ก แค่นี้นางก็พอใจมากแล้ว!

สายตาของเสี่ยวเจาสั่นไหว ถูกเจียงหวนเกลี้ยกล่อมจนใจอ่อน ในที่สุดก็ยอมพาเจียงหวนไปดูหม้อเหล็กที่นางเฝ้ารอคอย

ทันทีที่เข้าครัวเล็ก เจียงหวนก็รู้สึกสบายใจดุจปลาได้น้ำ นางมองหม้อเหล็กที่เสี่ยวเจาซื้อกลับมาแล้ว รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

“เสี่ยวเจา เจ้าไปอุ้มห่านอ้วน ๆ มาตัวหนึ่ง วันนี้ข้าจะทำห่านตุ๋นในหม้อเหล็ก”

เสี่ยวเจาได้ยินแล้วก็รีบวิ่งออกไปอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็อุ้มห่านอ้วนกลมกลับมาหนึ่งตัว

เจียงหวนรับห่านมา บิดคอห่านเบา ๆ จัดการถอนขน ผ่าท้อง ควักเครื่องในออกมาอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางชำนาญราวกับเป็นแม่ครัวมาหลายปี

“พระสนม ฝีมือของท่านถ้าไปอยู่ข้างนอกวัง รับรองว่าเปิดภัตตาคารหรูได้สบายเลยเพคะ”

ดวงตาของเสี่ยวเจาเป็นประกาย แทบจะเข้าไปช่วยไม่ทัน ได้แต่อยู่ข้าง ๆ และกล่าวชื่นชมไม่หยุดปาก

เจียงหวนรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อย มือก็ขยับอย่างรวดเร็ว

ก่อนที่จะทะลุมิติเข้ามาในนิยาย นางก็เลี้ยงดูตัวเองเป็นอย่างดี

จะลำบากใครก็ช่างเถอะ แต่ปากท้องตัวเองต้องมาก่อน

หม้อเหล็กถูกเผาบนเตาไฟจนแดงฉาน เจียงหวนเทน้ำมันงาสองสามช้อนลงไป น้ำมันเดือดปุด ๆ อยู่ในหม้อ

นางเทชิ้นห่านที่หั่นไว้ลงไปในหม้อ ใช้ตะหลิวผัดไปมา เนื้อห่านส่งเสียง “ฉ่า ๆ ” อยู่ในหม้อ กลิ่นหอมเริ่มฟุ้งกระจายไปทั่วครัว

หนึ่งเค่อต่อมา เจียงหวนเปิดฝาหม้อ ห่านตุ๋นหม้อเหล็กที่ร้อนระอุส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ นางตักห่านตุ๋นใส่ชามใบใหญ่ แล้วโรยหน้าด้วยผักชีซอย

“กินข้าวได้!”

นับตั้งแต่เจียงหวนทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ก็มักจะพาเสี่ยวเจามาดื่มกินด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง เสี่ยวเจาก็คุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงของเจียงหวนในช่วงนี้แล้ว

นางตักข้าวสวยมาสองชาม นั่งลงที่โต๊ะเตี้ยในครัวแล้วกินข้าวกับเจียงหวน

เสี่ยวเจารีบคีบเนื้อห่านขึ้นมาหนึ่งชิ้น แล้วกัดเข้าไปหนึ่งคำ

“นายหญิงน้อย เนื้อห่านนี้นุ่มมากเลยเพคะ!”

เจียงหวนก็คีบเนื้อห่านขึ้นมาหนึ่งชิ้น กัดเข้าไปเบา ๆ

เนื้อห่านสดใหม่นุ่มชุ่มฉ่ำ มันฝรั่งและแครอทก็นุ่มละมุนเข้าเนื้อ น้ำซอสเข้มข้นกลมกล่อม

ต้องเป็นอาหารจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือบ้านเราถึงจะกินอร่อย!

“ห่านตุ๋นหม้อเหล็กนี่ ช่วยให้หายอยากจริง ๆ ” เจียงหวนถอนหายใจอย่างพึงพอใจ

เสี่ยวเจากินข้าวคำหนึ่งกับข้าวคำหนึ่ง กินอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มตุ่ย “พระสนมเพคะ ห่านตุ๋นหม้อเหล็กที่ท่านทำนี้ หากฝ่าบาทได้ลองชิม จะต้องทรงโปรดแน่ ๆ เพคะ!”

เมื่อนึกถึงเสียงในใจของฮ่องเต้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจียงหวนก็ก้มหน้าก้มตากัดเนื้อห่านคำใหญ่เข้าไปอีกคำ

แม้แต่ข้าวร้อน ๆ ยังไม่ได้กิน ท้องก็ว่างอยู่ตลอดเวลา

อันที่จริง การเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ได้ดีอะไรนักหนา

สองนายบ่าวนั่งอยู่ที่โต๊ะเตี้ย กินไปคุยไปอย่างสบายอารมณ์

อีกด้านหนึ่ง อวี๋ผินที่ได้พูดคุยกับฮ่องเต้เพราะบัวลอยถ้วยเดียว ก็ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจเจียงหวนอีก เอาแต่คิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้รับความโปรดปรานมากยิ่งขึ้น

วันรุ่งขึ้น ฟ้าเพิ่งจะสาง อวี๋ผินก็ให้ชุ่ยอิงปรนนิบัติล้างหน้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็พาคนมุ่งหน้าไปยังห้องครัวอย่างกระตือรือร้น

บรรดานางกำนัลในครัวเห็นดังนั้น ก็รีบวางมือจากงานของตน แล้วคุกเข่าลงทำความเคารพ

“บ่าวคารวะอวี๋ผิน”

อวี๋ผินเชิดคางขึ้น ไม่แม้แต่จะชายตามองพวกนาง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะพูดคุยกับคนพวกนี้ด้วยซ้ำ

ชุ่ยอิงก้าวไปข้างหน้า โบกมือให้เหล่านางกำนัลในครัว “เอาละ พวกเจ้าออกไปให้หมด”

เมื่อนายหญิงมีคำสั่ง เหล่านางกำนัลจะกล้าไม่ฟังได้อย่างไร รีบขานรับแล้วออกจากห้องครัวไปทันที

ในห้องครัวเหลือเพียงอวี๋ผินและชุ่ยอิงสองคน ก่อนหน้านี้อวี๋ผินก็เคยมาทำอาหารที่นี่แล้ว จึงพอจะรู้ว่าวัตถุดิบเก็บไว้ที่ไหน

นางสั่งให้ชุ่ยอิงนำแป้งข้าวเหนียวมา ล้างมือของตนเองจนสะอาด แล้วก็เริ่มลงมือทำบัวลอย

ชุ่ยอิงเห็นดังนั้นก็รีบกล่าวว่า “พระสนมเพคะ ท่านสูงศักดิ์เพียงนี้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ให้บ่าวทำดีกว่านะเพคะ”

“ไม่ได้” อวี๋ผินส่ายหน้าอย่างแน่วแน่

นี่คืออนาคตของนาง จะให้คนอื่นทำนางไม่วางใจ

เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของฮ่องเต้ตอนที่นางนำบัวลอยไปถวายเมื่อวานนี้ มุมปากของอวี๋ผินก็ยกสูงขึ้น ในใจรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

“ฝ่าบาททรงโปรดบัวลอยที่ข้าทำ แน่นอนว่าข้าต้องลงมือทำด้วยตนเอง มีเพียงทำเช่นนี้ จึงจะแสดงถึงความจริงใจของข้าได้”

“พระสนมตรัสได้ถูกต้องที่สุดเพคะ” ชุ่ยอิงยืนยิ้มประจบอยู่ข้าง ๆ “ฝีมือของบ่าวจะไปเทียบกับพระสนมได้อย่างไร เป็นบ่าวที่โง่เขลาเองเพคะ”

อวี๋ผินอารมณ์ดี จึงไม่ถือสาหาความกับชุ่ยอิง เอาแต่จดจ่ออยู่กับการทำบัวลอย

นางเทแป้งข้าวเหนียวลงในชามอย่างไม่ค่อยชำนาญนัก เติมน้ำอุ่นในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วใช้มือนวดช้า ๆ ไม่นานบัวลอยลูกเล็ก ๆ ก็ปั้นเสร็จเรียบร้อย

ชุ่ยอิงคอยเป็นลูกมืออยู่ข้าง ๆ ไม่ลืมที่จะเอ่ยชม

“ฝีมือของพระสนมช่างประณีตบรรจงนัก แม้แต่การปั้นบัวลอยยังงดงามถึงเพียงนี้”

อวี๋ผินอารมณ์ดี มือก็ขยับเบาขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งเค่อต่อมา บัวลอยถ้วยหนึ่งก็ทำเสร็จออกมาจากหม้อ

นางยกบัวลอยที่ต้มเสร็จแล้ว จากนั้นกลับไปแต่งหน้าทำผมที่ห้องอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามชุ่ยอิงมุ่งหน้าไปยังตำหนักหย่างซิน

หวังเต๋อกุ้ยเมื่อทราบความประสงค์ของอวี๋ผิน ก็เข้าไปทูลรายงานต่อฮั่วหลิน

ฮั่วหลินเพียงแค่เหลือบพระเนตรขึ้นเล็กน้อย สีพระพักตร์เย็นชาและเฉยเมย

เขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการว่าราชการ ยังไม่ได้เสวยอะไรเลย อวี๋ผินมาได้ถูกเวลาพอดี!

“ให้เข้ามา”

อวี๋ผินที่อยู่หน้าประตูได้รับคำอนุญาต ก็จัดปอยผมข้างหูของตนเอง รับบัวลอยมาจากมือของชุ่ยอิง แล้วบิดสะโพกเดินเข้าไปในประตูด้วยท่าทางเย้ายวน

“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ต้มบัวลอย เปลี่ยนไส้ใหม่แล้วเพคะ เมื่อนึกว่าฝ่าบาทเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากการว่าราชการ ยังไม่ได้เสวยอะไร จึงรีบนำมาถวายทันที”

ฮั่วหลินพยักพระพักตร์เบา ๆ พยักพเยิดไปทางหวังเต๋อกุ้ย

หลังจากที่หวังเต๋อกุ้ยใช้เข็มเงินทดสอบทีละอย่างแล้ว จึงค่อยยกไปถวายเบื้องพระพักตร์ฮั่วหลิน

“เชิญฝ่าบาทเสวยพ่ะย่ะค่ะ”

ฮั่วหลินรับถ้วยเล็กมา ครั้งนี้บัวลอยดูใหญ่กว่าครั้งที่แล้วอยู่บ้าง

เขาตักบัวลอยขึ้นมาหนึ่งลูกใส่เข้าพระโอษฐ์

ไส้หวานเกินไป แป้งก็หนาไปหน่อย

เจียงหวนเป็นอะไรไป เหตุใดถึงทำแบบขอไปทีมากขึ้นทุกวัน?

ถึงแม้จะไม่โปรด แต่เพราะหิวมาตลอดทั้งเช้า ฮั่วหลินก็ยังทรงเสวยบัวลอยสองสามลูกในถ้วยลงไปจนหมด

“พอใช้ได้”

ยังคงเป็นคำวิจารณ์สองคำที่ราบเรียบไร้ความรู้สึกเช่นเดิม แต่กลับทำให้อวี๋ผินยิ่งมั่นใจมากขึ้น

ฝ่าบาททรงโปรดบัวลอยจริง ๆ แถมยังเป็นบัวลอยที่นางทำเองกับมือ มิฉะนั้นเหตุใดจึงไม่เห็นฝ่าบาทตรัสถึงเจียงหวนเลย

“ฝ่าบาททรงโปรดก็ดีแล้วเพคะ”

สายตาของอวี๋ผินฉายแววยินดีเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มกว้างกว่าเดิม

ที่แท้การจะได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทนั้นช่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ดูท่าว่านางจะต้องพยายามให้มากขึ้น ทำอาหารให้ฝ่าบาทเสวยเยอะ ๆ เสียแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status