Share

บทที่ 5

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
เมื่อกลับมาถึงตำหนักฝั่งตะวันตกของตนเอง เจียงหวนก็รู้สึกราวกับฟ้าจะถล่มลงมา การกลับมาจากการถวายตัวจอมปลอมครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย

อวี๋ผินจ้องเล่นงานนางอย่างไม่ลดละก็เรื่องหนึ่ง ตอนนี้เจียกุ้ยเฟยก็จงเกลียดจงชังนางไปด้วยเช่นกัน ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้นางออกจากตำหนักจิ่นหวาอีก เช่นนี้ก็ยิ่งไม่มีทางนำของกินไปส่งให้ฝ่าบาทได้

คาดว่าพรุ่งนี้เช้าตรู่ คำสั่งลดตำแหน่งของนางคงมาถึงเป็นแน่

เสี่ยวเจารีบร้อนทายาบนใบหน้าให้เจียงหวน ก็เห็นสีหน้าของนางซีดขาวราวกับคนสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก นางก็รู้ทันทีว่าสมองของตัวเองที่แม้แต่ละครวังหลังยังดูไม่เข้าใจ การเข้ามาพัวพันในวังหลังย่อมไม่มีผลดี!

“นายหญิงน้อยอย่ากลัวไปเลยเพคะ ท่านทำของกินไปอย่างสบายใจเถิด เดี๋ยวตอนค่ำบ่าวจะออกไปส่งให้ฝ่าบาทเอง บ่าวจะช่วยพาท่านไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้ เพื่อจัดการอวี๋ผินที่ลงโทษคนตามอำเภอใจ!”

เสี่ยวเจายังคงทุบหน้าอกรับปากกับเจียงหวนอย่างหนักแน่น เจียงหวนค่อย ๆ ดึงมือนางไว้

“เสี่ยวเจา เจ้าไม่ต้องทำเรื่องพวกนี้หรอก สัญญากับข้า ต่อไปอย่าพูดกับพวกเขาอีก มีอะไรให้ข้าเป็นคนพูดเอง”

หากไม่ใช่เพราะเด็กโง่คนนี้เอ่ยปากข่มขู่ ไม่แน่ว่านางอาจจะโดนตบน้อยลงไปหนึ่งฉาดก็ได้ แต่เมื่อมองเห็นขอบตาที่แดงก่ำของเสี่ยวเจา เจียงหวนก็ไม่สามารถเอ่ยคำตำหนิออกมาได้แม้แต่คำเดียว

คงต้องโทษที่นางไร้ประโยชน์เอง หากนางมีตำแหน่งสูงส่ง มีอำนาจบาตรใหญ่ ต่อให้เสี่ยวเจาจะด่าทอใครข้างนอก ก็คงไม่มีใครกล้าว่าอะไร

...

ณ ตำหนักหย่างซิน

กองฎีกาที่สูงเป็นภูเขา ทำให้ฮั่วหลินที่ตอนแรกยังกระปรี้กระเปร่า บัดนี้กลับมีสายพระเนตรว่างเปล่า

ขนมดอกซิ่งสองสามชิ้นที่เจียงหวนยัดใส่มือให้เมื่อเช้าทรงเสวยหมดไปนานแล้ว พระกระยาหารเช้าคือข้าวเย็นชืดหนึ่งมื้อ กลางวันก็เป็นข้าวต้มขาวกับผักอีก มื้อค่ำก็คงหนีไม่พ้นอาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้

พอคิดว่าวันนี้ท้องของตนจะต้องทนทุกข์อีกครั้ง สีพระพักตร์ของฮั่วหลินก็ยิ่งดูย่ำแย่มากขึ้น

“จวงฉางไจ้ยังไม่มาหรือ?”

ฮั่วหลินเหลือบมองสีของท้องฟ้าข้างนอก ก็ใกล้จะถึงเวลาเสวยมื้อค่ำแล้ว เจียงหวนผู้นี้ช่างไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย ป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักเอาของกินมาส่งให้เขาอีก

หวังเต๋อกุ้ยที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “หากฝ่าบาททรงมีพระประสงค์จะพบจวงฉางไจ้ บ่าวไปตามนางมาให้ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง” ฮั่วหลินตอบด้วยสีพระพักตร์เย็นชา น้ำเสียงฟังดูน่าขนลุกยิ่งกว่าเมื่อครู่เสียอีก

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังเต๋อกุ้ยแข็งค้าง ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ อีก ติดตามฝ่าบาทมานานขนาดนี้ เขายังคงเดาอารมณ์ไม่ถูกแม้แต่น้อย

เมื่อครู่ยังทรงคิดถึงคนอยู่เลย พออีกครู่ก็ไม่อยากพบเสียแล้ว

ฮั่วหลินทรงลูบพระอุทรของตนเองผ่านชุดคลุมมังกร รู้สึกว่าแม้แต่เรี่ยวแรงจะพิโรธก็ยังไม่มี ในยามนี้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพระเนตรไม่ใช่ฎีกาอีกต่อไป แต่เป็นบัวลอยสีขาวนวลอันอวบอิ่มลูกแล้วลูกเล่า

น้ำสาโทเข้มข้น บัวลอยหวานสดชื่น หนึ่งถ้วยลงท้องรสชาติกลมกล่อมละมุนลิ้น

ให้ตายเถอะ คืนนี้ต้องสั่งลดตำแหน่งเจียงหวน!

“ฝ่าบาท อวี๋ผินมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ตอนนี้สีพระพักตร์ของฮั่วหลินดูไม่ดีนัก หวังเต๋อกุ้ยที่เข้าไปทูลรายงานยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง

“ไล่นางไป”

หวังเต๋อกุ้ยกลืนน้ำลาย เอ่ยปากอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อีกครั้ง “อวี๋ผินทูลว่า จวงฉางไจ้รู้สึกไม่สบาย วันนี้นางจึงมาส่งของแทนจวงฉางไจ้พ่ะย่ะค่ะ”

พระกรรณของฮั่วหลินกระดิกทันที ทรงวางพู่กันชาดลง แต่ยังคงทำสีพระพักตร์เย็นชาเช่นเดิม “ให้นางเข้ามา”

หวังเต๋อกุ้ยเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

ขณะที่หันหลังกลับไป หวังเต๋อกุ้ยก็แอบจดจำไว้ในใจเงียบ ๆ ว่า ตอนนี้จวงฉางไจ้คือผู้ที่ได้รับพระกรุณาเป็นอันดับหนึ่ง เพียงแค่เอ่ยชื่อของนางขึ้นมาก็ได้ผลดีเป็นพิเศษ!

“อวี๋ผิน ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าไป”

ใบหน้าของอวี๋ผินแสดงความดีใจ ก่อนจะเรียกให้ชุ่ยอิงถือกล่องอาหารตามเข้าไปในตำหนักหย่างซิน

ก็แค่ส่งของกินมิใช่หรือ? ใครบอกว่ามีแต่เจียงหวนเท่านั้นที่ส่งได้? นางส่งก็เหมือนกัน!

ก่อนที่จะเข้าไป นางจัดเสื้อผ้าของตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลัวว่าจะทำให้ฮั่วหลินไม่พอพระทัย

อย่างไรเสียเมื่อหนึ่งปีก่อน นางยังเป็นถึงอวี๋เฟย

ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนระอุ นางตั้งใจทำข้าวต้มมะระเพื่อดับร้อนถวายฝ่าบาท ส่งติดต่อกันหลายวัน แต่กลับไม่ได้รับความโปรดปรานใด ๆ ตรงกันข้าม กลับได้รับข่าวการลดตำแหน่งของนางลงมาเป็นอวี๋ผิน

ครั้งนี้ จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดอีกเด็ดขาด!

“ฝ่าบาท คืนนี้หม่อมฉันได้ต้มบัวลอย เมื่อคิดว่าพระองค์ทรงมีราชกิจมากมาย จึงรีบนำมาถวายทันทีเพคะ”

อวี๋ผินดัดเสียงจนอ่อนหวานเย้ายวน ฟังแล้วแทบจะทำให้อ่อนระทวย สายพระเนตรของฮั่วหลินเหม่อลอยไปชั่วขณะ ก่อนจะพยายามเบือนหนีจากกล่องอาหารนั้นอย่างสุดความสามารถ

บัวลอย!

บัวลอย!

“เชิญฝ่าบาทเสวยเพคะ”

ถ้วยใบเล็กถูกยื่นมาถึงพระหัตถ์ของฮั่วหลิน สายพระเนตรฉายแววผิดหวัง ในถ้วยมีแต่น้ำเป็นส่วนใหญ่ บัวลอยมีเพียงสี่ลูก ทั้งยังเล็กกว่าลูกตาเสียอีก

เจียงหวนเสียดายวัตถุดิบหรืออย่างไร?

บัวลอยของเมื่อวานยังใหญ่เกือบครึ่งกำปั้นเลยนี่นา

บัวลอยหนึ่งลูกเข้าพระโอษฐ์ พระขนงที่ขมวดแน่นของฮั่วหลินไม่ได้คลายลงเลยแม้แต่น้อย รสชาติไม่ใช่ ไม่เหมือนกับที่เจียงหวนส่งมาเมื่อวานเลยแม้แต่น้อย

แต่ถึงแม้จะไม่อร่อยเท่าที่ควร ฮั่วหลินที่กำลังหิวโซก็ยังคงอดทน แสร้งทำเป็นเสวยอย่างช้า ๆ จนหมด

“พอใช้ได้ เรายังมีราชกิจต้องจัดการ อวี๋ผินกลับไปก่อนเถิด”

อวี๋ผินประสานมือทั้งสองข้างที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น จ้องมองฮั่วหลินด้วยสายตาที่ร้อนแรงจนแทบจะละลาย

“ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าเมื่อวานนี้จวงฉางไจ้ทำให้ฝ่าบาททรงสบายพระทัยหรือไม่เพคะ นางเข้าวังมายังไม่นาน ฝีมือของหม่อมฉัน นางยังเรียนรู้ได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ หม่อมฉันได้เตรียมเรื่องน่าประหลาดใจบางอย่างไว้ที่ตำหนัก ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะ...”

ฮั่วหลินทรงฟังพลางใช้นิ้วพระหัตถ์หมุนเล่นบนฎีกาไปมา ที่แท้ฝีมือของเจียงหวน ก็เรียนมาจากอวี๋ผินหรอกหรือ?

เช่นนั้นบัวลอยถ้วยนี้ ก็จงใจทำมาเพื่อยั่วให้อยากแล้วจากไป?

“ได้ กลับไปรอเถิด”

แม้ว่าน้ำเสียงของฮั่วหลินจะไม่นุ่มนวล แต่ก็ยังทำให้อวี๋ผินดีใจจนเนื้อเต้น

ฟังจากความหมายของฝ่าบาทแล้ว คืนนี้จะเสด็จไปหาที่ตำหนักของนางหรือ?

หากไม่ติดว่าต้องรักษากิริยาในวัง อวี๋ผินคงอยากจะกระโดดโลดเต้นกลับตำหนักไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าเจียงหวนจะเดาถูกว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานบัวลอย!

ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าแค่ส่งบัวลอยก็จะได้ถวายตัว ปีที่แล้วนางคงไม่ลำบากทำข้าวต้มมะระอะไรนั่น จนทำให้ต้องถูกลดตำแหน่ง!

“นายหญิงน้อย ฝ่าบาทเสด็จไปที่ตำหนักของอวี๋ผินแล้วเจ้าค่ะ”

เสี่ยวเจาทายาที่แก้มให้เจียงหวน พลางเบะปากเล็ก ๆ ด้วยความโมโห

“เขาจะไปไหนก็เรื่องของเขา เกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย”

เจียงหวนพูดอย่างไม่มีเรี่ยวแรง อวี๋ผินไปส่งของกินให้ฝ่าบาทแทนนาง ตอนค่ำก็ได้ถวายตัวอีก ไม่รู้ว่าต้องเตรียมอาหารเลิศรสจากทั่วทุกสารทิศไว้มากมายเพียงใด สนมคนโปรดคนใหม่อย่างนางคงเป็นได้แค่ดอกไม้ที่เบ่งบานชั่วครู่ พรุ่งนี้ก็คงไม่เห็นแสงตะวันแล้ว

มีเวลาไปอิจฉาอวี๋ผิน สู้เอาเวลามาคิดว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดีกว่า

“เสี่ยวเจา หม้อเหล็กที่ข้าเคยให้เจ้าไปซื้อ ซื้อกลับมาแล้วหรือยัง? ข้าหิวแล้ว”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 235

    “เรายังมีฎีกาที่ต้องพิจารณาอีกบางส่วน ดึกหน่อยค่อยมาเยี่ยมเจ้า”ฮั่วหลินวางถ้วยชาลงแล้วกล่าวกับเจียงหวน น้ำเสียงกลับคืนสู่ความสงบในยามปกติ[นางคงจะมีความสุขมากกระมัง?][เราพยายามแสดงออกมากแล้วนะ]เจียงหวนพยายามกลั้นยิ้มและพยักหน้าอย่างว่าง่าย“เพคะ ฝ่าบาทค่อยๆ เสด็จนะเพคะ”ฮั่วหลินถึงได้ลุกขึ้นแล้วออกจากตำหนักเว่ยยางไปเมื่อประตูตำหนักปิดลง ทั่วทั้งตำหนักอันกว้างใหญ่เหลือเพียงเจียงหวนและเติ้งหมอม่อที่มีสีหน้าเคร่งเครียด นางคล้ายอยากจะกล่าวสิ่งใดแต่ก็ลังเลเจียงหวนยกถ้วยชาขึ้นมาเป่าไล่ไอร้อนอย่างช้าๆเมื่อเติ้งหมอม่อเห็นว่าพระสนมของตนดูอารมณ์ดีมากอย่างเห็นได้ชัด คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่นกว่าเก่านางก้าวเข้าไปก้าวหนึ่ง หลังไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ยังคงตัดสินใจเอ่ยปากพระสนมทรงพระปรีชาและมีเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ยังทรงเยาว์วัย ทั้งยังตกอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จึงมีบางคำพูดที่นางในฐานะหมอม่อผู้ดูแลจำเป็นต้องพูด“พระสนมเพคะ” เสียงที่ถูกลดจนเบาอย่างยิ่งของเติ้งหมอม่อเต็มไปด้วยความกังวลอันเข้มข้น“พระเมตตาที่ฝ่าบาทมีต่อพระสนมเมื่อครู่นั้น เป็นความโปรดปรานสูงสุดอย่างหาได้ยากยิ่ง”เจี

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 234

    หลังจากเดินเล่นในสวนกับเจียงหวนไปสักพัก ฮั่วหลินก็อยู่รับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักเว่ยยางอย่างเป็นธรรมชาติเหล่าข้าราชบริพารจัดอาหารอันงามประณีตลงบนโต๊ะทรงกลมอย่างคล่องแคล่ว พร้อมตะเกียบ จาน ชามครบถ้วนพร้อมสรรพฮั่วหลินนั่งตัวตรงอยู่ที่หัวโต๊ะ รถเข็นของเจียงหวนถูกเข็นมาอยู่ในตำแหน่งข้างกายเขาส่วนเติ้งหมอม่อก็ยืนค้อมศีรษะอยู่ใกล้ๆ อย่างเคารพ เตรียมปรนนิบัติในทุกเมื่ออาหารเพิ่งขึ้นโต๊ะหมด ฮั่วหลินมิได้รีบขยับตะเกียบ แต่กวาดสายตาไปทั่วโต๊ะรอบหนึ่งแทน[หึ ให้ทำตัวเป็น ‘น้ำฝนน้ำค้าง’ ที่ตกต้องถ้วนหน้างั้นหรือ? วันนี้เราจะให้นางได้เห็นว่า “น้ำพระเมตตา” ของเราจะไปตกอยู่ที่ใด][เราจะคีบอาหารให้นางเอง แบบนี้คงชัดเจนพอแล้วกระมัง? มาดูกันว่าเติ้งหมอม่อจะมีสิ่งใดมาพูดอีก]เจียงหวนเพิ่งหยิบชามใบเล็กตรงหน้าของตนขึ้นมา ก็ได้ยินคำพูดเต็มไปด้วย “ปณิธานอันแรงกล้า” ของฮั่วหลินพอดีนางฝืนกลั้นยิ้ม หลุบตาทอดมองปลายจมูก ตาจ้องจมูกจมูกจ้องใจ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินจากนั้นก็เห็นฮั่วหลินคีบเนื้อปลานึ่งชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างเก้ๆ กังๆ แล้ววางลงในชามของเจียงหวนอย่างมั่นคง“ปลานี้ทั้งสดทั้งนุ่ม เจ้ากินให้มาก

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 233

    ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยดังมาเมื่อเจียงหวนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นฮั่วหลินไม่รู้ว่ามายืนอยู่ที่ทางเข้าสวนดอกไม้ตั้งแต่เมื่อใด สีหน้าของเขาดำทะมึนอย่างน่ากลัว[อะไรที่เรียกว่า “มอบพระเมตตาอย่างเท่าเทียม”? เราเคยไป “เมตตา” ผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด?][เหตุใดเติ้งหมอม่อจึงปรักปรำเราโดยไร้หลักฐานเช่นนี้?][เราเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาดไร้ราคี กลับถูกนางพูดจนเหมือนคนเจ้าชู้ประตูดินไปเสียได้]เสียงความในใจที่เดือดดาลและเปี่ยมไปด้วยความน้อยใจ ดังขึ้นข้างหูของเจียงหวนนางมองใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของฮั่วหลิน พร้อมกับฟังคำบ่นในใจของเขา แล้วก็จะเกือบหัวเราะออกมาฮั่วหลินสาวเท้ายาวเข้ามา เขาตวัดตามองเติ้งหมอม่ออย่างเย็นชาแม้เติ้งหมอม่อถูกถลึงตาใส่จนงุนงง แต่ก็ยังรีบถวายคำนับ“บ่าวถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ”ฮั่วหลินแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ไม่สนใจนาง และหันไปมองเจียงหวนแทน“กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่หรือ?”เจียงหวนฝืนกลั้นรอยยิ้มที่มุมปาก พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติ“ทูลฝ่าบาท เติ้งหมอม่อกำลังสอนหม่อมฉันเรื่อง...เอ่อ กฎระเบียบของวังหลังเพคะ”[สอนอะไร? สอนให้นางยอม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 232

    เจียงหวนมองนางกำนัลน้อยที่คุกเข่าเนื้อตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น ในใจก็ถอนใจออกมาดูแล้วอายุยังไม่มาก ทำไมไม่รู้จักเรียนรู้แบบอย่างดีๆ กันนะ?“การขโมยทรัพย์สินในวังเป็นความผิดร้ายแรง ตามกฎสมควรได้รับโทษโบย 20 ครั้ง แล้วขับออกจากวัง”เจียงหวนจงใจพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงก็ตั้งใจกดให้ต่ำลงหลายส่วนเมื่อนางกำนัลน้อยได้ยินดังนั้นก็รีบโขกศีรษะทันที หน้าผากกระแทกพื้นกระเบื้องจนเกิดเสียงดังตุบๆ“พระสนมโปรดเมตตาด้วย บ่าวไม่กล้าอีกแล้วเพคะ ขอพระสนมโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งเถิด!”เจียงหวนเหลือบมองเติ้งหมอม่อที่ยืนอยู่ด้านข้างครั้งหนึ่ง เห็นนางมีสีหน้าสงบนิ่งราวกับรอให้ตนตัดสินใจหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็กล่าวต่อว่า “แต่ข้าสามารถให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เจ้าจงลองบอกมา ว่าเหตุใดจึงต้องขโมยปิ่นปักผมของผู้อื่น?”นางกำนัลน้อยตอบอย่างสะอึกสะอื้นว่า “ท่านแม่ของบ่าวป่วยหนัก ที่บ้านไม่มีเงินซื้อยาจริงๆ บ่าวได้ยินมาว่าปิ่นของพี่อวี้เป็นเงิน จึง... จึง...”เจียงหวนขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาตกลงบนมือที่หยาบกร้านของนางกำนัลน้อย มือคู่นั้นเต็มไปด้วยรอยด้านและบาดแผลเล็กๆ เห็นได้ชัดว่าทำงานหนักมาไม่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 231

    นางกำนัลน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม นางส่ายหน้าสุดกำลัง “ไม่ใช่เพคะพระสนม! เช้านี้ตอนบ่าวตื่นมาแล้วจัดเตียงพับผ้าห่ม ก็ยังไม่เห็นปิ่นปักผมอะไรเลย จะต้องมีคนใส่ร้ายบ่าวแน่เพคะ ขอพระสนมโปรดให้ความเป็นธรรมแก่บ่าวด้วยเถิดเพคะ”นางร้องไห้อย่างหนักจนลมหายใจขาดห้วง ท่าทางโดดเดี่ยวไร้คนช่วยที่น่าเวทนาของนาง ทำให้ผู้ใดพบเห็นก็ต้องเกิดความรู้สึกเห็นใจใบหน้าของเสี่ยวเจาเริ่มแสดงความสงสารออกมาแล้ว “พระสนม นางร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดูแล้วไม่เหมือนเสแสร้งเลยเพคะ...”ไม่เหมือนหรือ?เจียงหวนหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนใบหน้าของนางกำนัลน้อยครู่หนึ่งอื้ม น้ำตาเป็นของจริง ความหวาดกลัวก็เป็นของจริง แต่ความเคียดแค้นกับความลนลานในส่วนลึกของดวงตาก็เป็นของจริงเหมือนกันชาติก่อน นางเคยเห็น ‘พวกไม่ยอมหยุดงาน’ ทะเลาะหยุมหัวกับ ‘พวกหยุดงานประท้วง’ ที่ทำงานทุกวัน แกแทงฉันทีหนึ่ง ฉันแทงแกหนึ่งที สลับกันไปมาพอเจ้านายมาถึงก็จะร้องไห้โฮ อ้างว่าตัวเองเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก ถูกใส่ร้าย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกใส่ความเหมือนตัวเอกในนิยายนางน่ะฝึกสายตามาจนมองออกหมดแล้ว โอเคไหม?แววตาของคนตรงหน้าล่อกแล่กไม่น

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 230

    เหล่านางกำนัลและขันทียืนค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม พวกเขายืนเรียงเป็นสองแถวรอคอยการคัดเลือกจากเจียงหวน โดยไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงเติ้งหมอม่ออธิบายกฎสำคัญภายในวัง หน้าที่ของแต่ละตำแหน่ง และข้อห้ามในการรับใช้ข้างกายเจ้านายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาไม่ดังอยู่ด้านข้าง นางยังบอกเล่าที่มาของสาวใช้และขันทีพวกนี้ให้เจียงหวนฟังด้วยคำอธิบายของนางกระชับแต่ชัดเจน ละเอียดแต่เข้าใจง่าย ทั้งคงไว้ซึ่งความน่ายำเกรง และแฝงไปด้วยการมองเรื่องราวอย่างทะลุปรุโปร่งของผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มา ทำให้แม้แต่เจียงหวน “ที่เปลี่ยนมาประกอบอาชีพนางสนมกลางคัน” ก็ยังฟังจนพยักหน้าติดต่อกันเพราะได้รับประโยชน์อย่างมากที่แท้การจัดการข้ารับใช้ในวังก็มีเคล็ดลับในมากมายเช่นนี้ เติ้งหมอม่อผู้นี้สมคำร่ำลือจริงๆ ทุกถ้อยคำล้วนสำคัญและตรงประเด็นอื้ม ต้องเรียนรู้จากนาง มาดูกันว่าวันหน้าผู้ใดจะกล้ารังแกนางอีก... โอ๊ะ ไม่ใช่ มาดูกันว่าผู้ใดจะกล้ามาวางก้ามก่อเรื่องในตำหนักเว่ยยางอีกต่างหากเมื่อมีคำแนะนำของเติ้งหมอม่อ เจียงหวนก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกณฑ์การคัดเลือกคนของนางก็เรียบง่ายมาก นั่นก็คือ มีดวงตาที่กระจ่างใสซื่อตรง มือเท้าคล่อง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status