Share

บทที่ 7

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
หลังจากกลับตำหนักแล้ว อวี๋ผินก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ตอนกลางวันนางก็ทำอาหารอีกสองสามอย่างส่งไปให้ฮ่องเต้

รสชาติธรรมดา แต่ก็ดีกว่าตรงที่เป็นอาหารร้อน ๆ !

คีบคำนี้ก็เป็นกับข้าวร้อน ๆ คีบคำนั้นก็เป็นกับข้าวร้อน ๆ !

ฮั่วหลินทรงยื่นตะเกียบไปคีบไม่หยุด เสวยอย่างสง่างามและเชื่องช้า

ต้องอย่างนี้สิ เขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น มีแต่อาหารในคุกเท่านั้นแหละที่เย็นชืด!

อวี๋ผินยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฝ่าบาทเพคะ หากพระองค์ทรงโปรด คืนนี้หม่อมฉันจะลงมือเตรียมเครื่องเสวยให้พระองค์ด้วยตนเองนะเพคะ”

ฮั่วหลินทรงลดสายพระเนตรลง เป็นเพราะเขาไม่เคยเรียกอวี๋ผินมาเข้าเฝ้าเลย นางถึงได้จงใจเล่นตัวกับเขา ไม่ยอมแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา?

เมื่อนึกถึงบัวลอยที่เจียงหวนทำในวันนั้น ฮั่วหลินก็อยากจะลองชิมดูว่า อวี๋ผินผู้ที่สามารถสอนเจียงหวนได้นั้น จะมีฝีมือดีเลิศเพียงใด

ฮั่วหลินทรงวางตะเกียบลง ใช้ผ้าที่ขันทีส่งมาให้เช็ดพระหัตถ์

“คืนนี้ เจ้ามาที่ตำหนักหย่างซิน”

เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้น ในใจก็รู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง แต่บนใบหน้ายังคงรักษากิริยาสำรวมไว้ ขานรับเสียงเบา “เพคะ ฝ่าบาท”

...

ไม่นาน ม่านราตรีก็มาเยือน

อวี๋ผินสวมชุดชาววังที่งดงามหรูหรา ชายกระโปรงปักลวดลายสลับซับซ้อน แต่เนื้อผ้ากลับบางเบาอย่างยิ่ง จนสามารถมองเห็นผิวด้านในได้ราง ๆ

นางยืนอยู่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ แต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน เพื่อที่จะได้แสดงด้านที่งดงามที่สุดของตนเองให้ฮั่วหลินได้ทอดพระเนตร

“พระสนม ท่านช่างงดงามเหลือเกินเพคะ ฝ่าบาทจะต้องทรงโปรดอย่างแน่นอน” ชุ่ยอิงยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยชมไม่หยุดปาก

อวี๋ผินยิ้มเล็กน้อย สายตาฉายแววภาคภูมิใจ

“ชุ่ยอิง ไปยกซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานจานนั้นมา” อวี๋ผินออกคำสั่ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเด็ดขาดที่ไม่อาจปฏิเสธ

ชุ่ยอิงรับคำทันที ยกซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานสีแดงฉ่ำวาวจานหนึ่งเข้ามา

อาหารจานนี้เป็นสิ่งที่อวี๋ผินตั้งใจเตรียมให้ฮั่วหลินเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่เลือกใช้ซี่โครงชั้นดี ยังเติมเครื่องปรุงรสสูตรพิเศษลงไปด้วย หวังว่าจะทำให้ฮั่วหลินพอพระทัย

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ขันทีจากกรมวังฝ่ายในก็มาถึง ประกาศเรียกอวี๋ผินให้ไปถวายตัว

อวี๋ผินรับเสื้อคลุมจากมือของชุ่ยอิง มาคลุมผิวที่มองเห็นอยู่รำไรไว้ใต้เสื้อคลุม จากนั้นจึงถือกล่องอาหารตามขันที มุ่งหน้าไปยังตำหนักหย่างซิน

ระหว่างทาง อารมณ์ของอวี๋ผินก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ ราวกับได้มองเห็นความสำเร็จในคืนนี้แล้ว

ภายในตำหนักหย่างซินอบอวลไปด้วยกลิ่นอำพันทะเล ขณะที่อวี๋ผินถือกล่องอาหารก้าวข้ามธรณีประตู นางก็จงใจถอดเสื้อคลุมออก แล้วยังดึงเสื้อตัวนอกที่เป็นผ้าโปร่งลงอีกครึ่งนิ้ว

วันนี้นางตั้งใจอบร่ำด้วยเครื่องหอมเหอฮวนที่ดินแดนฝั่งตะวันตกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ กลิ่นหอมหวานเลี่ยนผสมกับกลิ่นซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน อบอวลจนหวังเต๋อกุ้ยยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ฝ่าบาท~” อวี๋ผินลากเสียงยาว เดินโยกย้ายส่ายสะโพกมาอยู่เบื้องหน้าฮั่วหลิน

“หม่อมฉันลงมือทำซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานด้วยตนเอง ฝ่าบาทลองชิมดูสิเพคะ?”

ขณะที่เลื่อนจานกระเบื้องไปเบื้องหน้า ร่างอันอรชรของอวี๋ผินก็ไม่ทันระวัง

น้ำซอสกระเด็นลงบนฎีกา ทำให้ตัวอักษรสองสามตัวบนนั้นย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม

ฮั่วหลินขมวดพระขนงอย่างแทบจะไม่ให้ใครสังเกตได้ ภายใต้แสงเทียนริบหรี่ ดวงพระเนตรที่ดำสนิทราวกับน้ำหมึกคู่นั้นมองไม่ออกว่าทรงรู้สึกเช่นไร

เมื่อจ้องมองซี่โครงที่มันวาวจานนั้น ขมับของเขาก็เต้นตุบ ๆ

เขาวางฎีกาลง เอนกายไปด้านหลัง พิงกับเก้าอี้ไม้แดง

อวี๋ผินนี่ไปตกท่อระบายน้ำแล้วใช้เครื่องหอมอาบน้ำสิบรอบหรืออย่างไร?

เหม็นจนปวดหัวไปหมดแล้ว!

แต่ว่า...

สายพระเนตรของฮั่วหลินเหลือบไปเล็กน้อย จับจ้องอยู่ที่ชามซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานอย่างเย็นชา

ฝีมือที่ดีกว่าเจียงหวน มันเป็นอย่างไรกันแน่?

เห็นแก่อาหาร ฮั่วหลินก็อดทนแล้วอดทนอีก หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบซี่โครงชิ้นหนึ่ง แล้วกัดเข้าไป

เนื้อหมูที่เคลือบด้วยน้ำเชื่อมและมีกลิ่นคาวระเบิดออกในพระโอษฐ์ ลูกกระเดือกของฮั่วหลินขยับขึ้นลงอย่างยากลำบากสองครั้ง

ต่อมรับรสถูกโจมตีอย่างรุนแรง จนดวงพระเนตรพลอยเบิกค้างไปด้วย

นี่มันของที่คนทำขึ้นมาได้จริง ๆ หรือ?

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอของที่รสชาติแย่กว่าข้าวเย็นชืดของห้องเครื่องเสียอีก สตรีผู้นี้เป็นนักฆ่าหรือไร?

สวรรค์! เราทำผิดอะไรไป? เหตุใดจึงต้องมารับความทุกข์ทรมานเช่นนี้!

ทว่าอวี๋ผินกลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ปลายนิ้วของนางไต่ขึ้นมาถึงเข็มขัดหยกของฮั่วหลินแล้ว

“ฝ่าบาททรงเหนื่อยล้าจากราชกิจ มิสู้ให้หม่อมฉันนวดพระอังสาให้ดีหรือไม่...” นางจงใจโน้มตัวลงมา เสื้อบริเวณไหล่เลื่อนหลุด เผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีชมพูครึ่งหนึ่งจากคอเสื้อที่หลวมโพรก

แปะ...

ตะเกียบงาช้างถูกฟาดลงบนโต๊ะ ไม่หนักไม่เบา แต่เสียงกลับดังชัดเจนอย่างยิ่ง

ฮั่วหลินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แสงจันทร์และแสงเทียนสาดส่องผสมผสานกัน ขับเน้นให้พระวรกายที่สูงใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งดูสง่างามและน่าเกรงขามมากขึ้น

อวี๋ผินไม่ทันตั้งตัว สบเข้ากับดวงพระเนตรที่เย็นเยียบของเขา ก็ตกใจจนตัวสั่น

อาการตัวสั่นนั้นกลับทำให้จานซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานบนโต๊ะคว่ำลง น้ำซอสกระเด็นไปทั่ว ทิ้งรอยด่างดวงไว้บนอาภรณ์ของนาง

“หวังเต๋อกุ้ย”

ฮั่วหลินไม่แม้แต่จะทอดพระเนตรนาง ทรงสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังให้ น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับแฝงไปด้วยความอำมหิต

“เอาของสกปรกนี่ทั้งคนทั้งจานโยนออกไป”

อวี๋ผินตกใจจนหน้าซีดเผือด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงเปลี่ยนสีพระพักตร์กะทันหันเช่นนี้

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย หม่อมฉันไม่ทราบว่าทำสิ่งใดให้ฝ่าบาททรงกริ้ว...”

นางคลานเข้าไปใกล้ฮั่วหลิน ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าฉลองพระองค์ของฮั่วหลิน เพื่อรั้งเขาไว้

ฮั่วหลินทรงสะบัดชายฉลองพระองค์ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเฉยเมย ขมับเริ่มมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ออกไป อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือ?”

น้ำเสียงนี้เด็ดขาดนัก อวี๋ผินคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อได้ยินคำขาดสุดท้าย ก็ได้แต่นิ่งงันอยู่ตรงนั้น ใบหน้าขาวซีด ตัวสั่นระริก

ฮั่วหลินไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย “หวังเต๋อกุ้ย หูหนวกหรือ?”

หวังเต๋อกุ้ยตัวสั่นงันงก ขานรับไม่หยุด แล้วรีบเรียกคนเข้ามา

อวี๋ผินตกใจจนเดินไม่เป็น สุดท้ายจึงถูกหมอม่อรับใช้ร่างใหญ่สองคนหิ้วปีกแล้วลากออกจากตำหนักหย่างซินไป

มวยผมของนางหลุดลุ่ย ชุดกระโปรงผ้าไหมเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำซอส รองเท้าปักข้างหนึ่งก็ไม่รู้ว่าหลุดหายไปตอนไหน

มีขันทีเฝ้ายามตอนกลางคืนถือโคมไฟเดินผ่านมา แสงไฟที่ไม่สว่างนักกลับส่องให้เห็นสภาพอันน่าสมเพชของนางได้อย่างชัดเจน

เรื่องราวนี้อึกทึกครึกโครมเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดขึ้นในวังที่ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีคนจับตามองอยู่แล้ว

วันรุ่งขึ้น ข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับการถวายตัวของอวี๋ผินก็แพร่สะพัดไปทั่ว

“ได้ยินหรือยัง? ซี่โครงของอวี๋ผินทำเอาฝ่าบาททรงคลื่นไส้จนอาเจียนเลยนะ!”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ว่ากันว่านางถอดเสื้อผ้าเพื่อยั่วยวน จึงถูกฝ่าบาทขับไล่ออกไปอย่างรุนแรง!”

“ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดปรานวังหลังมานานแล้ว แต่นางกลับคิดว่าตนเองเป็นข้อยกเว้น น่าสงสารจริง ๆ ”

...

ตำหนักรองฝั่งตะวันตก เจียงหวนกำลังย่างมันเทศด้วยไฟถ่าน เสี่ยวเจาที่อยู่ข้าง ๆ เล่าเรื่องอย่างออกรสออกชาติ สีหน้าดีใจจนเก็บไม่อยู่

“ฮ่า ๆ ๆ นายหญิงน้อย บ่าวยังได้ยินมาอีกว่าตอนที่อวี๋ผินถูกลากกลับตำหนัก เสื้อตัวนอกที่เป็นผ้าโปร่งของนางยังถูกเกี่ยวจนขาดไปหลายแห่ง สภาพน่าสมเพชเหลือเกินเพคะ”

เจียงหวนได้แต่จุดเทียนไว้อาลัยให้อวี๋ผินในใจ

บอกหน่อยเถิด จะหาเรื่องใครไม่หาเรื่อง ดันไปหาเรื่องฮ่องเต้ที่อารมณ์แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ผู้นั้น นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?

เจียงหวนไม่เข้าใจ นางเอาแต่ย่างมันเทศต่อไป

“เรื่องพวกนี้เจ้าพูดให้ข้าฟังก็พอแล้ว แต่อย่าให้คนนอกได้ยินเป็นอันขาด”

เดี๋ยวจะถูกนำไปสร้างเรื่องอีก นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีนะ...

เสี่ยวเจายิ้มร่าพลางขานรับ “นายหญิงน้อยวางใจเถิด บ่าวรู้ว่าควรทำอย่างไร”

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฮั่วหลินไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนสองนายบ่าวคู่นั้นเลย

เขาหิวจนปวดท้องบิด แต่บนโต๊ะกลับมีเพียงพระกระยาหารเจที่เย็นชืดกองอยู่

ใบผักสีเหลืองเหี่ยวแช่อยู่ในน้ำแกงขุ่น ๆ เต้าหู้ก็มีสีขาวอมเทาอย่างน่าประหลาด ส่วนเนื้อสัตว์ก็มีเพียงน้อยนิด

เขาเป็นฮ่องเต้! เหตุใดจึงต้องเสวยแต่ของพวกนี้!

เงินที่คนในห้องเครื่องได้รับทุกวัน เอาไปให้หมากินหมดแล้วหรือไร?

หรือว่ามีคนยักยอกเงินในท้องพระคลัง ยักยอกจนแม้แต่จะทำอาหารร้อน ๆ ให้เขาสักมื้อก็ยังทำไม่ได้!

ฮั่วหลินนวดขมับ

อดทนคีบผักขึ้นเสวย รสชาติจืดชืดจนแทบจะถือตะเกียบเงินในพระหัตถ์ไว้ไม่ไหว

ในหัวของเขาค่อย ๆ ปรากฏภาพบัวลอยที่เจียงหวนถือในคืนนั้น

ผ่านไปหลายวันแล้ว ร่างกายของเจียงหวนน่าจะหายดีแล้วกระมัง?

เขาสามารถเรียกเจียงหวนมาอีกครั้งได้แล้วใช่หรือไม่
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 84

    กระทั่งชาดบนพู่กันชาดหยดลงบนฎีกา และกระจายตัวเป็นหมึกสีแดงกลุ่มหนึ่ง ฮั่วหลินกลับยังคงไม่รู้สึกตัว‘สามสิบหกกลยุทธ์พิชิตนารี’ เมื่อคืนของเสิ่นยี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ฮั่วหลินไม่อาจสงบใจเนื่องจากเนื้อหามีมากเกินไป จนเด็กน้อยเรียนจนสับสนแล้วในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยก็ดังเข้ามาว่า“ฝ่าบาท จวงกุ้ยเหรินได้รออยู่นอกตำหนักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฎีกาในมือของฮั่วหลินปิดดัง ‘ป้าบ’ เข้าหากัน จากนั้นก็บังคับตนเองให้สงบและกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง“เบิกตัว”เจียงหวนเดินถือกล่องอาหารเข้ามา ทำความเคารพอย่างชดช้อย“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”กระโปรงสีกลีบบัวคลี่สลายอยู่บนพื้นราวกลีบดอกไม้ ปิ่นเงินเรียบง่ายที่ประดับอยู่บนผมพลิ้วไหวเบาๆ ไปตามการเคลื่อนไหว ไหวจนหัวใจของฮั่วหลินรู้สึกคันคะเยอเล็กน้อย[เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก ว่าการคารวะของจวงกุ้ยเหรินจะงดงามเพียงนี้][ชายกระโปรงคล้ายดอกโบตั๋น? แต่บุคลิกกลับคล้ายดอกซิ่ง [1] ยิ่งกว่า… ]เจียงหวนที่กำลังลุกขึ้นซวนเซทันที มือสั่นจนเกือบทำกล่องอาหารตกในยุคโบราณก็มีเกมออนไลน์เหรอ ไม่งั้นฮ่องเต้มาเล่นเรื่องเทพธิดาบุปผาอะไรกัน!

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 83

    เสิ่นยี่ถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมกับยกมือสองข้าง “ฟ้าดินเป็นพยาน เป็นเจ้าพวกลูกหมาในหน่วยองครักษ์ลับของเจ้ากำลังพนันกันว่ากุ้ยเหรินจะถวายตัวเมื่อไหร่ อัตราเดิมพันสูงไปถึงหนึ่งต่อสามแล้ว"“หุบปาก!”นิ้วของฮั่วหลินออกแรงอย่างกะทันหัน พู่กันชาดหักออกเป็นสองท่อน เสิ่นยี่หัวเราะร่ายิ่งกว่าเดิม“นางเป็นสนมของเจ้า หากเจ้าพึงใจจริงๆ เพียงออกราชโองการก็พอ เหตุใดต้อง…”เมื่อฮั่วหลินคิดถึงท่าทางของเจียงหวนตอนที่พบเขาในวันนี้ ภายในอกก็จุกแน่น“ที่เราต้องการคือความเต็มใจ”หากมีราชโองการให้เจียงหวนถวายงาน เช่นนั้นเขาจะต่างอันใดกับองครักษ์ที่บุกเข้าไปในตำหนักน้ำพุร้อนกันเล่า?เสิ่นยี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ ภายในใจคิดว่าฮั่วหลินตกหลุมเข้าไปแล้วจริงๆในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวเขาในฐานะสหายที่ดี จะไม่ช่วยสักหน่อยได้อย่างไรที่สำคัญที่สุดคือการพนันของหน่วยองครักษ์ลับ เขาก็วางเดิมพันไปเช่นกันรอยยิ้มของเสิ่นยี่เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม “อันที่จริงแล้วเรื่องยินยอมพร้อมใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้ากลับมีวิธีบางอย่าง”เมื่อฮั่วหลินได้ยินดังนั้น แววตาก็วูบไหวเล็กน้อย “วิธีอะไร?”เสิ่นยี่ยกริมฝีปากยิ้มออกมา หล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 82

    [แต่เรื่องเมื่อวานไม่พูดถึงสักคำ วันนี้กลับทำตัวสูงส่งเสียแล้ว นับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์อย่างไรกัน เป็นคนหลอกลวงหลายใจชัดๆ แถมยังเลือกหลอกเราโดยเฉพาะด้วย]เจียงหวนแทบเป็นเสียสติแล้วที่แท้ฮ่องเต้ถือสาเรื่องเมื่อคืนขนาดไหนกันนะ!นอกจากนี้ ทำไมความคิดในใจของเขายิ่งพูดก็ยิ่งพิสดารเล่านางไม่กล้าฟังต่ออีก เกรงว่าตนเองจะอับอายจนเป็นลมไปเสียเดี๋ยวนั้นในขณะที่เจียงหวนคิดว่าควรจะแก้สถานการณ์อย่างไรนั่นเอง หวังเต๋อกุ้ยก็พลันส่งเสียงขึ้นจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาท กรมหมอหลวงมีเรื่องรายงาน บ่าวให้คนไปรอที่ห้องทรงพระอักษรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฮั่วหลินก้มศีรษะลง ขนตาที่บดบังแววตาทำให้มองอารมณ์ไม่ออกสุดท้ายเพียงกล่าวเรียบๆ ว่า “เรายังมีงานราชการต้องจัดการ เจ้าไปพักผ่อนให้ดีก่อน”กล่าวจบ ก็สาวเท้ายาวจากไปเจียงหวนจึงได้ถอนใจอย่างโล่งอก ขาอ่อนแรงจนเกือบล้มลงบนพื้นอีกนิดก็จะเขินจนตายแล้วนางไม่กล้าคิดเลย หากไม่มีคนมาขัดจังหวะ ฮั่วหลินยังสามารถคิดพิสดารไปได้ถึงขนาดไหนอีกด้านหนึ่ง ห้องทรงพระอักษรในราชนิเวศน์หมอหลวงถวายบังคมฮั่วหลินอย่างเคารพ กระซิบเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท ยาที่จวงกุ้ยเหรินเป็นยาที่ทำขึ้

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 81

    สมองของเจียงหวนเกิดเสียง ‘วิ้ง’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ขาวโพลนไปหมดถะ ถวายงาน?!ไม่ สงบใจไว้ อย่าได้ลนลาน ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็เคยเรียกให้นางถวายงาน สุดท้ายก็เป็นเพราะอยากกินของว่างมื้อดึกต่างหากเจียงหวนฝืนยิ้มออกมา“หวังกงกง รบกวนรอสักครู่ ข้า ข้าจะไปเตรียมการที่ห้องครัวเดี๋ยวนี้…”หวังเต๋อกุ้ยกลับยิ้มตาหยีพลางส่ายหน้า“นายหญิงน้อยล้อเล่นแล้ว กฎการถวายงานท่านก็ทราบดี ตอนนี้เหล่าหมอม่อได้รออยู่ด้านนอกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เพิ่งกล่าวจบ หมอม่อกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาทันทีที่จางหมอม่อซึ่งเป็นผู้นำโบกมือ เหล่านางกำนัลน้อยก็รีบยกอ่างอาบน้ำมาทันที ภายในน้ำอาบที่กรุ่นด้วยไอร้อนมีกลีบดอกไม้ลอยฟ่อง“บ่าวจะปรนนิบัติจวงกุ้ยเหรินชำระกายนะเพคะ”จางหมอม่อยิ้มกว้างจนตาหยี“ข้าทำเองก็พอแล้ว”แต่เจียงหวนยังไม่ทันพูดจบ นางกำนัลทั้งหลายก็กดนางลงในอ่างอาบน้ำพร้อมรอยยิ้มทันทีพวกนางยิ่งหัวเราะ เจียงหวนก็ยิ่งรู้สึกขนลุกซู่นี่มันอาบน้ำที่ไหน? จะเชือดหมูชัดๆ !หลังขัดล้างกันไปพักหนึ่ง สมองของเจียงหวนก็มึนงงไปหมดไม่ง่ายเลยกว่าจะสวมเสื้อผ้าเสร็จ เมื่อกลับไปนั่งลงหน้าคันฉ่องทองแดง ยังไม่ทันผลัดลมหายใจ ก็เห็นหม

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 80

    แบบนี้สู้ไม่จำไปเลยไม่ดีกว่าหรือ! คนเราตอนสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนดี จะขาดความยับยั้งชั่งใจไปก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ควรถึงขั้นกลายเป็นผีบ้ากามขนาดนี้รึเปล่านะ!? หากนางเป็นผีบ้ากามเฉย ๆ ยังพอทน แต่ดันไปลากอีกฝ่ายที่เป็นสายหักห้ามอารมณ์รักใคร่มาปู้ยี่ปู้ยำตามอำเภอใจอีกเนี่ยนะ!? จบสิ้นแล้ว ฝ่าบาทต้องมองว่าตนเองไม่บริสุทธิ์แล้วแน่ ๆ หากไม่ทำอะไรชดเชยความผิดสักหน่อย เจียงหวนตอนนี้รู้สึกเหมือนศีรษะลอยหวิว ๆ อยู่บนลำคอ นางกลิ้งและพลิกตัวขึ้นมาทันที หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเรียบร้อย ก็พุ่งออกไปข้างนอกอย่างไม่รีรอ “นายหญิงน้อย ท่านจะไปที่ใดเจ้าคะ?” เสี่ยวเจาเห็นเช่นนั้น ก็รีบร้อนตามไปทันที “ไปสารภาพบาปน่ะสิ” เสี่ยวเจาไม่แม้แต่หันกลับไป ไม่รู้ว่าใช่เพราะฮั่วหลินตั้งใจกำชับไว้หรือไม่ แต่ที่พำนักของเจียงหวนในราชนิเวศน์มีครัวเล็กที่เรียบง่ายอยู่ด้วย นางในยามนี้ราวกับสายลมระลอกหนึ่งพัดเข้าครัวเล็ก ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วก็ลงมือทำทันที ต่อให้ตอนนี้ฮั่วหลินจะสั่งแสงเดือนตุ๋นน้ำแดง นางก็พร้อมจะยิงธนูให้พระจันทร์ร่วงลงมาเหมือนอย่างตำนานวีรบุรุษโฮ่วอี้ผู้ยิงดวงตะวัน เจียงหวนคิดสะระตะ มือ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 79  

    “ฝ่าบาทโปรดทรงวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม หม่อมฉันไหนเลยจะบังอาจล้อเล่นต่อเบื้องพระพักตร์…” แววตาของเจียกุ้ยเฟยดูลุกลี้ลุกลน ก่อนที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาราวจะกำลังร่ำไห้ “มิบังอาจ?” ฮั่วหลินปล่อยนางออก หมุนตัวก่อนจะเดินไปทางองครักษ์ผู้นั้น สายตาเยียบเย็น คว้ากระบี่พกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนอยู่ด้านข้างมาไว้ในมือ เพียงแสงคมกระบี่พลันสว่างวาบ ลมคาวโลหิตก็พัดเข้ามา ศีรษะขององครักษ์ผู้นั้นพลันหลุดกระเด็นกลิ้งไป โลหิตสีสดพุ่งกระเซ็นออกมา เปรอะชายกระโปรงอันงดงามหรูหราของเจียกุ้ยเฟยจนซึมไปทั่ว สีหน้าของเจียกุ้ยเฟยพลันซีดเผือดลง นางอ้าปากเหวอ นานครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงของตนเองกลับมาได้ ก็กรีดร้องเสียงดังลั่น “กรี๊ดดด!” ฮั่วหลินแค่นเสียงอย่างดูแคลน ก่อนจะโยนมีดเปื้อนโลหิตทิ้งไปบนพื้น เสียงโลหะกระทบดังก้องภายในพระตำหนักอันเงียบสงัดแสบหูเป็นพิเศษ “เราไม่สนว่าใครคอยใช้เล่ห์เหลี่ยมอยู่เบื้องหลัง” เขาจ้องมองเจียกุ้ยเฟยที่ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แล้วเปล่งเสียงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หากยังมีครั้งต่อไป จงเอาศีรษะมาถวายเสีย!” เจียกุ้ยเฟยทรุดฮวบลงกับพื้น แม้แต่ทำความเคารพยัง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status