Share

บทที่ 7

Author: มาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ
หลังจากกลับตำหนักแล้ว อวี๋ผินก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ตอนกลางวันนางก็ทำอาหารอีกสองสามอย่างส่งไปให้ฮ่องเต้

รสชาติธรรมดา แต่ก็ดีกว่าตรงที่เป็นอาหารร้อน ๆ !

คีบคำนี้ก็เป็นกับข้าวร้อน ๆ คีบคำนั้นก็เป็นกับข้าวร้อน ๆ !

ฮั่วหลินทรงยื่นตะเกียบไปคีบไม่หยุด เสวยอย่างสง่างามและเชื่องช้า

ต้องอย่างนี้สิ เขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุดในการปกครองแว่นแคว้น มีแต่อาหารในคุกเท่านั้นแหละที่เย็นชืด!

อวี๋ผินยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฝ่าบาทเพคะ หากพระองค์ทรงโปรด คืนนี้หม่อมฉันจะลงมือเตรียมเครื่องเสวยให้พระองค์ด้วยตนเองนะเพคะ”

ฮั่วหลินทรงลดสายพระเนตรลง เป็นเพราะเขาไม่เคยเรียกอวี๋ผินมาเข้าเฝ้าเลย นางถึงได้จงใจเล่นตัวกับเขา ไม่ยอมแสดงฝีมือที่แท้จริงออกมา?

เมื่อนึกถึงบัวลอยที่เจียงหวนทำในวันนั้น ฮั่วหลินก็อยากจะลองชิมดูว่า อวี๋ผินผู้ที่สามารถสอนเจียงหวนได้นั้น จะมีฝีมือดีเลิศเพียงใด

ฮั่วหลินทรงวางตะเกียบลง ใช้ผ้าที่ขันทีส่งมาให้เช็ดพระหัตถ์

“คืนนี้ เจ้ามาที่ตำหนักหย่างซิน”

เมื่ออวี๋ผินได้ยินดังนั้น ในใจก็รู้สึกดีใจจนแทบคลั่ง แต่บนใบหน้ายังคงรักษากิริยาสำรวมไว้ ขานรับเสียงเบา “เพคะ ฝ่าบาท”

...

ไม่นาน ม่านราตรีก็มาเยือน

อวี๋ผินสวมชุดชาววังที่งดงามหรูหรา ชายกระโปรงปักลวดลายสลับซับซ้อน แต่เนื้อผ้ากลับบางเบาอย่างยิ่ง จนสามารถมองเห็นผิวด้านในได้ราง ๆ

นางยืนอยู่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ แต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน เพื่อที่จะได้แสดงด้านที่งดงามที่สุดของตนเองให้ฮั่วหลินได้ทอดพระเนตร

“พระสนม ท่านช่างงดงามเหลือเกินเพคะ ฝ่าบาทจะต้องทรงโปรดอย่างแน่นอน” ชุ่ยอิงยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยชมไม่หยุดปาก

อวี๋ผินยิ้มเล็กน้อย สายตาฉายแววภาคภูมิใจ

“ชุ่ยอิง ไปยกซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานจานนั้นมา” อวี๋ผินออกคำสั่ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเด็ดขาดที่ไม่อาจปฏิเสธ

ชุ่ยอิงรับคำทันที ยกซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานสีแดงฉ่ำวาวจานหนึ่งเข้ามา

อาหารจานนี้เป็นสิ่งที่อวี๋ผินตั้งใจเตรียมให้ฮั่วหลินเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่เลือกใช้ซี่โครงชั้นดี ยังเติมเครื่องปรุงรสสูตรพิเศษลงไปด้วย หวังว่าจะทำให้ฮั่วหลินพอพระทัย

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ขันทีจากกรมวังฝ่ายในก็มาถึง ประกาศเรียกอวี๋ผินให้ไปถวายตัว

อวี๋ผินรับเสื้อคลุมจากมือของชุ่ยอิง มาคลุมผิวที่มองเห็นอยู่รำไรไว้ใต้เสื้อคลุม จากนั้นจึงถือกล่องอาหารตามขันที มุ่งหน้าไปยังตำหนักหย่างซิน

ระหว่างทาง อารมณ์ของอวี๋ผินก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอย่างมั่นใจ ราวกับได้มองเห็นความสำเร็จในคืนนี้แล้ว

ภายในตำหนักหย่างซินอบอวลไปด้วยกลิ่นอำพันทะเล ขณะที่อวี๋ผินถือกล่องอาหารก้าวข้ามธรณีประตู นางก็จงใจถอดเสื้อคลุมออก แล้วยังดึงเสื้อตัวนอกที่เป็นผ้าโปร่งลงอีกครึ่งนิ้ว

วันนี้นางตั้งใจอบร่ำด้วยเครื่องหอมเหอฮวนที่ดินแดนฝั่งตะวันตกส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ กลิ่นหอมหวานเลี่ยนผสมกับกลิ่นซี่โครงผัดเปรี้ยวหวาน อบอวลจนหวังเต๋อกุ้ยยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“ฝ่าบาท~” อวี๋ผินลากเสียงยาว เดินโยกย้ายส่ายสะโพกมาอยู่เบื้องหน้าฮั่วหลิน

“หม่อมฉันลงมือทำซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานด้วยตนเอง ฝ่าบาทลองชิมดูสิเพคะ?”

ขณะที่เลื่อนจานกระเบื้องไปเบื้องหน้า ร่างอันอรชรของอวี๋ผินก็ไม่ทันระวัง

น้ำซอสกระเด็นลงบนฎีกา ทำให้ตัวอักษรสองสามตัวบนนั้นย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม

ฮั่วหลินขมวดพระขนงอย่างแทบจะไม่ให้ใครสังเกตได้ ภายใต้แสงเทียนริบหรี่ ดวงพระเนตรที่ดำสนิทราวกับน้ำหมึกคู่นั้นมองไม่ออกว่าทรงรู้สึกเช่นไร

เมื่อจ้องมองซี่โครงที่มันวาวจานนั้น ขมับของเขาก็เต้นตุบ ๆ

เขาวางฎีกาลง เอนกายไปด้านหลัง พิงกับเก้าอี้ไม้แดง

อวี๋ผินนี่ไปตกท่อระบายน้ำแล้วใช้เครื่องหอมอาบน้ำสิบรอบหรืออย่างไร?

เหม็นจนปวดหัวไปหมดแล้ว!

แต่ว่า...

สายพระเนตรของฮั่วหลินเหลือบไปเล็กน้อย จับจ้องอยู่ที่ชามซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานอย่างเย็นชา

ฝีมือที่ดีกว่าเจียงหวน มันเป็นอย่างไรกันแน่?

เห็นแก่อาหาร ฮั่วหลินก็อดทนแล้วอดทนอีก หยิบตะเกียบขึ้นมา คีบซี่โครงชิ้นหนึ่ง แล้วกัดเข้าไป

เนื้อหมูที่เคลือบด้วยน้ำเชื่อมและมีกลิ่นคาวระเบิดออกในพระโอษฐ์ ลูกกระเดือกของฮั่วหลินขยับขึ้นลงอย่างยากลำบากสองครั้ง

ต่อมรับรสถูกโจมตีอย่างรุนแรง จนดวงพระเนตรพลอยเบิกค้างไปด้วย

นี่มันของที่คนทำขึ้นมาได้จริง ๆ หรือ?

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอของที่รสชาติแย่กว่าข้าวเย็นชืดของห้องเครื่องเสียอีก สตรีผู้นี้เป็นนักฆ่าหรือไร?

สวรรค์! เราทำผิดอะไรไป? เหตุใดจึงต้องมารับความทุกข์ทรมานเช่นนี้!

ทว่าอวี๋ผินกลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย ปลายนิ้วของนางไต่ขึ้นมาถึงเข็มขัดหยกของฮั่วหลินแล้ว

“ฝ่าบาททรงเหนื่อยล้าจากราชกิจ มิสู้ให้หม่อมฉันนวดพระอังสาให้ดีหรือไม่...” นางจงใจโน้มตัวลงมา เสื้อบริเวณไหล่เลื่อนหลุด เผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีชมพูครึ่งหนึ่งจากคอเสื้อที่หลวมโพรก

แปะ...

ตะเกียบงาช้างถูกฟาดลงบนโต๊ะ ไม่หนักไม่เบา แต่เสียงกลับดังชัดเจนอย่างยิ่ง

ฮั่วหลินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แสงจันทร์และแสงเทียนสาดส่องผสมผสานกัน ขับเน้นให้พระวรกายที่สูงใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งดูสง่างามและน่าเกรงขามมากขึ้น

อวี๋ผินไม่ทันตั้งตัว สบเข้ากับดวงพระเนตรที่เย็นเยียบของเขา ก็ตกใจจนตัวสั่น

อาการตัวสั่นนั้นกลับทำให้จานซี่โครงผัดเปรี้ยวหวานบนโต๊ะคว่ำลง น้ำซอสกระเด็นไปทั่ว ทิ้งรอยด่างดวงไว้บนอาภรณ์ของนาง

“หวังเต๋อกุ้ย”

ฮั่วหลินไม่แม้แต่จะทอดพระเนตรนาง ทรงสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังให้ น้ำเสียงราบเรียบ แต่กลับแฝงไปด้วยความอำมหิต

“เอาของสกปรกนี่ทั้งคนทั้งจานโยนออกไป”

อวี๋ผินตกใจจนหน้าซีดเผือด ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงเปลี่ยนสีพระพักตร์กะทันหันเช่นนี้

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย หม่อมฉันไม่ทราบว่าทำสิ่งใดให้ฝ่าบาททรงกริ้ว...”

นางคลานเข้าไปใกล้ฮั่วหลิน ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าฉลองพระองค์ของฮั่วหลิน เพื่อรั้งเขาไว้

ฮั่วหลินทรงสะบัดชายฉลองพระองค์ ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเฉยเมย ขมับเริ่มมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ออกไป อยากจะตายอยู่ที่นี่หรือ?”

น้ำเสียงนี้เด็ดขาดนัก อวี๋ผินคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อได้ยินคำขาดสุดท้าย ก็ได้แต่นิ่งงันอยู่ตรงนั้น ใบหน้าขาวซีด ตัวสั่นระริก

ฮั่วหลินไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย “หวังเต๋อกุ้ย หูหนวกหรือ?”

หวังเต๋อกุ้ยตัวสั่นงันงก ขานรับไม่หยุด แล้วรีบเรียกคนเข้ามา

อวี๋ผินตกใจจนเดินไม่เป็น สุดท้ายจึงถูกหมอม่อรับใช้ร่างใหญ่สองคนหิ้วปีกแล้วลากออกจากตำหนักหย่างซินไป

มวยผมของนางหลุดลุ่ย ชุดกระโปรงผ้าไหมเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำซอส รองเท้าปักข้างหนึ่งก็ไม่รู้ว่าหลุดหายไปตอนไหน

มีขันทีเฝ้ายามตอนกลางคืนถือโคมไฟเดินผ่านมา แสงไฟที่ไม่สว่างนักกลับส่องให้เห็นสภาพอันน่าสมเพชของนางได้อย่างชัดเจน

เรื่องราวนี้อึกทึกครึกโครมเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ยังเกิดขึ้นในวังที่ทุกการเคลื่อนไหวล้วนมีคนจับตามองอยู่แล้ว

วันรุ่งขึ้น ข่าวต่าง ๆ เกี่ยวกับการถวายตัวของอวี๋ผินก็แพร่สะพัดไปทั่ว

“ได้ยินหรือยัง? ซี่โครงของอวี๋ผินทำเอาฝ่าบาททรงคลื่นไส้จนอาเจียนเลยนะ!”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ว่ากันว่านางถอดเสื้อผ้าเพื่อยั่วยวน จึงถูกฝ่าบาทขับไล่ออกไปอย่างรุนแรง!”

“ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดปรานวังหลังมานานแล้ว แต่นางกลับคิดว่าตนเองเป็นข้อยกเว้น น่าสงสารจริง ๆ ”

...

ตำหนักรองฝั่งตะวันตก เจียงหวนกำลังย่างมันเทศด้วยไฟถ่าน เสี่ยวเจาที่อยู่ข้าง ๆ เล่าเรื่องอย่างออกรสออกชาติ สีหน้าดีใจจนเก็บไม่อยู่

“ฮ่า ๆ ๆ นายหญิงน้อย บ่าวยังได้ยินมาอีกว่าตอนที่อวี๋ผินถูกลากกลับตำหนัก เสื้อตัวนอกที่เป็นผ้าโปร่งของนางยังถูกเกี่ยวจนขาดไปหลายแห่ง สภาพน่าสมเพชเหลือเกินเพคะ”

เจียงหวนได้แต่จุดเทียนไว้อาลัยให้อวี๋ผินในใจ

บอกหน่อยเถิด จะหาเรื่องใครไม่หาเรื่อง ดันไปหาเรื่องฮ่องเต้ที่อารมณ์แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ผู้นั้น นี่ไม่ใช่หาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?

เจียงหวนไม่เข้าใจ นางเอาแต่ย่างมันเทศต่อไป

“เรื่องพวกนี้เจ้าพูดให้ข้าฟังก็พอแล้ว แต่อย่าให้คนนอกได้ยินเป็นอันขาด”

เดี๋ยวจะถูกนำไปสร้างเรื่องอีก นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีนะ...

เสี่ยวเจายิ้มร่าพลางขานรับ “นายหญิงน้อยวางใจเถิด บ่าวรู้ว่าควรทำอย่างไร”

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฮั่วหลินไม่ได้อารมณ์ดีเหมือนสองนายบ่าวคู่นั้นเลย

เขาหิวจนปวดท้องบิด แต่บนโต๊ะกลับมีเพียงพระกระยาหารเจที่เย็นชืดกองอยู่

ใบผักสีเหลืองเหี่ยวแช่อยู่ในน้ำแกงขุ่น ๆ เต้าหู้ก็มีสีขาวอมเทาอย่างน่าประหลาด ส่วนเนื้อสัตว์ก็มีเพียงน้อยนิด

เขาเป็นฮ่องเต้! เหตุใดจึงต้องเสวยแต่ของพวกนี้!

เงินที่คนในห้องเครื่องได้รับทุกวัน เอาไปให้หมากินหมดแล้วหรือไร?

หรือว่ามีคนยักยอกเงินในท้องพระคลัง ยักยอกจนแม้แต่จะทำอาหารร้อน ๆ ให้เขาสักมื้อก็ยังทำไม่ได้!

ฮั่วหลินนวดขมับ

อดทนคีบผักขึ้นเสวย รสชาติจืดชืดจนแทบจะถือตะเกียบเงินในพระหัตถ์ไว้ไม่ไหว

ในหัวของเขาค่อย ๆ ปรากฏภาพบัวลอยที่เจียงหวนถือในคืนนั้น

ผ่านไปหลายวันแล้ว ร่างกายของเจียงหวนน่าจะหายดีแล้วกระมัง?

เขาสามารถเรียกเจียงหวนมาอีกครั้งได้แล้วใช่หรือไม่
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 386

    เจียงหวนเห็นท่าทางของเหอหลิงที่แปรเปลี่ยนจากเบิกบานใจเป็นทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ผ้าพันคอในมือของนาง อดกลั้นขำไม่ได้คราวที่แล้วนำยารักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกจากยุคปัจจุบันออกมายังไม่น่าหวาดเสียวพออีกหรือ?นึกไม่ถึงครั้งนี้จะทำผ้าพันคอมาให้อีก หรืออยากจะแสดงให้เห็นว่าข้าเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคโบราณอย่างนั้นหรือภายนอก เจียงหวนพยายามรักษาสีหน้าให้ดูเป็นปกติ ไม่ได้คิดจะเปิดโปงนาง จึงแสร้งทำหน้าตาสงสัยในขณะที่จ้องมองผ้าพันคอผืนนั้น“ทำไมเล่า? เป็นของจากดินแดนตะวันตกอีกแล้วหรือ? ดูประณีตอย่างมากทีเดียว”นางกล่าว ซ้ำยังใช้นิ้วจิ้มไหมขนที่สัมผัสนุ่มนิ่มนั่นดูเหอหลิงมือสั่น เกือบขาอ่อนล้มลงไปกองบนพื้นพร้อมกับผ้าพันคอในมือแล้วนางรีบตอบคำอย่างติดๆ ขัดๆ ว่า “ทูล ทูลพระสนม นี่คือ… นี่คือสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ที่หม่อมฉันทำยามมีเวลาว่าง เรียก… เรียกว่าผ้าพันคอ! ใช่… เป็นงานฝีมือที่ได้รับความนิยมมาจากดินแดนตะวันตกเช่นกันเพคะ ฮ่าๆ…”[จบแล้วๆ พระสนมอุตส่าห์คิดพลิกแพลงไปเป็นอย่างอื่นได้ แต่ฉันยังทำผิดพลาดโง่ๆ อยู่อีก][ชื่อของมันจะทันสมัยเกินไปแล้ว พระสนมจะคิดว่าฉันกำลังแต่งเรื่องอยู่รึเปล่านะ?

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 385

    หัวหน้าขันทีตกใจตัวสั่น แทบจะมุดหน้าเข้าไปในพื้นแล้ว“ทูล ทูลไทเฮา บ่าวไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ จวนอ๋องส่งข่าวมา บอกเพียงว่าจู่ๆ ม้าของจวิ๋นอ๋องก็คลุ้มคลั่งระหว่างทาง จวิ้นอ๋องถูกเหวี่ยงตกจากหลังม้า ขาขวา… ขาขวาหักในที่เกิดเหตุทันที หมอหลวงบอกว่าอาการสาหัสมาก…”“ไม่รู้? แค่บอกว่าไม่รู้คำเดียวก็คิดจะบิดพลิ้วให้ผ่านไปได้งั้นหรือ?”ไทเฮาตบโต๊ะอย่างแรง โต๊ะสั่นสะเทือนจนเครื่องชากระแทกกันเสียงดัง“เมื่อวานเพิ่งเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นในพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันนี้เขาก็ประสบเหตุร้ายเช่นนี้แล้ว มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เสียที่ไหน! ไปสืบมาเดี๋ยวนี้! ทั้งม้า อานม้า และทุกคนที่สัญจรผ่าน ห้ามปล่อยให้เล็ดลอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ข้าอยากรู้นัก ว่าใครกันที่กินหัวใจหมีดีเสือเข้าไป จึงได้กล้าลงมือกับคนในตระกูลฮั่วเช่นนี้!”เพลิงโทสะในดวงตาของนางลุกโชน ในใจเริ่มมีเค้าร่างของผู้อยู่เบื้องหลังแล้วเมื่อวานฮั่วถิงมีเรื่องกับจวงเฟยและเหอหลิง วันนี้ก็ตกม้าจนบาดเจ็บสาหัสมิหนำซ้ำยังบาดเจ็บจุดเดียวกับจวงเฟยอีก นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนนี่เป็นฝีมือของฮั่วหลิน และเป็นคำเตือนสำหรับนางยิ่งคิด ไทเฮาก็ยิ่งบันดาล

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 384

    ประตูตำหนักถูกผลักเปิด ฮั่วหลินเดินเข้ามาเขาเห็นเจียงหวนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้ากลัดกลุ้มตั้งแต่แวบแรกเจียงหวนสวมชุดนอนบางๆ เพียงชั้นเดียว เส้นผมเปียกชื้นแนบติดอยู่ที่ใบหน้าด้านข้าง ดูอ่อนโยนเปราะบางเป็นพิเศษเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ ราวกับจะสามารถแตกสลายได้แม้เพียงสัมผัสเดียวหัวใจของฮั่วหลินบีบรัด ฝีเท้าแผ่วเบาลง ด้วยกลัวว่าจะรบกวนนางเข้า[เหตุใดจึงเหม่อลอยเช่นนั้น ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรือ?]ฮั่วหลินโบกมือ สั่งให้เสี่ยวเจาถอยออกไปส่วนตนเองก็ถอดเสื้อคลุมออก คลุมที่ไหล่ของนาง“กลางคืนหนาว เหตุใดไม่สวมเสื้อผ้าให้หนาหน่อยเล่า?”เขานั่งลงข้างกายเจียงหวน ดึงมือที่เย็นเฉียบของนางมากุมไว้ในฝ่ามืออุ่นๆ ของตนเองความคิดที่ล่องลอยของเจียงหวนถูกการกระทำนี้ดึงให้กลับมา สัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือและอุณหภูมิอบอุ่นที่ห่อหุ้มรอบกาย ราวกับได้ขับไล่ความหวาดกลัวในจิตใจให้หายไปไม่น้อยนางเงยหน้ามองฮั่วหลินเงาร่างของนางสะท้อนอยู่ในดวงตาดำขลับของฮั่วหลิน ลึกล้ำชัดเจน“ไม่ต้องกลัว” เขากล่าวเสียงแผ่วเบา กระชับนิ้วมือให้แน่นขึ้น “มีข้าอยู่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”[ตกม้าหนึ่

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 383

    [หืม? ความผิดปกติอะไร?]「วันนี้ที่นอกห้องผลัดอาภรณ์ ตอนที่ผมส่งเสียงเตือนภัยระดับสูง พระสนมจวงเฟยหลุดปากออกมาว่า ‘หุบปาก’ อ้างอิงจากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในขณะนั้นแล้ว คำสั่งนั้นไม่เข้ากับบุคคลที่อยู่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแม้แต่คนเดียว หลังจากรวมตัวกันนางได้ชี้นำเบาะแสหลักฐานอย่างแม่นยำ ผมสงสัยเป็นอย่างสูงว่าเจียงหวนอาจได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับคุณ」เหอหลิงตะลึงงัน ไม่นานก็รีบโต้แย้งทันที[นายจะบอกว่าพระสนมมีวิชาอ่านใจงั้นเหรอ อย่าเหลวไหลไปหน่อยเลยน่า][อีกอย่างถึงนางจะได้ยิน ก็ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? นั่นหมายความว่าเรามีวาสนาต่อกัน]「โฮสต์ กรุณาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาด้วยครับ หากเป้าหมายเจียงหยวนรับรู้ถึงการมีอยู่ของผมจริง แรงจูงใจและท่าทีที่มีต่อโฮสต์ อาจมีอันตรายแฝงอยู่」[อันตราย? อันตรายอะไร? พระสนมจะมีเจตนาร้ายอะไรได้? วันนี้นางทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้เชียวนะ][หากไม่ได้พระสนมช่วยไว้ ตอนนี้ฉันคงเสียความบริสุทธิ์เสียชื่อเสียงไปแล้ว ไม่แน่อาจไม่เหลือรอดแม้แต่ชีวิตด้วยซ้ำ][ระบบ ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนเลยนะ ห้ามใส่ร้ายพระสนมของฉัน แล้วก็ห้ามนายสงสัยพระสนมด้วย ได้ยินรึ

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 382

    เจียงหวนเห็นท่าทางสับสนมึนงงของนาง ก็รู้สึกอดขำไม่ได้การตอบสนองนี้ ช้าจนอ้อมโลกได้สองรอบครึ่งแล้วกระมังแต่ดูจากที่เปลี่ยนเรื่องพูดแล้ว แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ“อืม” เจียงหวนรับคำ “ฝ่าบาทเพิ่งมีราชโองการแต่งตั้งให้เจ้าเป็นหลินกุ้ยผิน รับสั่งให้ย้ายเข้าอยู่ในตำหนักฉางชุนตะวันตก ภายหน้าเจ้าก็รักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ”“ฮือ ๆ ๆ ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบพระทัยพระสนม”เหอหลิงหัวเราะทั้งน้ำตา นางกอดแขนของเจียงหวนไว้แน่น หากไม่ใช่ว่าอ่อนแรงไปทั้งตัว นางยังอยากคุกเข่าโขกหัวให้ด้วยซ้ำ“พระสนม พระสนมดีกับหม่อมฉันเหลือเกิน หม่อมฉัน… วันหน้าไม่ว่าสิ่งใดหม่อมฉันล้วนเชื่อฟังพระสนมเพคะ”เจียงหวนถูกนางกอดจนรู้สึกอึดอัด อยากดึงมือกลับ แต่กลับถูกกอดแน่นกว่าเดิมครั้นสัมผัสได้ถึงร่างกายของเหอหลิงที่สั่นเทาเล็กน้อย สุดท้ายนางจึงกอดตอบเบาๆเหมือนปลาหมึกน้อยขี้กลัวไม่มีผิดเลยกอดแน่นขนาดนี้ กระดูกแทบจะหักอยู่แล้วแต่เห็นแก่ที่นางเพิ่งผ่านเหตุการณ์ชวนขวัญหนีดีฝ่อมา ปล่อยให้กอดสักครู่ก็ได้ในขณะเดียวกัน เสียงรายงานของหวังเต๋อกุ้ยดังมาจากนอกตำหนัก“ฝ่าบาทเสด็จ!”ฮั่วหลินสะสางเรื่องราววุ่นวายใน

  • อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง   บทที่ 381

    [ฮั่วถิง! เจ้าปีศาจชั่วนั่น!] เหอหลิงจมอยู่ในความอัดอั้นตันใจและความหวาดผวาอย่างใหญ่หลวง น้ำตาเม็ดใหญ่ๆ พรั่งพรูไม่ขาดสาย“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” เจียงหวนเช็ดน้ำตาให้นาง พลางเอ่ยหยอกล้อจากนั้นก็ตักยาขึ้นมาหนึ่งช้อน เป่าให้หายร้อนเล็กน้อย ก่อนจะป้อนให้นาง “มีอะไรประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดื่มยาก่อนเถิด”เหอหลิงอ้าปากอย่างว่าง่าย ยาขมๆ ไหลลงคอ ทำให้นางอดขมวดคิ้วไม่ได้[ขมจัง][แต่พระสนมเป็นคนป้อน ต่อให้ขมอีกแค่ไหนก็กลายเป็นหวานแล้ว]นางดื่มยาทีละคำๆ ขณะที่น้ำตายังคงหลั่งไหลลงมาเป็นสาย ผสมเข้ากับยา ทั้งขมทั้งเค็มเจียงหวนเห็นท่าทางน่าสงสารของนาง ก็อดทอนถอนใจไม่ได้ร้องไห้จนหน้าลายเหมือนแมว น้ำหูน้ำตาไหลลงมาผสมกับยาแล้ว นี่คิดจะเพิ่ม ‘ประสิทธิภาพของยา’ หรืออย่างไรช่างเถิด อย่างไรก็ควรระบายออกมาบ้างหลังจากป้อนยาถ้วยหนึ่งหมดอย่างยากลำบาก สีหน้าของเหอหลิงคล้ายว่าดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าน้ำตายังคงไหลทะลักออกมาจนน่ากลัวนางมองเจียงหวน ริมฝีปากสั่นเทา คล้ายมีคำพูดในใจเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่กลับไม่รู้จะเริ่มจากตรงที่ใด“เอาล่ะๆ ร้องไห้จนตาบวมแล้ว เหมือนกบในอุทยานหลวงเลย”เจียงหวนวางถ้วยยาลง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status