นับจากครั้งที่ฮูหยินใหญ่มาเยี่ยมเจ้าสองซาลาเปา สตรีวัยกลางคนก็ทำหน้ามึนตึงมาเยี่ยมสองหมูตอนทุกวันโดยไม่มองหน้าลี่ชิงแม้แต่น้อย
ตอนนี้ลี่ชิงรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ลี่ชิงกลายเป็นสตรีแม่ลูกอ่อนอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเลี้ยงลูกไปวันๆ
ชีวิตแบบนี้ช่างน่าเบื่อ..เอ่อ หมายถึงสงบสุขสิ้นดี
เมื่อภพก่อนคุณป้าสมหญิงทำงานอย่างขะมักเขม้น อุทิศชีวิตให้กับงานและยามว่างอุทิศให้ซีรี่ส์ชวนฝันหวานพวกรักหวานแหววแฮปปี้เอนดิ้ง อีกอย่างคืออุทิศตนเลี้ยงหมาชื่อไอ้แชมพู กับเลี้ยงแมวแก่ชื่อนางสีเทา
อย่างน้อยก็มีทีวีให้ดูใช่ป่ะ?
อย่างน้อยก็ได้ฝันกลางวันไปกับพวกซีรี่ส์แนวเพ้อรัก
อย่างน้อยวันจันทร์ถึงศุกร์ก็มีงานให้ไปทำ
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตรระดับชำนาญการพิเศษระดับเก้าของป้าสมหญิงไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย ได้มาเพราะความสามารถทั้งนั้น
เฮอะ! ไม่เชื่อมาจับมือแห้งแตกของป้าสิ บางครั้งเท้ายังแตกเป็นรอยแยกให้ปูนาเข้าไปมุดอยู่ได้เลยแหละ ลงตรวจหน้างานจริง ส่งเสริมชาวบ้านให้เพาะปลูกตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักวิชาการเกษตร แก้ปัญหาแหล่งน้ำทั้งบนดินทั้งใต้ดิน เป็นวิทยากรให้ทุกหมู่บ้านที่ร้องขอมา
สมหญิง บุญเมตตาทำงานอย่างบ้าคลั่งจนประสบความสำเร็จทางด้านการงาน
แต่เรื่องชีวิตส่วนตัวเรียกได้ว่าโดดเดี่ยวกว่านี้มีอีกมั้ย อยู่คนเดียวพร้อมแมวแก่เพศเมียกับหมาเอาแต่ใจอย่างไอ้แชมพู
ไม่ได้โลกสวยที่อยู่คนเดียว แต่แค่ไม่สวยอย่างคนอื่นเค้า เตี้ย ล่ำ ดำ ถึก สิวประปราย ผู้ชายคนไหนมันจะมาเหลียวมอง
พอยุคศัลยกรรมเฟื่องฟูมีเงินทำหน้า ดันมาอายุมากจนหมดเมนส์แก่เกินแกงไปอีก ในยุควัยรุ่นก็เป็นคนหน้าตาธรรมดาค่อนข้างขี้เหร่ แถมขาใหญ่เหมือนขาหมูตัวเมียหลังคลอด จะเอาอะไรไปสู้ แย่งผู้ชายจากพวกตัวขาวเล็ก ผอมบางเท่าหมากระเป๋า ไม่ใช่ทุกคนจะได้แต่งงานหรอกนะ
ผู้ชายมันหาซื้อได้ง่ายเหมือนผักกาดขาวรึยังไง?
อายุ 48 แล้วไง ใครแคร์ อยู่คนเดียวก็ได้ ไม่มายด์ไม่ซีเรียส ไม่ใช่ไม่อยากมีคู่ แต่ผู้ (ชาย) มันไม่เคยเหลียวมอง จะให้อ่อยก่อนก็ไม่กล้า ดูหน้าตัวเองในกระจกก็ได้แต่ถอนหายใจ
เวลามันก็ล่วงเลยไปจนอายุ 48 ปี และตายอย่างอนาถาบนเก้าอี้ตัวโปรดหน้าทีวีในวัยหมดประจำเดือน
ลี่ชิงคิดอะไรเพลินๆ อยู่คนเดียว เสียงเคาะบานประตูดังขึ้นแผ่วเบาอย่างมีมารยาท
หน้าหล่อๆ ของเฉินเซียวหลางโผล่มาที่ประตูพร้อมถ้วยอะไรบางอย่างในมือ นั่น! ยิ้มกระชากใจอีกแล้ว แค่เห็นหุ่นล่ำแน่นของสามีก็น้ำเดินเสียแล้ว
อะแฮ่ม!ขอเวลาเขินนิดนึง วิญญาณสาวใหญ่ได้แต่หันหน้าไปทางอื่นเพื่อเรียกสติ แล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับคนหล่อ พยายามทำหน้าปกติ
"ท่านมีธุระอะไรกับข้ารึเฉินเซียวหลาง" โห เสียงยังหวานไปอีก ลี่ชิงสมหญิงหลงเสียงตัวเอง นอกจากส่องกระจกวันละสิบแปดรอบเพราะเห่อหน้าสวย ๆ ของตนในชาตินี้ ยังหลงใหลเสียงของตัวเองอย่างยิ่งอีกด้วย คนไม่เคยสวยมันก็เห่อร่างเป็นธรรมดา
"พี่นำรังนกตุ๋นมาป้อนเจ้า ช่วงนี้เจ้าให้นมบุตร ต้องบำรุงให้มาก"
"ข้ากินเองได้ อย่าลำบากท่านพี่เลย" พูดพร้อมทำตาหวานเชื่อมใส่เขา
แหม่! ชาตินี้มีสามี ขออ่อยหน่อยเหอะ
ทำไม? อ่อยสามีตัวเองมันผิดตรงที่ใดกัน ไม่ผิด ตอบได้เลยว่าไม่ผิด
เฉินเซียวหลางทำหน้าประหลาด ๆ กับกิริยาอาการหลังฟื้นจากคลอดบุตรของนาง ปกติลี่ชิงจะด่าเขาจะแทบกระเจิงออกไป อารมณ์ของนางราวกับพายุฤดูร้อน ตั้งแต่นางฟื้นมาช่างอ่อนหวาน ออดอ้อนน่ารัก สงบเสงี่ยม เปลี่ยนไปเป็นคนละคน สายตาเกรี้ยวกราดที่นางเคยมองเขากลับกลายเป็นสายตาหวามไหว หรือช่วงนี้นางอารมณ์ไม่คงที่เพราะสภาวะหลังคลอดบุตร
เขาได้แต่ภาวนาให้เป็นเช่นนี้ไปตลอด
เฉินเซียวหลางเดินเข้ามาในห้องพร้อมถาดของว่าง มีถ้วยรังนกตุ๋นนมสดวางอยู่บนถาด รังนกอุ่นกำลังดี เขาวางถาดบนโต๊ะกลางห้อง รินชาให้ภรรยา หยิบถ้วยรังนกตุ๋นขึ้นมาเป่าให้คลายร้อนป้อนถึงปากลี่ชิง
"เจ้าไม่โกรธเคืองพี่แล้วหรือที่ทำให้เจ้าตั้งครรภ์"
"จะโกรธให้มันได้อะไรขึ้นมา ไหน ๆ ข้าก็ตั้งครรภ์จนคลอดเจ้าสองซาลาเปาออกมาแล้ว" นางอ้าปากรับรังนก ลี่ชิงตอนนี้มัวแต่มองความหล่อของสามี จ้องมองด้วยดวงตากลมโตจนเขาเริ่มประหม่า
"มีอะไรติดบนหน้าพี่อย่างนั้นรึ"
"ไม่มีเจ้าค่ะ"
"แล้วเจ้าจ้องมองหน้าพี่เพราะเหตุใด" เมื่อก่อนนางไม่เคยมองหน้าเขาด้วยซ้ำ มีแต่เกรี้ยวกราดเรื่องที่เขาทำนางตั้งครรภ์
"ท่านหล่อมาก เหมือนพระเอกซีรี่ส์เกาหลีผสมจีนผสมญี่ปุ่น" หน้าหวานเอ่ยชมเขาจากใจจริงพร้อมทำสายตาวิ๊ง ๆ แบบพวกติ่ง พวกแฟนด้อม ความบ้าดาราของป้าสมหญิงไม่เคยเป็นรองใคร กงยูกงเย ,คิม ซู ฮยอน ,ฮยอนบิน ,โจ อิน ซอง ใครก็ตามป้าดูซีรี่ส์มาหมดแล้ว
ห้วงความหวานนี้มองหน้าสามีของตัวเองแล้วก็เขินแรง
"....." เขาไม่ตอบได้แต่หน้าแดงซ่าน โห น่ารักเว่อร์เบอร์สุดเข้าไปอีก
"ทำไมข้าต้องโกรธท่านด้วยเล่า เราแต่งงานกราบไหว้ฟ้าดินด้วยกันหรือยัง เหตุใดข้าจึงต้องเคืองท่านเรื่องทำให้ข้าตั้งท้อง"
"เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ข้าเผอิญทำเจ้าท้องเพราะช่วยเจ้าถอนพิษกำหนัด"
"ห๊า! ใครกันวางยาพิษกำหนัดข้า ช่างร้ายกาจนัก"
"เจ้าวางยาพิษตนเอง"
"ไม่จริงหรอก" คุณป้าสมหญิงในร่างลี่ชิงกลอกตาไปมา
เอิ่ม ...ร่างนี้ร้ายนะเรา ..ฟังไปฟังมาเหมือนพวกนางร้ายในนิยายบ้ง ที่นางเอกชอบข้ามมิติมาอยู่ในร่างนางร้ายไร้สมอง
"เจ้าวางยาพิษกำหนัดตนเองกับแม่ทัพเหวินซู แต่ท่านแม่ทัพไหวตัวทันชิงหนีเจ้าไปเสียก่อน เขาใช้ปราณในร่างสกัดพิษไว้แล้วหนีออกทางหน้าต่าง ส่วนข้าเข้าไปพักในโรงเตี๊ยมเดียวกับเจ้าพอดี ห้องของเราอยู่ข้างกัน เจ้าวิ่งออกมาจากห้องทั้งที่อาภรณ์หลุดลุ่ย ข้าก็แอบชอบเจ้าอยู่แล้วด้วย ข้านำเจ้าเข้ามาในห้อง ข้ากลัวเจ้าวิ่งเตลิดไปทั้งอาภรณ์หลุดลุ่ย พวกเราก็เลย...ร่วมรักกันหลายครั้งในคืนนั้น สองเดือนต่อมาเจ้าส่งจดหมายมาบอกข้าว่าตั้งท้อง ข้าจึงรับเจ้ามาเลี้ยงดูในจวนสกุลเฉิน" เขาอธิบายเรื่องนี้ด้วยสรรพนามคำว่าข้า ไม่ใช่พี่ คงกลัวนางด่าเปิงเช่นที่แล้วมา
"ขอบคุณท่านมาก จะพิษอะไรก็ช่างเถิด ท่านดูแลข้าอย่างดี ต่อแต่นี้ไปข้าจะเป็นฝ่ายดีกับท่าน กับครอบครัวท่าน ลูกของข้าต้องมีพ่อ เรื่องในอดีตของข้าไม่มีเรื่องดีเลย มีแต่เรื่องพังพินาศทั้งนั้น" ลี่ชิงถึงขั้นเอามือกุมหัว ตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ
"เจ้ายอมรับพี่แล้วหรือ" เขาทำหน้าดีใจอย่างที่สุด
"อื้ม...ต่อจากนี้ไปข้าจะเกี้ยวท่าน เอ่อ หมายถึงทำดีต่อท่าน" ป้าสมหญิงพยักหน้า พร้อมอ้าปากรับรังนกตุ๋นอย่างสบายอารมณ์
"ได้ยินเพียงเท่านี้พี่ก็มีความสุขแล้ว รอเจ้าฟื้นร่างกายอีกสักพักเราจะจัดงานแต่งงานกัน"
"ข้าจะพยายามชนะใจฮูหยินใหญ่ด้วย สิ่งใดที่ผ่านมาให้แล้วไป ข้าจะทำตัวใหม่ให้สมกับได้รับโอกาสจากสวรรค์"
เฉินเซียวหลางทำหน้าประหลาดใจกับคำพูดของนาง แต่นางสมองกลับหลังจากฟื้นคลอดลูกเช่นนี้ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เขาได้แต่พยักหน้าเออออตามไปด้วย
ร่างสาวน้อยลี่ชิงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ
คิดถึงภาพคืนเข้าหอในพวกซีรี่ส์เรทอาร์แล้วสยิวกลีบสาวขึ้นมาทันที อุ๊ย! มีสิทธิ์เข้าหอแล้วสิ โอกาสทองมาถึงแล้ว
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที