เมื่อฟ้าระวีเห็นเพื่อนนั่งร้องไห้โฮออกมาเธอก็เริ่มหงุดหงิด
“อะไรของแกอีกเนี่ย ยัยรติ”
“ฟ้าพี่เพชรนอกใจฉัน” หญิงสาวพูดออกมาอย่างคนเมาแล้วร้องห่มร้องไห้เสียงดัง จนฟ้าระวีและมินรดารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาวทันทีและหันไปยิ้มแหยๆให้โต๊ะข้างๆที่หันมามอง
“แล้วมันใช่ที่ที่แกควรจะมาร้องไห้หรือเปล่าวะ นี่พวกฉันกำลังจะสนุกอยู่เลย”
“ก็ฉันเสียใจนี่ ฉันจะได้แต่งงานแล้วนะเว้ย ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับฉันด้วยวะ” รติรสบ่นพึมพำด้วยความเมามายและความเสียใจที่ฝังอยู่ในใจ จนเธอพร่ำเพ้อพรรณนาถึงพชรว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไม่หยุดจนเพื่อนทั้งสองส่ายหน้าไปมา
“ฟ้า เดี๋ยวฉันฝากดูยัยรติด้วยนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เมื่อมินรดาเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วฟ้าระวีก็หันมามองเพื่อนสาวด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
“เฮ้ย! แกก็ไม่เคยจะทันพี่เพชรเลยสักครั้ง นี่ฉันก็เข้าใจว่าพี่เพชรทิ้งลายไปตั้งนานแล้วนะถึงได้ขอแกแต่งงานที่ไหนได้ก็ยังเหมือนเดิม” ฟ้าระวีที่รู้จักพชรมาตั้งแต่เรียนมหาลัย เธอรู้ว่าเขาหน้าตาดีและยังเป็นเสือผู้หญิงแต่ไม่คิดว่าอายุปูนนี้แล้วเขาจะยังไม่ทิ้งนิสัยแบบนี้อีกมาทำให้เพื่อนเธอเสียใจ ถ้าเห็นที่ไหนเธอจะเตะให้ไข่ฝ่อมีลูกไม่ได้เลยคอยดูคิดแล้วหญิงสาวก็หัวเสีย
“ฉันอยากจะบีบไข่ผู้ชายคนนั้นจริงๆ แกหยุดร้องได้แล้วนะ ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ทางที่ดีแกควรหาผู้ชายมาดามอกนะรติ” เมื่อพูดถึงผู้ชายมาดามอก เธอก็กลับนึกถึงใบหน้าหล่อที่เจอกันเมื่อตอนกลางวันไม่ได้
“เขาว่าอะไรนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำขึ้นมา
“ใครว่าอะไรฮะแก ฉันยังไม่ได้ยินใครว่าอะไรเลย” ฟ้าระวีที่ถามขึ้น
“เขาบอกว่าจะแต่งงานกับฉัน” เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงานฟ้าระวีก็ส่ายหัวไปมาด้วยความระอา
“เขาไม่แต่งกับเธอแล้วยัยรติ” น้ำเสียงของเพื่อนดูเหมือนจะเหนื่อยๆกับการที่ต้องมานั่งฟังเธอละเมอเพ้อพบถึงผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น
“ติง!” เสียงข้อความดังขึ้น รติรสกดเปิดข้อความอ่านก็เห็นคำถามที่พยัคฆินส่งมาหา
“ตกลงข้อเสนอของผม คุณว่ายังไง” รติรสอ่านข้อความแล้วพยักหน้าอย่างนี้ก็ดี ถ้าเธอรับข้อเสนอของเขาจริงๆเธอจะได้เลิกเสียใจด้วยความเมามายที่ไม่ได้สติหญิงสาวจึงส่งข้อความไปหาชายหนุ่มทันที
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” เธอพิมด้วยอาการเมาๆแต่ก็พยายามอ่านทวนข้อความก่อนอยู่หลายครั้งจะกดส่งไปให้ชายหนุ่มเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆตัวเองไม่นานแอพพิเคชั่นไลน์ก็มีสายโทรเข้าทันที
“ใครโทรมาน่ะรติ” ฟ้าระวีหันมามองโทรศัพท์ของเพื่อนที่ได้ยินแรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ หญิงสาวขยับมือเรียวเข้าไปกดรับและยกโทรศัพท์เข้ามาแนบหู
“ฮัลโหลใครเนี่ย” พยัคฆินขมวดคิ้วที่ได้ยินเสียงพูดของหญิงสาวที่ลิ้นพันกันในขณะที่คุยกับเขาหรือว่าเธอกำลังเมาคงจะไปดื่มเหล้าย้อมใจแน่ๆ
“ผมเอง คุณอยู่ไหนทำไมเสียงดังขนาดนี้” เสียงเพลงในผับนั้นดังกระหึ่มจนเขาต้องตะโกนคุยกับเธอ
“ฉันอกหักไง ฉันก็เลยมาดื่มเหล้าคุณมีอะไรไม่ทราบ” คำพูดห้วนๆของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอีกทั้งเสียงเพลงยังดัง เขาแทบจะไม่ได้ยินว่าหญิงสาวพูดอะไร
“คุณอยู่ที่ไหนบอกผมมา เดี๋ยวผมไปหา”
“ฉันเหรอฉันอยู่ที่ร้าน x” เมื่อได้ที่อยู่ของผับแล้วพยัคฆินก็รีบขับรถออกจากคอนโดแล้วตรงไปหาเธอทันที
เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปจอดหน้าผับดัง สาวๆที่ยืนอยู่แถวนั้นก็หันไปยืนมองเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งจะขับเข้ามาจอด อยากจะรู้นักว่าเจ้าของรถจะเป็นเสี่ยหรือว่าเป็นหนุ่มหล่อและแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดคือผู้ชายที่เดินลงมาจากรถคันหรูนั้นหล่อไม่เบา หล่อวัวตายควายล้ม
“ตายแล้ว ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยทั้งหล่อ ทั้งรวยฉันชอบ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อเห็นหน้าของพยัคฆิน เขาหันไปส่งยิ้มนิดนึงแล้วเดินเข้าผับ
ชายหนุ่มมองหาผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อตอนกลางวันไม่นานก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนฟุ๊บอยู่บนโต๊ะตรงกลางร้านพร้อมผู้หญิงอีกคน
“คุณเมาแล้วเหรอ” ผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหมือนเทพบุตรจมูกโด่ง ดวงตาคม คิ้วหนาได้รูปเรียงเส้นเหมือนจับวาง ริมฝีปากหยักอมชมพู
“แม่เจ้า นี่มันดาราช่องไหนกันเนี่ย อยู่ดีๆก็เดินมาทักยัยรติ” ฟ้าระวีนั่งมองหน้าของพยัคฆินแล้วทำตาปริบๆ
“คุณทักคนผิดหรือเปล่าคะ” ฟ้าระวีที่เงยหน้าพูดกับพยัคฆินด้วยท่าทางงงๆ
“รติรสจะไปรู้จักผู้ชายหล่อๆแบบนี้ได้ยังไง” คิดแล้วเธอก็ส่ายหน้าไปมา
“ไม่สิผู้ชายหล่อขนาดนี้จะมารู้จักรติได้ยังไง”
“คุณพูดกับผมหรอ”
“ก็ใช่สิ อยู่ดีๆคุณก็เดินมาเขย่าแขนเพื่อนฉัน คุณรู้จักเพื่อนฉันได้ยังไง”
“อ๋อ! พอดีว่าผมโทรหาเธอเมื่อกี้ เธอบอกว่าให้ผมมารับ” ฟ้าระวีที่งงงวยในสิ่งที่เขาพูด เธอพลางคิดว่าเพื่อนสาวเธอนั้นเมาแอ๋ขนาดนี้จะให้เขามารับได้ยังไง คิดแล้วหญิงสาวก็มองจ้องอย่างจับผิด
แต่พยัคฆินก็ไม่อธิบายใดๆอีก เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าของหญิงสาวเพื่อดูให้ชัดเจนว่าใช่ผู้หญิงที่เขานั้นได้ยื่นข้อเสนอไปหรือเปล่าและแล้วก็เป็นเธอ เขาจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นจนฟ้าระวีตกใจและรีบลุกขึ้นร้องห้ามทันที
“อะไรกัน คุณจะพาเพื่อนฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยเพื่อนฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ผมจะพาเธอกลับบ้าน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อุ้มรติรสออกไปยังนอกร้านทันที
“ตายแล้วยายมิ้นอยู่ไหนเนี่ย ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำอีกนะ” ฟ้าระวีหันรีหันขวาแล้วรีบวิ่งตามรติรสออกไปเพราะเธอไม่รู้จักผู้ชายหน้าตาดีที่อุ้มเพื่อนสาวเธอออกไปแต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อวิ่งออกไปถึงหน้าประตูก็เจอผู้ชายคนนั้นกำลังพารติรสเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรู
“แม่เจ้านั่นรถของผู้ชายคนนั้นเหรอเนี่ย” ว่าแล้วฟ้าระวีก็วิ่งตามมาแล้วตีเข้าที่แขนของพยัคฆินพลางร้องให้คนช่วย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณจะพาเพื่อนฉันไปไหน ฉันจะแจ้งตำรวจ ช่วยด้วยค่ะ” พยัคฆินหันมามองหน้าเธอแล้วไหวไหล่ให้ฟ้าระวี
“อยากแจ้งก็แจ้งสิ” เขาก็เดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับจนฟ้าระวีทำอะไรไม่ถูกจึงรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับเพื่อนสาวทันที
“ถ้าคุณจะพาเพื่อนฉันไป งั้นฉันขอไปด้วย” ฟ้าระวีพูดด้วยท่าทางจริงจังที่จะปกป้องเพื่อนสาวสุดชีวิต พยัคฆินไม่พูดอะไรเขาขับรถออกไปจากผับทันทีแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังคอนโด
เมื่อถึงคอนโดฟ้าระวีถึงกับต้องอ้าปากค้าง เมื่อเงยขึ้นไปดูป้ายของคอนโดเป็นคอนโดที่มีเพียงแค่สามสิบห้องเท่านั้นและที่เธอรู้คือมีแค่ดาราและไฮโซคนมีเงินที่พักอยู่ที่นี่
หญิงสาวอ้าปากค้างทำตาปริบๆไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มจะรวยขนาดนี้ พยัคฆินเดินมาเปิดประตูฝั่งของรติรสและอุ้มเธอขึ้นตรงไปยังคอนโดทันที
ฟ้าระวีหันไปมองพยัคฆินที่อุ้มเพื่อนสาวเข้าไปในคอนโดจึงรีบวิ่งตามเข้าไปจนยามห้ามไว้
“ไม่ได้ครับ คุณเข้ามาไม่ได้ครับ” ยามผู้ซึ่งทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีตามราคาเงินว่าจ้างที่คอนโดใจกลางเมืองจ่ายให้ค่อนข้างสูง
“นี่ คุณให้ฉันเข้าไปด้วยสิ คุณลักพาตัวเพื่อนฉันมานะ คุณจะไม่ให้ฉันเข้าไปเหรอไม่งั้นฉันจะแจ้งความนะ” พยัคฆินพยักหน้าให้ยามปล่อยฟ้าระวีเข้ามาพลางเดินตรงไปยังลิฟต์ เขาหันมองฟ้าระวีจนเธอรู้สึกงงงวยแล้วชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“คุณกดลิฟต์สิ ผมอุ้มเพื่อนคุณอยู่”
“แล้วจะให้ฉันกดชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นสิบแปด” ชายหนุ่มกล่าวเพียงสั้นๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่ทำหน้านิ่งเหมือนผู้ชายเย็นชา ฟ้าระวีนั้นเมียงมองเขาอยู่หลายครั้งเธอคิดในใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมผู้ชายที่หล่อและรวยขนาดนี้รู้จักกับยัยรติหรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นกิ๊กของยัยรติแต่ก็คงไม่ใช่หรอกน่า เพราะปกติถ้ารติ มีอะไรก็จะเล่าให้เธอฟังตลอด ถ้าเป็นกิ๊กจริงๆและรติคงไม่เสียใจที่พชรนั้นนอกใจหรอก ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่นานเสียงประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้น
“ติ่ง” พยัคฆินอุ้มรติรสเข้าไปแล้วหยุดยืนอยู่กลางห้องที่เห็นวิวพาโรนามาในยามค่ำคืนเสียงไประยิยระยับสวยมากเลยทีเดียวจนฟ้าระวียืนนิ่งอึ้งไปทันที
“คุณจะกลับได้หรือยัง” คำถามที่แสนเย็นชาเปล่งออกมา
“ฉันจะกลับได้ยังไง ในเมื่อคุณลักพาตัวเพื่อนของฉันมา”
“ผมว่าไม่นะ”
“ฉันว่าใช่”
“คุณต่างหากที่มาส่งผมกับเพื่อนของคุณถึงห้องอีกอย่างคุณยังเป็นคนกดลิฟต์ให้ด้วยซ้ำ” ฟ้าระวีที่จนมุมพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เขาพูดมาก็เป็นไปตามความจริง
“คุณบอกฉันมาเลยว่าคุณเป็นอะไรกับเพื่อนฉัน”
“ผมก็เป็นว่าที่เจ้าบ่าวคนต่อไปของเพื่อนคุณน่ะสิ อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้”
“ฉันเหรอ ฉันจะรู้ได้ยังไงในเมื่อวันนี้ยัยรติพึ่งจะประกาศเลิกกับว่าที่เจ้าบ่าวไปหมาดๆแล้วจะมีเจ้าบ่าวคนใหม่ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะก็ผมนี่ไง” พยัคฆินตอบหน้าตาเฉยจนฟ้าระวีคดุ้นคิดอยู่นานแล้วก็เอ่ยออกมา
“ไหนล่ะ หลักฐานฉันไม่ยักรู้เลยว่าเพื่อนฉันบอกว่าจะแต่งงานกับคุณ”พยัคฆินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นข้อความในไลน์ที่รติรสเพิ่งส่งมา ให้เพื่อนสาวเธอดู ฟ้าระวียื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆโทรศัพท์แล้วอ่านอย่างช้าๆ
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ฟ้าระวีอ่านข้อความแล้วถึงกับอ้าปากค้าง เธอทึ่งในความไวไฟของเพื่อนสาวจนเธอกระพริบตาปริบ ๆ
“ที่นี้คุณเชื่อหรือยัง ถ้าเชื่อแล้วก็เชิญ” พยัคฆินผายมือให้ฟ้าระวีเดินออกไปจากห้องเขาสักทีเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยและเหม็นไปทั้งตัวอยากจะเข้าไปอาบน้ำสักหน่อย
“แล้วฉันจะไว้ใจคุณได้ยังไง”
“ถ้าผมไม่น่าไว้ใจเพื่อนคุณคงไม่ตกลงแต่งงานกับผมหรอกจริงไหม คุณคบกับเพื่อนคุณมาตั้งกี่ปีแล้ว คุณยังไม่รู้นิสัยของเพื่อนคุณอีกเหรอ” คำพูดของเขาก็ฟังดูมีเหตุผลจะว่าไปก็จริงอย่างที่เขาว่า
รติรสเป็นคนที่ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังถ้าเธอเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้วจริงๆงั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีไม่น้อย
หญิงสาวเสมองไปทางเพื่อนสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาแต่แล้วเธอก็พยักหน้าให้พยัคฆิน
“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะรีบโทรหาโทรมาหายัยรติตั้งแต่เช้าบอกให้เธอรับโทรศัพท์ด้วยนะ ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์รับรองฉันแจ้งตำรวจแน่” ฟ้าระวียกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของพยัคฆินทันที
“ฉันมีป้ายทะเบียนรถของคุณ ฉันมีรูปถ่ายของคุณ ฉันรู้จักคอนโดของคุณ ถ้าคุณคิดร้ายกับเพื่อนฉัน คุณโดนฉันแจ้งจับแน่นอน” ฟ้าระวีทำท่าทางจริงจังแล้วยอมเดินถอยออกไปจากห้องของพยัคฆิน เขาส่ายหน้าเบาๆไปมาด้วยความหงุดหงิดใจ
“เพื่อนคุณร้ายใช่ย่อยนะ ว่าแต่คุณเถอะร้ายหรือเปล่า” นิ้วใหญ่เกลี่ยที่ไรผมที่มันปกหน้าปกตาของหญิงสาวออกแล้วเดินไปในห้องน้ำไม่นานเขาก็ถือชามน้ำกับผ้าขนหนูมาเช็ดใบหน้าให้รติรส
“อย่ามายุ่งฉันจะนอน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างคนหงุดหงิด เมื่อชายหนุ่มเช็ดตัวให้เธอเสร็จเขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน เขาวางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างอย่างอ่อนโยนแล้วนั่งลงข้างๆเธอ
ไม่รู้ว่าแผนนี้จะได้ผลหรือวุ่นวายมากกว่าเดิมชายหนุ่มคิดแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อออกเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายเพราะเหม็นกลิ่นควันบุหรี่ที่ติดเสื้อผ้ามาจากผับที่เขาไปพาตัวเธอออกมา
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วพยัคฆินก็ใส่เพียงแค่ชุดคลุมตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วมานั่งข้างๆของหญิงสาวมือหนาดึงผ้าห่มมาห่มให้รติรส
“คุณชื่อรติสินะจากที่ผมได้ยินเพื่อนของคุณเรียกชื่อคุณ” ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนข้างๆเธอและพลิกตัวหันหน้าหาเธอ นิ้วเขาเกลี่ยที่แก้มขาวอมชมพูของหญิงสาว
ใบหน้าของเธอดูแล้วเหมือนเด็กมากทีเดียวทั้งดูสะอาดและใสซื่อเหมือนกระต่ายน้อยนอนหลับอยู่ก็ไม่ปาน
ตอนที่ 72 งานเลี้ยงต้อนรับหลานตัวน้อย“ผมรักคุณ”“ฉันก็รักคุณค่ะ” เธอบอกรักเขาตอบเบา ๆ ด้วยท่าทางเขินอายที่ตอนนี้ครอบครัวของพยัคฆินนั้นเธอกับเขายืนรายล้อมอยู่มินรดาและฟ้าระวีทำหน้าที่เป็นคนถ่ายรูปและจัดให้ทุกคนยืนถ่ายรูปเมื่อทุกคนยืนเข้าที่เข้าทางแล้ว มินรดาเป็นคนนับและฟ้าระวีเป็นคนถ่ายรูป“พร้อมนะคะ 1 2”“แชะ” เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น รูปถ่ายของพวกเธอนั้นมีแต่รอยยิ้มและความยินดีแม้แต่คมสันและพรนภาก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเช่นกัน เมื่อพยัคฆินเห็นภรรยาที่ท้องโตนั้นนั่งดูโทรศัพท์และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จึงนึกสงสัยก็เลยเดินมานั่งใกล้ ๆ“ยิ้มแฉ่งเลยนะคุณแม่มีอะไรเหรอ” ชายหนุ่มชะโงกหน้ามาดูโทรศัพท์ที่หญิงสาวกำลังถืออยู่“ดูรูปครอบครัวค่ะ”“ผมลืมบอกพอดีแม่ผมกับพ่อผมจะมาหานะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาเธอรีบวางโทรศัพท์ลงจากการดูรูปครอบครัวที่พวกเขาเคยถ่ายด้วยกันที่หน้าอำเภอและหันมาจ้องหน้าของสามี&
ตอนที่ 71ระวังเขาหอบหลานหนีนะ“อะไรนะ” เมื่อได้ฟังลูกชายพูดจบเขาก็ทำหน้านิ่วด้วยความไม่พอใจ กดตัดสายของลูกชายทันที“ชักจะเอาใหญ่แล้วนะพี่” สีหราชบ่นพึมพำที่ได้รับข้อความจากผู้เป็นพี่ชายคนโต ว่าให้เขาพาตัวพ่อของเขาไปที่อำเภอในเวลานี้“พ่อ พ่อครับไม่ไปเหรอ” สีหราชถามขึ้นที่เห็นท่าทางพ่อเขานั่งหัวเสียอยู่ในสวนหลังบ้าน“ไม่ไป” เขาตอบเพียงสั้น ๆ“พ่อมั่นใจนะ” คมสันหันมามองสีหราชด้วยท่าทางไม่เข้าใจทั้ง ๆ ที่สีหราชก็รู้ว่าเขาไม่ได้ยินดีปรีดากับลูกสะใภ้คนนี้สักเท่าไหร่“แกถามทำไม”“แต่ผมจะไปนะพ่อ แล้วก็มีเรื่องหนึ่งที่พ่อควรจะรู้ ถ้าหากว่าพี่สะใภ้นั้นคลอดลูกชายแสดงว่าเด็กคนนั้นจะเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลแล้ว ถ้าพ่อยังไม่ไปเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสครั้งนี้ ผมบอกเลยว่าพี่สะใภ้คงจะไม่ให้หลานชายคนแรกของพ่อใช้นามสกุลสิงหเขมราแน่นอน และคนที่ต้องเสียใจที่สุดก็คือพ่อ ดีไม่ดีนะพี่สะใภ้อาจจะไม่จดทะเบียนกับพี่สิงห์เลยก็ได้และเราจะหมดสิทธิ์ในตัวเด็กคนนั้น” ผู้เป็นพ่อที่ได้ยินคำของลูกชายนั
ตอนที่ 70 เอาคืน“คุณทำอะไรอยู่ตั้งนานจนฉันเผลอหลับไปแล้วเนี่ย ไม่กงไม่กินมันแล้ว” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด จนพยัคฆินอ้าปากค้างไม่คิดเลยว่าฮอร์โมนคนท้องเนี่ยจะทำให้เธอเอาแต่ใจขนาดนี้ จากผู้หญิงแสนอ่อนหวานที่เคยเชื่อฟังคำพูดของเขากลายเป็นว่าเขาต้องคอยเอาอกเอาใจเธอไม่หยุด จนดึกตื่นเที่ยงคืนเธอก็คอยที่จะแว๊ดเสียงใส่เขาอยู่เรื่อย“ยืนบื้อทำอะไรอยู่คะ แสงไฟแยงตาฉันทำให้ฉันนอนไม่หลับอยู่เนี่ย คนยิ่งหงุดหงิดอยู่” เมื่อพยัคฆินที่เห็นรติรสเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา เขารีบถอยหลังแล้วปิดประตูยกน้ำส้มออกมาจากห้องแล้วเอาไปใส่ตู้เย็นเอาไว้ชายหนุ่มรีบล้างข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่เขาเพิ่งใช้เสร็จเพราะหากว่าตื่นเช้ามาแล้วเธอเห็นเขาทำครัวสกปรกเธอคงจะแว๊ดเสียงใส่เขาอีกเป็นแน่“อะไรวะเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงอ่อนหวานอย่างรติวะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่ฮอร์โมนคนท้องจะหมดวะเนี่ย” ยิ่งพูดยิ่งหัวเสียที่ผู้หญิงที่เขารักบัดนี้ถูกฮอร์โมนคนท้องครอบงำซะหมดแล้ว“เวรกรรมจริง ๆ” เขาพูดด้วยท่าทาง
ตอนที่ 69 แจ้งข่าวเมื่อเห็นชายหนุ่มถูพื้นเสร็จแล้วเธอก็พยักหน้าให้เขาและเอนตัวลงนอนที่โซฟา“เดี๋ยวผมทานข้าวเสร็จแล้ว ผมจะรีบไปอาบน้ำแล้วเราก็ไปอำเภอกันนะ” เธอผุดลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้าเขา“ไปทำไมคะอำเภอ”“ก็ไปจดทะเบียนสมรสไง” เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วก็ส่งยิ้มหวานให้เขาชายหนุ่มเดินไปนั่งใกล้ ๆ และหอมแก้มของรติรสฟอดใหญ่“ผมจะพาเมียรักไปจดทะเบียนสมรส”“ไม่ดีกว่าค่ะเผื่อคุณเปลี่ยนใจอยากจะหย่ากับฉันอีก”“จะเปลี่ยนใจได้ยังไงล่ะ ผมจริงจังนะเดี๋ยวลูกก็จะคลอดออกมาแล้ว”“ถ้าคุณจะจดทะเบียนสมรสกับฉันเพราะว่าฉันท้องก็อย่าเลยค่ะ ฉันไม่ต้องการแบบนั้น”“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยผมรักคุณจริง ๆ นะรติ รักคุณแล้วก็รักลูกด้วย” เขาดึงหญิงสาวเข้ามากอดกระชับแน่นกว่าเดิมจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก รติรสตีแขนของเขาเบา ๆ“ปล่อยได้แล้วค่ะ ฉันหายใจไม่ออก” พยัคฆินคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อยแต่ยังไม่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ“แล้วพ่อกับแม่ของคุณล่ะคะ”“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพ่อกับแม่ผมล่ะในเม
ตอนที่ 68สั่งสอนคนนิสัยไม่ดี“ฉันกำลังท้องอยู่นะคะแล้วเพิ่งท้องอ่อน ๆ หมอยังไม่แนะนำให้มีอะไรกันนะคะ ยิ่งคุณทำแรง ๆ อยู่ด้วย” เธอรีบผลักเขาออกทันทีใบหน้าของหญิงสาวนั้นเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา เมื่อคิดถึงครั้งก่อนที่เธอได้หลับนอนกับเขายิ่งตอนที่ชายหนุ่มกระแทกกระทั้นเข้ามาที่หว่างขาของเธอยิ่งทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“ถ้าอย่างนั้นนอนกอดเฉย ๆ ก็ได้” ทั้งที่เขารู้สึกคิดถึงเธอใจแทบขาดแต่เขาก็ยอมอดทนที่จะนอนกอดเธออยู่ข้าง ๆ ที่จะนอนกอดเธอเฉย ๆ“คิดถึงผมไหม”“ไม่”“ผมคิดถึงคุณมากเลยนะและรักคุณมากด้วย” หญิงสาวหันมากัดเข้าที่ต้นแขนของเขาจนชายหนุ่มร้องเสียงหลง“โอ๊ย! อย่ากัดผม”“กัดให้เจ็บสิคะจะได้สำนึก”“ถ้าอยากให้กัดตรงอื่นได้ไหมล่ะ”“กัดตรงไหน”“ก็ตรงนี้ไง” เขาชี้นิ้วไปที่เป้าตุง ๆ ที่อยู่ข้างล่างของเขาจนเธอรู้สึกเขินขึ้นมาหญิงสาวฟาดนิ้วเรียวเข้าที่ต้นแขนของเขาอีกครั้งด้วยความโมโห“หายโกรธหรือยัง”“ไม่หาย” เธอตอบเขาเสียงขุ่น พยัคฆินกระชับ
ตอนที่ 67 พิมจะฟ้อง“ลูกก็รู้เรื่องด้วยเหรอเจ้าเสือ” สีหราชโบกไม้โบกมือทันที“อะไรครับ ผมไม่ใช่คนที่ล้มงานแต่งซะหน่อยแล้วแม่กับพ่อจะมาโมโหผมทำไม”“ก็นายนั่นแหละ นายต้องยุยงลูกชายของฉันแน่นอน” พรนภาพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจเพราะรู้ว่าสีหราชนั้นเป็นคนเจ้าแผนการและเล่นอะไรพิเรนอยู่ตลอดเวลา“อ้าว แล้วความผิดนี้มันทำไมมาตกอยู่ที่ผมครับ คุณป้า คุณพ่อ เจ้าบ่าวเขาวิ่งตามเมียกับลูกเขาไปแล้ว ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคุณพ่อและผู้หญิงคนนี้” เขาชี้มือไปทางพิมรสา“ใช่ไหมครับคุณยาย” สีหราชหันไปถามคุณหญิงพิมมาลา คุณหญิงพิมมาลาไม่พูดอะไรกับนั่งนิ่งและส่ายหน้าไปมาที่หลานสาวของตัวเองหัวรั้นจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักตัวเองขนาดนี้ จนเธอไม่รู้จะทัดทานยังไงในที่สุดก็จำใจจะต้องมาเป็นแขกผู้ใหญ่ให้หลานสาวคนเดียว ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเพราะโดนถอนหงอกเมื่อตอนแก่ อับอายทั้งวงตระกูลที่เจ้าบ่าวหนีตามเมียเก่าออกไปจากงานแต่งรู้ถึงไหนอายถึงนั่น“ไม่ต้องมาพูดมาก นายนั่นแหละที่วางแผนนี้ขึ้นมาคอยดูนะฉันจะฟ้อง พ