เมื่อฟ้าระวีเห็นเพื่อนนั่งร้องไห้โฮออกมาเธอก็เริ่มหงุดหงิด
“อะไรของแกอีกเนี่ย ยัยรติ”
“ฟ้าพี่เพชรนอกใจฉัน” หญิงสาวพูดออกมาอย่างคนเมาแล้วร้องห่มร้องไห้เสียงดัง จนฟ้าระวีและมินรดารีบเอามือปิดปากเพื่อนสาวทันทีและหันไปยิ้มแหยๆให้โต๊ะข้างๆที่หันมามอง
“แล้วมันใช่ที่ที่แกควรจะมาร้องไห้หรือเปล่าวะ นี่พวกฉันกำลังจะสนุกอยู่เลย”
“ก็ฉันเสียใจนี่ ฉันจะได้แต่งงานแล้วนะเว้ย ทุกอย่างก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับฉันด้วยวะ” รติรสบ่นพึมพำด้วยความเมามายและความเสียใจที่ฝังอยู่ในใจ จนเธอพร่ำเพ้อพรรณนาถึงพชรว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไม่หยุดจนเพื่อนทั้งสองส่ายหน้าไปมา
“ฟ้า เดี๋ยวฉันฝากดูยัยรติด้วยนะ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” เมื่อมินรดาเดินไปเข้าห้องน้ำแล้วฟ้าระวีก็หันมามองเพื่อนสาวด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
“เฮ้ย! แกก็ไม่เคยจะทันพี่เพชรเลยสักครั้ง นี่ฉันก็เข้าใจว่าพี่เพชรทิ้งลายไปตั้งนานแล้วนะถึงได้ขอแกแต่งงานที่ไหนได้ก็ยังเหมือนเดิม” ฟ้าระวีที่รู้จักพชรมาตั้งแต่เรียนมหาลัย เธอรู้ว่าเขาหน้าตาดีและยังเป็นเสือผู้หญิงแต่ไม่คิดว่าอายุปูนนี้แล้วเขาจะยังไม่ทิ้งนิสัยแบบนี้อีกมาทำให้เพื่อนเธอเสียใจ ถ้าเห็นที่ไหนเธอจะเตะให้ไข่ฝ่อมีลูกไม่ได้เลยคอยดูคิดแล้วหญิงสาวก็หัวเสีย
“ฉันอยากจะบีบไข่ผู้ชายคนนั้นจริงๆ แกหยุดร้องได้แล้วนะ ร้องไปก็ไม่มีประโยชน์ทางที่ดีแกควรหาผู้ชายมาดามอกนะรติ” เมื่อพูดถึงผู้ชายมาดามอก เธอก็กลับนึกถึงใบหน้าหล่อที่เจอกันเมื่อตอนกลางวันไม่ได้
“เขาว่าอะไรนะ” หญิงสาวบ่นพึมพำขึ้นมา
“ใครว่าอะไรฮะแก ฉันยังไม่ได้ยินใครว่าอะไรเลย” ฟ้าระวีที่ถามขึ้น
“เขาบอกว่าจะแต่งงานกับฉัน” เมื่อได้ยินคำว่าแต่งงานฟ้าระวีก็ส่ายหัวไปมาด้วยความระอา
“เขาไม่แต่งกับเธอแล้วยัยรติ” น้ำเสียงของเพื่อนดูเหมือนจะเหนื่อยๆกับการที่ต้องมานั่งฟังเธอละเมอเพ้อพบถึงผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น
“ติง!” เสียงข้อความดังขึ้น รติรสกดเปิดข้อความอ่านก็เห็นคำถามที่พยัคฆินส่งมาหา
“ตกลงข้อเสนอของผม คุณว่ายังไง” รติรสอ่านข้อความแล้วพยักหน้าอย่างนี้ก็ดี ถ้าเธอรับข้อเสนอของเขาจริงๆเธอจะได้เลิกเสียใจด้วยความเมามายที่ไม่ได้สติหญิงสาวจึงส่งข้อความไปหาชายหนุ่มทันที
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” เธอพิมด้วยอาการเมาๆแต่ก็พยายามอ่านทวนข้อความก่อนอยู่หลายครั้งจะกดส่งไปให้ชายหนุ่มเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างๆตัวเองไม่นานแอพพิเคชั่นไลน์ก็มีสายโทรเข้าทันที
“ใครโทรมาน่ะรติ” ฟ้าระวีหันมามองโทรศัพท์ของเพื่อนที่ได้ยินแรงสั่นของโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ หญิงสาวขยับมือเรียวเข้าไปกดรับและยกโทรศัพท์เข้ามาแนบหู
“ฮัลโหลใครเนี่ย” พยัคฆินขมวดคิ้วที่ได้ยินเสียงพูดของหญิงสาวที่ลิ้นพันกันในขณะที่คุยกับเขาหรือว่าเธอกำลังเมาคงจะไปดื่มเหล้าย้อมใจแน่ๆ
“ผมเอง คุณอยู่ไหนทำไมเสียงดังขนาดนี้” เสียงเพลงในผับนั้นดังกระหึ่มจนเขาต้องตะโกนคุยกับเธอ
“ฉันอกหักไง ฉันก็เลยมาดื่มเหล้าคุณมีอะไรไม่ทราบ” คำพูดห้วนๆของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วอีกทั้งเสียงเพลงยังดัง เขาแทบจะไม่ได้ยินว่าหญิงสาวพูดอะไร
“คุณอยู่ที่ไหนบอกผมมา เดี๋ยวผมไปหา”
“ฉันเหรอฉันอยู่ที่ร้าน x” เมื่อได้ที่อยู่ของผับแล้วพยัคฆินก็รีบขับรถออกจากคอนโดแล้วตรงไปหาเธอทันที
เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปจอดหน้าผับดัง สาวๆที่ยืนอยู่แถวนั้นก็หันไปยืนมองเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูที่เพิ่งจะขับเข้ามาจอด อยากจะรู้นักว่าเจ้าของรถจะเป็นเสี่ยหรือว่าเป็นหนุ่มหล่อและแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดคือผู้ชายที่เดินลงมาจากรถคันหรูนั้นหล่อไม่เบา หล่อวัวตายควายล้ม
“ตายแล้ว ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยทั้งหล่อ ทั้งรวยฉันชอบ” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อเห็นหน้าของพยัคฆิน เขาหันไปส่งยิ้มนิดนึงแล้วเดินเข้าผับ
ชายหนุ่มมองหาผู้หญิงที่เขาเจอเมื่อตอนกลางวันไม่นานก็ไปสะดุดเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นอนฟุ๊บอยู่บนโต๊ะตรงกลางร้านพร้อมผู้หญิงอีกคน
“คุณเมาแล้วเหรอ” ผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหมือนเทพบุตรจมูกโด่ง ดวงตาคม คิ้วหนาได้รูปเรียงเส้นเหมือนจับวาง ริมฝีปากหยักอมชมพู
“แม่เจ้า นี่มันดาราช่องไหนกันเนี่ย อยู่ดีๆก็เดินมาทักยัยรติ” ฟ้าระวีนั่งมองหน้าของพยัคฆินแล้วทำตาปริบๆ
“คุณทักคนผิดหรือเปล่าคะ” ฟ้าระวีที่เงยหน้าพูดกับพยัคฆินด้วยท่าทางงงๆ
“รติรสจะไปรู้จักผู้ชายหล่อๆแบบนี้ได้ยังไง” คิดแล้วเธอก็ส่ายหน้าไปมา
“ไม่สิผู้ชายหล่อขนาดนี้จะมารู้จักรติได้ยังไง”
“คุณพูดกับผมหรอ”
“ก็ใช่สิ อยู่ดีๆคุณก็เดินมาเขย่าแขนเพื่อนฉัน คุณรู้จักเพื่อนฉันได้ยังไง”
“อ๋อ! พอดีว่าผมโทรหาเธอเมื่อกี้ เธอบอกว่าให้ผมมารับ” ฟ้าระวีที่งงงวยในสิ่งที่เขาพูด เธอพลางคิดว่าเพื่อนสาวเธอนั้นเมาแอ๋ขนาดนี้จะให้เขามารับได้ยังไง คิดแล้วหญิงสาวก็มองจ้องอย่างจับผิด
แต่พยัคฆินก็ไม่อธิบายใดๆอีก เขาเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าของหญิงสาวเพื่อดูให้ชัดเจนว่าใช่ผู้หญิงที่เขานั้นได้ยื่นข้อเสนอไปหรือเปล่าและแล้วก็เป็นเธอ เขาจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นจนฟ้าระวีตกใจและรีบลุกขึ้นร้องห้ามทันที
“อะไรกัน คุณจะพาเพื่อนฉันไปไหนเนี่ย ปล่อยเพื่อนฉันลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ผมจะพาเธอกลับบ้าน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อุ้มรติรสออกไปยังนอกร้านทันที
“ตายแล้วยายมิ้นอยู่ไหนเนี่ย ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำอีกนะ” ฟ้าระวีหันรีหันขวาแล้วรีบวิ่งตามรติรสออกไปเพราะเธอไม่รู้จักผู้ชายหน้าตาดีที่อุ้มเพื่อนสาวเธอออกไปแต่แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อวิ่งออกไปถึงหน้าประตูก็เจอผู้ชายคนนั้นกำลังพารติรสเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรู
“แม่เจ้านั่นรถของผู้ชายคนนั้นเหรอเนี่ย” ว่าแล้วฟ้าระวีก็วิ่งตามมาแล้วตีเข้าที่แขนของพยัคฆินพลางร้องให้คนช่วย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณจะพาเพื่อนฉันไปไหน ฉันจะแจ้งตำรวจ ช่วยด้วยค่ะ” พยัคฆินหันมามองหน้าเธอแล้วไหวไหล่ให้ฟ้าระวี
“อยากแจ้งก็แจ้งสิ” เขาก็เดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับจนฟ้าระวีทำอะไรไม่ถูกจึงรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถพร้อมกับเพื่อนสาวทันที
“ถ้าคุณจะพาเพื่อนฉันไป งั้นฉันขอไปด้วย” ฟ้าระวีพูดด้วยท่าทางจริงจังที่จะปกป้องเพื่อนสาวสุดชีวิต พยัคฆินไม่พูดอะไรเขาขับรถออกไปจากผับทันทีแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังคอนโด
เมื่อถึงคอนโดฟ้าระวีถึงกับต้องอ้าปากค้าง เมื่อเงยขึ้นไปดูป้ายของคอนโดเป็นคอนโดที่มีเพียงแค่สามสิบห้องเท่านั้นและที่เธอรู้คือมีแค่ดาราและไฮโซคนมีเงินที่พักอยู่ที่นี่
หญิงสาวอ้าปากค้างทำตาปริบๆไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มจะรวยขนาดนี้ พยัคฆินเดินมาเปิดประตูฝั่งของรติรสและอุ้มเธอขึ้นตรงไปยังคอนโดทันที
ฟ้าระวีหันไปมองพยัคฆินที่อุ้มเพื่อนสาวเข้าไปในคอนโดจึงรีบวิ่งตามเข้าไปจนยามห้ามไว้
“ไม่ได้ครับ คุณเข้ามาไม่ได้ครับ” ยามผู้ซึ่งทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีตามราคาเงินว่าจ้างที่คอนโดใจกลางเมืองจ่ายให้ค่อนข้างสูง
“นี่ คุณให้ฉันเข้าไปด้วยสิ คุณลักพาตัวเพื่อนฉันมานะ คุณจะไม่ให้ฉันเข้าไปเหรอไม่งั้นฉันจะแจ้งความนะ” พยัคฆินพยักหน้าให้ยามปล่อยฟ้าระวีเข้ามาพลางเดินตรงไปยังลิฟต์ เขาหันมองฟ้าระวีจนเธอรู้สึกงงงวยแล้วชี้นิ้วใส่ตัวเอง
“คุณกดลิฟต์สิ ผมอุ้มเพื่อนคุณอยู่”
“แล้วจะให้ฉันกดชั้นไหนล่ะ”
“ชั้นสิบแปด” ชายหนุ่มกล่าวเพียงสั้นๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่ทำหน้านิ่งเหมือนผู้ชายเย็นชา ฟ้าระวีนั้นเมียงมองเขาอยู่หลายครั้งเธอคิดในใจ
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ ทำไมผู้ชายที่หล่อและรวยขนาดนี้รู้จักกับยัยรติหรือว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นกิ๊กของยัยรติแต่ก็คงไม่ใช่หรอกน่า เพราะปกติถ้ารติ มีอะไรก็จะเล่าให้เธอฟังตลอด ถ้าเป็นกิ๊กจริงๆและรติคงไม่เสียใจที่พชรนั้นนอกใจหรอก ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ไม่นานเสียงประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้น
“ติ่ง” พยัคฆินอุ้มรติรสเข้าไปแล้วหยุดยืนอยู่กลางห้องที่เห็นวิวพาโรนามาในยามค่ำคืนเสียงไประยิยระยับสวยมากเลยทีเดียวจนฟ้าระวียืนนิ่งอึ้งไปทันที
“คุณจะกลับได้หรือยัง” คำถามที่แสนเย็นชาเปล่งออกมา
“ฉันจะกลับได้ยังไง ในเมื่อคุณลักพาตัวเพื่อนของฉันมา”
“ผมว่าไม่นะ”
“ฉันว่าใช่”
“คุณต่างหากที่มาส่งผมกับเพื่อนของคุณถึงห้องอีกอย่างคุณยังเป็นคนกดลิฟต์ให้ด้วยซ้ำ” ฟ้าระวีที่จนมุมพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เขาพูดมาก็เป็นไปตามความจริง
“คุณบอกฉันมาเลยว่าคุณเป็นอะไรกับเพื่อนฉัน”
“ผมก็เป็นว่าที่เจ้าบ่าวคนต่อไปของเพื่อนคุณน่ะสิ อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้”
“ฉันเหรอ ฉันจะรู้ได้ยังไงในเมื่อวันนี้ยัยรติพึ่งจะประกาศเลิกกับว่าที่เจ้าบ่าวไปหมาดๆแล้วจะมีเจ้าบ่าวคนใหม่ได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะก็ผมนี่ไง” พยัคฆินตอบหน้าตาเฉยจนฟ้าระวีคดุ้นคิดอยู่นานแล้วก็เอ่ยออกมา
“ไหนล่ะ หลักฐานฉันไม่ยักรู้เลยว่าเพื่อนฉันบอกว่าจะแต่งงานกับคุณ”พยัคฆินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นข้อความในไลน์ที่รติรสเพิ่งส่งมา ให้เพื่อนสาวเธอดู ฟ้าระวียื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆโทรศัพท์แล้วอ่านอย่างช้าๆ
“ฉันจะแต่งงานกับคุณ” ฟ้าระวีอ่านข้อความแล้วถึงกับอ้าปากค้าง เธอทึ่งในความไวไฟของเพื่อนสาวจนเธอกระพริบตาปริบ ๆ
“ที่นี้คุณเชื่อหรือยัง ถ้าเชื่อแล้วก็เชิญ” พยัคฆินผายมือให้ฟ้าระวีเดินออกไปจากห้องเขาสักทีเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยและเหม็นไปทั้งตัวอยากจะเข้าไปอาบน้ำสักหน่อย
“แล้วฉันจะไว้ใจคุณได้ยังไง”
“ถ้าผมไม่น่าไว้ใจเพื่อนคุณคงไม่ตกลงแต่งงานกับผมหรอกจริงไหม คุณคบกับเพื่อนคุณมาตั้งกี่ปีแล้ว คุณยังไม่รู้นิสัยของเพื่อนคุณอีกเหรอ” คำพูดของเขาก็ฟังดูมีเหตุผลจะว่าไปก็จริงอย่างที่เขาว่า
รติรสเป็นคนที่ทำอะไรคิดหน้าคิดหลังถ้าเธอเลือกที่จะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้วจริงๆงั้นก็แสดงว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีไม่น้อย
หญิงสาวเสมองไปทางเพื่อนสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนโซฟาแต่แล้วเธอก็พยักหน้าให้พยัคฆิน
“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันจะรีบโทรหาโทรมาหายัยรติตั้งแต่เช้าบอกให้เธอรับโทรศัพท์ด้วยนะ ถ้าเธอไม่รับโทรศัพท์รับรองฉันแจ้งตำรวจแน่” ฟ้าระวียกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปของพยัคฆินทันที
“ฉันมีป้ายทะเบียนรถของคุณ ฉันมีรูปถ่ายของคุณ ฉันรู้จักคอนโดของคุณ ถ้าคุณคิดร้ายกับเพื่อนฉัน คุณโดนฉันแจ้งจับแน่นอน” ฟ้าระวีทำท่าทางจริงจังแล้วยอมเดินถอยออกไปจากห้องของพยัคฆิน เขาส่ายหน้าเบาๆไปมาด้วยความหงุดหงิดใจ
“เพื่อนคุณร้ายใช่ย่อยนะ ว่าแต่คุณเถอะร้ายหรือเปล่า” นิ้วใหญ่เกลี่ยที่ไรผมที่มันปกหน้าปกตาของหญิงสาวออกแล้วเดินไปในห้องน้ำไม่นานเขาก็ถือชามน้ำกับผ้าขนหนูมาเช็ดใบหน้าให้รติรส
“อย่ามายุ่งฉันจะนอน” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างคนหงุดหงิด เมื่อชายหนุ่มเช็ดตัวให้เธอเสร็จเขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน เขาวางหญิงสาวลงบนเตียงกว้างอย่างอ่อนโยนแล้วนั่งลงข้างๆเธอ
ไม่รู้ว่าแผนนี้จะได้ผลหรือวุ่นวายมากกว่าเดิมชายหนุ่มคิดแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อออกเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายเพราะเหม็นกลิ่นควันบุหรี่ที่ติดเสื้อผ้ามาจากผับที่เขาไปพาตัวเธอออกมา
เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วพยัคฆินก็ใส่เพียงแค่ชุดคลุมตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วมานั่งข้างๆของหญิงสาวมือหนาดึงผ้าห่มมาห่มให้รติรส
“คุณชื่อรติสินะจากที่ผมได้ยินเพื่อนของคุณเรียกชื่อคุณ” ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนข้างๆเธอและพลิกตัวหันหน้าหาเธอ นิ้วเขาเกลี่ยที่แก้มขาวอมชมพูของหญิงสาว
ใบหน้าของเธอดูแล้วเหมือนเด็กมากทีเดียวทั้งดูสะอาดและใสซื่อเหมือนกระต่ายน้อยนอนหลับอยู่ก็ไม่ปาน
ตอนที่ 57 ซุกเมียซุกลูก“นี่ใช่ไหมคะที่เป็นสาเหตุให้พี่วุฒิไม่ยอมกลับบ้านเพราะพี่วุฒิแอบไปมีอยู่กับเมียใช่ไหม” วรวุฒิหัวเราะขำออกมา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าน้องสาวคนเดียวของเขาจะคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้“อะไรกันยัยลิน พี่จะไปมีเมียตอนไหน”“ก็มีตอนนี้ล่ะค่ะ มีทั้งเมียมีทั้งลูก ลินจะโทรฟ้องคุณแม่ว่าพี่วุฒินิสัยไม่ดีทำผู้หญิงท้อง” ไพลินเดินกลับไปที่โต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจนวรวุฒิรีบเดินไปดึงโทรศัพท์ออกจากมือน้องสาวที่คิดเป็นตุเป็นตะไปได้“อะไรกันนั่นไม่ใช่เมียพี่ลูกพี่ซะหน่อย ลินก็คิดไปซะไกล”“แล้วถ้าไม่ใช่พี่วุฒิจะส่งผู้หญิงคนนั้นมาให้รินตรวจทำไมล่ะคะ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ใช้คำนำหน้าว่านางที่สำคัญใช้นามสกุลสิงหเขมราของเราด้วยถ้ าไม่ใช่เมียพี่วุฒิแล้วพี่วุฒิจะเป็นห่วงเด็กในท้องได้ยังไงคะ” วรวุฒิส่ายหน้าไปมาอย่างนึกขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางของน้องสาวนั้นเริ่มออกแนวจะห่วงเขาซะแล้ว“อะไรกันเล่ายัยลินแล้วพี่มีนามสกุลนี้คนเดียวหรือยังไง เจ้าสิงห์ก็มี เจ้าเสือก็ลินไม่คิ
ตอนที่ 56 ผู้หญิงคนนั้นใช่นามสกุลเราได้ยังไง“ทำไม คุณเป็นผู้ชายคนใหม่ของผู้หญิงคนนั้นเหรอ” หมอหนุ่มส่ายหน้าไปมา“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับเธอทั้งนั้น เธอก็เป็นเพียงแค่คนไข้ของผม” เขาหมุนตัวกลับเพื่อที่จะเดินเข้าไปตรวจคนไข้ในห้อง“ใครดูก็รู้ว่าไม่ได้เป็นเพียงคนไข้กับหมอคงจะตรวจอย่างอื่นล่ะสิท่า” วรวุฒิหันกลับมาจ้องหน้าของพิมรสาด้วยท่าทางไม่พอใจที่เธอพูดแบบนั้นออกมา“ถ้าคุณกล้าดูถูกผมอีกครั้ง ผมจะฟ้องคุณ” คำพูดที่ราบเรียบกับสายตาที่ดุดันนั้นจ้องมองหญิงสาวจนพิมรสาอึกอักไม่รู้จะพูดยังไงต่อ บุรุษพยาบาลจึงบอกให้เธอออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว“เชิญครับคุณผู้หญิง”“ฉันรู้แล้วล่ะน่า” หญิงสาวก้าวเท้าฉับ ๆ ออกไปด้วยความไม่พอใจแต่ถึงยังไงเธอก็ทำสำเร็จอีกขั้นแล้ว รติรสคงจะกระอักเลือดตายแล้วมั้ง พิรสาสวมแว่นตาดำยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเดินไปยังรถสปอร์ตของตนเองฟ้าระวีที่เดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องตรวจด้วยความกังวลใจไม่นาน วรวุฒิก็เดินมาสมทบที่หน้าห้องตรวจเช่นกัน“พอดีผมมีเรื่องจะถามนะครับ” วรวุฒิพ
ตอนที่ 55 ตั้งครรภ์“แล้วเดือนที่แล้วประจำเดือนเธอมาหรือเปล่า” รติรสพยายามนั่งนึกอยู่ไม่นานเธอก็พยักหน้า“เหมือนจะมานิดนึงนะคะ” เธอหันไปตอบพยาบาลสาวที่กำลังรอคำตอบอยู่พยาบาลเขียนข้อมูลลงในแบบฟอร์ม หลังจากนั้นฟ้าระวีก็พยุงรติรสไปนั่งรอเพื่อเรียกเข้าห้องตรวจ“เดือนนี้ประจำเดือนแกยังไม่มาเหรอแก” ฟ้าระวีถามพร้อมใบหน้าที่ตกตะลึง“หรือว่าแกจะท้องวะ”“ยัยฟ้า” รติรสพูดขึ้นเสียงสั่นเครือยิ่งคิดยิ่งน่าหวั่นใจเพราะตอนมีอะไรกับพยัคฆิน เธอก็วุ่นวายจนไม่ได้กินยาคุมสักครั้งเลยคิดแล้วก็รู้สึกหวั่น ๆ ไม่รู้ว่าเธอจะท้องป่องหรือเปล่าถ้าเธอท้องป่องแล้วเธอจะทำยังไง“ทำยังไงดีแก” รติรสหันไปถามฟ้าระวีด้วยเสียงสั่นเครือ เธออยากจะร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะที่นี่อยู่ที่โรงพยาบาลเดี๋ยวจะเป็นการรบกวนคนไข้คนอื่น“ไม่มีอะไรหรอกน่าทำใจดี ๆ ไว้” รติรสนั่งก้มหน้าด้วยท่าทางเป็นกังวลและแล
ตอนที่ 54ทำไมผมต้องหย่า“ไม่ค่ะ ฉันไม่เอา” หญิงสาวตอบขึ้นมาด้วยท่าทางหนักแน่น เธอไม่ต้องการเศษเงินของใครแค่นี้ชีวิตเธอก็วุ่นวายมากพอแล้ว เธอไม่อยากได้รับความสงสารจากเขาอีกแม้แต่น้อย เมื่อเห็นท่าทางถือดีของรติรสยิ่งทำให้พยัคฆินขบกรามแน่นพยัคฆินที่กำลังจะจรดปากกาและเซ็นใบหย่าให้เธอ แต่เขาก็หยุดเอาไว้ตรงนั้น“ผมเปลี่ยนใจ ผมไม่หย่า” เจ้าหน้าที่ที่พยายามไกล่เกลี่ยอยู่ตั้งนานอยากจะให้ทั้งคู่ลองคิดทบทวนให้ดีเสียก่อน แต่จู่ ๆ ฝ่ายชายนั้นกลับเปลี่ยนใจขึ้นมาซะงั้นพยัคฆินลุกขึ้นตึงตังแล้วเดินออกไปจากที่ว่าการอำเภอทันทีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น“เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมคุณสิงห์เปลี่ยนใจขึ้นมา” มินรดาหันไปถามรติรสด้วยท่าทางตกใจ จู่ ๆ รติรสก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามพยัคฆินออกไป จนสองเพื่อนสาวมองหน้ากันเหลอหลาแล้วหันไปยิ้มกับเจ้าหน้าที่คนเดิม“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าฝ่ายชายยังไม่พร้อมค่ะ”“ไม่เป็นไรค่ะ ให้คู่สามีภรรยาคุยกันให้ชัดเจนก่อนนะคะค่อยมาใหม่ก็ได้ค่ะ” สองสาววิ่งหน้าตั้งตามรติรสกับพยัคฆินออกมาข้าง
ตอนที่ 53เสียทั้งตัวเสียทั้งใจ“พี่แก้วคะเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของคุณสิงห์เหรอคะ ทำไมคุณสิงห์ถึงมาถ่ายพรีเวดดิ้งอีกรอบล่ะคะ” แก้วฤทัยรีบยกมือทำท่าจุ๊ปากไม่ให้วิภาดาพูดมากกว่านี้เธอกลัวว่าพิมรสาจะมาได้ยินเดี๋ยวเป็นเรื่อง“พูดเบา ๆ หน่อยสิน้องดาเดี๋ยวคุณพิมก็มาได้ยินหรอก ดาก็รู้เกียรติศัพท์คุณพิมเธอยิ่งไม่ธรรมดา” วิภาดารีบคว้าข้อมือของแก้วฤทัยเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง“ค่ะ ดาทราบดีค่ะ แต่ดาว่าผู้หญิงคนใหม่นี้ไม่ค่อยน่ารักเลยนะคะ ทั้งจิกกัดและสั่งเรายังกับทาสพี่ก็เห็น”“เห็นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ เขาเป็นลูกค้าไง”“แต่ลูกค้าก็ไม่ใช่พระเจ้านะพี่”“ลูกค้ามีเงินให้เรา ถ้ายังจะพูดมากอีกเดี๋ยวลูกค้าเปลี่ยนใจแล้วเราจะเอาเงินไหนใช้จ่าย ธุรกิจก็ไปต่อไม่ได้ ดานั่นแหละจะโดนไล่ออกจากงานได้” แก้วฤทัยชี้ทางสว่างให้วิภาดาว่าไม่ควรนินทาหรือซุบซิบเรื่องของลูกค้าเพราะมันผิดกฎและที่สำคัญอาจจะเกิดเรื่องใหญ่ได้จนทำให้เธอหลุดจากงานนี้“ค่ะ แต่ดารู้สึกว่าดาสงสารผู้หญิงคนก่อนของคุณสิงห์นะคะเพราะว่าวันท
ตอนที่ 52 คุณสิงห์จะแต่งงาน“โอ๊ย! ไอ้ลูกเวรมันวอนแต่เช้าเลย” ผู้เป็นพ่อด่าตามหลังสีหราชแต่แล้ว เขาได้ยินเสียงตะโกนของพ่อไล่หลังมาซึ่งไม่รู้หรอกว่าพ่อเขาตะโกนด่าเขาคำไหนแต่เขารู้ว่าพ่อคงจะอวยพรเขาสักอย่างนึง เขาจึงวนรถมอเตอร์ไซค์กลับมาและเบิ้ลรถมอเตอร์ไซค์ใส่ผู้เป็นพ่อจนควันดำจากมอเตอร์ไซค์คลุ้งไปทั่วหน้าบ้าน“ไม่รู้ว่าฉันทำให้แกเกิดมาได้ยังไง ไอ้ลูกเลว” อุไรที่วิ่งออกมาจากห้องครัวเมื่อได้ยินเสียงคมสันตะโกนด่าลูกชายลั่นบ้าน“เจ้าเสือทำอะไรน่ะ หยุดนะ” จากที่เธอกำลังทอดไก่อยู่พอได้ยินเสียงของคมสันตะโกนด่าลูกชาย เธอก็รีบวิ่งมาห้ามศึกทันที แม้แต่ตะหลิวก็ยังติดมือของอุไรมาด้วยเมื่อเห็นลูกชายทำท่าเบิ้ลรถจนควันดำโขม่งโฉงเฉงทั่วบ้าน เธออยากที่จะเอาตะหลิวเคาะหัวลูกชายสักทีสองทีให้หลาบจำจะได้ไม่ทำพฤติกรรมแบบนั้นอีก ไม่รู้โตมายังไงทั้ง ๆ ที่เธอก็สอนเขามาอย่างดีแต่เขาก็ยังเป็นเด็กก้าวร้าวและไม่เคารพผู้ใหญ่เมื่อสีหราชเห็นผู้เป็นพ่อนั้นโกรธจนควันออกหูและเห็นแม่กำลังวิ่งออกมาจาก