/ วาย / อ้อมกอดแดนดิน / เรื่องราวที่ ๙ บุญสงกรานต์

공유

เรื่องราวที่ ๙ บุญสงกรานต์

작가: JaoNila
last update 최신 업데이트: 2025-11-24 14:02:00

        เช้าวันนี้ธีร์รันรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ รีบลุกมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า เพราะหลังจากที่อยู่บ้านเบื่อ ๆ มาหลายวัน วันนี้ตนก็จะได้ออกไปเที่ยวเล่นสักที

        หลังจากที่ทานข้าวและขออนุญาตผู้เป็นป้าเสร็จ ธีร์รันที่แต่งกายด้วยเสื้อกล้ามสีขาว ถูกคลุมอีกชั้นหนึ่งด้วยเสื้อฮาวายสีฟ้าอ่อนที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อครานั้น โดยปล่อยชายไว้ไม่ได้ติดกระดุม พร้อมด้วยกางเกงขาสั้นสีดำ ซึ่งเผยให้เห็นผิวขาวนวลที่ถูกดูแลมาอย่างดี

        คนร่างบางไม่ลืมที่จะโปะครีมกันแดดที่คนพี่พาแวะซื้อก่อนออกจากบ้าน พร้อมกับหยิบหมวกและแว่นตา ก่อนที่จะปั่นจักรยานคู่ใจ สู่ปลายทางคือบ้านกลางทุ่งนอกหมู่บ้าน

        “คุณ...คุณ”

        “…”

        “พี่แดน...อยู่บ้านไหม?”

        หลังจากที่ตะโกนเรียกอยู่นานกลับพบเพียงความเงียบงัน คนตัวเล็กคิ้วเริ่มขมวดเป็นปม พร้อมกับชะโงกหน้าซ้ายขวาเพื่อมองหาคนพี่ ก่อนที่จะเดินลัดเลาะเพื่อมุ่งหน้าไปยังท้องทุ่งนาหลังบ้าน

        กลางทุ่งนาตอนเช้าที่บรรยากาศลมพัดเอื่อย ๆ แสงแดดอ่อนที่สาดส่องลงมากระทบกับน้ำค้างที่เหลืออยู่บนยอดหญ้า ส่องแสงทอประกายระยิบระยับก่อนจะเลือนหายกลายไปเป็นไอ

        ธีร์รันใช้สายตากวาดมองไปตามท้องนาอยู่นาน ก็ไปสะดุดกับร่างสูงที่กำลังเดินในแปลงนากับเจ้าทุยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

        “คุณ~”

        “พี่แดน~”

        คนตัวเล็กตะโกนสุดเสียงที่มีพร้อมกับลากเสียงยาวจนเหนื่อยหอบ ก่อนที่คนร่างสูงจะหันมามองพร้อมกับเดินตรงมาหา หลังจากที่มัดเจ้าทุยไว้ในร่มไม้แล้ว

        “มีหยัง”

        แดนดินเอ่ยถามพร้อมกับเดินตรงกลับบ้านโดยไม่หยุดรอฟังคำตอบ ทำเอาคนตัวเล็กต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามหลังคนพี่ไป

        “วันนี้ไปไหนไหมอะ?”

        “บ่...เป็นหยัง?”

        แดนดินหยุดเดินกะทันหันก่อนจะหันกลับมามองคนตัวเล็ก ทำเอาธีร์รันที่เดินตามหลังมาไม่ทันตั้งตัว ชนเข้ากับลำแขนแกร่งของคนพี่อย่างจัง

        “โอ๊ย!”

        ธีร์รันผละหน้าออกจากคนพี่ ก่อนจะใช้มือกุมไว้ตรงจมูกที่ตอนนี้เริ่มจะมีสีแดงระเรื่อฉายขึ้นมา เนื่องจากธีร์รันมีผิวขาวบางเป็นทุนเดิม แค่โดนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ทำให้ผิวแดงช้ำง่าย

        “หยุดทำไมไม่บอกก่อนล่ะ”

        “อ้ายขอโทษ”

        แดนดินที่เห็นว่าคนน้องเริ่มน้ำตารื้นก็ได้เอ่ยขอโทษ ก่อนจะก้มลงมองคนตัวเล็กด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง

        “วันนี้พาไปเที่ยวสงกรานต์หน่อยได้ไหม?”

        หลังจากที่ความเจ็บเริ่มคลายลงบ้างแล้ว ธีร์รันจึงได้รวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป

        โดยปกติวันสงกรานต์ตนก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนเพราะผู้เป็นพ่อได้ห้ามเอาไว้ แต่พอมาปีนี้ที่ได้ย้ายมาอยู่แถบชนบท ธีร์รันก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะไม่รู้ว่าช่วงเทศกาลในหมู่บ้านจะมีกิจกรรมอะไรที่ตนไม่เคยทำหรือเปล่า

        “อ้ายบ่อยากไป”

        คนโตกว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พลางหยิบเชือกที่ถือมาจากทุ่งนาไปแขวนไว้ตรงไม้ข้างคอกของเจ้าทุย ก่อนจะเดินไปล้างไม้ล้างมือที่โอ่งข้างบ้าน

        “ทำไมอะ?”

        “…”

        “พาไปหน่อยนะ นะ ๆ ๆ”

        คนตัวเล็กรีบวิ่งมาประกบคนพี่ พร้อมกับจับลำแขนแกร่งโยกเบา ๆ ก่อนจะใช้สายตาออดอ้อน อ้อนวอนคนพี่ให้ยอมใจอ่อนสักที

        “อ้ายบ่มักเล่นสงกรานต์”

        แดนดินเอ่ยด้วยสีหน้าสงบเหมือนผิวน้ำนิ่ง ก่อนที่จะตักน้ำขึ้นมาจากโอ่งเทใส่คนน้องที่ยืนอยู่ด้านข้างก่อนจะเผยยิ้มออกมา ทำเอาธีร์รันยืนตัวเกร็งด้วยความรู้สึกตกใจก่อนจะตักน้ำสาดใส่คนพี่คืน

        ทั้งคู่สาดน้ำใส่กันอย่างพัลวันจนทั้งสองตัวเปียกโชกไปหมด ก่อนที่คนตัวเล็กจะวิ่งหนีมานอนพักที่แคร่ใต้ร่มไม้จากอาการเหนื่อย เพราะสู้แรงและความเร็วของคนพี่ไม่ไหว ทำเอาแดนดินที่ยืนมองอยู่เกิดอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างควบคุมไม่ได้

        คนตัวเล็กนอนแผ่หลาอยู่บนแคร่ เสื้อตัวจ้อยที่เปียกน้ำ ตอนนี้เผยให้เห็นเรือนร่างบางที่ซ่อนอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน ผิวขาวนวลที่ชุ่มไปด้วยน้ำ บวกกับยอดปทุมถันสีชมพูระเรื่อ ทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ถึงกับหน้าแดงแจ๋ ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อของตนมาคลุมให้กับร่างอรชร

      “ใส่ไว้ เดี๋ยวบ่สบาย”

        “เย็นสบายดีออก”

        ร่างบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะแหงนมองคนพี่ เป็นเหตุให้เสื้อที่คลุมไว้ก่อนหน้านี้ร่วงลงไปกองที่หน้าตัก ทำเอาร่างสูงต้องเบือนหน้าไปทางอื่น

        “ซั่นกะติดกระดุมเสื้อก่อน”

        “ทำไมอะ?”

        คนตัวเล็กถามพลางก้มลงมองที่เสื้อของตัวเอง ก่อนจะรีบหยิบเสื้อมาติดกระดุมเองอย่างไว พร้อมกับแก้มที่เริ่มมีสีแดงระเรื่อเนื่องจากความเขินอาย

        “ถ่าอ้ายยุนี่ล่ะ อ้ายอาบน้ำก่อน”

        “แล้วจะพาไปไหม?”

        “…”

        “ใส่เสื้อที่เอาให้มาด้วยนะ”

        ธีร์รันตะโกนตามหลังคนพี่ด้วยท่าทางยิ้มแย้มร่าเริง เมื่อร่างหนาลับสายตาไปจึงได้หยิบเสื้อคนพี่ที่วางทิ้งไว้มาเปลี่ยน พลางสะบัดเสื้อตัวเดิมที่เปียกโชกพร้อมกับเอาไปตากผึ่งลมไว้ ก่อนจะกลับมานอนแผ่หลาเหมือนเดิม

        คนตัวเล็กนอนเล่นอยู่สักพักก็มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังใกล้เข้ามา แม้ธีร์รันจะหลับตาอยู่แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่าผู้ที่มาเยือนบ้านหลังนี้เป็นใคร

        “เอ๋า! น้องรัน บักแดนเดะ?” (อ้าวน้องรัน ไอ้แดนล่ะ)

        เป็นสิงและเหนือที่ตอนนี้ทั้งคู่ได้ลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับถือขวดสีชาและกับแกล้มติดมือมาด้วย

        “อาบน้ำอยู่บนบ้านน่ะ”

        “คือได้ใส่เสื้อบักแดน”

        สิงหามองคนน้องตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็พบว่าเสื้อที่คนเอวบางใส่มีขาดใหญ่และดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก พลางเหลือบไปเห็นเสื้อที่คงจะเป็นของคนน้องแขวนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนที่จะเอ่ยถามออกไป

        “เสื้อรันเปียกอะ พี่เขาแกล้ง”

        “พี่สิงพี่เหนือ วันนี้ไปเที่ยวสงกรานต์กันไหม?”

        คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น เมื่อเห็นพี่ทั้งสองมาจึงได้โอกาสชวนให้ไปด้วยกัน เผื่อทั้งสิงและเหนือไป จะเป็นการโน้มน้าวให้พี่อีกคนไปด้วยกัน

        “อ้ายสองคนบ่เคยพลาด แต่บักแดนมันบ่ไปหลายปีแล้ว” เหนือเอ่ยตอบคนน้องพลางเดินหายเข้าไปในครัว ก่อนจะหยิบแก้วติดมือออกมาด้วย

        “ทำไมอะพี่?”

        “…”

        “มันเคยมีความทรงจำที่บ่ดีปานได๋” (มันเคยมีความทรงจำที่ไม่ดีเท่าไหร่) สิงที่เห็นว่าเหนือไม่กล้าตอบ จึงได้เอ่ยออกไป พลางยกเหล้ากระดกไปอึกใหญ่

        “บักสิง!”

        แดนดินที่กำลังเดินลงมาจากบ้านหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ได้เอ่ยน้ำเสียงดุขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนกำลังจะพูดเรื่องไร้สาระ

        เสื้อฮาวายลายเดียวกับคนน้องที่บรรจงใส่เป็นอย่างดี ติดกระดุมเม็ดแรกตรงกลางอก เผยให้เห็นแผงกล้ามเนื้อแน่นที่เล็ดลอดออกมาจากเสื้อ พร้อมด้วยกางเกงยีนสีเข้มทรงกระบอกขนาดพอดีตัว ทำให้คนตัวเล็กที่นั่งมองอยู่ถึงกับตาค้าง เพราะคนพี่ใส่อะไรก็ดูจะเหมาะไปซะหมด

        “มา ๆ ถอนก่อนเพื่อน”

        เสียงเหนือที่เรียกเพื่อน ช่วยดึงสติของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับกระแอมออกมาเบา ๆ

        “ถ้าอยากรู้คักกว่านี้กะไปถามมันเอง” (ถ้าอยากรู้มากกว่านี้ก็ไปถามมันเอง)

        สิงหันมากระซิบกับคนน้อง ในขณะที่แดนดินกำลังเดินตรงเข้ามาก่อนจะใช้มือฟาดลงไปบนหัวของเพื่อนด้วยน้ำหนักที่ไม่แรงมากนัก

        “เอ๊อะ! บักห่าหนิ”

        “มึงน่ะมักเว่าเรื่องไร้สาระ” (มึงชอบพูดเรื่องไร้สาระ)

        “ห้ามกูแนน้าเหนือ” (ห้ามกูหน่อยเหนือ)

        สิงพูดพลางทำท่าทางม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างเอาจริง แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะโกรธกันเลยสักนิด ทำให้ธีร์รันที่นั่งมองอยู่ถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ พลางนึกว่าถ้าตนมีเพื่อนแบบนี้คงจะดีไม่น้อย

        “แล้ว...วันนี้พี่จะพาเราไปไหม?”

        หลังจากเหตุการณ์สงบคนตัวเล็กที่นั่งล้อมวงอยู่กับพี่ ๆ จึงได้ตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น พลางค่อย ๆ ช้อนสายตาเหลือบมองร่างสูงเพราะกลัวจะโดนดุที่เซ้าซี้บ่อย

        แดนดินเหลือบมามองคนน้อง พลางยกแก้วเหล้าในมือกระดกผ่านลำคอไปอึกใหญ่ ก่อนจะหันกลับมามองคนน้องอีกครั้ง “ช่วงบ่ายค่อยไป”

        ร่างบางมีรอยยิ้มสดใสเปื้อนบนใบหน้าเมื่อได้ยินคนพี่เอ่ยว่าจะพาไป พร้อมกับทำท่าทางกระโดดโลดเต้น จนพี่ทั้งสามต้องหยิบขวดเหล้าและแก้วมาถือไว้ในมือ เกรงว่าคนน้องจะทำหกหมดซะก่อน

        ในขณะที่คนน้องกำลังตื่นเต้น ทางด้านของสิงและเหนือต่างก็ทำท่าทางแปลกใจ ก่อนจะหันมามองหน้ากัน เพราะเพื่อนอีกคนที่ตั้งแต่จบกับรักครั้งก่อน ก็ไม่เคยที่จะออกไปเที่ยวกับพวกตนเหมือนเคย เอาแต่หมกตัวอยู่กับไร่นาไปวัน ๆ

        “แต่ก่อนไป…”

        คนตัวเล็กชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะหุบยิ้มเล็กน้อย เพราะเกรงว่าคนพี่จะมีข้อแม้ให้ตนทำอะไรยาก ๆ ก่อนจะหยุดนิ่งเพื่อรอฟังคำตอบ

        “ต้องไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ก่อน”

        ร่างบางที่ตอนนี้ก้มหน้าอยู่เล็กน้อยกลับเผยยิ้มออกมาอีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องที่ตนอยากจะทำอยู่แล้ว

        “รับทราบ”

        คนตัวเล็กเอ่ยพลางยืนตัวตรงพร้อมกับชูสองนิ้วขึ้นมาอยู่เหนือคิ้ว จนคนพี่ทั้งสามเผยรอยยิ้มออกมาเพราะความเอ็นดู คงต้องยอมรับว่าตั้งแต่น้องมาอยู่ที่นี่ก็ทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขามีสีสันขึ้นมาก บรรยากาศก็เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะบรรยากาศภายในใจของ แดนดิน

        นั่งตั้งวงกันต่ออีกพักใหญ่แต่ก็ไม่มีใครที่แสดงท่าทีถึงอาการมึนเมา ราวกับว่าร่างกายของพวกเขาชินชากับแอลกอฮอล์ไปแล้ว ถึงแม้ว่าคนน้องจะไม่ได้ร่วมแจมแต่ก็ยังสนุกสนานไปกับพี่ ๆ พอเห็นว่าสมควรแก่เวลาจึงได้ชวนกันลุกไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ซึ่งธีร์รันก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อตัวเดิมที่ตากทิ้งไว้

        จุดหมายแรกคือบ้านของป้าสาย สิงได้รับบทให้ปั่นจักรยานของคนน้องกลับ โดยมีเหนือขับรถตาม ส่วนธีร์รันก็ได้นั่งซ้อนท้ายแดนดินตามมาอีกคันหนึ่ง

        เมื่อมาถึงบ้านก็พบว่านอกจากจะมีลุงบุญกับป้าสายแล้ว ก็ได้มีผู้ใหญ่คำเมืองที่มาเยี่ยมเยียนเพื่อนสนิทอย่างลุงบุญและมีแม่เดือนตามมาด้วย

        “สิพากันไปใสล่ะลูก” ป้าสายที่เห็นทั้งสี่มาพร้อมหน้าพร้อมตากัน จึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย

        “วาสิพากันมาขอรดน้ำดำหัววันสงกรานต์ครับ” แดนดินเอ่ยตอบ พลางยกขันน้ำที่โรยด้วยแป้งหอมและดอกคูนสีเหลืองอร่ามขึ้นเพียงอก

        หลังจากที่จัดแจงที่นั่งพร้อมกับเตรียมของครบแล้ว ทั้งสี่ก็ค่อย ๆ คลานเข่าเข้าไปโดยมีพี่ทั้งสามนำไปก่อนแล้วปิดท้ายตามด้วยธีร์รัน

        “สวัสดีปีใหม่ไทยนะครับคุณลุงคุณป้า ขอบคุณที่ดูแลรันมาตลอดนะครับ”

        คนเมืองกรุงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แววตาเริ่มมีน้ำใส ๆ คลอเบ้า พลางเทน้ำลงบนฝ่ามือของลุงและป้าที่รอรับอยู่ก่อนแล้ว

        ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ได้รับการดูแลช่วยเหลือจากลุงและป้าเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าตนจะทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง แต่ก็ไม่เคยได้รับท่าทางที่แสดงว่าโกรธหรือรังเกียจเลย มิหนำซ้ำยังได้รับยิ้มอบอุ่นกลับมาทุกครั้งไป

        “รันกะส่ำลูกชายป้า ให้คิดว่าเฮียนหลังนี้กะเป็นเฮียนน้องรันอีกหลังนึงเด้อลูก” (รันก็เหมือนลูกชายป้า ให้คิดว่าบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของน้องรันอีกหลังหนึ่งนะลูก)

        ลุงบุญและป้าสายยกมือขึ้นมาลูบหัวธีร์รันเบา ๆ ทำให้น้ำตาของธีร์รันที่จากเดิมแค่คลอเบ้า บัดนี้กลับไหลพรากลงมาอย่างกับสายน้ำ

        หลังจากเช็ดน้ำตาอยู่สักพัก ธีร์รันก็ได้คลานเข่าต่อไปยังผู้ใหญ่คำเมืองและป้าเดือนที่นั่งรออยู่ด้านข้าง

        “สวัสดีปีใหม่ไทยนะครับ”

        “มีหยังกะบอกอ้ายเขาเด้อลูก”

        ป้าเดือนเอ่ยหลังจากที่ธีร์รันเทน้ำลงบนฝ่ามือของทั้งคู่ พลางยกมือขึ้นมาตบบ่าของคนเมืองกรุงเบา ๆ ก่อนที่คนตัวเล็กจะยกยิ้มให้แทนคำตอบ ซึ่งทำให้พี่ ๆ ที่ต่างก็ยืนมองอยู่ ต่างก็รู้สึกเอ็นดูเด็กต่างบ้านคนนี้

        “น้าสายครับผมขอพาน้องไปเล่นสงกรานต์เด้อครับ” หลังจากรดน้ำดำหัวเสร็จแดนดินจึงได้เอ่ยขออนุญาตผู้เป็นน้าในการพาคนน้องออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน

        “อย่าพากันกลับดึกหลายเด้อลูก ดูแลตัวเองดี ๆ เด้อ”

        “ครับ”

        แดนดินเอ่ยรับคำ ก่อนที่ทั้งสี่จะพากันมุ่งหน้าไปยังบ้านของสิงและเหนือเพื่อรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ต่อ ซึ่งทั้งสิงและเหนือต่างก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนเสื้อเป็นตัวที่คนน้องให้มาด้วย

        “พร้อมยัง”

        เหนือตะโกนถามจากตำแหน่งคนขับ ส่วนสิงหา แดนดินและธีร์รัน นั่งที่ท้ายกระบะหลังพร้อมกับถังน้ำใบใหญ่ที่ถูกนำขึ้นมาไว้

        “พร้อมมาก ไปกันเลย~”

        ธีร์รันที่ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นสุด ๆ จนจะนั่งไม่อยู่กับที่ เพราะที่ผ่านมาตนไม่เคยนั่งรถกระบะไปเล่นแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้ถือว่าเปิดประสบการณ์เป็นอย่างมาก

        แดนดินที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงต้องคอยดึงเสื้อไว้เพราะกลัวว่าน้องจะตก ทำเอาสิงหาที่มองอยู่ฝั่งตรงข้ามรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติที่อยู่ภายในใจของเพื่อนคนนี้...

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • อ้อมกอดแดนดิน   เรื่องราวส่งท้าย

    “บ่แมนมันคิดสั้นแล้วเบาะสิง” “ปากมึงเบาะนั่น” สิงและเหนือที่เห็นว่าสายแล้วยังไม่เจอเพื่อนมาหาสักที ก็เกิดความร้อนใจกลัวว่าเพื่อนจะคิดอะไรที่ไม่ดี ปกติบอกว่าจะมาก็คือมาคำไหนคำนั้น จึงได้รีบบึ่งรถมาหาที่บ้านเผื่อเกิดเหตุอะไรตนจะได้ช่วยเหลือทัน เพราะตั้งแต่เมื่อวานที่เพื่อนกลับไป ตนก็ไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนอีก “กะมันวามันสิมาหาเฮา จนฮอดปานนี้กะยังบ่เห็น” “มื้อวานมันกะถืกสะกิดปมไปอีก” “บ่ดอก มันคงบ่คิดแบบนั้น” “มึงฟ่าวขับเร็ว ๆ แน กูใจบ่ดี” (มึงรีบขับเร็ว ๆ หน่อย กูใจไม่ดี) การโต้เถียงเกิดขึ

  • อ้อมกอดแดนดิน   เรื่องราวที่ ๓๓ สุขสม (NC)

    “อ๊ะ!” แดนดินได้ช้อนร่างของคนตัวเล็กให้ขึ้นมานั่งบนตัก พลางจับชายเสื้อของตนถอดผ่านศีรษะด้วยท่าทางที่ทะมัดทะแมง เผยให้เห็นร่างกายที่กำยำซึ่งยังคงเต็มไปด้วยมัดกล้ามและกลุ่มก้อนขนมปัง ก่อนที่จะไล่ไปถอดกางเกงของร่างบางออกจนหมดสิ้น สองมือได้ไปกอบกำเอาส่วนเนื้ออ่อนที่บริเวณก้นกลมของคนตัวเล็ก ขยำ ๆ อยู่นานจนเนื้อขาวนวลปลิ้นออกมาตามซอกนิ้ว ในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงเล็มเลียอยู่กับยอดปทุมสีหวาน จนธีร์รันต้องแอ่นอกสู้ด้วยความสาดเสียว “อ๊า! พี่” ร่องรอยสีกุหลาบที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบที่จะไม่มีพื้นที่ว่าง ทั้งรอยขบกัดและรอยดูดดึง จากความปรารถนาที่มีอย่างมากล้น ซึ่งธีร์รันก็ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ปล่อยให้คนพี่ทำอย่างที่ใจอยาก เพราะการที่คนพี่จะต้องอดกลั้นถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตนทั้งนั้น

  • อ้อมกอดแดนดิน   เรื่องราวที่ ๓๒ แก้วตาดวงใจ (NC)

    บรรยากาศยามค่ำที่มีสายลมพัดมาเป็นระยะ ๆ เมื่อมาปะทะกับผิวกาย ก็พลอยทำให้รับรู้ได้ถึงความเย็นยะเยือกที่ถูกส่งมาเป็นอย่างดี ฤดูหนาวผ่านมาอีกครา ครั้งก่อนแดนดินยังจำได้ดี ตนเคยมีความสุขมาก ๆ ในช่วงนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็เจ็บปวดจนแทบเจียนตาย ความคิดถึงที่เขามีต่อคนรักอยู่ทุกวันก็แทบจะเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่วันนี้ ความรู้สึกกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น อาจจะเพราะแอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายหรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งมันทำให้เขาไม่ทันมองว่ามีสิ่งแปลกตาเข้ามาอยู่ในบ้านของเขา รู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อเดินลงจากรถมอเตอร์ไซค์มาแล้ว “รถไผวะ” (รถใครวะ) รถเก๋งคันหรูสีดำสวยที่จอดนิ่งสนิทอยู่ในบริเวณบ้านของเขา พอลองมองหาเจ้าของรถคันดังกล่าวก็เจอแต่ความเงียบสงบ ยิ่งพยายามนึกถึงที่มาที่ไปของรถคันนี้ก็ยิ่งทำให้สับสนขึ้นไปอีก ตนไม่รู้จักใครที่มีรถลักษณะแบบนี้ ยิ่งเป็นญาติยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อลองเดินสำรวจรอบ ๆ ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ

  • อ้อมกอดแดนดิน   เรื่องราวที่ ๓๑ สะสางเรื่องค้างคา

    “ก๊อก...ก๊อก!” “คุณรัน คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ” “รันยังไม่หิวครับ” แม่บ้านต่างก็หันหน้ามามองกันด้วยความลำบากใจ หนึ่งสัปดาห์มาแล้วตั้งแต่ที่คุณหนูของบ้านเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง ข้าวปลาก็กินแทบจะนับคำได้ ทำเอาทุกคนต่างพลอยเป็นห่วงกันไปหมด เมื่อการเรียกขานไม่เป็นผล แม่บ้านจึงได้ถอยหลังมาเพื่อเปิดทางให้กับหญิงสาวคนหนึ่งได้เดินไปที่หน้าประตูห้อง และทำการเรียกขานขึ้นอีกครั้ง “รัน...นี่ดาวเองนะ” “ดาวขอเข้าไปได้ไหม?” ความเงียบสงบมาเยือนอยู่สักพัก ก่อนที่ประตูบานใหญ่จะค่อย ๆ ถูกเปิดออก เผยให้เห

  • อ้อมกอดแดนดิน   เรื่องราวที่ ๓๐ บอบช้ำ

    “สูกลับไปซะ” แดนดินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง หลังจากที่พาเพื่อนกลับมาถึงบ้าน ในขณะที่จัดการทำแผลให้อยู่นั้น เหนือได้สังเกตสีหน้าท่าทางของเพื่อนที่ดูเลื่อนลอย แววตาดูหมดหวัง แม้ว่าจะเป็นเวลาที่สิงเช็ดแผลให้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะเจ็บมากแท้ ๆ แต่แดนดิน กลับไม่มีแม้แต่จะส่งเสียงออกมา “กูวาเฮาต้องมาอยู่เป็นหมู่มัน” “กูย่านมันคิดสั้น เบิ่งทรงสิหนักกว่าตอนเลิกกับน้องวา” “อือ หนักกว่าหลายเลยล่ะ” เมื่อเห็นอาการของเพื่อนที่ไม่สู้ดีนักก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าเจ็บป่วยทางกายยังพอหาทางรักษาให้ได้ แต่อาการทางใจตนคงต้องคอยดูอยู่ห่าง ๆ และรอเวลาที่จะคอยเยียวยาทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น&n

  • อ้อมกอดแดนดิน   เรื่องราวที่ ๒๙ ตั้งตัวไม่ทัน

    เมื่อใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยว ท้องทุ่งนาถูกย้อมด้วยสีทองอร่ามของรวงข้าวที่โอนอ่อนลู่ลม เสียงรวงข้าวที่เสียดสีกันดังแผ่วเบายามเมื่อสายลมพัดผ่าน แสงแดดยามสายส่องกระทบไปทั่วผืนนาจนเกิดเป็นประกายระยิบระยับ “พี่จะเก็บเกี่ยวข้าวยังไงเหรอ” คำถามที่เอื้อนเอ่ยออกมา ในขณะที่กำลังเดินลัดเลาะอยู่บนคันนา ร่างสูงเดินนำและมีคนตัวเล็กเดินตาม การเดินสำรวจแปลงนาในทุก ๆ เช้า น่าจะเป็นกิจวัตรประจำวันของคนทั้งคู่ไปแล้ว “อ้ายวาสิเอารถเกี่ยวเอา” “แต่กะสิจ้างชาวบ้านเกี่ยวบางส่วน พอให้เพินมีรายได้” “แฟนใครใจดีจัง” แดนดินหันมายิ้มให้กับคนตัวเล็ก พร้อมกับแก้มบางที่ถูกเรียวนิ้วยาวหยิกให้เบ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status