เสิ่นเชี่ยวเองก็พูดขึ้นว่า "พวกเรารออยู่ในนั้นหลายวัน ประทังชีวิตด้วยบ่อน้ำนั่น พอห่างไปหน่อยก็เห็นบ้านหลังหนึ่งถูกถล่มทับพังไปมุมหนึ่ง แล้วยังเห็นรางหินที่เอาไว้ป้อนม้าหรือป้อนอะไรสักอย่าง ในอดีตน่าจะมีครอบครัวของใครพักอยู่""แล้วได้มองอย่างชัดเจนไหม?"ฟู่จาวหนิงได้ยินการบรรยายของพวกเขาเช่นนี้ ในใจก็อดรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อสถานที่นั้นขึ้นมาไม่ได้"เข้าไปดูอยู่นะ แต่ว่าในนั้นถึงอย่างไรก็ถูกทับไป บางจุดเต็มไปด้วยดิน แล้วยังมีหินก้อนใหญ่อยู่อีก บนหลังคาก็ถูกหน้าผาดินปิดทับไปหมดแล้ว ด้านล่างไม่มีแสง ยิ่งไปกว่านั้นคนยังยืดตัวตรงไม่ได้ ต้องงอตัวเดินเข้าไป"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงสถานที่นั้น สายตาดูว่างเปล่า"ข้ารู้สึกว่าถ้ายิ่งเข้าไปหาด้านในก็จะพบเส้นทางอยู่ จากพื้นหินดำกับกำแพงหินเรียบก็พออนุมานได้ ต่อให้ทางนั้นจะเป็นแค่เมืองเล็กเมืองหนึ่ง ก่อนหน้าที่จะถูกปิดผนึกไป น่าจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอยู่พอสมควร"พวกเขาตอนนั้นอยู่ที่นั่นเพื่อหลบหนีการล่าสังหาร ใช้ชีวิตอยู่หลายวัน และยังหาของบางอย่างเจอด้วย"ข้าได้เอ็นมังกรหยกมาจากที่นั่น"ที่แท้ เอ็นมังกรหยกได้มาจากสถานที่ที่น่าจะเป็นแคว้นตงฉิงส
"ข้าจะพยายามรักษาพวกท่านให้สุดกำลัง แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกท่านก็คือต้องพักผ่อนให้ดีกินให้เพียงพอ เพราะสุขภาพของพวกท่านย่ำแย่มาก"ยิ่งไปกว่นั้นนางก่อนหน้านี้ยังเจาะเลือดออกมาตรวจสอบอีกตั้งหลายหลอด สองวันนี้ต้องให้พวกเขาพักผ่อนเพื่อฟื้นตัวให้ดี"ได้ พวกเราจะฟังท่าน""จริงด้วย" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาอีก "สถานที่ที่พวกท่านพบเอ็นมังกรหยกนั่นอยู่ที่ไหนหรือ? มีคนอื่นพบสถานที่นั้นไหม?"ฟู่จิ้นเชินส่ายหัว "น่าจะยังไม่มีคนอื่นพบเข้า ข้าตอนนั้นก็ไปเจอเข้าโดยไม่เจตนา ตอนนั้นพวกเราเข้าไปในเขาอวี้เหิง เขาอวี้เหิงมีถนนผ่านไปที่นั่น แค่ไกลหน่อย ถนนเองก็มีต้นไม้ใบหญ้าบดบังไว้"เป็นตงฉิงจริงๆ ด้วย!เพราะตงฉิงน่าจะอยู่ในทิศที่ผ่านเขาอวี้เหิงไป"ถึตอนนั้นให้ท่านนำทางไป ท่านจะยังจำเส้นทางได้ไหม?""น่าจะยังจำได้กระมัง ให้ไปถึงที่นั่นก่อน เดินไปด้วยคิดไปด้วยน่าจะคิดออกอยู่"ฟู่จิ้นเชินก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจต่อตนเองเท่าไรฟู่จาวหนิงกลับมาถึงห้องตนเอง เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนกำลังดื่มชาสนทนากัน"ถามเรียบร้อยแล้วหรือ?""ถามเรียบร้อยแล้ว วัตถุดิบยาเป็นเขาที่จัดเตรียม""เช่นนั้นก็เก่งกาจมา
ค่ำวันนี้ ทั้งหมดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยฟู่จาวหนิงต้มยาไว้เรียบร้อย สกัดยาลูกกลอนไว้แล้ว ใช้กินและอาบภายนอก จัดการขจัดพิษที่คงค้างให้กับเซียวหลันยวนชิงอีหลานหรงคอยคุ้มกันอยู่ภายนอก ทั้งตื่นเต้นและตึงเครียดครั้งนี้ถ้าสามารถขจัดพิษคงค้างในตัวท่านอ๋องได้ เช่นนั้นหลังจากนี้ถ้าเจอกับศัตรูแข็งแกร่ง ท่านอ๋องก็สามารถเข้าต่อสู้ได้อย่างสุดกำลัง ไม่จำเป็นต้องมาคอยแบกภาระแล้วยังต้องกังวลว่าพิษจะกำเริบอยู่ตลอดเวลาอีกยิ่งไปกว่านั้น หลายปีนี้กำลังภายในของท่านอ๋องเองก็ต้องมาทรมานเพราะร่างกายพังๆ นี้อีกครั้งที่แล้วหลังจากแก้พิษไปกำลังภายในของเขาก็ทะลวงขั้น ตอนนี้พวกเขาอันที่จริงก็ล้วนคาดหวัง อยากให้ครั้งนี้ถอนพิษได้อย่างหมดจดจริง กำลังภายในของท่านอ๋องจะทะลวงขั้นไปได้มากขึ้นหรือไม่ถึงอย่างไร องค์จักรพรรดิเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วในตอนนี้ ใครจะรู้ว่าตอนไหนจะลงมือกับท่านอ๋องถ้าวรยุทธ์ของท่านอ๋องสูงขึ้นอีกหน่อย พวกเขาก็จะยิ่งวางใจฟู่จาวหนิงหยิบยา ใส่ยาลูกกลอนลงไปในยาน้ำกับน้ำยาที่ใช้อาบ"อีกเดี๋ยวท่านก็ลงไปแช่เสีย แล้วข้าจะใช้ยาน้ำมาล้างแผลเป็นพิษบนหน้าท่านเสียหน่อย บวกกับยาที่ท่านดื่มลง
"เจ้าเลิกหัวเราะได้แล้ว มันแย่ลงจริงๆ หรือ?" เซียวหลันยวนวางใจลงไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่ว่าฟู่จาวหนิงจับมือเขาไว้ เขาก็อยากจะยื่นมือมาปิดหน้าตนเองเสียแล้ว"ไม่ใช่! ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย ท่านทำไมถึงคิดมากขนาดนั้นล่ะ? ท่านเข้าใจผิดแล้ว ไม่ได้แย่ลง แต่กลับกันเลย มันดีขึ้นมากกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก เปลี่ยนไปในทางที่ดีสุดๆ!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกยินดีมากจริงๆนางรู้ว่ายาเหล่านั้นน่าจะใช้ได้ตรงจุด น่าจะมีประสิทธิภาพ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีประสิทธิภาพดีขนาดนี้!เดิมทีนางใช้มีดผ่าตัดกำจัดเนื้อร้ายไปแล้ว แต่ว่า ตอนนี้แผลใหม่บนหน้าเซียวหลันยวนกลับตกสะเก็ดขึ้นอย่างชัดเจน ผิวของแผลก็หดลงไม่น้อย ประสิทธิภาพดีเอามากๆ!"จริงหรือ?""จริงสิจริงสิ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าจะหยิบกระจกมาให้ท่านดู"ฟู่จาวหนิงเองก็อยากให้เขาดีใจขึ้นเหมือนกัน ให้เขาหลังจากที่เห็นแล้วมั่นใจขึ้นอีกหน่อย ดังนั้นจึงรีบวิ่งไปหยิบกระจกเข้ามาให้เซียวหลันยวนค่อยๆยกกระจกมาตรงหน้า มองใบหน้าของตนเองโอ้ ตอนที่มองเห็นอันที่จริงก็ยังไม่กล้ามองตรงๆ จริงๆ มันน่าเวทนาจนทนมองไม่ไหว แต่ฝืนข่มจิตใจว่าไม่ต้องมองให้ละเอียดมาก เขาก็มองเห็นจุดต่างขึ้นมาจร
ในจวนองค์ชายสองพระชายาองค์ชายสองโมโหจนไม่ยอมกินอะไรไปหนึ่งวัน ตอนถึงช่วงค่ำก็รู้สึกว่าท้องน้อยห้อยลงมา รู้สึกทรมานมากนางร้อนรนจนทนไม่ไหว ให้องค์ชายสองไปเชิญหมอหลวงมาทันทีหมอหลวงหลังจากจับชีพจรนางแล้วก็กังวลเล็กน้อย"พระชายาองค์ชายสองช่วงนี้ต้องพักผ่อนให้ดีดี ปล่อยให้อารมณ์ดีเสียหน่อย อย่าโกรธหรืออย่าฉุนเฉียว..."คำพูดของหมอหลวงยังไม่ทันพูดจบ พระชายาองค์ชายสองก็โมโหโบกมือ ถ้วยกาน้ำชาบนโต๊ะข้างๆ จนหล่นเครื่องเคลือบเหล่านั้นตกลงพื้นเสียงดังเพล้ง ลอยกระจายเป็นชิ้นๆมีเศษชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งกรีดไปบนข้อมือนาง ปาดจนนางเป็นแผลทันที"อ๊า!"ถึงแม้แผลนั้นจะตื้นมาก แต่พระชายาองค์ชายสองก็ตกตะลึงจนหน้าซีด"นี่ต้องเป็นลางร้าย! จะต้องเป็นลางร้ายแน่ๆ! ท้องข้าไม่ค่อยสบายขึ้นมาก่อน ตอนนี้ยังเลือดออกอีก นี่สวรรค์กำลังเตือนข้าใช่ไหม? ข้าโชคร้ายอยู่สินะ? ลูกของข้า ลูกของข้าจะเป็นอะไรหรือเปล่า?"พอเห็นนางตื่นเต้นหวาดกลัวขนาดนี้ หมอหลวงก็รีบเตือนขึ้นมา"พระชายา ท่านอย่าเพิ่งลนลานสิ ไม่เป็นไรมันไม่เป็นไร แต่ว่านี่เป็นแค่แผลต้นๆ ไม่ถือว่าเลือดออกด้วยซ้ำ...""เจ้าจะไปรู้อะไร!" พระชายาองค์ชายสองร้อง
"จริงหรือ?"พระชายาองค์ชายสองดวงตาเป็นประกาย ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ก็ถือว่าไม่เลวอยู่นะ ถือเป็นหลักประกันไปด้วยตอนนี้นางก็กังวลอยู่ตลอด กลัวว่าจู่ๆ จะไม่สบายตรงไหน กว่าจะเชิญหมอหลวงมาจะไม่ทันการเอา ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งบางจุดที่ไม่สบายก็บอกหมอหลวงไม่ได้ อย่างเช่นตอนนี้ตรงนั้นของนางรู้สึกคันหน่อยๆ พอตอนเช้าตรู่ก็ทนแทบไม่ไหว"มีหมอเทวดาหญิงด้วยหรือ?""มีสิ ก็คนที่หออันดับหนึ่งคนนั้นไง ก่อนหน้านี้ข้าเล่าให้เจ้าฟังแล้วนี่?""ที่ท่านบอกว่าเป็นคนช่วยพ่อครัวใหญ่ ฝีมือมีดร้ายกาย ใช้มีดฉับๆ ไม่กี่ทีก็ฝานเห็ดเชียนเสวี่ยจนเรียบร้อยคนนั้นน่ะหรือ?"ก่อนหน้านางได้ยินองค์ชายสองบรรยายไว้เช่นนี้ ในหัวสมองมีภาพของหญิงสาวกลางคนนิ้วด้านรอบเอวหนาคนหนึ่งผุดขึ้นมาเหมือนกับกำลังพูดถึงแม่ครัว"ใช่ นางคนนั้นเลย"ในสมององค์ชายสองผุดภาพหน้าฟู่จาวหนิงขึ้นมาหลายวันนี้หาไม่เจอเลย เขาฝันก็ยังฝันเห็นฟู่จาวหนิงเลย นี่น่าจะเป็นยิ่งคิดถึงมากก็เก็บไปฝันถึงสินะ"แล้วคุณพานางมาก็ได้""ได้ เจ้าเองก็ทำตามที่หมอหลวงบอก พักผ่อนให้ดี ข้าจะรีบไปหาตัวมา"องค์ชายสองปลอมพระชายาองค์ชายเสร็จ ก็ส่งคนออกไปค้นหาฟู่จาวหนิงต่
สถานที่ที่เสิ่นเสวียนพัก คนนอกน่าจะไม่รู้พวกเขาล้วนไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงถูกเปิดโปงเสิ่นเสวียนเองก็ได้ยินข่าวที่ชิ่งอวิ๋นเซียวส่งเข้ามา รู้ว่าฟู่จาวหนิงน่าจะไม่รู้เรื่องในบ้านของผิงเหอกง จึงเข้ามาบอกนางก่อน"ผิงเหอกงเป็นราชบุตรเขยองค์หญิงใหญ่ เพียงแต่ตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ถือว่าแต่งออกไป บอกกับผิงเหอกงชัดเจนว่าไม่ได้รับเขามาเป็นราชบุตรเขย แต่นางแต่งออกไปเหมือนหญิงสาวธรรมดา นางเองก็คอยปรนนิบัติพ่อแม่สามี ไม่ให้คนนอกเรียกผิงเหอกงว่าราชบุตรเขย แต่ก็ยังเหลือยศผิงเหอกงไว้ให้เขาต่อ ส่วนนางเองก็เป็นฮูหยินผิงเหอกง""รักแท้หรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ในตอนนั้นเหมือนจะใช่อยู่ ทั้งสองคนฮือฮาหวือหวาน่าดู มีเรื่องดีดีลือกันออกมาตั้งหลายปี""หาได้ยาก"เสิ่นเสวียนส่ายหัว "แต่ต่อมาองค์หญิงใหญ่ก็คลอดลูกสาวติดกันถึงสามคน ผิงเหอกงทนการกดดันต่อการสืบเชื้อวงศ์ตระกูลไม่ไหว จึงรับภรรยาผู้น้อยมาอีกหลายคน ในบ้านทะเลาะกันหนักหน่วง องค์หญิงใหญ่เองก็ฝีมือร้ายกาจ ไม่ยอมให้ภรรยาผู้น้อยเหล่านั้นได้ให้กำเนิดลูกชายเลยแม้แต่คนเดียว"ฟู่จาวหนิงถลึงตาอ้าปากค้างคิดว่าเป็นเรื่องราวรักที่สวยงามเสียอีก ใครจะไปคิดว่าตอนจบจะน
"สถานที่นี้ หลายปีก่อนหน้าก็ไม่ได้ปิดบังเขา เขาต้องเคยไปจะต้องไปหาที่บ้านหลังอื่นาาแล้วแน่ๆ ถึงได้มาที่นี่"ตอนนั้นเขาป่วยจนไม่ไหวแล้ว จึงไม่อยากจะปิดบังท่านอารอง เพราะตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าถ้าตนเองป่วยตาย พอแม่กับบ้านตระกูลเสิ่นจากสามารถไหว้วานให้บ้านสอง ให้พวกเขาช่วยคิดหาวิธี ไม่ปล่อยวางเรื่องที่จะช่วยพี่ใหญ่กลับมาแต่ตอนนี้..."จาวหนิงปลอมโฉมเสีย อย่าให้คนจำได้ก็พอ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ถ้าอย่างนั้นให้ข้าพานางหลบไปก่อน""กลัวแค่ว่า..." จะไม่มีประโยชน์ยังไม่ทันพูดว่าไม่มีประโยชน์ ด้านนอกก็มีเสียงเอะอะลอดเข้ามาแล้ว มีคนรีบตรงเข้ามาทางนี้"อาเสวียน! แม่นางฟู่!"เสียงท่านอารองเสิ่นดังลอดเข้ามา เขายังดูร้อนรนมากด้วย จังหวะก้าวทั้งหนักทั้งเร่ง"ท่านผู้เฒ่ารองท่านเข้าไปไม่ได้..." เสียงของไป๋รื่อดังลอดเข้ามาด้านนอก แล้วยังมีเสียงคนอีกหลายคนเตือนขึ้นมา"เขามาถึงแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นท่านอารองเสิ่นนางรู้จัก อายุก็มากแล้ว ร่างกายก็ผอมโซ สีหน้าเองก็ดูไม่ค่อยดี ดูท่าองครักษ์ด้านนอกพอเห็นเขาก็คงไม่กล้าจะขวางจริงๆ หรอกถ้าเผื่อไปกระแทกตรงนั้นตรงนี้เข้าจะทำอย่างไรกัน?ดังนั้นพอความ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ