แต่ว่าผิงเหอกงอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน"ในเมื่อพวกเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าก็จะพูดความจริงล่ะนะ"ผิงเหอกงมองนางอย่างตึงเครียด "หมอเทวดาฟู่ ท่านพูดเถอะ""ในขาของเหอเซี่ยนอัน มีแมลงพิษชอนไชเข้าไป ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเวลาผ่านมากว่าปีครึ่งแล้ว แต่ว่าแมลงพิษเหล่านี้ก็ยังมีชีวิตอยู่ กระทั่งยังวางไข่ในเลือดของเขาด้วยซ้ำ""อะไรนะ?!"เสียงขิงผิงเหอกงพุ่งขึ้นสูง สีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว"แมลง..."เหอเซี่ยนอันหน้าซีด ตาเหลือกเป็นลมไปเรียบร้อยคุณหนูรองเหอมองไปที่ขาของเขา ถอยหลังออกไปด้วยสัญชาตญาณ กระทั่งสำรอกแห้งออกมา"โอ๊ก..."ฟู่จาวหนิงพูดไม่ออกนางยังคิดว่าเหอเซี่ยนอันที่พูดอย่างกล้าหาญจะพอรับไหวอยู่ ใครจะคิดว่าเจ้าเด็กนี่กลับเป็นลมล้มตึงไปแล้วนางมองไปทางผิงเหอกง "พิษของแมลงพิษนี้มีบทบาททำให้เส้นประสาทชา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าผ่านไปนานจะกัดกร่อนกระดูก ทำให้กระดูกกรอบจนหลุดร่อน พอปล่อยไปนานเข้า กระดูกขาของเขาก็จะพังหมดยับเยิน ถึงตอนนั้นสองขาก็จะพิการไปจริงๆ จะช่วยอย่างไรก็ไม่ได้แล้ว"ผิงเหอกงเสียงสั่นเทา"หรือว่า หรือว่าจะเป็นแมลงกระดูกตาย?""ท่านเคยได้ยินมาหรือ?""พวกนักล่าบางส่วนของต้
"หมอเทวดาฟู่ สิ่งนี้คืออะไรหรือ?""ท่อนกระดูกหมูน่ะ" ฟู่จาวหนิงไม่เปลี่ยนสีหน้าผิงเหอกงถลึงตาอ้าปากค้างเขานึกไม่ถึงเลยว่ารักษาโรคจะต้องใช้กระดูกหมู "แล้วบนกระดูกนั่น...""เป็นยาลับที่ข้าทำขึ้นมา มีแรงดึงดูดเจ้าแมลงพิษพวกนั้นอย่างมาก"นางกรีดขาของเหอเซียนอันออกเป็นแผล แล้วมัดกระดูกหมูชุบยาชิ้นนั้นเอาไว้ที่ข้างๆ แผล จากนั้นก็หยิบเข็มเงินออกมา เริ่มปักลงไปบนขาของเหอเซี่ยนอันพอแทงเข็มเหล่านี้ ก็สามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และยังกระตุ้นให้เส้นประสาทตื่นตัวด้วยจากการปักเข็มลงไปไม่น้อยของนาง แมลงพิษที่อยู่ในขาของเหอเซี่ยนอันก็ไม่อาจอยู่นิ่งได้อีกแล้ว จะถูกบีบให้ขยับตัวขั้นตอนนี้เหอเซี่ยนอันต้องรู้สึกแย่มากแน่นอนตอนที่ชอนไช ยาบนกระดูกหมูนั่นก็จะสำแดงบทบาท แผ่กลิ่นประหลาดที่สามารถดึงดูดแมลงพิษออกมาผิงเหอกงกับคุณหนูรองเหอทั้งสองคนล้วนสีหน้าตึงเครียด กำหมัดแน่น จ้องมองบาดแผลแบบทั้งกลัวทั้งเครียดผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวแต่พวกเขาก็เห็นฟู่จาวหนิงยังคงแทงเข็มต่อไปอย่างสงบ จึงกลั้นหายใจรอต่อไปในที่สุด ตำแหน่งปากแผลก็มีจุดสีแดงดำขยับขยุกขยิกขึ้นมาผิงเหอกงเกือบจ
เมื่อครู่ถือโอกาสช่องว่างที่ผิงเหอกงไปพักหายใจ คุณหนูรองเหอเองก็ไปล้างปากพักผ่อน ที่นี่ไม่มีคน นางจึงใช้อุปกรณ์มาแสกนขาของเหอเซี่ยนอัน และพบว่าไม่มีแมลงเป็นอยู่อีกแล้ว นางจึงถอนใจโล่งออกมาถ้าไม่มีอุปกรณ์นี้ นางเองก็ไม่มีวิธียืนยันว่าไม่มีแมลงเหลือรอดอยู่สักตัวแล้วเหมือนกันตอนนี้พอยืนยันได้ก็วางใจพอเสร็จเรื่อนี้ นางก็จะกลับแล้ว"หมอเทวดาฟู่ พรุ่งนี้ท่านต้องมาอีกนะ!" ผิงเหอกงมาส่งฟู่จาวหนิงถึงหน้าประตูด้วยตนเอง โค้งคารวะให้หลายครั้ง กลัวว่าท่าทีจะไม่ดีพอ จนฟู่จาวหนิงไม่กลับมาอีก"ข้าต้องกรรับไปสกัดยาให้ใหม่ พรุ่งนี้ตอนบ่ายจะมาอีกครั้ง""ได้เลยได้เลย"ผิงเหอกงหยิบกล่องใบหนึ่งมาจากมือของคนใช้ข้างๆ ประเคนสองมือให้กับฟู่จาวหนิง "นี่คือน้ำใจส่วนหนึ่งของข้า วันนี้ลำบากหมอเทวดาฟู่เสียแล้ว วางใจเถิด เรื่องค่ารักษาถึงเวลาข้าจะมอบให้แน่นอน""นี่คืออะไรหรือ?" ไม่ใช่ค่ารักษาหรอกหรือ?"ลูกเขยคนโตที่ไม่ได้เรื่องของข้าคนนั้นประจำการอยู่ที่เมืองหมาน ทางนั้นมีวัตถุดิบยาบางส่วนที่เมืองหลวงจักรพรรดิทางนี้ไม่มี บอกว่าให้เอาไว้ต้มดื่ม ดีต่อสตรีเพศ พวกเราเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ท่านเป็นหมอเทวดา สู้
เสิ่นเสวียนพอได้ยินคำพูดฟู่จาวหนิงก็ชะงักตะลึงไป"นั่นน่าจะเป็นชุดใหม่ที่ส่งไปประจำการเมื่อครึ่งปีก่อน ช่วงครึ่งปีนี้เพราะอาการป่วยของไท่ไท่อาวุโส แม้ข้าจะรู้ว่าคนที่ประจำการเมืองหมานเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปหาข้อมูลอย่างละเอียด"เรื่องนี้ภายหลังเขาเองก็จะไปจัดการเช่นกันแต่เขาก็คิดไม่ถึง ว่าเขายังไม่ทันจะได้ลงมือ ฟู่จาวหนิงทางนี้ก็เหมือนจะหาเส้นสายได้อย่างบังเอิญเข้าเสียแล้วแม่ทัพคนใหม่ที่ส่งไปประจำการยังเมืองหมาน กลับเป็นพี่เขยใหญ่ของเหอเซี่ยนอันเรื่องนี้มีเรื่องบังเอิญแบบนี้ด้วยหรือ?สายตาที่มองฟู่จาวหนิงของผู้อาวุโสจี้ยิ่งเปล่งประกาย"เมื่อครู่ก็พูดอยู่ ว่าโชคของศิษย์รักของข้าดีมากเป็นพิเศษ เป็นคนที่มีโชควาสนา! พวกเจ้าดูเอาก็แล้วกัน แค่อยู่กับนางก็ได้รับโชคติดมาตามตัวแล้วใช่ไหมล่ะ?"นางไปรักษาเหอเซี่ยนอัน ก็ทำให้ได้เถาอมแสงมาให้เซียวหลันยวน สำคัญอย่างมากสำหรับเซียวหลันยวนตอนนี้ แผลเป็นบนหน้าเขาเองก็จะหายเร็วขึ้นด้วยส่วนเสิ่นเสวียนทางนี้ แม้เขาจะไม่รู้ว่าอะไรที่เมืองหมานนั่นใช้อย่างไร แต่ตอนนี้พอฟังแล้ว ก็เหมือนสามารถใช้เส้นสายอย่างเหอเซี่ยนอันได้พอดีเสิ่นเสวียนเองก็
ฟู่จาวหนิงเขย่งปลายเท้ากระซิบข้างหูเขาเช่นนี้ ทำเอาใจเซียวหลันยวนร้อนวูบวาบขึ้นทันทีนี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่จาวหนิงพูดแสดงความรู้สึกออกมาเช่นนี้ใช่ไหม?จะไม่เอาเขาไปวางไว้ด้านหลังคนอื่น หรือก็คือ ทุกเรื่องคือทำเพื่อเขาก่อนอย่างนั้นสินะ?"หนิงหนิง..."เขากุมมือฟู่จาวหนิงตอนนี้เอง มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งเข้ามา"นายท่าน คุณหนูจาวหนิง แขกสองคนนั้นจู่ๆ ก็ปวดหัวขึ้นมา พวกท่านรีบไปดูเถิด"ประโยคนี้ตัดบทความคิดที่พุ่งขึ้นมาของเซียวหลันยวนทันที เขาใจเย็นลงมาเรียบร้อยเมื่อครู่เขาซึ้งใจจนเกือบจะจูบฟู่จาวหนิงต่อหน้าท่านลุงกับผู้อาวุโสจี้ไปเสียแล้วใจของเสิ่นเสวียนกับฟู่จาวหนิงสั่นกึกขึ้นมาเพราะสาวใช้คนนี้รับผิดชอบส่งข้าวส่งน้ำให้กับฟู่จิ้นเชินและเสิ่นเชี่ยว ตอนนี้เป็นเวลาส่งกับข้าวให้พวกเขาพอดีดังนั้นแขกสองคนที่ว่าจึงเป็นพวกเขาแน่นอน"ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ อายวน สิ่งนี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน" ฟู่จาวหนิงส่งกล่องเถาอมแสงให้เซียวหลันยวน ยกชายกระโปรงแล้ววิ่งไปยังจุดที่อยู่พวกเขาอยู่ร่างกายของสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินและเสิ่นเชี่ยวนั้นแย่มากจริงๆร่างกายของพวกเขาสองคนเหมือนเปลือกร่างอ่อนแอที่ใช้พลังงานไ
ผู้อาวุโสจี้ตกตะลึงไปแล้ว"จาวหนิงใช้สองมือจับชีพจรพร้อมกันได้ด้วยหรื?"นี่มันหนึ่งใช้ใช้สองทางเลยนะเสิ่นเสวียนเก็บสายตาลง "ข้าเองก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก"ดูท่าพวกเขาจะยังไม่เห็นความสามารถทั้งหมดของฟู่จาวหนิงนี่ไม่ใช่สิ่งที่หมอทั่วไปจะทำได้ฟู่จาวหนิงไม่มีเวลา เพราะฟู่จิ้นเชินแม้เขาจะให้นางไปช่วยเสิ่นเชี่ยว แต่จากที่นางเห็น พวกเขาสามีภรรยาตอนนี้วิกฤตพอๆ กันเซียวหลันยวนให้สืออีสือซานเข้ามา เสี่ยวชิ่นเองก็ตามเข้ามาแล้วพวกเขาล้วนรออยู่ด้านนอก รอให้ฟู่จาวหนิงเรียกแล้วค่อยเข้าช่วยเหลือฟู่จาวหนิงหลังจากจับชีพจรสีหน้าก็ขรึมลงเล็กน้อยเสิ่นเสวียนคอยสังเกตสีหน้านางตลอด พอเห็นเช่นนี้ใจก็ขรึมลงเช่นกัน"เสี่ยวชิ่น หยิบกล่องยาของข้ามา""เจ้าค่ะ"ช่วงนี้ที่เสี่ยวชิ่นติดตามฟู่จาวหนิง ทำงานได้คล่องแคล่วขึ้นเยอะ และส่วนใหญ่คือตามจังหวะของนางทันแล้ว หลังจากหอกล่องยาเข้ามาก็วางไว้ข้างเตียงแล้วเปิดออก หยิบกระเป๋าเข็มออกมาเปิด"สืออีสือซาน""ขอรับ""ยกแคร่นิ่มเข้ามา วางไว้ข้างเตียง จัดเขาให้นอนบนแคร่นิ่ม""ขอรับ!" สืออีกับสือซานเองก็รีบเข้ามา รับคำสั่งแล้วทำตามแคร่นิ่มถูกย้ายมาหน้าเต
ถ้าจะบอกว่ากังวล ก็มีอยู่จุดเดียว"คนเป็นอย่างไรบ้าง?" เขาถามขึ้นเสิ่นเสวียนมองเขา "ดูไม่ค่อยดี สลบไปกันหมดแล้ว จาวหนิงกำลังรักษาอยู่ด้านใน"เซียวหลันยวนนิ่งงันไปเดิมทีเขาคิดจะพูดอะไรที่น่าฟังหน่อย อย่างเช่น "จาวหนิงจะรักษาพวกเขาได้" แต่คำพูดก็ติดอยู่ที่มุมปากไม่ยอมพูดออกมาเสิ่นเสวียนก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ"บนตัวพวกเขามีความลับมากมายจริงๆ""อืม" เซียวหลันยวนขานรับคำหนึ่ง ยืนรอที่นี่พร้อมกับพวกเขา"อ๋องเจวี้ยน ไม่ว่าจะอย่างไร คนก็ต้องช่วยกลับมาก่อน ความจริงใจอดีตจึงจะตรวจสอบได้ชัดเจน" ผู้อาวุโสจี้เตือนเสียงต่ำขึ้นมาคำหนึ่งเขายังคิดว่าเซียวหลันยวนอาจจะกำลังคิด ว่าสองคนนี้ถือเป็นศัตรูคู่แค้นเขา รักษาไม่ได้ก็ช่างปะไรเซียวหลันยวนชะงักไปครู่หนึ่ง ตอบกลับมา "ข้ากำลังคิด ว่าหนิงหนิงหลังจากกลับมายังไม่ได้ดื่มน้ำเลย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ได้กินข้าวด้วย"นางตอนนี้คงทั้งกระหายทั้งหิวทั้งเหนื่อย ถึงอย่างไรเดิมทีก็เพิ่งจะไปรักษาเหอเซี่ยนอันกลับมานี่นาคำพูดนี้ของเขาทำให้เสิ่นเสวียนอดหันมองเขาไม่ได้"ตอนนี้เจ้ากำลังเป็นห่วงจาวหนิงว่าจะหิวหรือ?""ใช่แล้ว"เรื่องอื่นเขาไม่คิดเลยสำห
เซียวหลันยวนได้ยินการเคลื่อนไหวและลมหายใจด้านในอีกครั้งแล้วราวกับห้องเงียบว่างจู่ๆ ก็มีคนโผล่ออกมาความรู้สึกนี้แปลกประหลาดเกินไป เห็นๆ อยู่ว่าจาวหนิงกับสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินก็อยู่ข้างในมาตลอด"ข้าแค่รอจนร้อนใจน่ะ"เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นช้าๆ ท่ามกลางสายตาสอบถอมของเสิ่นเสวียนเสิ่นเสวียนไม่ถามอะไรอีกฟู่จาวหนิงมองผลการตรวจ สีหน้าปั้นยากขึ้นมาการตรวจสอบก่อนหน้านี้พลาดไปแล้วครั้งนี้ใช้เครื่องมือ ในที่สุดจึงพบว่าส่วนสมองของฟู่จิ้นเชินกับเสิ่นเชี่ยวล้วนมีสิ่งของแปลกประหลาดอยู่ชิ้นหนึ่งยาวประมาณครึ่งนิ้ว หนากว่าเข็มฝังของนางหลายเท่ามองไม่ออกชั่วคราวว่าเป็นอะไรแต่ตรงจุดนั้นคือพื้นที่ความทรงจำ นางตอนนี้สงสัยขึ้นมาแล้ว ที่ความทรงจำของทั้งสองคนสับสนอาจจะเกี่ยวข้องกับของสิ่งนี้ต้องเอามันออกมาฟู่จาวหนิงจัดการพวกเขาจนเรียบร้อย ตอนนี้จึงให้สืออีกับสือซานเปิดประตู"ท่านลุง!"เสิ่นเสวียนได้ยินนางตะโกน รีบสาวเท้าก้าวใหญ่ทันที"เป็นอย่างไรบ้าง" ใจของเขาเองก็แขวนขึ้นมาแล้ว กลัวฟู่จาวหนิงจะบอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว"หนิงหนิง ข้าเข้าไปได้ไหม?" เซียวหลันยวนถามขึ้นนอกประตูถึงอย่างไรความสั
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ