ฟู่จาวหนิงเปลี่ยนยาให้เซียวหลันยวนครั้งนี้พอเห็นแผลเป็นบนหน้าเขาอีกครั้ง ฟู่จาวหนิงก็หัวเราะมีเสียงขึ้นมาแล้ว"เซียวหลันยวน ประสิทธิภาพยานั่นดีเอามากๆ เลย! แผลเป็นเล็กลงมามากแล้ว!"พอได้ยินความตื่นเต้นในน้ำเสียงนาง อารมณ์ของเซียวหลันยวนก็เบิกบานขึ้นมาเขามองออกถึงประกายที่เจิดจ้าในดวงตานาง"ใบหน้าข้าจะดีขึ้นได้หรือ?""ข้าคิดว่าได้!""เจ้าดีใจขนาดนี้เชียว?""แน่นอนสิ" ฟู่จาวหนิงพยักหน้า ทายาให้เขาอย่างละเอียดพลางพูดขึ้นว่า "ถึงแม้ไม่ว่าหน้ของนานจะฟื้นฟูได้หรือไม่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับข้า แต่มันส่งผลกับท่านี่ ท่านเองก็ไม่ลองคิดถึงท่าทีก่อนหน้านี้ของท่านดูล่ะ"เซียวหลันยวนในตอนนั้นก็สุนัขเสียเหลือเกิน นางแค่คิดก็โมโหแล้วโชคดีที่เขาคิดออก ไม่เช่นนั้นถ้าเขายังทำตัวน่ารำคาญต่อไป พวกเขาคงได้แยกทางกันแน่นอนนางไม่รังเกียจใบหน้าเขา แต่ว่ารังเกียจท่าทีพังทลายของเขา ที่เอาแต่คิดจะผลักไสนางจะผลักไสก็ไม่ให้มันเด็ดขาด มาอิดๆ ออดๆ ทำเอาคนอึดอัดสายตาเซียวหลันยวนตกอยู่บนหน้านางตลอด "หลังจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว"ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนเป็นเช่นไร เขาก็จะไม่ให้นางห่างกายอีก นางเป็นของเขา เขาไม่อ
เหอเซ๊่ยนอันตอนนี้จึงค่อยๆ ปล่อยมือเขายืนนิ่ง ไม่ล้มลงแล้วเหอเซี่ยนอันเงยหน้ามองฟู่จาวหนิง"ข้า ข้ายืนได้แล้ว?"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า "ใช่แล้ว""ท่านพ่อ! ท่านแม่! พี่หญิงรอง!" เหอเซี่ยนอันตื่นเต้นดีใจร้องเรียกขึ้นมา "พวกท่านเห็นไหม? ข้ายืนได้แล้ว!""โฮ!"องค์หญิงใหญ่ร้องไห้ออกมาทันทีผิงเหอกงเองก็ตาชื้น ออกแรงพยักหน้า"่น้องชาย ขาของเจ้าดีแล้วจริงๆ!" คุณหนูรองเหอเองก็ตื่นเต้นยินดี กระโดดเหยงขึ้นมา"ลองเดินดูสักสองสามก้าว"ฟู่จาวหนิงบอกกับเหอเซี่ยนอันเหอเซี่ยนอันก็ค่อยๆ ขยับเดินอย่างระมัดระวังนอกจากจะมีอาการชาหน่อยๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก เขาเดินได้อีกครั้งแล้ว!"เจ้าไม่ได้เดินมานานมาก ต้องปรับตัวอีกหลายวัน ช่วงนี้ทุกวันก็ลุกออกมาเดินช้าๆด้วยล่ะ ค่อยๆ เพิ่มจำนวนก้าว พอปรับตัวได้ค่อยเพิ่มความเร็ว ไปทีละขั้นๆ""ขอรับ ข้าจะฟังท่าน!"เหอเซี่ยนอันทั้งร้องไห้ทั้งร้องตะโกน ขาของเขาไม่พิการแล้ว มันกลับมาดีแล้ว!รองผู้บัญชาการหลินกับนายท่านหลิวพอได้ยินข่าว ก็มาดูเหอเซี่ยนอันที่จวนผิงเหอกงด้วยเช่นกันพอเห็นว่าเขาเดินได้แล้วจริง พวกเขาก็ส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้"พวกเขาต้องของคุณผิง
"ผิงเหอกงรู้ว่าไหมว่าหมอเทวดาฟู่อยู่กับใคร?""คุณชายสวมหน้ากากนั่นน่ะหรือ?"หลายวันนี้ เซียวหลันยวนจะมารับฟู่จาวหนิงอยู่ทุกวัน แต่ทุกวันก็สวมหน้ากาก เขาจึงไม่เคยเห็นใบหน้าจริงๆ ของอีกฝ่ายมาก่อนเลย แต่ก็รู้ว่าวรยุทธของเขาลึกล้ำมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังคอยปกป้องฟู่จาวหนิงด้วยพวกกเขาล้วนจูงมือกันตลอด นั่นแสดงว่าเป็นสามีของฟู่จาวหนิง"ไม่ได้หมายถึงเขา""แล้วหมายถึงใครล่ะ? พ่อครัวเลื่องชื่อตู้หรือ? นางเป็นหลานของผู้อาวุโสตู้ เรื่องนี้ข้ารู้""ไม่ใช่ผู้อาวุโสตู้ด้วย""แล้วท่านพูดถึงใครกันล่ะนั่น? พูดมาตรงๆ เลย! อย่าวกไปวนมา" ผิงเหอกงเหลืออดหน่อยๆ"เสิ่นเสวียน!"รองผู้บัญชาการหลินพูดออกมาตรงๆ"เสิ่นเสวียน นางเรียกว่าท่านลุง! แม้จะไม่รู้ว่าเป็นลุงหลานแท้ๆ หรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็มีความสัมพันธ์ระดับนี้อยู่ แล้วข้าก็ได้ยินข่าวเมืองหมานทางนั้นด้วย เมืองหมานทางนั้นมีเหมืองแร่หิน ช่วงนี้ได้ยินว่าส่งหินชุดหนึ่งออกไป เป็นภารกิจที่หนักหนามาก"ผิงเหอกงขมวดคิ้วรองผู้บัญชาการหลินพูดต่อ "ดังนั้น ทางนั้นก็จะส่งนักโทษไปยังเหมืองแร่หิน ให้พวกเขาขนย้ายก้อนหินแร่ ท่านก็รู้อยู่ ว่างานหนักขนาดนั้น ถ้า
"ไม่มี ไม่มีแล้วจริงๆ"นายท่านหลิวรีบโบกไม้โบกมือ "ข้าเองก็กลัวไหม? ดังนั้นทุกคนในบ้านจึงตรวจสอบกันอย่างละเอียด มีแค่คนนั้นล่ะที่มีปัญหา""เขาเป็นใครท่านตรวจสอบดีแล้วหรือยัง? เป้าหมายที่แฝงมาอยู่ในบ้านของท่านตรวจสอบแล้วหรือยัง?" ผิงเหอกงถามขึ้นอีก"ยังตรวจสอบไม่ได้ กำลังตรวจสอบต่ออยู่...""ท่านต้องระวังหน่อยนะ"ผิงเหอกงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่หลังจากวันนั้น เขาก็ตรวจสอบเข้มในบ้าน ตรวจกันจนแทบจะคว่ำบ้านเลยทีเดียวรองผู้บัญชาการหลินเองก็ด้วย ทุกคนกลัวกันหมดใครเองก็ไม่รู้ว่าสายลับทำไมจึงแฝงเข้ามาในบ้านตระกูลหลิว คิดจะทำอะไร ใครจะรู้ว่ายังมีคนจะแฝงเข้ามาในบ้านพวกเขาอีกไหม เฝ้ารอพริบตาที่จะพุ่งออกมาแล้วเอามีดแทงหลัง"ตอนนี้กลับมาเรื่องของบ้านตระกูลเสิ่นก่อน ท่าทีของฝ่าบาทคือคิดจะทรมารเสิ่นฉยง เรื่องนี้จะต้องไปอยู่กับลูกเขยคนโตของท่านแน่" รองผู้บัญชาการหลินมองผิงเหอกง "แต่ว่าตอนนี้หมอเทวดาฟู่กับมีความสัมพันธ์กับบ้านตระกูลเสิ่น ผิงเหอกง ท่านลองดูแล้วกันว่าจะทำอย่างไร"เรื่องนี้ พวกเขาเองก็อยากจะช่วยหมอเทวดาฟู่อยู่นายท่านหลินพยักหน้า "ถูกต้อง พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนบุญคุณหมอเทวดาฟ
เสิ่นเสวียนกับเซียวหลันยวนกำลังลงหมากกันฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เวลานี้แล้ว พวกเขาสองคนยังมีเวลาว่างมานั่งเล่นหมากรุกอีกหรือ?"ท่านลุง ข้าคิดว่าพวกท่านจะยุ่งกันแทบจะไม่มีเวลากินข้าวเสียอีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ไม่ขนาดนั้น" เสิ่นเสวียนยิ้มๆ"สองวันก่อนงานอวยพรใหญ่ขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น ท่านปฏิเสธจักรพรรดิต้าชื่อไปเช่นนั้น ท่านไม่มีแผนรับมือภายหลังเลยหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นเดิมทีงานอวยพรใหญ่เองนางก็อยากจะไปดู แต่มีคนไข้หนักอย่างหลินต๋ากับหลิวเกาไหลสองคนติดตัวอยู่ แล้วยังมีเหอเซี่ยนอันอีก นางไปไหนไม่ได้จริงๆ"กำลังรอแผนรับมือภายหลังของเขาอยู่น่ะ ก่อนหน้านั้นก็เหมือนจะพอมีเวลาให้หย่อนใจได้บ้าง" เสิ่นเสวียนตอนนี้ยังมีอารมณ์มาล้อเล่นอยู่ "ถึงอย่างไรฝ่าบาทเองก็ต้องคิดให้ดี ว่าควรจะใช้วิธีการไหนกับตระกูลเสิ่นของพวกเรา"เซียวหลันยวนลุกขึ้นไปหยิบผ้าเปียกจากถังน้ำข้างๆ มาบิด แล้วเช็ดมือให้ฟู่จาวหนิงอย่างละเอียดละออหลายวันนี้หลังจากนางกลับมา เขาก็จะทำงานละเอียดเช่นนี้ให้เช็ดมือให้นาง เทน้ำให้นางฟู่จาวหนิงตอนแรกก็ไม่ค่อยชิน แต่ไม่กี่วันนางก็ชินเสียแล้ว ควา
ฟู่จาวหนิงคิดๆ "เข้านั้นข้าก็ต้องทำยาล้างปอดกับบรรเทาอาการเจ็บคอให้เขาหน่อย วัตถุดิบยาที่อาจารย์ให้มาก็ได้ใช้พอดีเลย""เจ้าไปสกัดยาเถอะ ข้าจะไปหยิบของว่างมาให้เจ้า""ดีเลย"เซียวหลันยวนเดินออกไป หลานหรงก็แวบตัวออกไปเช่นกัน"ท่านอ๋อ ท่านหูมาขอพบ""เขายังไม่ออกจากเมืองหลวงอีกหรือ?""ยังขอรับ""เขาอยู่ที่ไหน?""อยู่ที่หออันดับหนึ่ง" หลานหรงคิดๆ แล้วพูดว่า "ท่านหูเหมือนจะไปพบกับองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาแล้ว นอกจากนั้นยังหาตัวคนหนึ่งพบ และคนคนนั้นเป็นไปได้มากว่าอาจจะเป็นรุ่นหลังของนางกำนัลแคว้นตงฉิง"รุ่นหลังของนางกำนัลแคว้นตงฉิง?เซียวหลันยวนตกตะลึงไป"ให้เขาเปลี่ยนสถานที่"เปลี่ยนสถานที่?"ไม่ไปที่หออันดับหนึ่ง"เจ้าของหออันดับหนึ่งในเมื่อไม่จริงใจแล้ว เขาเองก็จะไม่ไปอีก"ขอรับ"เซียวหลันยวนหยิบของว่างเข้ามา ฟู่จาวหนิงยังกำลังสกัดยาอยู่เขาหยิบชิ้นหนึ่งส่งไปมุมปากนาง "อ้าปากสิ"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินคำสั่งก็ทำตาม อ้าปากขึ้นมากัดคำหนึ่ง "ขนมถั่วแดงหรือ? หวานจัง""ใส่น้ำตาลดอกกุ้ยลงไปด้วย พ่อครัวของสวนคะนึงนี้ไม่เลวเลย"ฟู่จาวหนิงพยักหน้า การเคลื่อนไหวที่มือยังไม่หยุด นางกำลังฝา
เสิ่นเสวียนมองของที่ฟู่จาวหนิงส่งเข้ามา อดกุมหน้าผากไม่ได้"เตรียมไว้เยอะขนาดนี้เชียว?"สิ่งที่ฟู่จาวหนิงส่งเข้ามาเป็นห่อขนาดใหญ่ ด้านในใส่ยาเอาไว้เต็มพิกัด"ข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านลุงคนโตทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่เตรียมตัวไว้ก็ไม่เสียหลาย ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสส่งของไปได้ แน่นนอนว่าต้องนำไปมากหน่อย"ฟู่จาวหนิงกระทั่งรู้สึกยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่ช่วงนี้นางยุ่งมาก คงจะสกัดยาได้มากกว่านี้เพื่อส่งไปแล้วแต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจว่าผิงเหอกงจะยอมช่วยไหม"ลุงคนโตของเจ้าถ้าได้ของแล้วกลัวว่าจะมึนไปหมดนี่สิ""วัตถุดิบยาในนี้ข้าเขียนชื่อกับวิธีใช้พร้อมปริมาณไว้แล้ว ลุงคนโตพอเห็นก็น่าจะรู้ว่าใช้อย่างไร และยังมียาคุ้มครองหัวใจกับลูกกลอนล้างปอดด้วย สองอย่างนี้ไม่ว่าจะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องก็สามารถให้ท่านลุงคนโตกินก่อนได้เลย"แค่ยาคุ้มครองหัวใจ ถ้าออกมาจากมือของฟู่จาวหนิง ก็ถือว่ามูลค่าไม่ธรรมดาแล้วแล้วห่อยาใหญ่ขนาดนี้ อัดแน่นแบบนี้ ราคาแพงมหาศาลเลยทีเดียวเสิ่นเสวียนให้คนรับ "รอท่านลุงคนโตของเจ้ากลับมาก่อน จะต้องให้เขามาขอบคุณเจ้าดีดี"เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องพูดเยอะแล้วเสิ่นเสวียนให้ค
ฟู่จาวหนิงตามออกไปทันที นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นต่อหนังสือของบ้านตระกูลเสิ่นมากเสิ่นเสวียนพานาเดินทะลุส่วนออกมา จนถึงเบื้องหน้าภูเขาจำลองลูกหนึ่ง ยื่นไปตบๆ เขาจำลองนั้นสองสามี จากนั้นก็ลงไปในบางจุดฟู่จาวหนิงเบิกตาโพลง หนังสือคงไม่ได้อยู่ในคลังใต้ดินหรอกใช่ไหม?ภูเขาจำลองเปิดออกไปซ้ายขวา เผยให้เห็นประตูลับบานหนึ่งบนประตูมีกลอนลงไว้ เสิ่นเสวียนหยิบตราหยกชิ้นหนึ่งออกมาใส่ลงไปประตูลับเปิดออก เสิ่นเสวียนก้มหน้าดินลงไปก่อนลึกลับขนาดนี้เชียวหรือ?ฟู่จาวหนิงตามเข้าไป ประตูกับภูเขาจำลองก็ปิดลงมาอีกครั้ง ด้านนอกมองไม่เห็นเลยว่าภูเขาจำลองนี้จะสามารถแยกออกซ้ายขวาได้เช่นนี้จางเดิมทีคิดว่าประตูลับจะตรงไปยังคลังลับใต้ดิน หนังสือคงอยู่ในคลังลับนั้น คิดไม่ถึงว่าพอเข้ามาจะเป็นอุโมงค์ยาว บนพื้นยังปูด้วยรางไม้ บนรางไม้มีรถไม้มีที่นั่งซ้ายขวาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษอยู่คันหนึ่งแค่รถไม้นี้ก็ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกตกตะลึงได้แล้ว"ขึ้นมาสิ"เสิ่นเสวียนนั่งลงที่ด้านหนึ่ง ยื่นมือดึงฟู่จาวหนิงไปนั่งอีกด้านหนึ่ง"ท่านลุง สิ่งนี้เคลื่อนไหวได้ด้วยอะไรน่ะ?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกประหลาดใจ และแปลกใหม่มากนี่มัน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ